อินเดีย - วันแรกในกัลกัตตา

เป็นบันทึกการเดินทางที่มีผิดหวัง สมหวัง โดนแขกโกง โกงแขกบ้าง อย่าได้ยึดเป็นแบบอย่างการเดินทางนะคะ   การเตรียมตัวที่ดีมีความสำคัญสำหรับประเทศที่มีทุกอย่างที่ incredible จริงๆตั้งแต่ลงจากสนามบินวันแรกไปจนวันกลับ 10 วันกับการเดินทางไปยังประเทศที่หลายคนถึงกับส่ายหน้าหนีเมื่อได้ยินแค่ชื่อ แต่ยังมีอีกหลายคนที่อยากจะไปสัมผัสกับตัวเองว่ามันจะ incredible สมคำร่ำลือจริงๆรึเปล่า


ขอข้ามขั้นตอนการเดินทางจากเมืองไทยไปเลยนะคะ เพราะหลายๆคนคงจะเคยอ่านรีวิวการเดินทางโดนเครื่องบินกันมาบ้างแล้ว หลักๆก็คือ ไปถึงสนามบินประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทางเพื่อนทำการเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของสายการบิน ตั๋วกรุงเทพ - กัลกัตตาของเราเป็นตั๋วโปรโมชั่นที่จองมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาเฉลี่ยเบ็ดเสร็จอยู่ที่สามพันบาทต้นๆ รวมค่าโหลดกระเป๋าบวกเลือกที่นั่ง ของสายการบินหางแดงเจ้าเดิมที่หลายๆคนคงจะมีตั๋วอยู่ในมือกันแล้วในขณะนี้ เป้าหมายเดินทางครั้งนี้คือ ไปเที่ยวสิกขิม ซึ่งเป็นรัฐๆหนึ่งที่อยู่ทางเหนือของประเทศอินเดีย


ตัดกลับไปที่หลังจากเครื่องบินลงจอดที่ Netaji Subhash Chandra Bose International  Airport เลยดีกว่านะคะ หลังจากหลับๆตื่นๆมาเป็นเวลา เกือบๆสามชั่วโมงบนเครื่องบิน ในที่สุดเครื่องก็ลงจอดตามเวลาท้องถิ่นที่ช้ากว่าเมืองไทยโดยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง วันนี้ประชากรบนเครื่องค่อนข้างบางตา อาจเป็นเพราะว่าไม่ใช่วันหยุดเทศกาลหรือสุดสัปดาห์ ไทย เทศ และแขกต่างก็ทะยอยกันเดินออกมาตามทางเดินเพื่อเข้าไปสู่สนามบิน หลังผ่าน imigration เรียบร้อย รับกระเป๋าสัมภาระ แวะแลกเงินตรงเคาท์เตอร์ติดกับ Prapaid Taxi จ่ายเงินค่า Prepaid taxi ที่เคาท์เตอร์ก่อนประตูออกและเดินออกจากสนามบิน ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าจะแลกเงินและใช้บริการ Prepaid Taxi ทำการติดต่อให้เรียบร้อยที่เคาท์เตอร์ก่อนเดินออกจากสนามบินนะคะ สนามบินอินเดีย เดินออกไปแล้วหมดสิทธิ์เดินกลับเข้ามาอีก อ้อนวอนกราบไหว้ยังไง อาบังก็ไม่อนุญาติให้กลับเข้ามาอีก แล้วก็ถึงเวลาผจญภัยไปในประเทศอินเดียกันแล้วค่ะ



ชำเลืองมองดูในใบเสร็จ พิมพ์ไว้เสร็จสรรพว่า Victoria Memorial เพราะไม่ได้จองที่พักสำหรับคืนแรกในกัลกัตตาเอาไว้ และมีตั๋วเดินทางโดยรถโดยสาร (เรียกสั้นๆว่ารถทัวร์) ไปสิริกุรีที่ซื้อออนไลน์ตั้งแต่อยู่เมืองไทยเรียบร้อยแล้ว เลยว่าจะเที่ยวไปเรื่อยๆแล้วค่อยไปขึ้นรถตอนเย็นที่เอสพลานาด เพราะฉะนั้นทันทีที่ไปถึงก็จะไปเที่ยว Victoria Memorial ทันทีแล้วค่อยมาปักหลักแถวๆ New Market เพื่อรอขึ้นรถตอนค่ำ


