เที่ยวฮ่องกง ย่าน Mong Kok
- ทำไมคุณบูยืนขาชิด แล้วเรายืนขาแยก??
ทริปวันนี้ใช้เวลา 11.00 - 21.00 น. 11.00 Hokkaido Dairy Farm (สาขาใกล้บ้าน) 12.00 Nan Lian Garden, Chi Lin Nunnery (Diamond Hill Station) 13.30 Sik Sik Yuen Tai Sin Temple (Wong Tai Sin Station) 14.30 Sham Shui Po Markets - - กิน Yunnan Noodle เป็นอาหารมื้อบ่ายต้น 16.30 Flowers Market, Bird Park, Goldfirsh Market เดินไปจนถึงสถานี Mong Kok 18.00 Temple St. Market (Jordan Station), Yau Ma Tei fruit Market, Kowloon Park, The One dept. 21.00 กินมื้อดึกที่ Roll & Mari แถว Korean Town แต่ละที่เราไม่ได้รีบเร่งอะไร สถานที่แต่ละแห่งอยู่ย่านเดียวกัน ใช้เวลาเดินทางไม่มาก ทำให้เที่ยวได้แยะ
11.00 น. กินอาหารเช้าที่ Hokkaido's Dairy Farm ร้านนี้เป็นร้านแบบ "ฉ่าชันเท้ง" หรือสภากาแฟยามเช้าของคนฮ่องกง ซึ่งเสิร์ฟพวก โบ่โหลเปา หรือขนมปังสับปะรด (ลักษณะข้างบนมันคล้ายๆ สับปะรด) ไข่ดาว หมูแฮม ไส้กรอก มะกะโรนีในซุปไก่ เส้นหมี่ใส่เนื้อสแปมอะไรแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมตะวันตก ที่ถูกผสมผสานจนกลายเป็นเรื่องสามัญ สิ่งที่ทำให้ร้านนี้ต่างจาก ฉ่าชันเท้ง อื่นๆ ก็คือเขาจะใช้นมฮอกไกโด มาชงชา/กาแฟ ทำให้ได้ความละมุนละไมอีกระดับ และพนักงานส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่มาทำงานพิเศษ เลยพูดภาษาอังกฤกษได้ การสื่อสารไม่ลำบากอย่างร้านโลคัลแห่งอื่นๆ สมัยก่อนตอนสาขาไม่ยุบยั่บเท่านี้ เวลาจะกินแต่ละทีต้องต่อคิวหน้าร้าน ถ้าใครมาแถวคอสเวย์ ร้านจะอยู่ในตึก Hyson Place ชั้น 12 ส่วนสาขาอื่นเช็กได้จากลิงก์นี้ //www.hokkaidodairyfarm.com/locations
- วิธีหม่ำตามวิถีคนฮองกี้ ก็คือเอาตักไข่คนบางส่วน มาใส่ในซุปมะกะโรนีด้วย และเหลืออีกส่วนไว้กินกับขนมปัง ขนมปังนี้เค้าจะทามายองเนสมาให้แล้ว ส่วนซุปมะกะโรนีถ้าจืดไป เราจะใส่พริกไท และน้ำมันงาเพิ่มก็ได้
- คุณบูสั่งวาฟเฟิล ทาพีนัตบัตเตอร์ โรยด้วยนมข้น คงไม่ต้องพรรณา ว่าแคลลอรี่พลังสูงแค่ไหน ที่นี่ใช้พีนัทบัตเตอร์แบบบดหยาบ ทำให้เราได้เคี้ยวถั่วเม็ดๆ ด้วย อร่อยดีจริงๆ
- เรามาทีไรมักสั่งเซ็ตที่มีไข่คน เพราะไข่ "นุ่มมว้ากก!" จริงๆ นะ มันฟลัฟฟี่ดึ๋งดั๋งสุดๆ เคยกินฉ่าชันเท้งมาหลายร้าน ร้านนี้ทำไข่ได้นุ่มถูกใจที่สุดละ
12.00 Nan Lian Garden และสำนักแม่ชี Chi Lin Nunnery สถานี Diamond Hill Station Exit C2 เดิน 3-5 นาที แม้บ้านช่องของคนฮ่องกงจะแออัดแค่ไหน แต่สวนที่นี่กว้างขวาง ตกแต่งตามแบบสมัยราชวงศ์ถังได้สวยจัด เดินเข้าไปแล้ว แหม้...มันหายใจได้เต็มปอดจริงๆ บูถึงกับเปรยว่า อา...นี่มันเขาเหลียงซานในฮ่องกงนิ่ ตัวสวนมีตำหนักแดงสวยสดเป็นนางเอก (แต่ตอนเราไปปิดซ่อมบำรุง) มีทางเดินล้อมกรอบด้วยต้นสน น่าชวนคนรักมาเดินจูงมือลันลา เดินไปเดินมาเจอบ่อปลาคาร์ฟตัวเบ้อเลิ่มอยู่หน้าตำหนักสีน้ำตาลแดง ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเมืองจีนสมัยโบราณอย่างบอกไม่ถูก แต่พอหันไปมองด้านข้างพบว่าเป็นฝรั่ง เออ...