“สิงห์อมควัน” ระวังเสี่ยงติดหวัดใหญ่
สธ.หวั่นหวัด 2009 กระจายไปพื้นที่ชนบท สั่งทุกจังหวัดเข้มมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง ด้านหมอเผยงานวิจัยล่าสุด 3 ประเทศยันตรงกัน “สิงห์อมควัน” เสี่ยงติดหวัดมรณะ ง่ายกว่าคนปกติ และอาการจะทรุดเร็วเพราะการสูบทำให้เชื้อยิ่งเข้าไปในปอดได้ลึก เมื่อวันที่ 30 ส.ค.52 นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ขณะนี้แนวโน้มการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ฯ แพร่กระจายจากเขตเมืองสู่ชนบทตามจังหวัดต่างๆ มากขึ้น สธ.ได้ให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามมาตรการ 2 ลด คือ ลดการติดเชื้อและป่วยให้มากที่สุด ลดการเสียชีวิตให้มากที่สุด และ 3 เร่ง คือ เร่งให้ อสม.ทุกหมู่บ้านค้นหาผู้ป่วยในความรับผิดชอบคนละ 10 - 15 หลังคาเรือน ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เร่งเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง และเร่งรัดการบริหารจัดการความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้เปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ให้บริการคำปรึกษาแนะนำประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทางโทรศัพท์หมายเลข 1422 และ 0-2590-3333 ประชาชนที่มีข้อสงสัยสามารถโทร.สอบถามได้ทันที จากการประเมินผล ในช่วงวันที่ 17-23 ส.ค.52 มีประชาชนโทร.สอบถามทั้งหมด 6,486 ครั้ง เฉลี่ยชั่วโมงละ 39 ครั้ง ประเด็นที่ยังสอบถามและขอรับคำปรึกษามากที่สุดยังเป็นเรื่องของข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เช่น อาการของโรค การติดต่อ การป้องกัน และการรักษา โฆษก สธ.กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการรับเชื้อ และรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง โดยออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ไข่ นม ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ขอให้ประชาชนหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ ภายหลังไอจาม หรือภายหลังสัมผัสสิ่งของที่มีผู้ใช้ร่วมกันเช่น ลูกบิดประตู ราวบันได มือจับตู้เย็น เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีชีวิตอยู่ที่มือได้นานประมาณ 5 นาที และมีชีวิตอยู่ตามพื้นผิวและสิ่งของเครื่องใช้ได้นานอย่างน้อย 2 ถึง 8 ชั่วโมง ขึ้นกับสภาวะแวดล้อม หากความชื้นต่ำ อากาศแห้งและเย็น เชื้อจะอยู่ได้นานขึ้น ผู้ที่มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ขอความร่วมมือให้หยุดพักอยู่บ้าน 7 วันจนหายป่วย และคาดหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปติดคนอื่น นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า ในการประชุมเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่กรุงปักกิ่ง โดยวารสารแลนเซต, กระทรวงสาธารณสุขจีนและองค์การอนามัยโลก มีการเสนอรายงานการวิจัยในฮ่องกงว่า ผู้สูบบุหรี่ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะตามปกติโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หากได้รับยาจะสามารถหายเองได้ และถ้าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงก็จะไม่มีอาการหนัก แต่พบว่าผู้ป่วย 12 ใน 27 คน ที่ไม่มีประวัติเสี่ยงอื่น กลับมีอาการปอดบวมแทรกซ้อนรุนแรงนั้น คนกลุ่มนี้คือผู้ที่สูบบุหรี่ รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้ที่สูบบุหรี่หนักยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงได้มากขึ้น เพราะการสูบบุหรี่ทำให้เชื้อยิ่งเข้าไปในปอดได้ลึกมากขึ้น “การศึกษานี้ถือเป็นการศึกษาชิ้นแรกที่ชี้ชัดว่า คนที่สูบบุหรี่มีอัตราเสี่ยงมากกว่าคนกลุ่มอื่น โดยผู้ป่วยในฮ่องกง ประมาณ 1 ใน 200 คน ที่ตรวจพบการติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ เกิดอาการอย่างรุนแรง และ 3 ใน 4 ของผู้ป่วยที่มีอาการอย่างรุนแรงเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง, เบาหวาน, โรคหัวใจและหลอดเลือด, อ้วน, และการตั้งครรภ์” นพ.หทัย กล่าวและว่า นอกจากนี้ นพ.จอร์น แมกแคนซี นักไวรัสวิทยาจากเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้นำเสนอว่า สารนิโคตินจะกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ และเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย รวมทั้งทำให้เกิดปอดอักเสบจากไวรัสด้วย สอดคล้องกับ ศ.นพ.เฟนาริ เฮเดน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวอร์จีเนีย ที่ระบุว่า การสูบบุหรี่ทำให้เชื้อไวรัสเติบโตได้ โดยที่ร่างกายไม่สามารถตรวจพบ และเข้าไปทำลายปอดส่วนลึกได้ง่ายด้วย “ปัจจุบันไทยมีผู้สูบบุหรี่ราว 10 ล้านคน คนเหล่านี้คือกลุ่มเสี่ยงสำคัญ หากได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเสี่ยงมีอาการรุนแรงกว่าผู้ไม่สูบ ผมทราบว่าถ้าจะบอกให้ผู้ที่สูบบุหรี่หยุดสูบทันทีคงไม่ได้ จึงอยากขอให้ผู้สูบบุหรี่ลดการสูบลงในช่วงนี้ โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ในที่ชุมชน ที่อาจมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อได้ ก็จะยิ่งเสี่ยงรับเชื้อได้มากกว่าผู้ไม่สูบ เพราะคนทั่วไปหากได้รับเชื้อแล้ว เชื้อจะอยู่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น แต่ผู้สูบบุหรี่เมื่อได้รับเชื้อและสูบบุหรี่ จะสูดเอาเชื้อเข้าไปทางเดินหายใจส่วนลึก ทำให้มีโอกาสติดเชื้อและอาการรุนแรงมากกว่า” นพ.หทัย กล่าว ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
Create Date : 11 มีนาคม 2553 |
| |
|
Last Update : 11 มีนาคม 2553 4:47:48 น. |
| |
Counter : 909 Pageviews. |
| |
|
|