เดินเอาใบเสร็จออกมายืนด้อมๆมองๆนอกอาคาร ปกติสนามบินบ้านเราเดินออกมามันก็มีคิว prepaid ให้เห็น แล้วที่สนามบินนี้มันอยู่ตรงไหนกันละนี่ มองเลยอาคารออกไปหน่อยบริเวณลานจอดรถก็เห็นมีกลุ่มคนยืนชุมนุมกัน พร้อมมีแท็กซี่สีเหลืองจอดอยู่ ว่าแล้วก็เดินตรงไปหาพร้อมชูใบเสร็จที่จ่ายเงินไปแล้ว ก็จะมีคนเดินมาหาเราพร้อมเอาเอาใบเสร็จไปส่องๆแล้วก็ยื่นๆส่งต่อกัน เจ้าหน้าที่ที่คิวก็เขียนยุกๆยิกออกมาเป็นหมายเลขรถแท็กซี่ที่จะไปส่งเราที่ Victoria Memorial พร้อมจดหมายเลขรถลงกระดานที่คิวรถ จากนั้นคนขับก็มาพาเราเดินไปที่รถของเค้า


ระหว่างทางเดินไปขึ้นรถ พี่คนขับก็เริ่มหว่านล้อมกะเหรี่ยงไทยตาดำๆอย่างนุ่มนวลว่า เจ๊ครับ มาครั้งแรกรึเปล่าครับ กะเหรี่ยงไทยทำเป็นยิ้มตอบ ไม่กล้าบอกความจริงเดี๋ยวเค้าหาเรื่องหลอก เจ๊ครับ  Victoria Memorial ของเจ๊น่ะ มันห่างไปอีกสามกิโล ราคา 240 รูปีนี่มันไปได้แค่ Indian Museum นะจ๊ะ เจ๊ต้องจ่ายเพิ่มอีก 60 รูปี โอเคบ่เจ๊? กะเหรี่ยงไทยตอบชัดถ้อยชัดคำ NO! NO! และ NO! ไอจ่ายเรียบร้อยแล้วอ่ะ จ่ายกะ prepaid ด้วย จุดหมายปลายทางของไอก็พิมพ์อยู่โท้งๆในใบเสร็จ พี่แขกเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ   จะว่าพิศวาสไอก็ยังไม่ได้พิศวาสยูพอจะจ่ายเพิ่มตั้ง 60 รูปีนะจ๊ะ ที่สำคัญ บ้านไอน่ะ..สามกิโลแท็กซี่มิเตอร์มันขึ้นแค่ 15 บาท 20 รูปีกว่าๆของบ้านยูเองนะยะ พี่แขกพยามยามกล่อมกะเหรี่ยงไทยตลอดจนรถเริ่มวิ่งออกจากสนามบิน แต่กะเหรี่ยงไทยก็ยังยืนยันคำเดียว NO ไม่มี OK ออกมาซักกะแอ๊ะ จะหว่านล้อมยังไงก็ยังไม่มีโอเคหลุดมาซักคำ ขับๆไปอีกระยะก็เกลี้ยกล่อมอีก จนกะเหรี่ยงเริ่มอารมณ์เสีย เคยได้ยินแต่หลอกเอาค่าทางด่วน บอกว่าไปถึงเร็วกว่าและรถไม่ติด ไม่เคยได้ยินมุขว่าขึ้นรถมาแล้วมาขอขึ้นค่าโดยสารเองหน้าตาเฉย ดูท่าจะไม่ดีแล้ว ขืนไปต่อจนถึงปลายทางกับพี่เค้า ถ้าไปถึงจุดหมายปลายทาง มีหวังมันบังคับเราจ่ายเพิ่มแหงๆ และเมื่อไปถึงหน้า Victoria Memorial แล้ว เราคงจะกลายเป็นเหยื่อในวงล้อมแขก ไม่ได้การแล้ว พี่แขกชักเซ็ง สงสัยจะไม่ได้ extra จากยัยงกนี่แน่ๆ ว่าแล้วก็บอกกะเหรี่ยงว่า งั้นเจ๊เรียกคันใหม่แถวๆนี้ไปต่อเอาละกัน


วินาทีนั้น กะเหรี่ยงไทยของขึ้นทันที  ยูจะมาดร้อปไอตรงนี้มิได้ เข้าใจบ่!!!!! ไปดร้อปไอตรงพี่ตำรวจที่ยืนตรงนั้นสิยะ  มิฉะนั้นก็พาไอกลับสนามบินซะดีๆ   ยังค่ะ คนขับกลับมาเกลี้ยกล่อมอีกรอบ จนชักจะไม่ไหวจะเคลียร์ ต้องออกปากบอกว่า ยูเทิร์นแบ็คทูแอร์พอร์ตนาว!!! สงสัยไสยศาสตร์ไทยจะแรงกว่าของแขก พี่แขกกลับรถให้ซะงั้นแล้วก็บึ่งกลับสนามบินทันที