ยังอยู่ยุคปัจจุบันก็ด้ะ ... ที่นี่เขามีร้านอาหาร vegetarian อยู่ด้านหลังม่านน้ำตกด้วย ตอนเดินผ่านเห็นคนกินแยะเลย ท่าทางจะดี ขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็มี Tea House ซึ่งก็คือตำหนักสีน้ำตาลแดงริมบ่อปลาคาร์ฟที่เห็นเมื่อกี๊นั่นแหละ เค้าอนุญาตเฉพาะคนที่จะดื่มชาเท่านั้น คนทั่วไปห้ามเข้า ด้วยความที่เราสองคนอยากชิลล์เลยเข้าไป และพบว่าด้านในชิลล์เริดสมใจ ความเซนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง มันช่างเงียบสงบนักหนา เพราะว่า...มีแค่เราสองคนเป็นลูกค้า อ่าม.... - -" ตอนแรกไม่เอะใจหรอก ตอนหลังถึงรู้ว่าทำไมคนไม่ค่อยเข้ามากัน เพราะที่นี่มีกฎเยอะแยะจนบางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ตูจะมานั่งดื่มชา ไม่ได้มาจารกรรมสมบัติชาตินะ(โว้ย!) กฎที่ว่าคือ 1.ต้องปิดเสียงมือถือ 2. ห้ามถ่ายรูป 3. ห้ามคุยเสียงดัง 4. ต้องสั่งชาคนละที่ ห้ามสั่งที่เดียวมาแบ่งกัน ราคาชาจีน 6 กรัม/ที่ ราคาเริ่มต้นราว 550 บาทเป็นต้นไปจนถึง 1000 กว่าบาท (เช็กราคาชาแต่ละประเภทที่ป้ายด้านหน้าก่อนเข้าตำหนักได้นะคะ เค้าปักบอกไว้) แม้จะเคืองพนักงานที่ระแวดระวัง เหมือนกลัวฉันจะขโมยปั้นชากลับบ้าน หรือหยิบกล้องมาแอบถ่าย แต่ก็ยอมรับว่าระบบน้ำ เตา และอื่นๆ ที่เค้าวางไว้ดีมาก พนักงานอธิบายดี ทำให้เราชงชาแบบจีนดั้งเดิมได้เอง verdict: มารยาทพนักงาน ทำให้เราไม่อยากจะเหยียบเท้าเข้าไปใน Tea House อันศักดิ์สิทธิ์นี้อีก จากสวน จะมีสะพานหินข้ามถนน เชื่อมต่อไปยัง สำนักแม่ชี Chi Lin Nunnery ได้เลย ที่นี่สวยมาก ยิ่งมองเลยไปทางด้านหลังๆ จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปเขาเหลียงซานจริงๆ เพราะฉากหลังคือภูเขาทั้งลูก (แต่อย่ามองเลยภูเขาไปนะ เพราะจะเห็นคอนโดแท่งสูงปรี๊ดดดด ขัดลูกกะตาม๊ากส์!) พวกเราก็เดินไหว้พระไปทีละห้องๆ และพบว่ายังมีเทพอีกหลายองค์ที่เรายังไม่รู้จัก
- จากสถานี Diamond Hill ไปสวนและสำนักชี เดิน exit C2 แล้วเลี้ยวซ้ายไปจนถึงแยก ให้ข้ามไปทางขวา เพื่อเข้าสวน จากนั้นเดินต่อไปสำนักชีได้ทันที
- ภาพสวนโดยรวม ลงทุนจ้างเฮลิคอปเตอร์ถ่ายจากมุมสูง เอ้ย ไม่ใช่ ถ่ายมาจากบอร์ดในสวนนั่นแหละ
- บรรยากาศภายในสวน
- เดินตามทางไปเรื่อยๆ วันนี้ฟ้าหม่นมาก ที่ฮ่องกงมีประกาศไต้ฝุ่นระดับ 1 ด้วย สองคนนี้ก็ยังท่อมๆ ออกจากบ้าน
- ตำหนักซึ่งเป็น Tea House ทางด้านซ้าย ด้านหน้าคือบ่อปลาคาร์ฟ (ตัวใหญ่มากๆ ตกไปอาจโดนมันกินได้)
- ด้านหลังม่านน้ำตกคือร้านอาหารมังสวิรัติ คนกินกันแน่นเลย
- อีกด้านหนึ่งของบ่อปลาคาร์ฟ
- แล้วพวกเราก็เดินข้ามสะพานหิน เพื่อเข้าเขตสำนักชี ที่เห็นคนกางร่มกันนั่น ฝนยังไม่ตกนะคะ แต่อากาศร้อนมว้าก!!
- Chi Lin Nunnery
- Chi Lin Nunnery
- Chi Lin Nunnery
13.30 Sik Sik Yuen Tai Sin Temple สถานี: Wong Tai Sin exitB3 ออกแล้วให้มองขวา จะเจอบันไดขึ้นวัดเลย เป็นวัดรวมเทพ คล้ายวัดมังกรบ้านเรา ทางเข้าวัดจึงมีร้านรวงขายธูปเทียนเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวแบบคณะทัวร์เพียบ! คณะทัวร์จีนปีนป่ายเชือกที่เค้าขึงกั้นไว้เข้าไปถ่ายรูปอย่างสำราญ (เฮ้อ) ที่นี่คึกคักล้งเล้ง แตกต่างจากสวนและสำนักชีที่เพิ่งไปมาแบบหนังคนละม้วน แต่สถาปัตยกรรมแบบจีนก็ให้ความรู้สึกสวยแปลกตาในความคิดเรา ไหว้พระและเดินรอบวัดสักพัก คุณบูก็ชี้ชวนไปดูตรงทางเข้าเล็กๆ ของแผงขายธูปเทียนด้านหน้า เพราะมันคือ "ถนนสายหมอดู" ที่ในนั้นมีหมอดูเต็มมมไปหมด บางคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ก็จะแปะป้ายบอกไว้ เจ้าไหนดังหน่อยก็จะมีคนมานั่งรอคิวด้านหน้า
- ออกทาง B3 ขึ้นบันไดทางด้านขวา ก็จะถึงวัดเลยจ้ะ
- บันไดนี้เลยค่ะ
- Sik Sik Yuen Tai Sin Temple
- ทางเข้าวัด (วัดอยู่ขวามือ) มีที่ขายธูปเทียน ของไหว้ ส่วนบันไดซ้ายมือ คือทางเข้า "ตรอกหมอดู"
- ทางเข้าวัด เข้าทางซ้าย ออกทางขวา
- รู้แล้ว ทำไมเมื่อกี๊คนออกันด้านหน้า เพราะมาเข้าคิวลูบตะหมูกมังกรนี่เอง...เห็นคนอุนจิจึงทำตาม ลูบบ้าง ...ตะหมูกมังกรมันแผลบมาก (ปล.เราลูบเกือบไม่ถึง สูงอ้ะ >__<)
- sik sik yuen tai sin temple
- sik sik yuen tai sin temple
- sik sik yuen tai sin temple
- sik sik yuen tai sin temple
- ตรอกหมอดู
14.30 Sham Shui Po Markets กิน Yunnan Noodle เป็นอาหารมื้อบ่ายต้น สถานี: Sham Shui Po Exit A2 (จริงๆ แล้วตามแต่คนเลย) ย่านนี้เป็นย่านที่คนจนที่สุดในเกาะฮ่องกง ดังนั้นที่ดินจึงค่อนข้างถูก (แต่ก็ยังแพง) คนพยายามดิ้นรนหาเงินกันด้วยการค้าขาย เมื่อขึ้นจากรถไฟฟ้าที่สถานีนี้ ไม่ว่าจะออก exit ไหน ก็จะพบแผงลอยขายของเรียงราย 2 ข้างถนน จนสุดลูกหูลูกตา ว่ากันว่า ที่นี่คือที่นี่ขายของถูกที่สุดแล้ว และคุณสามารถต่อรองราคากับร้านค้าแผงลอยได้ ลักษณะจะคล้ายๆ จตุจักรนิดๆ คือจัดของประเภทเดียวกัน ไว้บนถนนสายเดียวกัน ดั่งพาหุรัด + สำเพ็ง + คลองถม อะไรแบบนั้นเลย เพราะมีทั้งเครื่องไฟฟ้า ของงานฝีมือ ของโหล ของก๊อปราคาถูก รวมทั้งของเล่นนานาประเภท พวกเราเสียเวลาที่ถนนของเล่นเป็นพิเศษ เพราะมันถู๊ก ถูก สำหรับคนที่อยากมาเดินถนนคราฟท์ในฮ่องกง ให้ศึกษาร้านตามแผนที่ของ Time Out มีศิลปินมาวาดเอาไว้น่ารักกกกเชีย //www.timeout.com.hk/shopping/features/69150/time-outs-guide-to-sham-shui-po-diy.html เดินเสร็จ หิวโฮก เลยแวะร้านอาหาร Tam's Yunnan Noodle เพราะเดินผ่านพอดี และบูบอกว่ามีสาขาอยู่ทั่วฮ่องกง ไว้ใจได้ น้ำซุปเค้าจะเผ็ดๆ แต่มีระดับให้เลือกว่าเผ็ดมากหรือน้อย ความเลิศคือเส้นบะหมี่ที่นุ่มมากกกกกก ไม่มีกลิ่นแป้งเลย เครื่องเคราเลือกได้หลายอย่าง ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ลูกชิ้นหลายแบบ ผัก เห็ด บูให้ความเห็นว่า "คล้ายสุกี้ที่ใส่เส้น" ... ส่วนไก่ย่างคลุกงาธรรมดามาก ปัญหาอย่างเดียวของร้านนี้คือ พนักงานพูดได้แต่ภาษาจีน กว่าจะได้กิน เมื่อยมืออยู่... ราคาไม่แพง ทั้งหมด HK$67 รายละเอียดที่ตั้งร้านดูจาก open rice //wwwrice.com/english/restaurant/sr2.htm?shopid=21615 แต่ถ้าใครไม่ชอบจะกินร้านอื่นก็ได้ เพราะแถวนี้ร้านอาหารค่อนข้างแยะ
- จากรูปจะเห็นว่า ถนนเส้นต่างๆ ก็จะมีของขายแตกต่างกันออกไป แต่ถนนทุกสายคือตลาดหมด ดังนั้นเดินได้เลยตามสบายยยยย
- บนนถนนมีแผงลอย ด้านหลังแผงลอยก็ยังมีร้านค้าอีก แต่เราไปวันอาทิตย์ ร้านส่วนใหญ่ปิด เลยไม่ค่อยได้เห็นร้านของงานฝีมือเท่าไร
- เซตผ้าปัก แบบว่าลาย...วินเทจได้ใจมากกก
- ร้านฟิกเกอร์ และตัวต่อประกอบทั้งหลาย มีให้เข้าไปเลือกเพียบ วันหยุดคนแน่นร้านเลย
- ใกล้เทศกาล mid autumn festival ที่คนจะเอาโคมไฟมาประดับตกแต่งบ้าน ของพวกนี้ก็เลยมีขายมากเป็นพิเศษ
- บะหมี่ยูนนานสำหรับ 2 ที่ สังเกตการเทียบกับมืออิฉัน ชามโตมาก! กินกับผักดองหวานๆ เปรี้ยวๆ
- ไก่คลุกงา อันนี้ธรรมดา บ่ดายๆ
- หน้าร้าน
