Welcome to my blog
1 วัน พิษณุโลก เดินทอดน่องท่องเมืองโบราณสองแคว

 
สถานที่ท่องเที่ยว : วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, พิษณุโลก Thailand
พิกัด GPS : 16° 49' 26.98" N 100° 15' 43.40" E

ถ้าพูดถึงเมืองโบราณของไทย หลายคนมักจะนึกถึงจังหวัดสุโขทัย หรืืออยุธยา แต่จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายจังหวัดที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยนึกถึงในแง่ประวัติศาสตร์เท่าไหร่ ทั้งๆที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่

สำหรับ จังหวัดพิษณุโลก ก็ถือเป็นหัวเมืองในแถบภาคกลางตอนบนที่มีความสำคัญ ในแง่ของการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในแถบนี้ แต่ในด้านการท่องเที่ยว คนส่วนใหญ๋มักจะมองว่าที่นี่เป็นแค่เมืองทางผ่านสำหรับการไปเที่ยวยังที่เที่ยวยอดฮิตอย่างเชียงใหม่ เชียงราย หรือเขาค้อซะมากกว่า ดังนั้น ในรีวิวนี้ผมจะพาทุุกคนไปสำรวจเมืองนี้กันครับ เพราะจริงๆแล้วจังหวัดพิษณุโลกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีวัดที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสนใจ โดยรีวิวนี้ จะเป็นการเดินทางแบบ one day trip ในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2560 นะครับ

 
รู้จักกับจังหวัดพิษณุโลก

พิษณุโลก 
เป็นจังหวัดท่ี่ตั้งอยู่ในแถบภาคกลางตอนบนของไทย ในอดีตที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองสองแคว เพราะเป็นที่ตั้งของแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน กับ แม่น้ำแควน้อย (คนละสายกับแม่น้ำแควน้อยที่ไหลผ่านจังหวัดกาญจนบุรีนะ แค่ชื่อเหมือนกันเฉยๆ)

ในด้านประวัติศาสตร์ ตัวเมืองพิษณุโลกที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน มีการตั้งเมืองมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรสุโขทัย ในสมัยพญาลิไท ต่อมาในสมัยอยุธยา พิษณุโลกถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครอง 
หัวเมืองเหนือในสมัยอาณาจักรอยุธยา (หัวเมืองในอาณาจักรสุโขทัยเดิม) ในบางยุคสมัย กษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา เช่น สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็มาครองอยู่เมืองนี้ ทำให้ช่วงนั้นถือเป็นยุคทองของเมืองพิษณุโลก มีการสร้างวัดวาอารามและพระพุทธรูปสำคัญ เช่น พระพุทธชินราช,วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร, วัดนางพญา เป็นต้น
 

หลังจากยุคสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ รัชทายาทผู้ที่จะเป็นกษัตริย์อยุธยาหลายพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระรามาธิบดีที่สอง, สมเด็จพระเจ้าอาทิตยวงศ์ และ สมเด็จพระไชยราชา ต่างเคยปกครองเมืองพิษณุโลก 
ต่อมา ในปีพ.. 2107 สมเด็จพระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลก ได้ทรงอ่อนน้อมต่ออาณาจักรหงสาวดีในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง ทำให้พิษณุโลกต้องตกเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีและไม่ขึ้นกับอาณาจักรอยุธยา จนหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง สมเด็จพระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลกสองแคว ก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
 
นอกจากนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในสมัยที่เป็นสมเด็จพระมหาอุปราชยังได้ทรงปกครองเมืองพิษณุโลกเป็นเวลาถึง 18 ปี ก่อนจะขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยาอีกด้วย
 

 
เชื้อพระวงศ์อยุธยาที่ปกครองพิษณุโลกองค์สุดท้ายคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ ครับ หลังจากนั้น พิษณุโลกก็ถูกลดบทบาทลง จนเป็นเพียงเมืองภายใต้การดูแลของสมุหนายกในสมัยสมเด็จพระเพทราชา
 
จนมาถึงรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเล็งเห็นความสำคัญของหัวเมืองเหนือในฐานะเมืองยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับกองทัพพม่าจึงทรงแต่งตั้ง เจ้าพระยายมราช (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในรัชกาลที่ 1) ขึ้นเป็นเจ้าเมืองพิษณุโลก อย่างไรก็ตาม ใน ศึกอะแซหวุ่นกี้ตีเมืองเหนือ พิษณุโลกก็แตกและถูกเผาทั้งหมด เหลือเพียงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และวัดรอบๆเท่านั้น
 
ปัจจุบันพิษณุโลกถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในแถบภาคกลางตอนบนโดยถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและเศรษฐกิจที่สำคัญ 

แผนเที่ยวหนึ่งวัน

- ขึ้นเครื่อง AirAsia ไปลงที่สนามบินพิษณุโลก (FD3308)
- เที่ยว 3 วัด ได้แก่ วัดราชบูรณะ, วัดนางพญา และวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ 
- ทานมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา
- เที่ยวพระราชวังจันทน์
- เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์บ้านจ่าทวี


