ตอนที่ 33 <ทวงคืน>




ตอนที่33 ทวงคืน

วันต่อมาทุกคนในบ้านก็ได้รับรู้ว่าบุตรสาวคนเล็กจับไข้ล้มหมอนนอนเสื่อไปเรียนไม่ไหวเทียมภพรู้อยู่แล้วว่าน้องต้องป่วยแน่เพราะมีอาการตัวรุมๆตั้งแต่เมื่อคืน ใบหน้าไร้เลือดฝาดซีดเซียวกับแววตาจืดชืดแสดงอาการป่วย‘ธรรมดา’ ไม่ได้บ่งบอกถึงความเสียใจจากเรื่องอื่นใดจนเทียมภพที่มองว่าน้องสาวคนเล็กบอบบางเป็นแม่ถนิมสร้อยมาตลอดชีวิตยังทึ่งแทนดาวเป็นคนอ่อนโยนก็จริง...แต่ไม่ใช่อ่อนแอ

“ปวดหัวจังเลยค่ะมีแอสไพรินไหมคะ?” หญิงสาวร้องขอยาจากพี่ชายที่เข้ามาดูอาการในตอนเช้าตรู่

“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนสิคะ...แล้วค่อยกินยาเดี๋ยวสายๆคุณแม่จะพาไปหาหมอ วันนี้พี่ติดงานสำคัญมากๆต้องไปพบรัฐมนตรีพาณิชย์ก็เลยอยู่ดูแลหนูไม่ได้แต่ถ้าเสร็จธุระเร็วพี่จะรีบกลับมานะ”เทียมภพลูบศีรษะร้อนรุมของน้องสาวแล้วค่อยๆประคองตัวลุกขึ้นช้าๆ

“ไม่ต้องห่วงน้องพลูหรอกค่ะโอย...ต้องโทรไปขอเลื่อนพรีเซ้นต์โปรเจคกับอาจารย์อีก”

“ไม่ต้องห่วงนะ...พี่โทรไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวท่านคงไปบอกอาจารย์ประจำวิชาเองแหละ หนูกินข้าวก่อนเถอะ”เทียมภพตักข้าวต้มหมูป้อนคนตัวเล็กทีละคำจนหมดตามด้วยนมอุ่น ถ้าลองว่ากินข้าวกินปลาได้มากตามปรกติแบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง

“เป็นไงมั่งน้องพลู? ป้าทิพย์บอกว่าเราไม่สบายพี่เลยขึ้นมาดู” ปลายเดือนเดินยิ้มหวานเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกด้านพลางยกมือแตะหน้าผาก

”อีกสักเดี๋ยวแม่จะพาไปหาหมออ้อ...วันนี้พี่ไม่เข้าออฟฟิศนะ ไปพบรัฐมนตรีแล้วจะรีบกลับบ้านมาดูน้องพลู”เทียมภพบอกน้องสาวคนรองแล้วเตรียมจะลุกออกไป

“เอ่อ...ผึ้งก็มีเรื่องจะบอกพี่หมากเหมือนกันคือบ่ายนี้ที่ว่าจะไปเจรจากับเวนเดอร์ไต้หวัน ผึ้งไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะพอดีมีนัดอัดรายการเลดี้ โซไซตี้ พี่หมากต้องไปเองแล้วล่ะ”

“อ้อเหรอ...ไม่เป็นไรพี่ไปเองก็ได้ น้องพลูไปหาหมอกับคุณแม่แล้วก็นอนพักผ่อนนะคะ พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด” เทียมภพก้มลงจูบหน้าผากน้องสาวคนเล็กแล้วเดินออกไปพอคล้อยหลังพี่ชาย ปลายเดือนก็มองน้องสาวที่นอนแบบอยู่บนเตียงด้วยสายตาถากถางที่สุด

“ซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าเลยนะจ๊ะแค่ข่าวกรอบเล็กๆนี่มันสะเทือนซางขนาดนี้เลยเหรอ?”

