อินเดีย - วันที่สอง เมืองกังต็อก

รถเข้ามาจอดในบริเวณ Bus Stand ของเมืองกังต็อก ถ้าเป็นรถโดยสารสาธารณะที่วิ่งระหว่างเมือง ส่วนมากเค้าจะมาจอดที่นี่หมด เห็นบางคันที่เพิ่งออกไปก็เป็นรถเมล์คันใหญ่ๆที่วิ่งกลับไปสิริกุรี จากตรงนี้เราจะต้องเรียกรถไปต่อไปโรงแรมเอาเอง ก็เช่นเคย มีคนเข้ารุมล้อมถามว่าจะไปไหนต่อ แต่ดีกว่าท่ารถที่อื่นๆในอินเดียที่เจอมา บอกสถานที่เสร็จสรรพ เจ้าของรถบอกราคา 100 รูปี ลดราคาลงอีกหน่อยได้ไหมคะพี่ โรงแรมที่จะไปเนี่ยมันใกล้ท่ารถเลยนะ ไม่น่าจะเกิน 40-50 รูปี  ไม่ได้หรอกครับ เค้าก็ใช้เรตนี้กันทั้งนั้นแหละ  อืมมมมม...งั้นขอบคุณค่ะ เดี๋ยวขอไปเองดีกว่า ว่าแล้วก็เดินจากมา


เราจองโรงแรมในกังต็อกไว้ล่วงหน้าแล้ว 2 คืนผ่านทางอินเตอร์เน็ต โรงแรมที่จองก็อยู่ไม่ไกลจาก MG Marg ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองกังต็อก ดูจากแผนที่แล้วก็ไม่น่าจะไกลมากจาก Bus Stand แต่เมื่อรถเริ่มเข้าสู่เมืองกังต็อก เราเริ่มรู้สึกว่า อาจจะประเมินระยะทางคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปเยอะ เพราะกังต็อกเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่กินอาณาบริเวณภูเขาไปหลายลูกทีเดียว


อันที่จริงเราก็เคยได้อ่านข้อมูลจากหลายๆท่านที่มาโพสต์ไว้นะคะ ว่าถ้าเจอพวกรถที่มีป้าย Taxi วิ่งผ่านตามถนน โบกให้เค้าจอดแล้วขึ้นรถไปได้เลย ก็แค่บอกกับเค้าว่าจะไปไหน เค้าก็จะไปส่งให้ แชร์แท็กซี่ที่เคยได้ยินมา นั่งได้ 4 คน แล้วแต่ใครจะโบกตรงไหน บอกคนขับว่าจะลงตรงไหนก็พอ ราคาอยู่คนละ 10 รูปี แต่ข้อมูลนี้มันก็เก่าแล้วนะ ราคาคงมีการปรับขึ้นบ้างแล้วล่ะ น่าจะประมาณ 15-20 รูปี ว่าแล้วออกมาเสี่ยงดวงดูกับแท็กซี่นอก Bus Stand ดูเองดีกว่า


เดินลงจาก Bus Stand มายืนริมถนนภายนอก รถก็วิ่งผ่านไปมา คันไหนเค้ามีครบ 4 คนแล้วเค้าก็ไม่จอด คันแรกมาจอดรับ รีบวิ่งไปบอกชื่อโรงแรมพร้อมถนน เวงและกำ  คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่เค้าก็พยายามสื่อสารให้เรารู้ว่า โรงแรมนี้อยู่ไม่ไกล เดินไปก็ได้ เอิ๊ก!!! พี่เดินไม่ไหวแล้วจ้าน้อง ขอนั่งรถสบายๆละกัน เอ้า!! รอคันใหม่มา สักพักก็มีอีกคันมาจอด คนขับพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างเล็กน้อย มีผู้โดยสารอยู่แล้วในรถ 2 คน เป็นนักเรียน คนขับดูที่อยู่สักพัก ก่อนบอกราคา 70 รูปี เอาฟะ ไม่ลองคันใหม่แล้ว ยอมเสียราคานี้ดู จะได้รู้ว่ามันใกล้ไกลขนาดไหน คิดว่าเป็นค่าวิชาก็แล้วกัน ว่าแล้วก็แอบๆมองเวลาน้องๆนักเรียนลงระหว่างทางว่าเค้าจ่ายกันคนละเท่าไหร่ 15 รูปีเท่านั้นค่ะ อิชั้นเสียเพิ่มจากราคาปกติไปอีก 55 รูปี  เอาล่ะ ไม่เป็นไร คิดซะว่าเป็นค่าครู แท็กซี่คันหน้าไม่ได้กินเงินชั้นเพิ่มแล้วแน่นอน


ภาพนี้เป็นถนนใกล้ๆโรงแรมที่พัก



ก่อนถึงที่พัก เริ่มสอดสายตามองตามแผนที่ รถวิ่งผ่านถนน MG Marg ที่อยู่ทางซ้ายมือของเรา ใกล้ที่พักเข้ามาแล้ว แอบดีใจเพราะคิดถูกแล้วที่นั่งรถ ดูจากระยะทางแล้ว มันคงจะเป็นทางใกล้ๆของคนที่เดินบนเนินเขามาตั้งแต่เกิดอย่างคนสิกขิม ไม่ใช่สำหรับคนพื้นราบอย่างเรา ที่พักที่จองมา อยู่ถนน Upper Arithang จองจากเวบ www.cleartrip.com หรือ www.makemytrip.com จะถูกกว่าราคาในเวบไซด์ของโรงแรมโดยตรง


ทางลงไปโรงแรมโค้งได้หวาดเสียวมาก นี่ก็ไม่ได้คาดคิดมาเช่นกันว่า ถนนที่อยู่ใกล้ MG Marg ทำไมมันถึงได้เล่นระดับขนาดนี้ล่ะเนี่ย หัวใจจะวายอีกหนเมื่อเห็นรถวิ่งสวนทางขึ้นมาพร้อมเสียงบีบแตรดังสนั่น ถนนเล็ก โค้งเป็นวงกลม แถมเล่นระดับ 45 องศายังกะสนามแข่งแบบนี้ เค้ายังให้รถสวนทางกันได้อีกเหรอ??


บันไดสูงชันสีเขียวที่เห็นคนเดินขึ้นลงในภาพ จะไปเชื่อมกับถนนในภาพจาก คห 55 ค่ะ ส่วนตึกเหลืองๆสูงๆ นั่นคือ Hotel View Point ส่วนโรงแรมที่เราจะพักในกังต็อกวันนี้  ยังค่ะ ยังไปไม่ถึง รถต้องขับลงไปตามถนนที่มีคนเดินลงนั่นแหละ และก็มีรถขับสวนขึ้นมาเป็นระยะๆด้วยนะคะ กะเหรี่ยงไทยเริ่มมีอาการนอยด์และจิตตกเล็กน้อย จะไกลมั๊ยว้า เค้ายิ่งไม่ชอบเดินขึ้นเนินอยู่ด้วยอ่ะ



70 รูปีสำหรับกะเหรี่ยงไทยเริ่มจะไม่แพงขึ้นมาแล้วค่ะพี่โชเฟอร์



ลงถนนที่เทลาด 45 องศา แล้วเลี้ยงโค้งมาตามทางเป็นวงกลม เพื่อมาลอดใต้ถนนที่เมื้อกี้รถวิ่งมา เอิ่ม..ใต้สะพานเนี้ย กลางวันก็ว่ามืดแล้วนะ แต่กลางคืนมืดโครตๆ แถมไม่มีไฟทางด้วย  แอบจินตนาการไปถึงโจรมุมตึกแบบการ์ตูนขายหัวเราะของไทยในบางครั้งเวลาเดินขึ้นเดินลง



ทางน้ำไหลผ่านบนถนนที่อยู่ใต้ถนนอีกที ทฤษฎีการวางระดับต่อท่อน้ำส่งจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ น้ำมันคงไหลไปรวมตัวกันที่แม่น้ำระหว่างทางที่เราเดินทางเข้ามากังต็อก มอสและใบเฟิร์นปกคลุมดูชุ่มชื้น เวลาเดินผ่านกลางคืน เสียงน้ำไหลดังกว่ากลางวันซะอีก เสียงเหมือนแม่น้ำที่มีกระแสน้ำแรงๆไหลผ่าน



เลยมาอีกไม่ไกลก็ถึงโรงแรมที่พักแล้ว ลงรถแล้วมองย้อนกลับขึ้นไป อืมม...เนินเขา เนินเขา และเนินเขา



Hotel Sagorika ที่จะมาพักวันนี้และคืนพรุ่งนี้ โรงแรมสีเขียวด้านขวามือของภาพ ตรงข้ามโรงแรมมีร้านโชว์ห่วยอินเดีย ขายทุกอย่างตั้งแต่ลูกอม ขนมหลอกเด็ก ข้าวสาร อาหารสด ไปยันเครื่องสำอางค์ ที่สำคัญ ราคาไม่แพง


เป็นที่น่าสังเกตุว่า ถนนแถวๆนี้มีโรงแรมใหม่ๆดีๆราคาไม่แพงเยอะ คุณภาพห้องและบริการกับความสะอาดดีเกินคาดเมื่อเทียบกับโรงแรมที่ราคาเท่าๆกันหรือสูงกว่าบนถนน MG Marg พักตรงนี้ข้อดีที่มีก็คือ ไม่หนวกหูเสียงดังกับเสียงรถบนถนน อยู่ไม่ไกลจาก MG Marg อยู่ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเมืองเนินเขาแบบนี้ได้สักพักก็เริ่มจะชอบ ไม่จอแจดี ความปลอดภัยของโรงแรมถือว่าค่อนข้างดี เรตค่าห้องก็เป็นแบบ Budget ที่โรงแรม Sagorika ดูภายนอกอาจจะไม่ใหม่มาก แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี และมีคอมเมนท์ที่ดีมากบน tripadvisor เมื่อเทียบกับบางโรงแรมใกล้ๆกันที่ราคาไม่ต่างกันมาก สถานที่ดูโอ่โถงกว่า มีบริเวณกว้างขวางให้จอดรถ อันนี้ไม่สนใจเพราะอิชั้นไม่มีรถขับเองในสิกขิมนะคะ  แต่บางอย่างกลับไม่มีให้เช่น บริการเสริมอย่าง Free Wi-Fi