รถเข้าเทียบท่าไปจอดที่สนามบินอีกครั้ง ในขณะที่เพื่อนๆร่วมไฟลท์เดียวกันกำลังทะยอยออกจากสนามบิน ใครจะแจ็คพ็อตแตกเหมือนดิชั้นบ้างไหมคะ   ว่าแล้วก็เข้าไปตบตีทะเลาะกับแขกที่เคาท์เตอร์ prepaid อีกครั้ง คนขับพาเดินไปประตูข้างๆสนามบินที่มารู้ทีหลังว่าเป็นทางออกของเคาท์เตอร์ prepaid เจ้าหน้าที่คนเดิมที่อยู่ที่เคาท์เตอร์ในสนามบินโผล่หน้าออกมา จากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นซาวด์แทร็กฮินดี้ไปในบัดดล ฟังไม่ออก แต่คงประมาณว่า ทำไมคิดราคาถูก อะไรประมาณนี้ เลดี้คนนี้ไม่ยอมจ่ายเพิ่ม แน่นอน..เรื่องอะไรที่ดิชั้นจะต้องจ่ายเพิ่มล่ะคะ โฉ่งเช้งๆไปมาพักใหญ่ เจ้าหน้าที่หันมายิ้มหวานให้ ไอ้เรารึก็ดีใจ กะว่าจะได้ยินอะไรประมาณว่า เรียบร้อยแล้วครับ   เดี๋ยวเค้าไปส่งยูแบบโนเอ็กซ์ตร้านะครับ มันเป็นการเข้าใจผิด ประมาณนั้น


ไม่ใช่คะ ไม่ใช่ทั้งหมด สิ่งที่ได้ยินจากปากของเจ้าหน้าที่คือ เออ..คุณสุภาพสตรีจ่ายๆให้เค้าไปเถอะครับ แล้วตามด้วยรอยยิ้มจริงใจดาร์กี้ฟันสีขาวอันแวววับ กะเหรี่ยงไทยองค์ลงอีกรอบ       นี่ยู! ยูเป็น prepaid นะคะ จะมาบอกลูกค้าอย่างนี้มันไม่มืออาชีพเอามั่กๆนะคะ แล้วถ้าจะให้ไอจ่ายเพิ่มอีก 60 รูปี ยูต้องไปออกบิลใหม่มาให้ไอเดี๋ยวนี้ แล้วไอจะยอมจ่าย เอาราคาเต็มนะยะ พูดเสร็จเค้าก็หันไปโฉ่งเช้งกันอีกรอบใหญ่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่เปลี่ยนแท็กซี่ให้คันใหม่ให้ไปส่งโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เดินกลับไปคิวรถที่เดิม เก็บของใส่หลังรถพร้อมออกเดินทางไป Victoria Memorial


โฉมหน้าแท็กซี่หน้าเลือดแห่งสนามบินกัลกัตตา



แท็กซี่คันใหม่แตกต่างกันกับคันเก่าโดยลิบลับ ขับไปอย่างเงียบสงบโดยไม่ได้ยินอะไรหลุดจากปากแม้เพียงเล็กน้อย แต่ตาแอบคอยชำเลืองมองกะเหรี่ยงไทยผ่านกระจกหน้าไปตลอดทาง คงจะะงงว่า ยัยนี่มันเป็นคนมาจากประเทศไหนกันฟะ ช่างกล้าเหลือเกินที่มาทะเลาะกับแท็กซี่อินเดีย



สิ่งแปลกปลอมบนรถแท็กซี่ในอินเดีย มิเตอร์มีแต่ไม่ใช้ 



นั่งรถเข้าเมืองแขกมาพักใหญ่ๆ สองข้างทางมีแต่คน คน และ คน และวัวกับแพะ และเสียงบีบแตรเป็นระยะตลอดเวลา อากาศร้อนๆทำให้เริ่มมึนตึบๆ ฝ่าชุมชนมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มาถึง Victoria Memorial รถมาจอดส่งที่ประตูด้านหน้าตรงที่มีช่องขายตั๋ว แวะซื้อตั๋วเข้าชมราคา 150 รูปีสำหรับคนต่างชาติที่ประตูทางซ้ายริมรั้ว จากนั้นก็แวtเข้าชมสถานที่ภายในค่ะ



สถาปัตยกรรมที่สวยงาม



ความงดงามของสถานที่ทำให้ลืมความขุ่นข้องหมองใจจากแท็กซี่สนามบินไปทันที 



ข้างในอาคารไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพนะคะ เดินกันให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ เดินแล้วเดินอีก มีทั้งห้องที่แสดงงานศิลปะสมัยใหม่ ห้องแสดงภาพวาดของศิลปินยุโรปในยุคล่าอาณานิคมที่เจ้าของภาพไม่ได้นำติดตัวกลับประเทศไป มีอาวุธโบราณจัดแสดง มีแผนผังประวัติความเป็นมาของ West Bengal จะมีทหารยามพร้อมอาวุธปืนเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ ส่วนเราก็แบกเป้หนักๆ + กระเป๋ากล้อง 1 ใบเดินไปเรื่อยๆ รับแอร์เย็นฉ่ำในบางห้องของอาคาร ไม่รู้อะไรมาดลใจให้วางแผนเดินทางแบบนี้ คนปกติเค้าจะยอมเช่าห้องพักหรือโรงแรมเพื่อเก็บของแล้วค่อยออกมาเดินเที่ยวสบายๆ เราดันมาแบกของหนักๆเดินไปมากลางเมืองใหญ่เป็นวันๆซะงั้น ไม่ได้ดูสังขารของตัวเองซะเลย  


ออกจากตัวอาคารมานั่งพักอยู่ในบริเวณสวนใน Victoria Memorial พักใหญ่ๆ จะว่าไปบริเวณสวนก็เหมือนกับที่เดทของวัยรุ่นอินเดียเหมือนกันนะมีหนุ่มสาวมานั่งจับคู่นั่งคุยกันอยู่ริมน้ำหลายคู่ วันนี้อากาศไม่ค่อยร้อน หลังหายเหนื่อยแล้วค่อยแบกของทั้งหมดออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อเดินทางไป Indian Museum



เดินออกมาเรียกแท็กซี่ไป Indian Museum แท็กซี่บอก 80 รูปีขาดตัว พี่ขา..มันห่างจากตรงนี้แค่ 2 สี่แยกเองนะคะ แล้วพี่ไม่ใช้มิเตอร์เหรอ พี่คนขับพยักหน้าแทนคำตอบ ภาษากายของอินเดีย พยักหน้าความหมายคือไม่ กะเหรี่ยงไทยเชิดใส่ เดินก็ได้ฟะ รู้นะเฟ้ยว่ามันใกล้มากๆ ว่าแล้วก็แบกเป้หนักๆเดินฝ่าวงล้อมแขกไปลงรถไฟใต้ดินที่สถานี Maidan ที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อไปลงที่สถานี Esplanade พี่คนขับตื้อบอกลดให้ก็ได้ เหลือ 70 รูปี เชอะ!! ไม่ไปแล้วเฟ้ย.. เดินก็ได้ ไม่ง้อ Smiley ค่ารถไฟใต้ดินหมดไป 4 รูปี 2 สถานี ภายในก่อนลงไปขึ้นรถไฟใต้ดิน มีตรวจเข้มเล็กน้อย สแกนกระเป๋าตรวจหาอาวุธ คิดว่ารัฐบาลอินเดียเค้ากลัวการก่อวินาศกรรมกันตามสถานที่สำคัญๆ


ออกจากสถานี Esplanade ก็แวะหาอาหารกินก่อน แล้วค่อยเดินย้อนไป Indian Museum ที่อยู่ระหว่างสถานี Esplanade และสถานี Park Street เดินเข้าไปกิน KFC ใน New Market ที่อยู่ตรงใกล้ๆสถานี คนเต็มไปหมดยังกะถนนข้าวสารตอนกลางวัน พักเติมพลังด้วยอาหารมื้อบ่ายก่อน



YMCA อยู่ซ้ายมือติดถนน อยู่ท่ามกลางแผงลอยการค้าริมถนนใหญ่ระหว่างทางเดินไป Indian Museum



Indian Museum ถ่ายจากถนน Sudder เดินโฉบไปก็โฉบมาหลายรอบเช่นเคยจนใกล้เวลาปิด



ถนน Sudder ปากทางจากถนนใหญ่ติดกับ Indian Museum



Sudder Street ในอีกมุม



แวะ Sudder เพื่อมายืนยันกับโรงแรมที่จะมาพักในคืนวันสุดท้ายหลังจากกลับมาจากสิกขิม เจ้าหน้าที่ของโรงแรมเปิดดูชื่อผู้จอง อุ่นใจเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อเราอยู่บนสมุดจองเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่บอกว่า เดี๋ยวค่อยมาชำระค่าห้องตอนกลับมาพักก็ได้จ้า


นั่งพักดื่มน้ำสั่งของกินเล่นในบริเวณสวนของโรงแรมรอเวลาไปขึ้นรถทัวร์ไปสิริกุรีที่เอสพลานาด รถออกเวลา 1 ทุ่มตรง เลยนั่งเล่นๆไปจนถึง 6 โมงเย็น เพิ่งสังเกตุเห็นว่ากัลกัตตาเป็นเมืองที่มีอีกาเยอะมากๆ ถึงเวลา 6 โมงเย็น เดินออกจากโรงแรมมุ่งหน้าออกจากถนน Sudder เดินย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟใต้ดินเอสพลานาด แล้วข้ามถนนจากแถวๆ New Market ไปฝั่งตรงข้าม เพื่อเดินไปท่ารถทัวร์