“พลูไม่ได้ป่วยเพราะเรื่องนั้นแต่เป็นเพราะพักผ่อนน้อยต่างหากล่ะ” แทนดาวสลัดผ้าห่มเตรียมลุกไปเลี่ยนเสื้อผ้า

“เหรอ...พี่ก็นึกว่าน้องสาวสุดที่รักช้ำในเพราะเห็นคู่หมั้นไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงอื่นซะอีกบอกแล้วไงล่ะ...พี่ชลเขาไม่คิดอะไรกับเธอจริงจังหรอก”

“ก็ปล่อยเขาสิคะพลูกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว คราวนี้...พี่ผึ้งเหยียบคันเร่งเดินหน้าได้เต็มที่เลยค่ะ...ไม่ต้องห่วงพลูหรอก”

“หมายความว่า....”คำตอบของน้องสาวทำให้ปลายเดือนตาลุกวาวอย่างยินดีความสุขและความหวังเริ่มก่อประกายแรงกล้ามาขึ้นเมื่อรู้ว่าศัตรูหัวใจหายไปทีละคนสองคน

“ดีแล้วล่ะจ้ะ...ที่ตัดสินใจแบบนี้ดีใจจริงๆที่น้องสาวแสนสวยของพี่เลิกโง่เสียทีเอาล่ะ...วันนี้พี่หมากก็ไม่ได้กลับบ้านเร็วอย่างที่ตั้งใจแล้ว งั้นพี่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”แทนดาวไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูดนักแต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ

“ไปค่ะ...น้องพลูเดี๋ยวพี่หมออชิรอนาน” มารดาเดินเข้ามาตามหลังจากปลายเดือนออกไปไม่นานทำให้คนที่กำลังนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจกแอบสงสัยตะหงิดๆ

“โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านก็มีนี่คะทำไมต้องไปไกลถึงโน่นด้วย?”

“ก็สีผึ้งโทรไปบอกพี่หมอว่าเราไม่สบายแล้วเลยนัดหมายให้เสร็จสรรพหนูเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ? ไปกันดีกว่า นัดคุณหมอไว้สิบโมง” แทนดาวถอนใจหนักพลางนึกค่อนขอดพี่สาวอยู่ในใจ

“พี่ผึ้งนี่เอาจะยังไงนะ? อุตส่าห์ถอยห่างออกมาแล้วยังจะวกมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องเราอีก”

ชลธีนั่งไม่ติดที่พอรู้ข่าวว่าแทนดาวไม่สบายนอนซมอยู่บ้านก็รีบกุลีกุจอทำงานของวันนี้ให้เสร็จแล้วรีบไปที่บ้านทวีกิจไพศาลในตอนเย็นพอเทียบรถจอดเรียบร้อยก็เป็นต้องหัวเสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นรถยนต์ของอชิตะจอดอยู่ก่อนแล้วแต่พอเข้าไปข้างในตามคำเชิญของคุณดวงทิพย์ก็ไม่พบแขก ‘พิเศษ’นั่งอยู่ในห้องรับรองแต่อย่าง

“หมออชิมาได้สักพักใหญ่แล้วค่ะคุณชลรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ ป้าไปจัดการเรื่องข้าวปลาให้น้องพลูสักเดี๋ยว” ชลธีอยากถามเหลือเกินว่าแล้วคุณหมอไปอยู่เสียที่ไหนแต่ก็เก็บปากเก็บคำสนิทแล้วนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมไม่รู้ว่าคนป่วยกำลังนอนหลับอยู่หรือตื่น แล้วถ้ารู้ว่าเขามาเยี่ยม...จะยอมลงมาให้เห็นหน้าไหม

ในขณะที่คนรอข้างล่างเอาแต่กระวนกระวายแต่คนข้างบนก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจมือขาวสะอาดของนายแพทย์อชิตะแตะเครื่องตรวจฟังบนตัวของคนป่วยครบแล้วก็หยิบปรอทวัดไข้มาดูแล้วอ่านค่าอุณหภูมิที่วัดได้ให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนฟัง

“ไข้ลดแล้วแสดงว่าวันนี้เป็นเด็กดี กินยากับพักผ่อนตามตามที่หมอสั่ง”

“ไม่ต้องฉีดยาใช่ไหมคะ แทนดาวยิ้มแหยๆ ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายแพทย์อย่างเคร่งครัดเพราะถูกขู่เอาไว้ว่าถ้าตอนเย็นมาตรวจแล้วไข้ไม่ลดลงจะถูกฉีดยาแน่ๆ

“วันนี้ยัง แต่ถ้าพรุ่งนี้พี่ดูแล้วไข้กลับ...ก็ไม่แน่”คุณหมอยังไม่วายแกล้งขู่ให้คนไข้กลัว

“พรุ่งนี้หายแน่ๆค่ะ...รับรอง”

“ยังหรอก...ตัวยังรุมๆอยู่เลย”สิ้นคำว่าตัวรุมๆ มือขาวสะอาดก็เอื้อมอังหน้าผากเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้หลังมือแตะเบาๆที่ข้างแก้มแทนดาวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก

“ขอบคุณพี่อชิที่เป็นห่วงนะคะ”

“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ…ก็น้องพลูเป็นน้องสาวพี่นี่นา”

“พี่อชิคิดแบบนี้จริงๆเหรอคะ?” คำบอกเล่าก่อให้เกิดประกายฉงนเล็กน้อยในดวงตาคู่สวยเท่าที่รู้คืออชิตะคิดกับตนในเชิงชู้สาวแต่ด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบปิดกั้นเรื่องรักวัยรุ่นหนุ่มสาวทำให้ไม่กล้าถามออกไปตรงๆ

“คิดแบบนี้...มาได้สักพัก”ชายหนุ่มถอดแว่นตามาถือไว้แล้วทำท่าคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกลับมามองคนไข้ที่นอนมองตาแป๋วอยู่บนเตียง

“ตอนแรกพี่เคยนึกเสียดายว่าทำไมถึงเจอน้องพลูช้านัก...ช้ากว่า...เขา”สรรพนามบุรุษที่สามนั้นเดาไม่ยากว่ากำลังพูดถึงใคร

“ครั้งหนึ่ง...พี่เคยชี้หน้าว่า‘เขา’ เป็นคนเห็นแก่ตัวที่มัดมือชกผู้หญิงคนหนึ่งให้มาเป็นของตัวเองก็เลยอยากจะช่วยให้น้องพลูหลุดจากข้อผูกมัดนั่นแต่...ท้ายสุดมันกลับมาพันตัวพี่เอง น้องพลูครับ...” อชิตะวางแว่นลงบนดั้งจมูกอย่างเดิมแล้วจับมือนุ่มนิ่มมาพิจารณาแววตาของเขาละม้ายคล้ายพี่ชายมองน้องน้อยมากกว่าเป็นอย่างอื่น แทนดาวเลยไม่ปัดป้อง

“พี่...ชอบ...น้องพลูตั้งแต่วันที่เจอกันในงานเลี้ยงเซ็นสัญญาบังเอิญมากที่วันนั้นก็อยู่ในเหตุการณ์ ‘ประกาศหมั้น’พี่บอกกับตัวเองว่าต้องช่วยและ...เปลี่ยนใจของน้องพลูให้ได้พี่พยายามทำให้น้องพลูค่อยๆซึมซับทีละนิดว่านอกจาก ‘เขา’ก็ยังมีพี่ที่ปรารถนาและต้องการได้ใจของน้องพลูมา”

“ทั้งๆที่พี่อชิก็รู้ว่ามัน...ยาก”แทนดาวพูดพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า คำว่า ‘ยาก’ของหล่อนหมายถึงอชิตะ

จะต้องเผชิญด่านหินอย่างพี่ชายไหนจะอุปสรรคขี้ปากคนที่คอยจะนินทาว่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ อีกทั้งหน้าที่การงานที่มี

คำว่านายแพทย์นำหน้าไม่ควรจะแปดเปื้อนด้วยเรื่องทำนองนี้

“มันยาก...พี่ถึงต้องรอบคอบต้องระวังทั้งคำพูด กิริยา การวางตัว ที่สำคัญ...ทำยังไงให้น้องพลูไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกชักให้‘เปลี่ยนใจ’ แต่พี่ประมาทน้องพลูเกินไปอย่าด่าพี่เลยนะ...ขอสารภาพว่าตอนแรกพี่คิดว่าน้องพลูน่ะ...อ่อน...ทั้งความคิดและการมองโลก”

“แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”

“ตอนนี้ก็รู้ว่าน้องพลูไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างที่คิดน่ะสิจะบอกให้ว่า...พี่ตัดสินใจจะสารภาพความในใจกับน้องพลูตอนไประยองคราวนั้นใช่...พี่ตั้งใจไปที่นั่น ต้องการทำให้ ‘เขา’เห็น” อชิตะย้ำถ้อยคำชัดเจนเป็นการตอบข้อแคลงใจในดวงตาใสแจ๋วที่มองมาแทบไม่กระพริบ