เช้าวันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง สำหรับบรรยากาศตั้งแต่เริ่มเดินทางถือว่าดีมากเลยครับ อากาศเย็นสบายจนถึงขั้นหนาวเลยทีเดียว ไฟลท์วันนี้คือ ไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3308 ออกเดินทางไปยังสนามบินพิษณุโลก และถึงที่หมายตอน 7.55 น. ครับ

นอกจากสายการบินไทยแอร์เอเชียแล้ว แทบทุกสายการบินหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็น ไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ นกแอร์ ต่างก็มีเที่ยวบินจาก สนามบินดอนเมือง มาลงที่จังหวัดนี้


สำหรับการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง ผมเรียกแท็กซี่จากสนามบินให้ไปส่งในตัวเมืองในราคา 150 บาทครับ 

ปัจจุบัน เราสามารถเรียกรถแท็กซี่ในเมืองพิษณุโลก รวมทั้งจากสนามบินเข้าเมืองผ่าน grab ได้แล้วนะครับ สะดวกกว่าตอนที่ผมไปเยอะเลย

 
 
ที่เที่ยวในเมืองพิษณุโลก

1. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ 

คนพิษณุโลกจะเรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ ครับ ที่นี่เป็นที่เที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้ เพราะวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธชินราช ซึ่ง
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะแบบสุโขทัยตอนปลาย ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดในประเทศไทย
 

นอกจากพระพุทธชินราชแล้ว วัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธชินสีห์ (ภาพบน) และ พระศรีศาสดา (ภาพล่าง) แต่ปัจจุบันพระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหารที่กรุงเทพ องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้จึงเป็นองค์จำลอง
 

 

หลังวิหารพระพุทธชินราชมีพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก (10 เมตร) เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่ แต่ปัจจุบันวิหารได้พังหมดแล้ว เหลือเพียงเสา 3-4 ต้น เรียกว่า เนินวิหารเก้าห้อง
 

2. วัดนางพญา

วัดนี้อยู่ติดๆกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเลยครับ สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นโดย พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาธรรมราชา เมื่อครั้งที่พระองค์ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นแม่เมืองพิษณุโลกสองแคว (ตอนนั้น สมเด็จพระมหาธรรมราชาครองเมืองพิษณุโลก)

 


 
3. วัดราชบูรณะ

เดิมทีวัดนี้มีอาณาเขตติดต่อกับวัดนางพญา แต่ในปี พ.ศ.2502 กรมทางหลวงได้ตัดถนนมิตรภาพผ่ากลางวัดทั้งสองจนแยกออกจากกันเป็นคนละฟากถนน 


ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าน่าจะมีความเก่าแก่ย้อนไปถึงก่อนสมัยสุโขทัย จนมาถึงสมัยพญาลิไท หลังจากได้ทรงสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาแล้ว (ทั้งหมดนี้ประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) ทองที่ใช้หล่อพระยังคงเหลืออยู่ และทรงทอดพระเนตรเห็นว่า วัดนี้ค่อนข้างทรุดโทรม จึงทรงบูรณะขึ้นวัดนี้มาใหม่เป็นที่มาของคำว่า “วัดราชบูรณะ” (หมายถึง วัดที่บูรณะโดยพระราชา)
 

 

หลังเที่ยววัดเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ด้านหลังวัดจะมีร้าน ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ที่ใครมาแถวนี้ต้องมาแวะชิม (ปัจจุบันมีร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เปิดใกล้ๆกันเต็มไปหมด แต่ original จริงๆต้องเป็นร้านนี้ที่มีตราของ Wongnai เท่านั้นนะครับ)
 

4. พระราชวังจันทน์

ที่นี่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โดยมีแม่น้ำน่านคั่นตรงกลาง เราสามารถเดินข้ามสะพานเพื่อมาที่นี่ได้ครับ


พระราชวังจันทน์สร้างขึ้นในรัชสมัยของพญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยเมื่อครั้งมาประทับ ณ เมืองพิษณุโลกและยังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาหลายพระองค์ก่อนขึ้นครองราชย์ ได้แก่ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จพระรามาธิบดีที่สอง, สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สี่สมเด็จพระมหาธรรมราชาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ  ความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้คือ เป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (รวมทั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา)

อย่างไรก็ตาม หลังรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวร เมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือก็ถูกลดบทบาทลง ทำให้ไม่มีการส่งเชื้อพระวงศ์ไปครองเมืองและประทับที่พระราชวังจันทน์อีก พระราชวังจึงถูกทิ้งร้าง และไม่มีใครสนใจ ต่อมาโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมก็เข้ามาใช้สถานที่นี้ จนเมื่อปี พ.ศ. 2548 โรงเรียนจึงย้ายออกหมดและกรมศิลปากรได้เริ่มทำการขุดค้นทางโบราณคดี


ปัจจุบันที่นี่ยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ 
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเพิ่งจะสร้างเมื่อไม่นานมานี้




บริเวณนี้ยังมีซากวัดตางๆ ที่เห็นชัดๆมีอยู่ 3 วัด ได้แก่ วัดวิหารทอง, วัดศรีสุคต และวัดโพธิ์ทอง ปัจจุบันทั้งสามวัดยังอยู่ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดี
 
 




ภายในเขตพระราชวังยังมี ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของพระราชวังจันทน์, เมืองพิษณุโลก และพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 

 

 


ถ้ามองในแง่การท่องเที่ยว หลายๆคนอาจจะมองว่า ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ในแง่ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่นี่มีความสำคัญค่อนข้างมาก

ผมเชื่อว่าเมื่อบูรณะเสร็จที่นี่จะเป็นโบราณสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าอุทยานประวัติศาสตร์หลายๆที่เลย แต่ในช่วงระหว่างนี้ ถ้าใครมาเที่ยวพิษณุโลก โดยเฉพาะแถววัดใหญ่ ผมแนะนำให้ลองข้ามแม่น้ำน่านมาแวะเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้ดูนะครับ

ที่เที่ยวทั้งหมดนี้เราสามารถเดินไปได้ทั้งหมดครับ เพราะอยู่บริเวณเดียวกัน แต่จุดต่อไป นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์บ้านจ่าทวี อันนี้ต้องนั่งแท็กซี่ไป ราคาจากแถวพระราชวังจันทน์จะอยู่ที่ราว 80 บาทครับ

5. พิพิธภัณฑ์บ้านจ่าทวี

เป็นสถานที่เก็บของสะสมต่างๆของ ลุงจ่า หรือ จ่าสิบเอกทวี บูรณเขตต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน เช่น เครื่องดนตรี, เครื่องมือช่าง, เครื่องดักสัตว์,เครื่องมือทำงาน, เครื่องจักสาน, อาวุธ โดยจัดแสดงทั้งรายละเอียดวิธีการใช้งาน ความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตชุมชนโดยสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ และภูมิปัญญาชาวบ้านได้เป็นอย่างดี

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 50 บาท, เด็ก 20 บาท (คนไทย)


 
พิพิธภัณฑ์นี้อาจไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีอะไรที่น่าสนใจพอสมควร ได้แก่

อาคาร 1 เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงปลาท้องถิ่นของจังหวัดพิษณุโลกรวมทั้งขายของที่ระลึก
 


อาคาร 2 จัดแสดงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองพิษณุโลก พวกของโบราณต่างๆ เช่น เรือ ข้าวของเครื่องใช้ในเรือนไม้โบราณ




อาคาร 3 ชั้นล่าง จัดแสดงเครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านไทยในอดีตของแถบภาคกลางตอนบน


 

อาคาร 3 ชั้นบน จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาเครื่องดนตรี ของเล่น เครื่องทองเหลือง อาวุธต่างๆ รวมทั้งเครื่องมือจับสัตว์แปลกๆหลายชนิด





อาคาร 4 จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ ชาวลาวโซ่ง (ชาวไทยทรงดำ) ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ในแถบเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะมีการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ประเทศไทยและอาศัยอยู่ในแถบภาคกลางหลายจังหวัด รวมทั้งในแถบพิษณุโลก



นอกจากพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ยังเป็นที่ตั้งของ โรงหล่อพระบูรณะไทย และ สวนนกไทย ซึ่งก็อยู่ในความดูแลของครอบครัวจ่าทวีเช่นเดียวกันครับ


โรงหล่อพระบูรณะไทย


สวนนกไทยศึกษา

ตั้งอยู่ด้านในของโรงหล่อพระบูรณะไทย ก่อนเข้าชมจะมีตู้บริจาคเป็นค่าดูแล และค่าอาหารนกครับ


ที่นี่ก็จะจัดแสดงนกสายพันธุ์ไทยต่างๆ เช่น นกปรอท นกกาเหว่า นกเงือก รวมทั้งเป็ด และไก่ต่างๆด้วย



หลังเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โรงหล่อพระ และสวนนกเสร็จ ก็เริ่มเย็นแล้ว ผมจึงเรียก Taxi ไปหาข้าวเย็นกิน+ช็อปปิ้งต่อที่เซ็นทรัลพิษณุโลก ทริปในวันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ

จริงๆแล้ว ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืนครับ ผมไม่ได้มาแค่พิษณุโลกจังหวัดเดียว แต่จะไปที่จังหวัดสุโขทัยต่อด้วย สำหรับรีวิวจังหวัดสุโขทัย ผมเขียนไว้แล้ว สามารถตามอ่านต่อได้ตามบล็อกที่อยู่ด้านล่างนี้เลยครับ


บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 29 พฤษภาคม 2561
Last Update : 28 เมษายน 2567 21:58:28 น. 2 comments
Counter : 11047 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณnewyorknurse


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 30 พฤษภาคม 2561 เวลา:4:32:44 น.  

 
ยินดีครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 10 มิถุนายน 2561 เวลา:16:57:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.