อธิบายเป็นภาพง่ายๆนะคะ คือถนน Sudder เนี่ย มันเป็นซอยที่เหมือนกับถนนตรงบริเวณช่วงสนามหลวงตรงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีถนนเล็กๆที่รถเมล์สาย 53 เลี้ยวเข้าไปเพื่อไปเจอกับท่าพระจันทร์ Sudder ก็คือถนนนั้นแหละค่ะ ส่วนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีตึกสวยๆอยู่ริมถนนใหญ่ นั่นก็คือ Indian Museum ของกัลกัตตา ถ้าเราไม่เดินเลี้ยวเข้า Sudder แต่เดินเลยมาเหมือนเวลาจะเดินมามหาวิทยาลัยศิลปากรจากธรรมศาสตร์ตรงถนนติดกับสนามหลวง ในกัลกัตตาถ้าเลยปากซอย Sudder มา มันจะกลายเป็นแผงขายของยุบยิบมากมายเหมือนพาหุรัด ในตึกแถวริมทางนั้น มี YMCA แฝงตัวอยู่ เลย YMCA มานิดเดียว จะเจอ New Market อยู่เป็นถนนใหญ่ๆ เหมือนถนนพัฒน์พงศ์ผสมกับถนนข้าวสาร เลยไปจะเป็นสถานี Esplanade


แต่เราไม่เดินไปถึงสถานี Esplanade นะคะ เราเลือกข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามที่ทางม้าลายแถวๆ New Market เลย ถ้าข้ามถนนที่ใหญ่มากๆไปแล้ว มันจะเป็นรั้วสนามหญ้าสีเขียว คล้ายๆแถวๆสวนสาธารณะแบบจตุจักรบ้านเรา มีคนยืนรอรถเมล์อยู่ริมรั้วเยอะมาก เพราะว่าเป็นป้ายรถเมล์จุดใหญ่ๆในเมือง ข้ามไปแล้วเดินตรงขึ้นไปอีกหน่อยจะเจอกับตลาดในภาพนี้ค่ะ B C Roy Market ตอนแรกลองกูเกิ้ลเอิร์ทดู เห็นหน้าตาคล้ายๆพวกตึกฟอร์จูนทาวน์ ของจริงเหมือนตลาดนัดจตุจักรแบบโบราณๆ  เข้าใจผิดไปซะเยอะ   ที่นี่ขายพวกเสื้อผ้ากีฬาเป็นหลัก เดินมาสุดถนนแล้วโค้งตามฟุตบาทไปข้างหลังตลาดคุณจะเจอท่ารถ Esplanade ค่ะ จะลองเดินลัดตามซอกซอยของ B C Roy Market ก็ได้เพราะมันจะลัดเลาะไปจนเจอท่ารถข้างหลังเอง แต่ถ้าคนไม่ค่อยแม่นเรื่องแผนที่ ยอมเดินไกลอีกนิดหน่อยดีกว่าจะได้ไม่หลงทาง



ท่ารถที่เอสพลานาดที่หลายๆคนคุ้นตา



ใครที่จองตั๋วพร้อมจ่ายเงินออนไลน์ไปแบบเรา หรือยังไม่ได้ซื้อตั๋ว ต้องไปหาช่องแบบนี้ที่ใกล้ๆสี่แยกเพื่อเดินเข้าไปคอนเฟิร์มตั๋วก่อนเดินทางนะคะ



คำเตือนก่อนการเดินทาง เอาถุงกันฝนมาห่อเป้ของท่านให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้าไปเพื่อกันเป้เลอะเทอะ ท่านใดภูมิต้านทานเรื่องกลิ่นต่ำหรือเกือบต่ำ โปรดพกยาดมติดตัวไปด้วย เคาท์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่บริเวณหลังรถคันที่แดงๆน้ำเงินคันที่สองจากทางขวาของภาพนะคะ



เดินหาอยู่สักพักก็เจอ เราซื้อตั๋วของ Royal Cruiser แบบออนไลน์จาก //www.makemytrip.com เอาตั๋วออนไลน์ที่พิมพ์ออกมาส่งให้ตามเคาท์เตอร์ต่างๆดู เค้าก็ชี้ๆให้ไปหาเรื่อยๆจนเจอ


เรื่องตั๋วออนไลน์ เดี๋ยวจะเขียนถึงการซื้อนะคะ อยากให้รายละเอียดไว้เป็นแนวทางเลือกสำหรับท่านที่อยากได้ข้อมูลการเดินทางนอกเหนือจากรถไฟก็แล้วกัน



เดินเข้ามาเห็นเคาท์เตอร์ทางซ้ายมือมีโลโก้ VOLVO และ Royal Cruiser หน้าตาเหมือนในเวบไซด์หลักของบริษัทรถทัวร์ แม่นแล้วมันต้องที่นี่แน่ๆ ว่าแล้วก็รีบยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่กวาดสายตาไล่ไปตามเอกสารพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า แม่นแล้วหนู  นั่งรอก่อนเลย อีก 30 นาทีรถจะมาจอดข้างนอกโน่น เดี๋ยวค่อยเดินออกไป จะมีคนเดินไปส่งนะจ๊ะ แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก 



