ที่เที่ยวในเมืองพิษณุโลก
1. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
คนพิษณุโลกจะเรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ ครับ ที่นี่เป็นที่เที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้ เพราะวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะแบบสุโขทัยตอนปลาย ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดในประเทศไทย
นอกจากพระพุทธชินราชแล้ว วัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธชินสีห์ (ภาพบน) และ พระศรีศาสดา (ภาพล่าง) แต่ปัจจุบันพระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหารที่กรุงเทพ องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้จึงเป็นองค์จำลอง
หลังวิหารพระพุทธชินราชมีพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก (10 เมตร) เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่ แต่ปัจจุบันวิหารได้พังหมดแล้ว เหลือเพียงเสา 3-4 ต้น เรียกว่า เนินวิหารเก้าห้อง
2. วัดนางพญา
วัดนี้อยู่ติดๆกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเลยครับ สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นโดย พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาธรรมราชา เมื่อครั้งที่พระองค์ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นแม่เมืองพิษณุโลกสองแคว (ตอนนั้น สมเด็จพระมหาธรรมราชาครองเมืองพิษณุโลก)
3. วัดราชบูรณะ
เดิมทีวัดนี้มีอาณาเขตติดต่อกับวัดนางพญา แต่ในปี พ.ศ.2502 กรมทางหลวงได้ตัดถนนมิตรภาพผ่ากลางวัดทั้งสองจนแยกออกจากกันเป็นคนละฟากถนน
ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าน่าจะมีความเก่าแก่ย้อนไปถึงก่อนสมัยสุโขทัย จนมาถึงสมัยพญาลิไท หลังจากได้ทรงสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาแล้ว (ทั้งหมดนี้ประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) ทองที่ใช้หล่อพระยังคงเหลืออยู่ และทรงทอดพระเนตรเห็นว่า วัดนี้ค่อนข้างทรุดโทรม จึงทรงบูรณะขึ้นวัดนี้มาใหม่เป็นที่มาของคำว่า “วัดราชบูรณะ” (หมายถึง วัดที่บูรณะโดยพระราชา)
หลังเที่ยววัดเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ด้านหลังวัดจะมีร้าน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ที่ใครมาแถวนี้ต้องมาแวะชิม (ปัจจุบันมีร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เปิดใกล้ๆกันเต็มไปหมด แต่ original จริงๆต้องเป็นร้านนี้ที่มีตราของ Wongnai เท่านั้นนะครับ)
4. พระราชวังจันทน์
ที่นี่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โดยมีแม่น้ำน่านคั่นตรงกลาง เราสามารถเดินข้ามสะพานเพื่อมาที่นี่ได้ครับ
พระราชวังจันทน์สร้างขึ้นในรัชสมัยของพญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยเมื่อครั้งมาประทับ ณ เมืองพิษณุโลกและยังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาหลายพระองค์ก่อนขึ้นครองราชย์ ได้แก่ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จพระรามาธิบดีที่สอง, สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สี่, สมเด็จพระมหาธรรมราชา, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ ความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้คือ เป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (รวมทั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา)
อย่างไรก็ตาม หลังรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวร เมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือก็ถูกลดบทบาทลง ทำให้ไม่มีการส่งเชื้อพระวงศ์ไปครองเมืองและประทับที่พระราชวังจันทน์อีก พระราชวังจึงถูกทิ้งร้าง และไม่มีใครสนใจ ต่อมาโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมก็เข้ามาใช้สถานที่นี้ จนเมื่อปี พ.ศ. 2548 โรงเรียนจึงย้ายออกหมดและกรมศิลปากรได้เริ่มทำการขุดค้นทางโบราณคดี
ปัจจุบันที่นี่ยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเพิ่งจะสร้างเมื่อไม่นานมานี้
