เทคนิคงานเขียนเรื่องสั้น นิยายจากปู่ เบน โบวา (Ben Bova) ตอนที่ 2
สวัสดีครับ ผมเรียบเรียงเทคนิคงานเขียนจากปู่เบน ตอนที่หนึ่งไว้นานมากแล้ว ตอนนี้มีเวลาก็เลยนำมาเสนอต่อเทคนิคตนอที่ 4 ต่อครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า ผมใช้วิธีอ่านแล้วเรียบเรียงเอาเองเพื่อให้อ่านง่าย ไม่ได้แปลจากคำแนะนำหรือต้นฉบับเนื้อความภาษาอังกฤษแบบตรงตามประโยคเป๊ะๆ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ อ่านตอนที่ 1 ที่นี่ครับ 4 เทคนิคการสร้างเรื่องเพื่อเขียนเป็นนิยาย หรือเรื่องสั้น นิยายหรือเรื่องสั้นจะเกิดขึ้นได้จาก การที่เรามีตัวละครกับปัญหาที่ตัวละครเราต้องเจอ...มีแค่นี้เองครับ ไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถสร้างฉาก เขียนบรรยายประโยคซะสวยหรูหรือสร้างตัวละครได้สมจริงมากแค่ไหน แต่ถ้าเรื่องของคุณ ไม่มีตัวละครกับปัญหาที่ตัวละครต้องผจญ เรื่องของคุณจะถูกปฎิเสธจากบรรณาธิการทันทีครับ ดังนั้นท่องไว้ในใจครับว่า ตัวละคร+ปัญหา=เรื่องที่จะเล่า เขียนเป็นสมการง่ายๆแบบนี้แหล่ะครับ...
ตัวละครหลักที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง (ไม่ว่าจะเป็นตัวละครผู้หญิงหรือผู้ชาย) จะเรียกว่า ตัวเอก หรือภาษาอังกฤษคือ protagonist จงสร้างตัวละครที่สมจริงครับ เพราะคนอ่านเวลาอ่านนิยายของเราเขาอยากจะเป็นตัวละครในนิยายที่อ่าน (ภาษาชาวบ้านท้ายตลาดเรียกว่า อิน กับเรื่องครับ) ถ้าเราสามารถสร้างตัวละครให้ไปอยู่ในใจผู้อ่านได้ เมื่อตัวละครเราโศกเศร้า ผู้อ่านก็จะเศร้าตาม ตัวละครหัวเราะหรือดีใจผู้อ่านก็จะเกิดอารมณ์แบบนั้นตามไปด้วย
จงสร้างตัวละครให้มีปมปัญหาในใจ เพราะผู้อ่านจะรู้สึกสงสารตัวละครตัวนั้นไปด้วย สร้างตัวละครให้เขามีด้านที่อ่อนแอแทนที่จะมีด้านที่แกร่งแต่เพียงอย่างเดียว โดยปกติแล้ว คนอ่านจะไม่รู้สึกอะไรถ้าตัวละครของเราไม่มีด้านที่อ่อนแอเลย (ภาษาชาวบ้านอีกแล้ว...เรียกว่า ไม่มีใครดีพร้อม เก่งไปซะหมด แม้แต่ซุปเปอร์ฮีโร่ในการ์ตูนของ Marvell เองก็ตามครับ ก็ต้องมีจุดอ่อน อย่างพี่ซุปเปอร์แมนสุดหล่อของเราก็แพ้แท่งคลิปโตไนซ์)
คราวนี้ขั้นตอนล่ะจะทำยังไง การที่จะให้ตัวละครเราตกที่นั่งลำบากโดยจงใจ (จากฝีมือนักเขียนนี่แหล่ะ) มันมีวิธีครับ...