บรรยากาศระหว่างนั่งรอรถในความมืดหน้าช่องขายตั๋ว



นั่งรอรถไปสักพัก ก็มีฝรั่งคนหนึ่งแบกเป้มาซื้อตั๋วรถก่อนออกเดินทาง คุยกันไปมา สรุปว่าเค้าเพิ่งมาถึงกัลกัตตาวันนี้เช่นกัน แต่มาจากเมืองอื่นในอินเดียและจะไปสิริกุรีเพื่อต่อไปดาร์จีลิ่ง ถามว่าทำไมไม่นั่งรถไฟ เจ้าตัวตอบว่าขี้เกียจไปแย่งซื้อตั๋วและชอบนั่งรถทัวร์มากกว่า แต่ขอเป็นรถทัวร์ที่โอเคหน่อย สลับแลกตั๋วรถกันดู ที่นั่งของเค้าอยู่เกือบๆหลังรถ คงเป็นเพราะมาซื้อทีหลังเลยเลือกที่นั่งไม่ค่อยได้ แอบเห็นอยู่ว่าที่นั่งหน้าๆจะเต็มเกือบหมดแล้ว


ขอ copy การจองตั๋วรถที่เคยโพสต์ไว้มาลงอีกครั้งนะคะ เพื่อเอาข้อมูลมาประกอบไว้กับการรีวิว


เราจองที่เวบ //www.makemytrip.com ค่ะ


เข้าไปที่หน้าเวบแล้ว เลือกที่แทปคำว่า Bus คลิ๊กเข้าไปเวบจะกลายเป็นหน้าต่างการระบุรถระหว่างเมืองและวันเดินทาง ก็ระบุไปเป็น Leaving from : Kolkata แล้วก็ตรง Going to : Siliguri แล้วก็คลิ๊กเลือกวันเดือนปีที่จะเดินทาง จากนั้นก็กด Search for bus หน้าเวบก็จะกลายเป็นหน้าต่างบอกตารางเดินทางว่าในวันที่เราจะเดินทาง มีรถของเจ้าไหน ราคาเท่าไหร่ ออกกี่โมง ดูตรงข้างบนของเวบที่เขียนว่า Filter your results ด้วยนะคะ ว่าตรงกับวันที่และเมืองที่เราจะเดินทางรึเปล่า


รถที่แนะนำ : ตรง Bus operators ขอแนะนำให้เลือกของ Royal Cruiser นะคะ เท่าที่เคยส่งอีเมล์ไปหาบริษัทรถทั้งหมดที่วิ่งระหว่างกัลกัตตาและสิริกุรี Royal Cruiser เป็นเจ้าเดียวที่ตอบอีเมล์มา และตอบทุกครั้งที่เขียนไปถามข้อมูล และน่าจะเป็นเจ้าเดียวหรือมีสองเจ้าที่เป็นรถแอร์วิ่งยาวตลอดเส้นทางด้วย ไม่ได้เป็นแอร์ฉ่ำๆแบบรถบ้านเรานะคะ นั่งไประยะหนึ่งแล้วค่อยรู้สึกว่ามีแอร์


ตรง Boarding Point แล้วแต่ว่าเราจะเลือกขึ้นรถที่ไหน ของเราเลือกเป็น B C Roy Market (Esplanade) เวลา 1 ทุ่มตรง ส่วนอีกที่คือ Karunamoyee (IBT) เวลา 1 ทุ่ม 45 นาที ที่เลือก B C Roy Market (Esplanade) เพราะว่าตรง Esplanade เป็นจุดจอดรถระหว่างเมืองของกัลกัตตา และมีสถานีรถไฟฟ้า Esplanade อยู่ใกล้ๆตรงนั้นเลย B C Roy เป็นตลาดที่ขายอุปกรณ์กีฬาใหญ่ๆใกล้จุดจอดรถ


Bus Type : ก็จะเห็นว่า เป็น A/C (รถแอร์) NO S/L (ไม่ได้เป็นรถแบบมีที่นอนยาวแบบรถไฟ คือว่าเคยอ่านในหนังสือบางเล่ม จะเห็นรถประเภทนี้ที่วิ่งระหว่างเมือง เป็นแบบ - มีที่นอนยาวๆเหยียดขาได้ข้างบน เหมือนเอาช่องวางของบนรถทัวร์มาทำเป็นเตียงนอนน่ะค่ะ) รถเป็นแบบ VO (เป็นรถ Volvo service)