“มันเหมือนเป็นธรรมชาตินะ...ที่ผู้ชายสองคนห้ำหั่นกันเพื่อข่มคู่แข่งว่าตัวเองเหนือกว่าอีกคนพี่อยากให้เขาเห็นว่า พี่เหนือกว่าที่สามารถบอกรัก....ผู้หญิงที่เขารัก...ในถิ่นของเขาเองแต่ก็ตัดสินใจกลับเพราะบังเอิญไปรู้ว่าเขาก็มีแผนอื่นเหมือนกัน”

“มิน่าล่ะ...พี่อชิรีบกลับไปก่อนที่ว่าจะรีบกลับไปเข้าเวรก็ไม่จริงนะสิ” อชิตะหยุดมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาแล้วยิ้มคล้ายจะหยันตัวเองขณะย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้น

“พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้นบ้าง พี่ก็กลับมาทบทวนสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอีกครั้งแล้วก็รู้ว่าพี่ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจน้องพลูได้หรอกน้องพลูยอมให้เขาสวมแหวน...มันก็ชัดเจนแล้วว่ารู้สึกกับเขายังไงไอ้เรื่องที่ว่าโดนผูกมัดหรือตกกระไดพลอยโจนนั่นเล็กขี้ปะติ๋วไปเลย” ชายหนุ่มถอนใจยาวก่อนจะพูดต่อ

“น้องพลูไม่ได้อ่อนแอจนใครจะสามารถจูงไปง่ายๆความมั่นคงหนักแน่นในจิตใจเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า พี่จะไม่มีวัน ‘ได้ใจ’ น้องพลูมา”

“น้องพลูขอบคุณที่พี่อชิรู้สึกดีๆด้วยแต่ไม่สามารถคิดกับพี่เป็นอย่างอื่นได้เลยจริงๆ...ขอโทษค่ะ” แทนดาวมองหน้าคนข้างๆอย่างรู้สึกผิดที่ไม่อาจตอบแทนความรักด้วยการ ‘รัก’ ตอบ

“พี่ต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษน้องพลูที่บางครั้งก็อาจจะทำอะไรให้ยุ่งยากใจ แต่ต่อไปนี้สบายใจเถอะนะว่าแต่...พี่ขออะไรอย่างนึงได้ไหม?”ใบหน้าใจดีระบายยิ้มออกมาแล้วละมือข้างหนึ่งไปลูบผมสวยที่เคยได้แต่มองและสัมผัสด้วยสายตา

“อะไรคะ?”

“ขอเป็นพี่ชายของน้องพลูอีกคนได้ไหมครับ?” คำขอของเขาเรียกรอยยิ้มพิมพ์ใจจากคนป่วยที่พยักหน้าหงึกหงักได้ทันทีความอึดอัดขัดข้องมลายหายไปสิ้นเมื่อทุกอย่างได้รับการไขให้กระจ่าง

อชิตะออกจากห้องนั้นแล้วลอบผ่อนหายใจอย่างโล่งอกเขารักแทนดาว...รักผู้หญิงแบบที่แทนดาวเป็น แต่ไม่ถึงกับต้องเป็นหล่อนเพียงคนเดียวอชิตะเพียรบอกตัวเองว่า...จะรอคอยจนกว่าจะพบสตรีที่มีอัธยาศัยและจิตใจเฉกเช่นสาวน้อยนัยน์ตาดุจดาวผู้นี้

ชลธีจ้องมองผู้ที่เดินหน้านิ่งแต่ระบายรอยยิ้มเบาๆเข้ามาในห้องรับรองโอ่โถงแห่งนี้เขารอจนอีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงค่อยทักทายอย่างคนคุ้นเคยกันดี

“ไงครับ...บริการตรวจรักษานอกสถานที่หรือ?” เสียงคนถามอาจจะฟังดูสุภาพแต่ถ้าจับกระแสได้จะรู้ว่าแอบ

เหน็บนิดๆ ถึงจะเคย ‘ติดหนี้’ ในความเอื้เฟื้อของนายแพทย์คนนี้แต่ถึงอย่างไรเรื่องของหัวใจย่อมเป็นข้อยกเว้น

“ครับ...น้องพลูเป็นไข้เมื่อเช้าไปหาที่โรงพยาบาลมาแล้วทีนึง ก็เลยมาติดตามอาการ”