ดังนี้เลย เริ่มจาก ใส่ปัญหาภายใน (ภายในใจตัวละครเช่น ปมด้อยเรื่องที่เป็นคนโมโหร้าย คิดมาก คิดช้า จนไม่มีใครอยากคบด้วย) และภายนอกให้กับตัวละคร ปัญหาภายนอกก็เช่นเพื่อนร่วมงานไม่ชอบการวางท่าวางทางของเขา อิจฉาความสามารถของเขาจนคิดจะกำจัดเขา (เว่อร์ไปนิดแต่ก็โอเคอยู่) ตัวละครที่มีปัญหาหรือความขัดแย้ง (conflict) กับตัวเอกเราเรียกตัวละครตัวนั้นว่า antagonist หรือแปลตรงแบบภาษาชาวบ้านว่า ตัวโกง ปรปักษ์ ศัตรู อะไรก็แล้วแต่สะดวกจะเรียก จากนั้นพอเราเตรียมข้างต้นได้ เราก็ทำให้ (เขียน) ปัญหาภายนอกเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทำให้ปัญหาภายในใจตัวเอกทวีความรุนแรงตามไปด้วย ทำให้ตัวเอกรู้สึกว่ารันทดกับชีวิตและยากเย็นเหลือเกินที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวที่เกิดจากตัวละครที่เป็นตัวปรปักษ์ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตัวเอกสามารถแก้ไขปัญหาภายนอกดังกล่าวได้ ปัญหาภายในใจของเขาก็จะถูกแก้ตามไปด้วย...เช่น ถ้าตัวเอกกำจัดตัวโกงได้ ก็จะไม่ใครมาคอยล้อเลียนเรื่องเขาปากเหม้นอีกต่อไปและปมด้อยเรื่องปากเหม็นก็จะไม่มีอีก ....นี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับการสร้างเรื่องขึ้นมาครับ ดังนั้นท่านใดที่เขียนเรื่องทิ้งไว้รอแก้ไข หรือกำลังเขียนเรื่องอยู่ ลองหยุดสักครู่แล้วมองไปที่เรื่องเขียนของเราว่า มีสิ่งที่กล่าวมานี้หรือเปล่า ต่อที่เทคนิคข้อที่ 5 เลยดีกว่า 5 ไม่มีวายร้ายแบบฮาร์ดคอร์100%ในโลกนิยายหรือวรรณกรรม... ไม่มีวายร้ายหรือ Villain ในนิยาย
จากเทคนิคข้อสี่ที่เราได้เรียนรู้ สังเกตเห็นว่าปู่เบน โบวาไม่ได้ใช้คำว่าตัวร้าย แทนคำว่า ปรปักษ์หรือศัตรู เพราะในชีวิตจริง (ทางโลกของวรรณกรรม) ไม่มีใครเป็นตัวร้ายโดยสมบูรณ์แบบ นั่นหมายความว่า ตัวละครก็ต้องมีสองด้านคือด้านดีและด้านร้ายด้วย และไม่มีใคร (มนุษย์) เลวร้ายถึงขั้นเรียกว่า ปีศาจ ไปได้ ในโลกของนิยายและเรื่องแต่ง มีเพียงแค่ตัวเอกของเรื่องถูกปัญหารุมเร้า และตัวเอกจะต้องแก้ปัญหาเพื่อให้ไปสู่อิสระภาพภายในจิตใจตัวเองและภายนอกกาย นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถเขียนเรื่อง แฮมเล็ต (ไม่ใช่หนูแฮมเตอร์นะครับ...โน๊ตผู้เขียน) จากมุมมองหรือ viewpoint ของ Claudius ซึ่งเป็นกษัติย์ที่สังหารบิดาของแฮมเล็ต และก็แต่งงานกับแม่แฮมเล็ตซะเอง (โอ๊แม่เจ้า...มันร้ายจริงๆ) เราอาจจะเขียนเรื่องจากมุมมองของ Claudius ที่หลงรักภรรยาของน้องชายตัวเอง และกล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวภรรยาซึ่งเป็นแฟนของน้องชายมาครอบครองให้ได้...แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตัว Claudius ก็ไม่ใช่ตัวร้าย 100% เพราะมันก็มีส่วนดีบ้างล่ะน่า //pongcp.wordpress.com/
Free TextEditor
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 13:03:26 น. |
Counter : 504 Pageviews. |
| |
|
|
|