ตอนที่จะจองโรงแรมก่อนเดินทาง ก็แอบๆเล็งๆไว้หลายๆที่ เช่น Anola บนถนน MG Marg New Market หรือ Hotel Bayul ที่อยู่บน MG Marg เลยเช่นกัน ราคาก็ไม่ต่างกันมาก แต่เมื่อมาอ่านคอมเมนต์หลายๆอย่างและออฟชั่นเสริมของโรงแรมประกอบกันแล้ว สุดท้ายก็เลือกที่ Sagorika



ลากกระเป๋าเข้ามาเช็คอินก่อน เสร็จแล้วจะออกไปดี๊ด๊าตามล่าทัวร์เที่ยวสิกขิม



ตึกสีเขียวๆที่เห็นอยู่มุมภาพทางซ้ายคือที่พักเรา  ถือคติ Slow Walk เท่านั้น เหนื่อยก็หยุดไม่รีบไม่ร้อน ที่ไหนได้ หยุดหอบแฮ่กๆทุก 10 เมตร อินเดียเจ้าบ้านเดินกันเชิบๆฝีเท้าดีไม่มีตก คงแปลกใจว่ากะเหรี่ยงไทยทำไมมันอ่อนแอจังฟะ เดินแค่นี้หอบซะแล้ว ว่าแล้วก็มีเด็กอนุบาลอินเดียวิ่งแซงโค้งตรงถนนทางลงมาโรงแรมด้วยสปีดนักวิ่ง  อึ้ง  ทึ่ง ชั้นไม่สามารถ  ขอป้าเดินตามก็แล้วกันนะหลานๆ


เดินดูแผนที่ ขึ้นมาถนนใหญ่แล้วไปได้สองทาง ถ้าไปซ้ายก็เดินเนิบๆไปเดี๋ยวก็ถึง MG Marg ไปขวาก็ซิกแซกหน่อยกว่าจะถึง MG Marg แต่มันมีทั้งตลาดสดกะถนนคนเดินอ่ะ ไปขวาละกัน



เอามาให้ดูเล่นๆ ทางเดินลงไปโรงแรมมองจากถนนข้างบน เผื่อใครจะอยากไปพักที่นี่ นอกจากยาดม อย่าลืมพกเคาท์เตอร์เพนไปนวดขากันด้วยนะคะ 


ตึกสีอิฐริมถนน  เก่า..แต่สวยจนต้องหยุดมองจนเหลียวหลัง


เดินมาเรื่อยๆ สองข้างทางมีแต่ตึกสูงหลายชั้น ให้เราอยู่ตึกสูงแบบนี้ เราไม่เอานะ เดินขึ้นบันไดไม่ไหว 


เมื่อไล่ตามแผนที่ในโลนลี่แพลนเน็ตมาเรื่อยๆ เราจะเจอ Denzong Cinema โรงหนังของกังต็อกอยู่ซ้ายมือส่วนป้ายเขียวๆที่เขียนว่า Baker's Cafe ไม่ได้หมายความว่า Baker's Cafe อยู่ตรงนั้น แต่เป็นป้ายโฆษณา ร้านจริงๆอยู่บนถนน MG Marg เดี๋ยวจะลงรายละเอียดให้นะคะ

ซ้ายมือข้างๆประตูสีฟ้าที่อยู่ซ้ายสุดในภาพ คือทางเดินบันไดที่เรียกว่า ถนน Lal Market เมื่อเดินตัดขึ้นไป จะเจอกับถนน MG Marg และ MG Marg New Market


ขอแวะที่นี่ก่อนนะคะ Kanchanjunga Shopping Plaza

Kanchanjunga Shopping Plaza อยู่ถัดจาก Denzong Cinema มาทางขวา เป็นตึกสูงประมาณ 3-4 ชั้น ที่นี่แหละที่เรามาแฝงตัวอยู่นานไม่แพ้ MG Marg    กะเหรี่ยงไทยยังแอบพกนิสัยชอบเดินตลาดสดมาถึงกังต็อก


ชั้นล่างก็เป็นตลาดปกติ ขายผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ สารพัดที่ตลาดสดเค้าจะมีกัน


คนเดินเยอะทั้งวัน ไม่ว่าจะมาตอนไหนเวลาไหน เคยแวะมาเดินเล่นตอน 5-6 โมงเย็น คนเยอะกว่าตอนเช้าซะอีก


ถ้าได้กลับมากังต็อกอีก ลงทุนหาโรงแรมที่มีห้องครัวไว้ทำกับข้าวด้วยเลยดีมั๊ยน้า  จะมาเดินช้อปกับข้าวให้กระหน่ำไปเลย


เห็นชั้นล่างเป็นตลาดสดแบบนี้อย่าเพิ่งร้องยี้กันนะคะ ชั้นสอง สาม และสี่ ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ ใครอยากได้เสื้อผ้า เค้าก็จะเดินไปชั้นบนๆ มีร้านขายเป้ ขายเครื่องสำอางค์ ขายทุกอย่างที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันน่ะค่ะ ชั้นบนๆก็จะเป็นพวกรับตัดเย็บซ่อมแซมปะชุนเสื้อผ้า ร้านค้ามีหลากหลาย เดินดูกันดีๆอาจจะเจออะไรที่เราไม่นึกว่าจะมาหาได้ที่นี่ก็ได้


มาแวะซื้อผลไม้กลับไปทานที่โรงแรมทุกวัน สิกขิมเค้ารณรงค์ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติกนะคะ ถ้าซื้อของไม่ว่าจะตรงไหนของสิกขิม โดยเฉพาะที่ตลาดสด เค้าจะเอาของที่เราซื้อห่อกระดาษยื่นส่งให้ ดังนั้นเราจะเห็นคนสิกขิมหิ้วถุงโลกร้อนเดินกันไปมา อินเทรนด์มากกกกกกกกก

ถุงพลาสติกแอบเห็นบางร้านอาหารเค้าก็ใช้นะคะ แต่เค้าจะเอาไว้ใส่อาหารสำหรับลูกค้าที่จะเอาอาหารกลับบ้านไปทาน แต่ก็ยังต้องแพ็คด้วยกระดาษห่อมาอีกชั้น จะมาเดินถือโทงๆให้เห็นไม่ได้


ย้อนกลับออกมาจากตลาดสด เดินย้อนผ่านโรงหนังกลับมาปีนเนินเขาเดินขึ้นบันไดกันอีกรอบ จะเดินลัด Lal Market ขึ้นไปถนน MG Marg

แวะดูร้านขายซีดีก้อปปี้ปากทางเดินขึ้นบันได   ว่าจะลองคุ้ยๆดูเผื่อเจอหนังไทย สู้แรงแขกมุงไม่ไหว ขอไปเดินเล่นก่อน ไว้เดี๋ยวจะย้อนกลับมาดูอีกครั้ง


ถนน Lal Market เนี่ย มีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่กะเหรี่ยงไทยชอบมาก มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสำเพ็ง พาหุรัด คลองถม สะพานหัน และบางลำภู 


ของที่ระลึกก็มีขายบ้างประปราย บางร้านก็ขายเครื่องไฟฟ้า อยากได้ผ้าไปตัดเสื้อผ้าที่นี่ก็มี ร้านขายมือถือ เครื่องสำอางค์ ร้านอาหาร มีครบหมด


ร้านตัดผมก็มีหลายร้านอยู่นะเธอ    อยากลองบ้างจัง!!!!!!


อยู่เมืองนี้ เห็นลามะ พระ เณรและสามเณรีเดินกันตามตลาดและท้องถนนเป็นประชากรหมู่มากอยู่เหมือนกันนะเนี่ย


ทางเดินชันอยู่ไม่ใช่น้อย กะเหรี่ยงไทยเริ่มออกอาการหอบแฮ่กๆอีกรอบ กำลังหยุดยืนพัก หันหลังไปเจอคุณยายท่านนี้กำลังเดินขึ้นบันไดถนน Lal Market อย่างช้าๆแต่มั่นคง บ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายว่าปึ๊กกว่ากะเหรี่ยงไทยขนาดไหน  ทำให้เกิดแรงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง เดินก็เดินฟะ สู้!! สู้!! 


เดินขึ้นมาจนสุดขั้นบันไดสุดท้าย เราก็จะมาเจอกับถนน MG Marg ช่วงรอยต่อกับ MG Marg New Market

MG Marg จะเป็นถนนคนเดินที่ปิดไม่ให้รถเข้าออกนะคะ แต่ช่วงที่เป็น MG Marg New Market ที่ถ้าขึ้นมาจนสุดขั้นบันไดสุดท้ายมาแล้วเลือกเลี้ยวขวา โซนนี้เรียกว่า MG Marg New Market ตรงนี้เค้าเว้นให้รถวิ่งได้เลนเดียว ไม่มีรถขับสวน แต่อีกเลนจะกลายเป็นถนนคนเดิน แต่ถ้าเดินขึ้นมาแล้วเลือกเลี้ยวซ้าย จะเจอหน้าตาของ MG Marg ตามภาพนี้ล่ะค่ะ

ถนนสำหรับนักท่องเที่ยวของกังต็อก บาจา คอนเวิร์ส เวสเทิร์นยูเนี่ยน โรงแรม ร้านอาหาร ร้านไอศครีม สารพัดจะมีอยู่ที่นี่ทั้งหมดค่ะ ถนนทางราบไม่มีเนินเขาให้คนทางราบเดินเล่นในเมืองกังต็อก มีแค่ที่นี่เท่านั้น ถนนปูอิฐอย่างดี มีร้านค้าสองข้างทาง คนเดินเที่ยวกันทั้งวัน ใครจะมาแวะพักกังต็อกแค่วันเดียว พักที่นี่เลยก็สะดวกนะคะ ไม่ต้องปีนเนินเขาแบบเรา 