“เอาใจใส่ดีนะครับ...ดูแลกันถึงห้องนอนทีเดียวไอ้หมากมันบอกว่า ‘ที่นั่น’ เป็นเขตหวงห้ามไม่ใช่หรือ?แล้วทำ

ยังไงถึงขึ้นไปได้ ใช้วิชาสะเดาะกุญแจหรือไง?”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมไปวัดไข้กับฟังปอดแค่นั้น คนไข้ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล...เธอเป็นน้องสาวผม” คำตอบนั้นทำเอาชลธีต้องยืดหลังตรงแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อที่จะได้ฟังให้ชัดถ้อยชัดคำขึ้น

“น้องสาวหรือ?”

“ครับเอาล่ะ...หวังว่าเราคงไม่มีอะไรต้องบาดหมางใจกันอีกนะ อ้อ...แล้วเรื่องส่วนตัวของคุณก็ขอให้คลี่คลายได้ในเร็ววัน”อชิตะกล่าวทิ้งท้ายแล้วเก็บข้าวของกลับไปทิ้งให้คู่สนทนายังนั่งงอยู่คนเดียวไอ้เรื่องส่วนตัวที่ฝ่ายนั้นพูดถึง...มันหมายถึงเรื่องอะไรกันเรื่องงานหมั้นที่ถูกทำลายหรือว่าเรื่องข่าวที่รั่วไปถึงหูแทนดาวจนได้

“คุณชลคะ...ป้าเพิ่งให้เด็กยกข้าวต้มขึ้นไปให้น้องพลูเห็นบอกว่ากินข้าวแล้วจะกินยานอนเลย คุณชลก็อยู่กินข้าวเย็นกันก่อนนะคะ”คุณดวงทิพย์เดินมาบอกเป็นเชิงว่าบุตรสาวไม่อยาก ‘ต้อนรับ’แขก วูบหนึ่งมีรอยน้อยใจปรากฏบนใบหน้าที่เจื่อนสนิท

“อยู่ก่อนเถอะคุณชล...ลุงมีเรื่องคุยด้วย”คุณเที่ยงธรรมเดินเข้ามาสมทบอีกคน ชายหนุ่มมองหน้าบุพการีทั้งสองคนของสตรีอันเป็นที่รักด้วยคำถามมากมายพวกท่านจะรู้หรือเปล่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างตนกับบุตรสาวบ้าง

“อ้อ...หิวหรือเปล่า? ถ้ายังไม่มากนักก็รอสักครู่เถอะนะ ให้หมากกลับมาก่อนจะได้คุยเรื่องน้องสาว...อ้อ…น้องแฟงน่ะ ลุงไม่แน่ใจว่าสองคนนั้นบอกข่าวแล้วหรือยัง?”

“ข่าวอะไรครับ?” ชลธีเอะใจที่ท่านไม่ได้จะพูดเรื่องระหว่างตนกับแทนดาว แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าจะหารือเรื่องอะไรมันคงเป็นการดีกว่าที่จะทำเป็นยังไม่รู้ เรื่องเลวทรามที่เทียมภพกระทำต่อรมย์นลินไม่ควรที่จะได้รับการไว้ชีวิตแต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ปลุกจิตใต้สำนึกให้พอมีความปราณีอยู่บ้างก็คือ เห็นแก่หัวอกหัวใจของรมย์นลินไม่อยากให้น้องต้องตรอมใจเพราะคนรักถูกความตายพรากไป

“คิดยังไงล่ะ ที่‘พี่ชายว่าที่ภรรยา’ จะกลายมาเป็น‘ว่าที่น้องเขย’ อีกตำแหน่งน่ะ?”