16.30 Flowers Market, Bird Park, Goldfirsh Market แล้วรวดเดินไปจนถึงสถานี Mong Kok สถานี Prin Edward Exit B4 ออกมาแล้วยูเทิร์นตัว ย้อนกลับเดินเลาะสะพานลอยรถไปเรื่อยๆ จะเจอ บอกตรงๆ ว่าไม่คาดหวังเลย แทบไม่อยากมาตลาดดอกไม้ที่นี่ด้วยซ้ำ แต่อาลา...อะไรไม่หวัง มักได้เกินหวังเสมอ ที่นี่มีต้นไม้ ดอกไม้ พันธุ์ไม้ แยะมากๆๆๆๆ โอเค...ถ้าเทียบกับปากคลองตลาด มันคือปากคลองฯ ที่รวมตลาดนัต้นไม้ไว้ด้วย แค่ร้านดอกไม้ก็มีดอกไม้แปลกๆ มาขายในราคาไม่แพงเว่อร์ เห็นแล้วน้ำหมากหกเลยอ่ะ และต้นไม้ที่นี่ก็ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยดูมาในฮ่องกง (แม้เพื่อนจะบอกว่า ซื้อต้นไม้แถวนี้ไปปลูก แล้วมักจะตายก็ตาม) แถมบางร้านจัดแต่งซะคา-วาาาาาาาา-อิ แค่เดินเตร่เข้าไปดูก็สนุกแล้ว แนะนำร้าน Hay Fever แม้ชื่อจะแสลงใจคุณบูมว้าก (เพราะเธอเป็น Hay Fever เกือบทุกครั้งที่ไปลอนดอน) แต่ร้านเก๋จัดๆ ด้านในสุดเป็นคาเฟ่ที่ใช้ต้นไม้ในร้านตกแต่ง ขนมเค้กก็ทำเป็นชิ้นกำลังดี ไม่บะเล่อเฮิ่มเหมือนร้านอื่น วันที่ไปพุงแน่น (เพิ่งกินบะหมี่ยูนนานมาข่ะ) เลยตั้งใจว่า รอบหน้าที่มาซื้อต้นไม้ จะแวะร้านนี้ก่อนเลยยย (นะๆๆๆๆ บูนะ) สรุปกลับบ้านพร้อมดอกไม้ 2 ช่อ และต้นไม้ 1 กระถางต้นไม้ 2 เพราะยังอยากเที่ยวตลาดอื่นต่ออีกสักนิด รายละเอียดที่ตั้งร้าน Cafe Hay Fever จาก Open Rice //wwwrice.com/english/restaurant/sr2.htm?shopid=151043
- เริ่มต้นตลาดดอกไม้
- ตะบองเพชรในราคาถูกที่สุด ที่เคยเห็นมาในฮ่องกง (เคยเห็นต้นธรรมดามากกก ขาย 400 บาทททท แม่เจ้า)
- คา วา อิ
- หน้าร้าน hay Fever
- บรรยากาศ Cafe Hay Fever น่านั่งน้ออออ
- Cafe Hay Fever
- หน้าร้านขายต้นไม้
- หน้าร้านขายต้นไม้
- ฉัน: บูๆๆ ซื้อดอกไม้ให้โหน่ยยย (ยิ้มประจบ) บู: เอาสิ เอ๋น้อยไปเลือกเองเลย ฉัน: อ่าม.... (เคือง แต่ก็วิ่งไปเลือกแต่โดยดี)
Bird Park ตอนที่ยังไม่เข้าไป มโนว่า มันน่าจะเป็นสวนที่ต้นไม้ครึ้ม นกเลยแยะ บินไปบินมา แต่ทว่า...ความจริงคือ ที่นี่เป็นแหล่งขายนก และอุปกรณ์พวกกรง อาหาร ฯลฯ เข้าไปตอนเย็นๆ แล้วบรรยากาศหู่เศร้าอย่างบอกไม่ถูก เห็นนกบางตัวก็บินร่อนสบายเฉิบ แต่บางตัวอยู่อันกันในกรงแล้วร้องเสียงดัง น่าสงสาร จึงยูเทิร์นกลับออกมาภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีดี ... เราอาจจะไปผิดเวลาก็ได้
- ทางเข้าสวนนก (เหรอ?)