ย่านนี้มีโรงแรมหลากหลายตั้งแต่ถูกยันแพงค่ะ ทัวร์มีมากมาย แต่แน่นอน ชาวต่างชาติอย่างเราต้องอาศัยบริษัททัวร์ที่การท่องเที่ยวสิกขิมรับรองแล้วจัดการให้เท่านั้น จึงจะสามารถได้ไปทริปท่องเที่ยวฮิตๆของคนไทยเช่น ลาชุง ยุมถัง ลาเชน หรือทะเลสาบชางกู่ ส่วนทัวร์ทั่วไปที่เค้าจัดให้คนอินเดีย เค้าจัดให้เราไม่ได้ค่ะ

นักเรียนอินเดียนี่เค้าใส่ยูนิฟอร์มกันน่ารักนะคะ ยังมีกลิ่นอายของอาณานิคมหลงเหลือให้เห็นกันเด่นชัดเชียว


อากาศวันที่ 18 ที่ไปถึงกังต็อก ตอนกลางวันประมาณ 18-20 องศาค่ะ อากาศเท่าๆกับเมืองไทยตอนวันที่เราบินไปอินเดีย คนไทยว่าหนาว คนสิกขิมบอกอากาศกำลังดี แต่พอดึกๆมา แอบออกไปวัดอุณหภูมิที่ดาดฟ้าโรงแรมตอนเที่ยวคืน อากาศลดลงเหลือเฉียดๆ 1-3 องศา มาอยู่ 2 วันแรก ไม่มีโอกาสเห็นแดดเลย พอถึงวันที่ 20 ที่เป็น Holi ปีใหม่ของคนอินเดีย เป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ปีนี้ตรงกับ 20 มีนาคม ปีหน้ารู้สึกว่าจะเป็นวันที่ 7 มีนาคม แดดออกสว่างไสว แต่อากาศก็ยังไม่ใช่ว่าจะร้อนนะคะ ยังพอเย็นๆอยู่

ร้านแนะนำสำหรับท่านที่ต้องการร้านอาหารวิวดีๆและอาหารไม่จัดว่าแพง ซ้ายมือในรูปนะคะ TASTE OF TIBET ร้านอยู่ชั้นสามของตึก เดินขึ้นบันไดไป ถ้าโชคดี ก็จะได้นั่งโต๊ะริมหน้าต่าง มองลงมาเห็นคนเดินบน MG Marg กันขวักไขว่ ร้านนี้มีอีกสาขาอยู่ที่ถนน MG Marg New Market ด้วย อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่เราว่าร้านสีเขียวนี้วิวและทำเลดีกว่า


Chowmin หน้าตาแบบนี้ละม้ายคล้ายผัดหมี่ซั่วที่ชอบกิน จานนี้มีหลายราคา ไก่ หมู เนื้อ ราคาต่างกัน เราสั่งเป็น Chowmin Veg ผัดหมี่เจไม่ใส่เนื้อสัตว์ ราคาจานละ 60 รูปี ประมาณ 40 บาท ใช้ได้ไม่แพงมาก จานใหญ่เบ้อเริ่ม ดีที่ไม่หิวจนตาลายสั่งมา 3-4 อย่าง จานนี้จานเดียวกินแทบไม่หมด อิ่มสบายใจแล้วก็ย้ายออกจาก TASTE OF TIBET มาเดินติดต่อหาทัวร์เที่ยวก่อน เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากันทีหลัง


รูปจำลองของท่านมหาตมะ คานธี ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางถนนคนเดิน MG Marg ค่ะ


Lama Tours & Treks คือทราเวลเอเจนท์ที่ช่วยเหลือเราในการเที่ยวสิกขิมสำหรับทริปนี้

ที่จริงเจ้าแรกที่ไปสอบถามคือ Blue Sky Tours & Travels ที่หลายๆคนแนะนำกันมา แต่เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว จึงต้องอาศัยโชคและดวงว่าทราเวลเอเจนท์แต่ละเจ้าใครจะมีลูกค้าต่างชาติที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวในเส้นทางที่เราอยากไปอยู่พอดี จากนัน้ก็ต้องให้เค้าลองขอกับทางลูกค้าของเค้าอีกว่าจะยอมให้เราร่วมทางไปด้วยรึเปล่า โชคไม่ดีที่ทาง Blue Sky Tours & Travels ไม่มีลูกค้าในเส้นทางที่เราต้องการจะไปเลยในระหว่างที่เราอยู่ในสิกขิม แต่ทางเค้าก็ขอเบอร์โทรศัพท์ของเราไว้ ในกรณีที่ถ้าเค้ามีลูกค้าเข้ามาสอบถาม เค้าจะได้เสนอเราให้ร่วมทางไปด้วย จากการพูดคุยกันได้ระยะหนึ่ง ยอมรับเลยว่า Blue Sky Tours & Travels ค่อนข้างจะมีความเป็นมืออาชีพสูงมากๆ เนื่องจากทางบริษัทก็มีทำทัวร์สำหรับลูกค้าที่จะไปเล่นสกีหรือทำกิจกรรมต่างๆเช่น เทรคกิ้ง มีร้านขายอุปกรณ์กีฬาและการเดินทาง ได้คุยกับเจ้าของผู้ชายซึ่งอธิบายหลายๆอย่างให้เราได้ดีมาก Blue Sky Tours & Travels อยู่ใกล้ๆกับการท่องเที่ยวสิกขิมค่ะ ถ้าได้เห็นกระทู้เก่าๆของนักเดินทางหลายๆท่านที่มาให้ข้อมูลไว้ คงจะพอนึกภาพกันออก