Fare : ราคา 900 รูปี - สังเกตได้ว่า ราคาแพงกว่าเจ้าอื่น


หลังจากอ่านรายละเอียดครบแล้ว ก็คลิ๊กที่ Choose Seats เวบก็จะทำการ Loading seat map ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ตอนนั้นเน็ตเน่าแค่ไหน ถ้ายังเข้าไม่ได้ ก็กดตรงคำว่า Book เลยค่ะ มันจะเข้าไปที่ Seat map เอง อยากได้กี่ที่ก็เลือกเอาเองนะคะ สามารถเลือกที่นั่งเองได้ด้วย ของเราจองที่นั่งแถวหน้าสุดเพราะไม่อยากนั่งหลังๆ กดเลือกไป 1 ที่ Seat selected ก็จะขึ้นมาเองว่าเลือกไปกี่ที่แล้ว ที่นั่งตรงไหนที่มีคนจองแล้วก็จะมีโชว์บน Seat map เลยว่าไม่ว่างแล้ว หลังจากได้จำนวนที่นั่งที่ต้องการแล้วก็กดคำว่า Book ค่ะ ตรงนี้ค่อนข้างมีปัญหานิดหน่อยเพราะเราเคยทำครั้งแรกแล้วเวบ error หลังจากนั้นมาลองทำใหม่อีกวัน ปรากฎว่ามันเข้าไปหน้าที่ให้ทำการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเลย จ่ายเงินไปแบบเอ๋อๆเพราะไม่นึกว่า บทจะง่ายก็ง่ายซะอย่างนั้น


ซื้อไป-กลับเลยก็ได้นะคะ ถ้ามั่นใจเรื่องวันและเวลาเดินทาง แต่ส่วนมากที่ได้ยินมาก็คือ อะไรๆที่อินเดียมักจะดีเลย์


อยากให้จองก่อนเดินทางสัก 1 เดือนหรือสองอาทิตย์นะคะ ของเราพอจองปุ๊ป อีกวันถัดไปมีสไตร์หยุดงานในดาร์จีลิ่งเลย  ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่า ควรจะเดินหน้าไปเที่ยวตามแผนเดิมหรือเปลี่ยนใจไปเมืองอื่นก่อนดีกว่า เข้าไปเช็คข่าวสารบ้านเมืองของดาร์จีลิ่งได้ที่ //www.darjeelingtimes.com นะคะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่แวะดาร์จีลิ่งแต่จะตรงไปสิกขิมเลยก็ตาม แต่อย่าลืมว่า สองที่นี้ใช้ทางหลวงเส้นเดียวกัน ถ้ามีปัญหาที่ดาร์จีลิ่ง ก็จะมีผลกระทบต่อการเดินทางเข้า-ออกสิกขิมด้วย


รถทัวร์ไม่น่าจะเต็มเร็วค่ะ ที่ไม่เลือกซื้อตั๋วรถไฟ เพราะเราเดินทางคนเดียว ถ้าไปรถไฟก็ต้องแชร์นอนกับคนอื่นในตู้เดียวกันเราเลยไม่ค่อยอยากไป เป็นห่วงของและกระเป๋าเวลานอนหลับด้วย อ้อ!! แล้วเราก็เป็นคนที่ไม่มี Skill ในการเดินทางโดยรถไฟเลย พอลองจองตั๋วรถไฟก็เจอปัญหาคือ ติดเป็น waiting list รถทัวร์ก็คงแค่นั่งติดใครบางคนไป เสี่ยงดวงกันไป Royal Cruiser เค้าจะให้จองตั๋วรถทัวร์กันประมาณ 1 เดือนก่อนวันเดินทางจริง แต่บางเจ้าอย่าง Jai Dada ที่วิ่งเส้นทางเดียวกันก็เปิดขายออนไลน์แค่ 4-7 วันก่อนเดินทางนะคะ


หลังจ่ายเงินแล้ว ทางเวบจะส่งตั๋วมาให้ทางอีเมล์ จะ print ที่หน้าจอเก็บไว้เลยก็ได้ เราก็ทำ แล้วก็ print e-tickets ที่เวบส่งมาไปด้วยอีกชุด ถ้ามีปัญหาสามารถคืนตั๋วได้ก่อนการเดินทางนะคะ ไม่แน่ใจว่ากี่ชั่วโมงหรือกี่วันก่อนการเดินทาง ต้องเข้าไปเช็คในเวบอีกที แต่จะเสียเงินหักจากยอดเงินที่จ่ายไปประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของราคาตั๋ว



ประมาณ 1 ทุ่ม เจ้าหน้าที่จะเรียกไปเขียนหมายเลขท้ายรถแล้วให้เดินออกไปหารถที่จอดอยู่ข้างนอกเองค่ะ ต้องเดินออกไปจนถึงรั้วตลาด B C Roy แล้วเดินขึ้นไปหน่อย ระหว่างทางเดินไปเจอกับคนบนคิวรถ เค้าชี้ๆไปที่รถคันใหญ่ที่จอดอยู่ข้างทาง วินาทีนั้นหารถกันให้ดีนะคะ จอดกันเป็นสิบๆคันเลยล่ะ แต่ของ Royal Cruiser เราเห็นว่าจากหน้าเวบเป็นรถสีน้ำเงินแบบในภาพ พร้อมมีโลโก้ตามเวบไซด์ ประกอบกับป้ายทะเบียนถูกต้องตามที่เจ้าหน้าที่เขียนมาในเอกสาร เลยหาไม่ยาก เอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ที่รถดู พร้อมเก็บกระเป๋าใต้ท้องรถ เจ้าหน้าที่จะถามว่าไปลงที่ไหน ก็ตอบว่าสิริกุรี จากนั้นก็เก็บหางตั๋วฝากกระเป๋าไว้ให้ดีอย่าให้หายนะคะ หายแล้วเค้าไม่ให้รับกระเป๋าคืนนะคะ



รถออกแล้ว!!! รถวิ่งไปเรื่อยๆตามถนนในเมือง ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเริ่มเข้าสู่ชุมชนนอกเมือง มีแวะรับคนรายทางบ้าง บนรถแจกน้ำเปล่า 1 ขวด คันนี้ที่นั่งไปขับรถซิ่งมากอ่ะ นั่งหน้าไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น แต่วิสัยทรรศน์ชัดเจนแจ่มแจ๋วเหมือนเป็นคนขับซะเอง  นั่งๆไปหัวใจจะวายถนนแย่มากและเป็นถนนเล็กๆสองเลน Smiley กลางคืนถนนเส้นนี้มีแต่รถบรรทุกใหญ่ขับสวนไปมา เวลาแซงกันเค้าแซงระยะประชิดแบบ10-20 เมตรเองอ่ะ ไม่แซงกันก็กดแตรดังๆไปตลอดทาง ใจหายไปหลายทีเพราะขับได้เฉียดคนที่เดินไปมาตามทางเดินมาก หันหน้าไปดูแขกทั้งคันนอนหลับสนิท     เจ้าหน้าที่ดึงม่านหน้าที่นั่งมาบังแสงส่องแยงตาให้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ประจำรถเลยค่ะ  น่ารักมาก พยายามไล่คนที่มั่วๆย้ายมานั่งข้างๆเราให้กลับไปนั่งที่เดิม เพราะเค้าจะพยายามเก็บที่นั่งข้างๆเราให้ว่างตลอด เราเลือกที่นั่งหลังคนขับค่ะ คิดว่าเป็นจุดปลอดภัยจากคนในรถด้วยกันที่สุดแล้วล่ะ เวลามีคนขึ้นระหว่างทางเค้าก็จะมานั่งกันไว้ก่อน พอคนไปนั่งที่อื่นหมดแล้วเค้าจะลุกไปนั่งที่ของเค้าใกล้ๆประตูรถ เราเลยเหมือนวีไอพีที่เหมาที่นั่งไปสองที่นั่งคนเดียวไปทั้งทาง 


เหมือนรถทัวร์บ้านเราค่ะ เค้าก็จะมีเปิดหนังให้ดูเรื่องหนึ่งตอนรถออก ประมาณพวกหนังแนวๆจักรยานสีแดงน่ะค่ะ เน้นตลกเฮฮา



จุดพักรถจุดแรกค่ะ รถมาจอดพักตอนประมาณ 5 ทุ่มครึ่งอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมง แวะลงไปยืดแข้งยืดขา เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน ใครหิวก็แวะซื้ออาหารทานได้ ของขบเคี้ยวก็มีขายนะคะ



จุดพักรถจุดที่สอง ตอนประมาณตี 4 ค่ะ รถจอดประมาณ 15-20 นาที ให้แวะเข้าห้องน้ำ เราเริ่มเข้าสู่ภาคเหนือแล้ว อากาศภายนอกเย็นพอสมควร







Free TextEditor


Create Date : 09 พฤษภาคม 2554
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 19:16:52 น. 5 comments
Counter : 5613 Pageviews.  
 
 
 
 
มายกนิ้ว ซูฮก คุณ bkkplayground เลยค่ะ เล่าได้สนุกได้อรรถรสมากก

แล้วจะตามมาเที่ยวต่อนะคะ

ปล.ขออนุญาตโหวตให้ในสาขาท่องเที่ยวและการเดินทางค่ะ
 
 

โดย: i'm not superman วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:11:53 น.  

 
 
 
ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: bkkplayground วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:18:01 น.  

 
 
 
สนุกค่ะ
กำลังจะไปอินเดียปลายปี เหมือนกัน คะ
 
 

โดย: สายฝนตก วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:54:17 น.  

 
 
 
บอกได้ละเอียดดีค่ะ แบบนี้ไม่หลงแน่ ๆ
 
 

โดย: Maeboon วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:40:58 น.  

 
 
 
เทคนิคที่เราใช้บ่อยที่สุดกับคนที่หากินย่านนักท่องเที่ยวที่ชอบเข้ามาทักเราประมาณว่าจะช่วยยังโง้นยังงี้ตอนอยู่อินเดียคือ หูหนวก-ตาบอด ไอไม่ได้ยิน ไอไม่เห็น พูดไรอ่ะ ไม่รู้เรื่อง แต่ที่จริง กำลังหลงทางและงงกับแผนที่ในมือเป็นที่สุด
 
 

โดย: bkkplayground วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:52:21 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

bkkplayground
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com
[Add bkkplayground's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com