- ข้างในก็เป็นแบบนี้ ดูร่มรื่นดี นกบางตัวเลยบินว่อนไปๆ มาๆ
- ร้านขายอุปกรณ์
- มองออกมาจากสวนนก ฝั่งตรงข้ามก็คือ flower market นั่นเอง
Goldfish Market แถบนี้ลักษณะคล้ายจตุจักรโซนสัตว์เลี้ยงมากๆ คือถนนทุกเส้นจะมีร้านขายสัตว์ เน้นหนักคือปลาทอง ที่คนจีนมองว่าเป็นสัตว์มงคล ขายใส่ถุงกันยังก้ะไส้กรอก มีร้านขายหมาแมว อุปกรณ์ บางร้านทำตู้จำลองเป้นท้องทะเลซะใหญ่บึ้ม เห็นขายเต่ากันแยะเลย ไม่รู้เอาไปเลี้ยงหรือเอาไปทำยานะ ... อืม...อย่าไปคิดเลย
- ใหญ่มากกกกก
- ปลาทอง ใส่ถุงขายกันแบบนี้
- แบบนี้
- ร้านขายสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักมีลูกหมาวิ่งเล่นโชว์หน้าร้าน ที่นี่มีแมวค่ะ
- บรรยากาศตลาด Goldfish Market
18.00 Temple St. Market (Jordan Station exit A), Yau Ma Tei fruit Market, Kowloon Park, The One dept. ถึงจุดนี้ บอกเลยว่าสภาพร่างกายเริ่มล้ามาก แถมเจอฝนประปรายตามทาง แต่ไหนๆ ก็อยู่แถวนี้แล้ว เลยแวะมา Temple Street Market ซะหน่อย เพราะอ่านจาก timeout บอกว่าเป็นแหล่งขายของเก่า น่าไปค้นดู ... ปรากฎ มันคือตลาดนักท่องเที่ยวนี่นา ขายพวกเสื้อยืด ของจุกจิกราคาไม่แพง ของก๊อป ของที่สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้ บนถนนเส้นนี้มีร้านอาหารหลายร้านให้เลือก ถ้าหิวจะลองดูเมนู แล้วเลือกร้านได้เลย ผิดหวังจาก Temple Street market เราฉีกตัวออกซ้าย เดินข้ามไปอีก 2 ถนน เจอตลาดสด ที่เพิ่งรู้ตอนหลังว่ามันคือ Yau Ma Tei Fruit Market เออแฮะ ... แบบนี้ค่อยสนุก 90% ของแผงขายผลไม้สมชื่อ ราคาไม่แพงมาก แถมเปิดดึกด้วย ผ่านตลาดผลไม้ บูตั้งเป้าว่าจะเดินไป Korean Town เพราะเราอยากซื้อไชเท้าดองเกาหลี ระหว่างทางผ่าน Kowloon Park ซึ่งมี Hong Kong Avenue of Comic Stars เลยเดินขึ้นบันไดไปดู พบว่ามีหุ่นจำลองขนาดยักษ์ของตัวการ์ตูนประมาณสิบตัวได้ เขาจะมีบรรยายภาษาอังกฤษaรีทุกวัน เวลาบ่ายสามครึ่ง เช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก //www.comicavenue.hk ตัวสวนจะอยู่ตรงข้ามกับห้าง Miramall สุดท้ายเราไปจบที่ห้าง The One (จากห้างนี้ อีก 1 ถนนก็ถึง Korean Town ละ) พบว่ามีร้าน Homeless ใหญ่ยักษ์อยู่บนชั้น 8 และซอกหนึ่งมีมุมเซลโละของมีตำหนิด้วย ที่นี่มีคาเฟ่อยู่หลายร้านเชียว ร้านนึง (และร้านเดียว) ที่เห็นคนต่อแถวยาวเหยียดคือ Dazzling Cafe มองๆ เมนูแล้วคิดว่าอารมณ์คล้าย After You บ้านเรานะ
- ทางเข้าตลาด Temple Street Market
- ส่วนใหญ่ขายของอะไรทำนองนี้
- ส่วนนี่ กระโดดมา Yau Ma Tei Fruits Market
- ระหว่างทางไป Korean Town เจอบันไดนี้เข้า เลยใจง่าย...เดินขึ้นไปดู
- แล้วก็เจอนี้ อยู่ทางซ้ายมือ
- ใครรู้ว่าเป็นตัวละครจากเรื่องไรบ้างงงง???
- ฮาโหลวววว
Create Date : 08 กันยายน 2557 |
Last Update : 8 กันยายน 2557 18:29:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2336 Pageviews. |
|
|