เจ้าต่อไป Altitude Tour อยู่ถัด Blue Sky Tours & Travels มาไม่ไกล เป็นห้องเล็กๆอยู่ติดๆกับการท่องเที่ยวสิกขิม ได้อ่านคอมเมนต์ไม่ค่อยดีมาเท่าไหร่ของเจ้านี้ผ่านทางหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวบางเล่ม หรือแม้แต่จากบางเวบไซด์ เนื่องจากมันอยู่แทบจะติดๆกัน เลยว่าจะเข้าไปถามๆดูซะหน่อย เดินเข้าไปรอบที่หนึ่ง ไม่มีใครอยู่เลยสักคน 10 นาทีผ่านไป กลับไปอีกรอบ ก็ยังไม่มีใคร เดินออกมาซื้อไอศครีมแล้วเดินกลับไปอีกครั้ง ร้านก็ยังว่างเปล่า เป็นยังงี้อยู่ 3-4 ครั้ง จนสุดท้ายไม่รอแล้ว ขืนรอไม่รู้อิชั้นจะมีเวลาไปเดินคุยกะเจ้าอื่นรึเปล่า    เอาไว้ถ้าไม่มีใครพอจะจัดทริปให้ได้ เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ละกัน สงสัยเค้าจะออกไปหาลูกค้าอยู่ อันนี้ถ้าใครมาถามว่าเจ้านี้เป็นยังไง ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะไม่เจอใครสักคน

เดินผ่านหน้าการท่องเที่ยวสิกขิมไป เอ..รึเราควรจะไปตามล่าหา Modern Treks & Tours ดีน้า พอเดินไปสุดการท่องเที่ยวสิกขิม เห็นห้องแถวเล็กๆอยู่หัวมุมถนน มีป้ายล่อตาล่อใจเราด้วยสารพัดชื่อสถานที่ที่อยากจะไป โอ้ว!!  ครบหมดเลยอ่ะ ชื่อไม่คุ้นอ่ะไม่เคยได้ยินเลยเจ้านี้ แต่ยังไงก็ขอแวะก่อนเลยละกัน

เสียเวลาคุยกันไปพักใหญ่ สรุปว่า เราน่าได้ทริปไปทะเลสาบชางกู่ในวันอาทิตย์ที่ 20 ไปกับฝรั่งที่เพิ่งเดินสวนออกไป 2 คน เสียค่าทริปคนละ 800 รูปี ส่วนวันพรุ่งนี้วันที่ 19 ประเดิมด้วยทัวร์ครึ่งวัน 7 Sights Seeing คนเดียวราคา 850 รูปี ไปเที่ยว 7 ที่ในกังต็อก ทางทัวร์จะเดินเรื่องทำ permit ให้ไปชางกู่ในวันพรุ่งนี้ แล้วมะรืนก็พร้อมเดินทางต่อ ส่วนลาชุง ยุมถัง และลาเชน เจ้าของทัวร์บอกว่า จะพยายามหาให้ ถ้าเค้าไม่มีจะพยายามถามเจ้าอื่นๆให้ด้วย แต่ทัวร์เที่ยวกังต็อกครึ่งวัน 850 รูปี มีคนอาจจะอยากขอแจมด้วย เป็นผู้หญิงอินเดีย เดินทางมาเที่ยวสิกขิมคนเดียวเช่นกัน ถ้าเราไม่ซีเรียสยอมให้เค้าร่วมทางได้ เราก็จ่ายแค่ 450 รูปี ทางโน้นก็จ่ายอีกครึ่งนึง 2 คนจะกลายเป็น 900 รูปี

กะเหรี่ยงไทยเกิดจะเห็นใจคนเดินทางคนเดียวขึ้นมา เพราะรู้แล้วว่ามันลำบากแค่ไหนกว่าจะหาคนไปด้วยกันได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย เซย์เยสทันที ที่จริงเที่ยวในกังต็อกไม่ต้องแชร์กันเที่ยวก็ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมทางไปด้วยก็ดี ประหยัดไปตั้งครึ่งราคา แถมยังมีคนคุยเป็นเพื่อน ไม่ต้องนั่งหง่าวๆไปกะคนขับสองต่อสอง แต่หากคุยกะเพื่อนร่วมทางไม่ค่อยเข้าใจไม่รู้เรื่อง เราก็ปล่อยเค้าสปีคฮินดี้กับคนขับไป เพราะเค้าก็อินเดียทั้งคู่      ส่วนเราก็เสียบหูฟังเพลงไปซะ อิอิอิ แอบกระหยิ่มยิ้มย่องแบบคนมีแผนร้ายในใจ เหอๆๆๆๆ 