บริเวณนี้ยังมีซากวัดตางๆ ที่เห็นชัดๆมีอยู่ 3 วัด ได้แก่ วัดวิหารทอง, วัดศรีสุคต และวัดโพธิ์ทอง ปัจจุบันทั้งสามวัดยังอยู่ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดี
ภายในเขตพระราชวังยังมี ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของพระราชวังจันทน์, เมืองพิษณุโลก และพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ถ้ามองในแง่การท่องเที่ยว หลายๆคนอาจจะมองว่า ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ในแง่ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่นี่มีความสำคัญค่อนข้างมาก
ผมเชื่อว่าเมื่อบูรณะเสร็จที่นี่จะเป็นโบราณสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าอุทยานประวัติศาสตร์หลายๆที่เลย แต่ในช่วงระหว่างนี้ ถ้าใครมาเที่ยวพิษณุโลก โดยเฉพาะแถววัดใหญ่ ผมแนะนำให้ลองข้ามแม่น้ำน่านมาแวะเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้ดูนะครับ
ที่เที่ยวทั้งหมดนี้เราสามารถเดินไปได้ทั้งหมดครับ เพราะอยู่บริเวณเดียวกัน แต่จุดต่อไป นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์บ้านจ่าทวี อันนี้ต้องนั่งแท็กซี่ไป ราคาจากแถวพระราชวังจันทน์จะอยู่ที่ราว 80 บาทครับ
5. พิพิธภัณฑ์บ้านจ่าทวี
เป็นสถานที่เก็บของสะสมต่างๆของ ลุงจ่า หรือ จ่าสิบเอกทวี บูรณเขตต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน เช่น เครื่องดนตรี, เครื่องมือช่าง, เครื่องดักสัตว์,เครื่องมือทำงาน, เครื่องจักสาน, อาวุธ โดยจัดแสดงทั้งรายละเอียดวิธีการใช้งาน ความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตชุมชนโดยสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ และภูมิปัญญาชาวบ้านได้เป็นอย่างดี
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 50 บาท, เด็ก 20 บาท (คนไทย)
พิพิธภัณฑ์นี้อาจไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีอะไรที่น่าสนใจพอสมควร ได้แก่
อาคาร 1 เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงปลาท้องถิ่นของจังหวัดพิษณุโลกรวมทั้งขายของที่ระลึก
อาคาร 2 จัดแสดงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองพิษณุโลก พวกของโบราณต่างๆ เช่น เรือ ข้าวของเครื่องใช้ในเรือนไม้โบราณ
อาคาร 3 ชั้นล่าง จัดแสดงเครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านไทยในอดีตของแถบภาคกลางตอนบน
อาคาร 3 ชั้นบน จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาเครื่องดนตรี ของเล่น เครื่องทองเหลือง อาวุธต่างๆ รวมทั้งเครื่องมือจับสัตว์แปลกๆหลายชนิด
อาคาร 4 จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ ชาวลาวโซ่ง (ชาวไทยทรงดำ) ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ในแถบเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะมีการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ประเทศไทยและอาศัยอยู่ในแถบภาคกลางหลายจังหวัด รวมทั้งในแถบพิษณุโลก
นอกจากพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ยังเป็นที่ตั้งของ โรงหล่อพระบูรณะไทย และ สวนนกไทย ซึ่งก็อยู่ในความดูแลของครอบครัวจ่าทวีเช่นเดียวกันครับ
โรงหล่อพระบูรณะไทย
สวนนกไทยศึกษา
ตั้งอยู่ด้านในของโรงหล่อพระบูรณะไทย ก่อนเข้าชมจะมีตู้บริจาคเป็นค่าดูแล และค่าอาหารนกครับ
ที่นี่ก็จะจัดแสดงนกสายพันธุ์ไทยต่างๆ เช่น นกปรอท นกกาเหว่า นกเงือก รวมทั้งเป็ด และไก่ต่างๆด้วย
หลังเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โรงหล่อพระ และสวนนกเสร็จ ก็เริ่มเย็นแล้ว ผมจึงเรียก Taxi ไปหาข้าวเย็นกิน+ช็อปปิ้งต่อที่เซ็นทรัลพิษณุโลก ทริปในวันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ
จริงๆแล้ว ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืนครับ ผมไม่ได้มาแค่พิษณุโลกจังหวัดเดียว แต่จะไปที่จังหวัดสุโขทัยต่อด้วย สำหรับรีวิวจังหวัดสุโขทัย ผมเขียนไว้แล้ว สามารถตามอ่านต่อได้ตามบล็อกที่อยู่ด้านล่างนี้เลยครับ
บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง