Welcome to my blog
5 วัน 4 คืน บันดุง เมืองภูเขาไฟแห่งดินแดนชวาตะวันตก (ตอนที่ 3: Kawah Putih+Situ Patengan)


สถานที่ท่องเที่ยว : ทะเลสาบ Kawah Putih, Indonesia
พิกัด GPS : -8° 50' 20.50" N 107° 24' 11.39" E

วันที่สี่

สำหรับคนอินโดแล้ว บันดุงอาจจะเป็นแหล่งช็อปปิ้งชื่อดัง หรือเป็นสถานที่ตากอากาศ แต่สิ่งที่ดึงดูดคนไทยมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นสถานที่ๆเกี่ยวข้องกับ ภูเขาไฟ ซึ่งรอบๆเมืองบันดุงมีอยู่ด้วยกัน 2 แห่ง นั่นก็คือ Tangkuban Perahu และ Kawah Putih โดยในตอนที่แล้ว ผมได้พาไปเที่ยว Tangkuban Perahu ดังนั้น ในตอนนี้ เราจะมาเที่ยว Kawah Putiih กันต่อครับ

ปัญหาของการเที่ยวภูเขาไฟที่นี่ก็คือ ไปลำบาก เพราะที่อินโด ระบบการคมนาคมขนส่งยังแย่มาก (เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว) วิธีเที่ยวที่สะดวกที่สุดก็คือ การหารถเช่าพร้อมคนขับจากบริษัททัวร์ท้องถิ่น โดยในทริปนี้ผมเลือกใช้บริการของ Diaz travelindo ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่ได้รับการแนะนำใน Tripadvisor โดยผมได้เช่ารถเป็นเวลา 2 วันสำหรับการเที่ยวนอกเมืองบันดุง ในราคาวันละ 700,000 รูเปียะ  (1,600 บาท) เป็นรถ Toyoya Innova 4 ที่นั่ง รวมค่าน้ำมัน ค่าคนขับรถ และค่าผ่านทางต่างๆแล้ว แต่ยังไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆครับ

 

จุดหมายที่เราจะไปเที่ยวในวันนี้ เป็นหมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของเมืองบันดุงที่ชื่อว่า Ciwidey ซึ่งมีภูมิประเทศที่สวยงาม และอยู่ใกล้กับภูเขาไฟ

บริเวณนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่ด้วยกัน 3 แห่งคือ
  • Kawah Putih --> ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟสีเทอร์คอยซ์
  • Situ  Patengan --> ทะเลสาบน้ำจืด รอบๆมีไร่ชา
  • Kampung Cai Ranca Upas --> สถานที่เลี้ยงกวาง เราสามารถให้อาหารกวางเพลินๆที่นี่ได้
จุดหมายแรกของเราคือ ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟสีเทอร์คอยซ์ ที่ชื่อว่า Kawah Putih ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองบันดุง 46 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 2 ชั่วโมงครับ

Kawah Putih อาจเรียกได้ว่าเป็น White Crater ซี่งในทางธรณีวิทยาเกิดจากการประทุของ ภูเขาไฟ Patuha ในช่วงศตวรรษที่ 12 ทำให้ที่นี่กลายเป็นปล่อง ต่อมาฝนได้ตกลงมาสะสมในปล่องนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นทะเลสาบ อย่างไรก็ตาม น้ำฝนได้ทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในปล่องภูเขาไฟนี้ ทำให้น้ำในปล่องนี้มีความเป็นกรดสูงมาก (ห้ามนำร่างกายสัมผัสโดนน้ำเด็ดขาด)

 

 
น้ำในทะเลสาบ Kawa Putih มีสีเทอร์คอยซ์ เนื่องจากมีแร่ธาตุ พอเกิดการสะท้อนแสงในมุมองศาที่เหมาะสม ก็จะเกิดเป็นสี ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละช่วงของวัน (ผมแนะนำให้มาตอนเช้า คนจะน้อย และสีของน้ำจะสวยที่สุดครับ)
 



คำเตือน: บริเวณนี้จะมีกลิ่นกำมะถันรุนแรงมาก ซึ่งอาจะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ดังนั้น จึงมีป้ายเตือนว่า ไม่ควรอยู่บริเวณทะเลสาบเป็นเวลานานครับ (ทางการแนะนำว่า ไม่ควรอยู่เกิน 15 นาที)
 

ค่าเข้าชม: ที่นี่มีค่าเข้าชมอยู่ที่ 75,000 รูเปียะต่อคน (170 บาท) แต่ถ้านำรถเข้ามาจะเสียเงินเพิ่มอีก 150,000 รูเปียะต่อคัน หรือนั่งรถกะป๊อของทางท้องถิ่นเข้ามาก็ได้ครับ (ค่ารถ 35,000 รูเปียะต่อคน) นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมุมถ่ายรูปต่างๆ

Tips:
  • ถ้ามากันหลายคน นั่งรถเข้าไปเองดีกว่า เพราะรถกะป๊อท้องถิ่นสภาพแย่มาก ต้องนั่งเบียดเสียดกัน แถมถนนยังค่อนข้างแย่
  • ควรเตรียมหน้ากากไปด้วย เพราะกลิ่นกำมะถันรุนแรงมาก (ถ้าฝนตก กลิ่นจะยิ่งแรงมากขึ้น)
  • ควรไปตอนเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
Comment: โดยส่วนตัว ผมชอบที่นี่มากกว่า Tangkuban Perahu เพราะบรรยากาศค่อนข้างชิลล์กว่า ค่าเข้าถูกกว่า และ Tourist scam ก็มีน้อยกว่า ดังนั้น ถ้าใครมีเวลาจำกัดแนะนำให้มาที่นี่ครับ
 

หลังจากที่เที่ยว Kawah Putih เราก็มารับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน Warung kopi gunung ซึ่งเป็นร้านอาหารกลางหุบเขา อากาศเย็น บรรยากาศชิลล์มากครับ
 

 
ในช่วงบ่าย เรามาต่อที่ ทะเลสาบปาเต็งกัน (Situ Patengan) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่า สวยที่สุดในจังหวัดชวาตะวันตก อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,600 เมตร ทำให้ที่นี่จึงเป็นแหล่งปลูกชา และสตรอเบอรี่ รวมทั้งพืชเมืองหนาวอื่นๆ
 
 
 

ไฮไลท์อย่างหนึ่งของทะเลสาบนี้ก็คือ ตรงกลางทะเลสาบจะมีหินอยู่ก้อนหนึ่ง เรียกว่า Batu Cinta หรือ Stone of Love ซึ่งมีตามตำนานกล่าวไว้ว่า มีคู่รักชายหญิงสูงศักดิ์คู่หนึ่งรักกัน แต่ก็ถูกพลัดพรากจากกัน จนเวลาผ่านไปหลายปี ทั้งคู่ก็มาพบกันอีกตรงหินก้อนนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักของทั้งคู่ จึงมีการสร้างทะเลสาบนี้ขึ้น ดังนั้นคู่รักชาวอินโดจึงนิยมมาอธิษฐานขอพรกันที่ทะเลสาบแห่งนี้
 

ค่าเข้าชม: คนละ 20,000 รูเปียะ + ค่ารถ 15,000 รูเปียะต่อคัน

เนื่องจากเวลาเราเหลือ เราเลยมาเที่ยวกันต่อที่ ศูนย์อนุรักษ์กวาง Kampung Cai Ranca Upas ครับ เอาจริงๆ สถานที่นี้ผมไม่ได้ใส่ไว้ในแผนเที่ยวตั้งแต่แรก เพราะมันออกจะดูน่าเบื่อไปซะหน่อย แต่ในเมื่อเวลาเหลือ คนขับรถของเราจึงแนะนำให้มาครับ

ในแถบชวาตะวันตกจะมีกวางสายพันธุ์หนึ่ง เรียกว่า Ranca Upas แปลว่า กวางที่ชอบอาศัยอยู่ใกล้หนองน้ำ ที่นี่จึงเป็นเหมือนสถานที่เพาะพันธุ์กวางสายพันธุ์นี้ โดยเค้าจะจัดที่ๆให้นักท่องเที่ยวได้ให้อาหาร และสัมผัสกับกวางอย่างใกล้ชิด

ค่าเข้าชม; คนละ 25,000 รูเปียะ + ค่ารถ 25,000 รูเปียะต่อคัน

 

หลังจากให้อาหารกวางเสร็จ เราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองบันดุง จากนั้นเราก็ใช้เวลาที่เหลือในตอนเย็นไปกับการช็อปปิ้ง และซื้อของฝากที่ ห้าง Paris Van Java mall

บันดุงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการช็อปปิ้งครับ ที่นี่จึงมีทั้งห้างและ Outlet เยอะแยะมากมายกว่า 80 แห่ง ผมจึงมั่นใจว่าสายช็อปต้องชอบเมืองนี้แน่นอน เมืองนี้โด่งดังถึงขนาดว่า ในช่วงวันหยุด คนอินโดจากจาการ์ต้า รวมทั้งคนมาเลย์ สิงคโปร์ ต่างก็แห่กันมาที่เมืองบันดุงแห่งนี้เพื่อช็อปปิ้งโดยเฉพาะ

ห้างนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบันดุง (ดังนั้นมั่นใจได้ว่ารถติดแน่นอน) ภายในมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โรงหนัง และรีสอร์ท ภายใต้ธีมเมดิเตอร์เรเนียน

 

 
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของเมืองนี้คือ สินค้าราคาถูกเวอร์มาก อย่างเสื้อผ้า uniqlo ที่นี่ เช็คราคาแล้ว ถูกกว่าที่เมืองไทย 20-50% เลยครับ
 

 
หลายๆคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อมาบันดุง แล้วควรจะซื้ออะไรเป็นของฝากดี ผมขอแนะนำบราวนี่จากร้านที่ชื่อว่า Amanda brownies ครับ

ร้านนี้มีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองบันดุง เปิดขายมาไม่ถึง 20 ปี แต่สามารถขยายสาขาไปได้ทั่วทั้งอินโดนีเซีย รวมทั้งในมาเลเซียอีกด้วย ดังนั้นการันตีคุณภาพอย่างแน่นอน (ที่สำคัญคือ ถูกเวอร์มาก)

Tip: ร้านนี้มีหลายสาขา แต่ต้องระวังร้านปลอมด้วยครับ ของแท้ต้องมีตราแบบที่โชว์ในรูปด้านล่างนี้เท่านั้น (ถ้าใครใช้บริการของ Diaz travelindo มั่นใจได้ว่า เค้าพามาถูกร้านแน่นอน)

 

หลังจากซื้อของฝากเสร็จ ผมก็ให้คนขับพากลับที่พัก การเที่ยวบันดุงวันนี้ก็จบลงอย่างครบรส 

วันที่ห้า

วันนี้ไม่มีอะไรเที่ยวแล้วล่ะครับ ผมเรียก grab จากที่พักไปยังสนามบินเพื่อเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ก่อนจะบินกลับกรุงเทพต่อไป ทริปบันดุงก็จบลงอย่างประทับใจครับ

 



 
บทสรุป

บันดุงถือเป็นเมืองที่ผมชอบมากๆเมืองหนึ่งในอาเซียนเลยครับ เนื่องจากเมืองนี้มีอากาศที่เย็น และกิจกรรมที่หลากหลาย สามารถเที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสายลุย, สายชิลล์, สายช็อป, สายชิม หรือสายอาร์ต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนไทยยังมาเที่ยวที่เมืองนี้ค่อนข้างน้อย (ทั้งๆที่เมืองนี้มีความเกี่ยวข้องกับคนไทยเป็นอย่างมาก) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเดินทางลำบาก ไม่มีเที่ยวบินตรง แต่ถ้าใครมีโอกาสมาที่อินโดนีเซีย ผมแนะนำให้ลองนั่งรถจากกรุงจาการ์ต้ามาสัก 3 ชั่วโมงเพื่อมายังเมืองบันดุงแห่งนี้ รับรองว่า คุณจะตกหลุมรักเมืองนี้ครับ

ท้ายที่สุดก็ขอขอบคุณที่ตามอ่านกันมานะครับ ผมพยายามจะรีวิวให้ละเอียดที่สุดเผื่อว่าใครจะไปตามรอย ถ้าหากมีข้อสงสัยประการใด สามารถคอมเม้นไว้ข้างใต้ หรือหลังไมค์มาถามได้เลย ยินดีตอบทุกข้อความครับ


บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 28 เมษายน 2562
Last Update : 29 เมษายน 2567 22:08:54 น. 4 comments
Counter : 2350 Pageviews.

 
น่าไปเที่ยวครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 29 เมษายน 2562 เวลา:21:30:02 น.  

 
แนะนำให้ไปครับ ผมชอบมากเลยที่นี่


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 29 เมษายน 2562 เวลา:23:29:50 น.  

 
รีวิวได้น่าไปเที่ยวมากค่ะ

ขอบคุณที่มาแบ่งปันข้อมูลนะคะ


โดย: Aim IP: 103.40.137.97 วันที่: 8 ธันวาคม 2565 เวลา:14:18:10 น.  

 
เมืองนี้ดีครับ คนไทยชอบแน่อนอน ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมนะครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 12 ธันวาคม 2565 เวลา:20:49:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.