Binita เจ้าของ Lama Tours & Treks   

อันที่จริงสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจใช้บริการกับ Lama Tours & Treks เป็นเพราะว่าการเสนอออฟชั่นการเที่ยวหลายๆอย่างของ Binita ด้วย อย่างน้อยเธอก็รู้ว่า หากยังไม่มีทัวร์ให้เราไปเที่ยวไกลๆอย่างลาชุง ยุมถัง ลาเชน เธอก็สามารถแนะนำให้เราเที่ยวกังต็อกไปก่อนระหว่างที่ยังรอหาทัวร์อื่นๆ ประกอบกับเธอมีลูกค้าที่สนใจจะไปทะเลสาบชางกู่พอดี นั่นเลยทำให้ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น ถ้าหากว่าทาง Blue Sky Tours & Travels เสนอทัวร์ครึ่งวัน หรือทัวร์เต็มวันในกังต็อกให้เราตอนที่เราเข้าไปสอบถาม เราก็น่าจะตัดสินใจซื้อทัวร์ประเภทนั้นกับเค้าไปก่อนเจอกับ Binita แล้ว แต่พอดีว่าทางโน้นเค้าไม่ได้เสนออะไรออกมาเลย ปล่อยกะเหรี่ยงไทยเดินคอตกอย่างหมดหวัง   ก่อนจะมาเจอแสงสว่างสุดท้ายที่สุดถนน MG Marg   

ยิ้มออกแล้วอ่ะ ยิ้มไม่หุบด้วย   กลับโรงแรมเลยละกัน เดินทางอย่างทรหดมาหลายร้อยกิโลแล้ว ขอกลับไปอาบน้ำชุบตัวที่โรงแรมก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที


ไกด์และสต๊าฟของ Lama Tours & Treks ลูกน้องของ Binita ที่เฟรนด์ลี่และเทคแคร์เราดีมากสำหรับทริปสิกขิมครั้งนี้ 


ถนน MG Marg มองจากสะพานลอยฝั่งสุดถนน มองลงมาจะเห็นการท่องเที่ยวสิกขิมอยู่ขวามือ บริษัททัวร์ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งสามแห่งก็อยู่แถวๆนี้คะ ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนเช้าวันที่เดินทางไปทะเลสาบชางกู่

>

ลองเดินกลับโรงแรมจากอีกเส้นทาง สุดถนน MG Marg จะมีสะพานลอยสีเขียวๆ อยู่ใกล้ๆกับ Lama tours & Treks ให้เดินข้ามไปอีกฝั่งถนนเพื่อเดินกลับ Hotel Sagorika ที่กะเหรี่ยงไทยพักบนถนน Upper Arithang กลางสะพานลอยมองเห็นถนนหลวงของกังต็อกจากมุมสูง หันขวามามองฝั่งนี้คือเส้นทางที่แท็กซี่พาเราวิ่งตรงมาจากเลนทางขวาเพื่อไปส่งเราเช็คอินที่ Hotel Sagorika ระหว่างทางก่อนถึงโรงแรม ตรงที่เราเห็นถนน MG Marg ก็คือตรงนี้ ถนนเส้นนี้ ถ้าจำไม่ผิด ชื่อถนน National Highway ตอนนี้ให้รุ่นน้องยืมโลนลี่แพลนเน็ตไปเที่ยวสิกขิมเลยตรวจเช็คข้อมูลไม่ได้ ผิดถูกยังไงทักท้วงได้นะคะ 


แต่เราจะเลือกลงสะพานลอยด้านฝั่งบันไดทางขวามือในรูป เดินลงไปเรื่อยๆ จะเจอสถานีตำรวจอยู่ขวามือ เดินเนิบๆไปบนเนินเขาอีกครั้ง


เดินมาเรื่อยๆจะเห็น Bus Stand อีกแห่งอยู่ขวามือ ตรงนี้ไม่ใช่ จุดที่เรามาลงรถแชร์จิ๊บจากสิริกุรีนะคะ แต่จะมีรถแชร์จิ๊บจากตรงนี้ไปวัดรุมเต็ก Rumtek Monastery หรือในอีกชื่อคือ Dharma Chakra Centre ที่มี Golden Stupa ให้ไปเยี่ยมชม เอาไว้รายละเอียดของวัดรุมเต็กจะลงให้ภายหลังดีกว่า



เจ้าของโรงแรมที่ไปพักบอกว่า ตรงนี้เป็น Old Bus Stand ของกังต็อก ถ้ายูจะไปเที่ยววัดรุมเต็กเองไม่เหมารถ ยูมารอแชร์จิ๊บไปรุมเต็กที่นี่ก็ได้ น่าจะประมาณ 50-60 รูปีต่อหัว เห็นมีรถวิ่งออกไปจากตรงนี้บ้างแล้วตอนกลางวัน แต่ว่าแต่ละคันก็อัดกันแน่นๆน้องๆปลากระป๋องเลยอ่ะ นับจำนวนคนในรถแทบจะไม่ถูกว่ามีกี่คนกันแน่


เดินตามสาวๆอินเดียไปตามถนนที่เลียบไปกับ Bus Stand ในแชร์จิ๊บที่เห็นก็ประมาณไซส์นี้ทั้งนั้นเลยอ่ะ พอฟัดพอเหวี่ยงกับกะเหรี่ยงไทยเลยวุ้ย 


แถวๆ Bus Stand ตรงนี้ก็มีโรงแรมเยอะอยู่นะคะ ตอนแรกเราก็นึกว่า Hotel Sagorika น่าจะอยู่แถวๆตรงนี้ ปักหมุดบนแผนที่ของกูเกิ้ลปักพลาดไปเยอะนะเนี่ย!   

แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ได้พักแถวนี้ก็น่าจะดีกว่า เพราะติดถนนใหญ่ คงจะหนวกหูเสียงรถทั้งกลางวันและกลางคืน วันนี้ตั้งใจว่าได้ทัวร์แล้วจะลองเดินหาโรงแรมใหม่เพื่อจะย้ายมาอยู่ให้ใกล้ MG Marg มากขึ้น ที่จองมากับ Hotel Sagorika ก็จองมาแค่สองคืนเอง แต่เดินต่อไม่ไหวแล้ว เหนื่อย ง่วง และหิวอีกแล้ว  

ตึกแถวขวามือเลย Bus Stand ไปนิดหน่อย ริมๆถนนจะมีร้าน Domino's Pizza อยู่ร้านนึง สังเกตหาไม่ยาก มีโรงแรม Magnolia อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านพอดี ว่าแล้วก็แวะเข้าไปสอยพิซซ่ากับไก่ย่างไปนอนกินที่โรงแรมดีกว่า 


มื้อค่ำอันแสนจะเอร็ดอร่อยวันนี้ คอนเฟิร์มเลยว่า ไก่ย่างของโดมิโน่พิซซ่ารสเด็ดมากกกกกก  พิซซ่าก็โอเคเลยค่ะ เราว่าพิซซ่ากับไก่ย่างของโดมิโน่อร่อยกว่าที่ร้าน Baker's Cafe บนถนน MG Marg นะ โดยเฉพาะไก่ย่างนั้น รสชาติกินขาด    พิซซ่าที่ Baker's Cafe มันจะมีกลิ่น Curry แบบแขกๆฉุนไปนิดนึง โดมิโน่พิซซ่าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะคะ เพียงแต่มันไม่ได้ฉุนมากเกินไป พอรับไหว

ชั้นบนของร้านโดมิโน่มีโต๊ะให้นั่ง ในกรณีที่ลูกค้าสั่งอาหารสำหรับทานที่ร้าน


เดินเลยร้านพิซซ่ามาอีกหน่อยเจอทางเดินกลับโรงแรมแล้ว สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วค่อยๆเดินลงไปอย่างช้าๆ   เอาน่า ขาลงมันไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้นหรอก ไม่เหนื่อยจริงค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นเดินจิกปลายเท้าแทน  เดินไปก็เสียวไป ไหนจะรถที่ขับขึ้นลง ไหนจะทางเดินโค้งชวนเวียนหัวกับเนินลาด 45 องศา เกือบล้มหน้าทิ่มถนนก็เกือบๆจะหลายรอบแล้วอ่ะ!!!    บ้านเค้าไม่มีแบบนี้นะ!!!


แต่ในความไม่คาดคิดบนถนนโค้งๆชวนเวียนหัวที่นี่แหละ ที่กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยมากอีกแห่งของเราทุกครั้งที่เดินขึ้นลงถนนสายนี้ บางครั้งเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน วันที่อากาศดีๆ ฟ้าโปร่งเป็นใจ เราจะเห็นพระอาทิตย์กลมโตสีส้มค่อยๆหายลับไปในทิวเขาสูงใหญ่ตรงหน้าในระหว่างทางเดิน สิกขิมนี่ก็แปลกอย่าง สว่างเร็ว มืดเร็ว เช้าๆประมาณตี 5 ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว 5 โมงเย็นพระอาทิตย์ก็เริ่มใกล้จะตกดิน คงเป็นเพราะอยู่บนภูเขาสูงใกล้หลังคาโลกอย่างธิเบต ทำให้ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ได้เร็วกว่าที่อื่นๆในโลก 


วันนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหนา แต่แล้วขณะที่กำลังเดินไปอย่างช้าๆ ภาพของแสงแดดที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า ผ่านเมฆหนาครึ้มลงมาเป็นลำแสง สะกดให้ทั้งแขกและกะเหรี่ยงไทยต้องหยุดมองด้วยความตกตะลึงและงงงวย ใช้เวลาไม่ถึงนาที ภาพนั้นก็หายไป กลับมาเป็นท้องฟ้าหม่นๆที่มีเมฆปกคลุมอีกครั้ง


นี่คงเป็นสิ่งที่เค้าเรียกกันว่า..มนต์สิกขิม







Free TextEditor


Create Date : 15 พฤษภาคม 2554
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 20:35:39 น. 0 comments
Counter : 3281 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

bkkplayground
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com
[Add bkkplayground's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com