ของหวานถูกเก็บไปแล้วแทนที่ด้วยชากาแฟครบสูตรดูเหมือนว่าวันนี้สมาชิกครอบครัวทวีกิจไพศาลคงจะเหลือเพียงสี่คนที่ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับแขกที่เหลืออีกหนึ่งคน

“ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไรติดแต่ว่า...คนที่จะมาเป็น ‘น้องเขย’ ของผมนี่…ไม่มีอะไรติดค้างกับใครที่ไหนแล้ว”ชลธีคนกาแฟในถ้วยเล่นโดยไม่มองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย

“ฉันไม่มี ‘อะไร’กับ ‘ใคร’ อีกแล้วทั้งนั้นแหละ เพราะถ้ามีน่ะนะ...อย่างน้อยก็ต้องลงข่าวซุบซิบให้เห็นหรอกไม่ต้องตามสืบตามหาแล้วก็ปิดกันให้วุ่นวาย” เทียมภพตีกระทบว่าที่พี่เขยอย่างจังใบหน้าสำอางหล่อเหลาราวเทพบุตรโรมันยิ้มหยันให้นิดๆ แต่คน ‘ถูกตี’ไม่ได้สะดุ้งหรือสะเทือนเพราะมีเรื่องที่หนักกว่านี้ให้ขบคิด

“อ้อ...จะบอกว่าถอนเขี้ยวตัดเล็บแล้วรึ? ให้มันจริงเถอะ...ประเดี๋ยวก็จะมีแม่ประแดะที่ไหนมาแง่ดๆอยู่หน้าบ้านอีก”คุณลำเภาอดแซวหลานชายคนโตไม่ได้

“โธ่...ย่าล่ะก็ผมรู้ตัวดีครับว่าถึงเวลาแล้วที่จะลงหลักปักฐานให้มั่นคงเสียทีว่าแต่...นายสะดวกที่จะนัดคุณอาเมื่อไหร่ เทียมภพถามว่าที่พี่เขยด้วยเนื้อเสียงที่เป็นงานเป็นการกว่าเดิม

“คุณแม่จะขึ้นมาอาทิตย์ปลายเดือนพอดีแต่ยังไงผมจะเกริ่นกับท่านเอาไว้ก่อน แล้วจะมาแจ้งว่าคุณแม่จะนัดให้

เข้าไปพบวันไหนนะครับ” ชลธีไม่ตอบคำถามนี้กับคนถามแต่หันไปบอกคุณเที่ยงธรรมแทน

“ไหนๆก็นัดกันคุยเรื่องนี้แล้วงั้นผมขออนุญาตพูด ‘เรื่องของผม’ไปเสียด้วยเลยนะครับ” ชลธีเรียนพวกผู้ใหญ่ ณ ที่นั้นท่านด้วยรอยยิ้มสดใสทั้งสามมองหน้ากันอย่างเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องอะไรคงมีแต่เทียมภพที่วางถ้วยกาแฟลงด้วยอาการกระแทกแล้วแอบทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสาปแช่งใครอยู่อาการผิดปรกตินี้ไม่อาจลอดเล็ดสายตาคุณลำเภาไปได้ดังนั้นคำถามที่ตามมาจึงฟังดูประชดเหน็บแนมหลานชายด้วยอารมณ์หมั่นไส้เหลือที

“กาแฟติดคอเรอะ...เจ้าหมาก?”

ดูเหมือนว่าความพยายามในการติดต่อกับแทนดาวตลอดสามสี่วันนี้จะไม่สัมฤทธิ์ผลเอาเสียเลยไม่ว่าจะเป็นทั้งโทรศัพท์หรือมาหาแบบตัวเป็นๆก็มักจะถูกปฏิเสธทุกทีไป ชลธีทราบจากคุณดวงทิพย์แค่ว่าแทนดาวหายดีแล้วและกลับไปเรียนหนังสือหนังหาได้ตามปรกติการหลบหน้าหลบตามันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนักสำหรับเขาแต่ก็ทำใจคิดเผื่อๆเอาไว้ว่ามันอาจจะดีสำหรับแทนดาวเองถ้าหล่อนประสงค์ที่จะอยู่ลำพังสักพัก...เขาก็จะให้เวลา ระหว่างนี้ก็ต้องพยายาม ‘สะสาง’ เรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้น แต่มันช่างยากลำบากเพราะตั้งแต่วันนั้นก็ไม่สามารถติดต่อหรือเสาะหาคนสร้างเรื่องอย่างเปรมยุตาได้เลย

สตรีวัยดรุณีในชุดนักศึกษาตามระเบียบที่เพิ่งจะก้าวผ่านประตูกระจกเข้ามาสะกดสายตาหลายคู่ให้หันมามองแล้ววิพากษ์วิจารณ์กันขรมร่างอรชรเพียงแต่แย้มเยื้อนให้พนักงานที่หันมาสบตาแต่พองามเป็นการทักทายตามมรรยาททุกคนรู้จัก แทนดาว ทวีกิจไพศาล เป็นอย่างดี แต่ที่ต้องจับกลุ่มซุบซิบกันเพราะ ‘ลุค’ใหม่ที่เจ้าตัวเปลี่ยนแปลงจนดูผิดหูผิดตาไป เริ่มตั้งแต่ผมสลวยเป็นลอนตามธรรมชาติดำขลับยาวจรดเอวถูกซอยสไลด์ไล่ระดับตรงด้านหน้าจนระใบหน้าและประอยู่แค่บ่าสีผมเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเข้มขับให้วงหน้าขาวกระจ่างดูสว่างมากขึ้นใบหน้าได้รูปแต่งแต้ม ‘จัด’ กว่าเดิมจนดูสะดุดตาแต่ไม่มากจนเกินงาม

“มาหาคุณเทียมภพหรือคะ? ดิฉันเห็นเธอออกไปกับลูกค้าเมื่อสักครู่นี้เอง แต่ไม่นานก็คงจะกลับล่ะค่ะ”พนักงานคนหนึ่งรีบปรี่เข้ามารายงานด้วยลักษณะ ‘เอาหน้า’ เต็มที่

“ทราบแล้วล่ะค่ะ...เลยมารอ แต่ระหว่างรออยากจะพบคุณปาลิดา...เธออยู่ใช่ไหมคะ แทนดาวถามเอากับพนักงานสาวคนนั้นด้วยอัธยาศัยเป็นมิตรแต่ก็ไว้ตัวอยู่ในทีตามที่ได้รับการอบรมมาถึงตัวไม่ใช่คนหยิ่งแต่ก็ไม่แจกยิ้มเหลือ เฟือหรือคุยเล่นไปทั่ว ด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงน้องสาวของหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงพ่วงด้วยทายาทลำดับที่สามของทวีกิจจึงต้องระมัดระวังอย่างมากในเรื่องการวางตัวเวลาออกมาสู่สังคมดังคำคุณย่ากับคุณแม่ที่พร่ำสอนอยู่เสมอตั้งแต่เด็กจนโต

“อยู่บ้านจะออกฤทธิ์แค่ไหนก็ไม่มีใครว่าแต่ถ้าออกไปข้างนอกต้องปรับตัวเสียใหม่ เจ้านาย...ต้องไม่หยิ่งผยองถือตัวเกินงามแต่ก็ไม่ใช่ทำตัวเหลาะแหละดูไม่น่าเชื่อถือ”

“อยู่ค่ะ...จะให้ไปพบที่ไหนคะ?”

“อืม...ที่ห้องรับรองพิเศษชั้นบนก็ได้ค่ะ”

ปาลิดาเดินเฉิดฉายเข้ามาพบ‘น้องสาวท่านประธาน’ ในห้องรับรองพิเศษที่เอาไว้ใช้ต้อนรับแขกหรือลูกค้าระดับสำคัญอันเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงานว่าถ้า‘ท่านไหน’ มีธุระปะปังหรือเชิญอาคันตุกะเข้ามาในห้องนี้แล้วจะต้องไม่เข้าไปรบกวนไม่ว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายใดๆรู้เช่นนี้แล้วความสงสัยใคร่รู้ยิ่งเร่งเร้าสาวหมวยตาชั้นเดียวให้กระหายมากขึ้นด้วยคิดว่าธุระที่อีกฝ่ายจะคุยด้วยต้องมีความสำคัญระดับหนึ่งถึงกับต้องเรียกมาคุยให้ห้องมิดชิดแบบนี้

แทนดาววางแท็บเล็ตในมือลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วตามมาด้วยกลิ่นน้ำหอมฉุนโชยชวนเวียนหัวลอยนำมาก่อนร่างของสตรีในสูททำงานเก๋ไก๋ตามรสนิยม ใบหน้ากลมเหมือนซาลาเปาตกแต่งเข้มจัดจนแทบเดาเค้าเดิมไม่ออก

“ตัดผมมาใหม่เหรอ? ดูเปรี้ยวดีนี่” คำทักทายที่ออกจะไม่เป็นทางการทั้งยังกึ่งชื่นชมกึ่งประชดทำให้คนฟังยิ้ม

ตอบได้ไม่สนิทใจนัก ปาลิดากวาดตามองความเปลี่ยนแปลงของสตรีที่อ่อนวัยกว่าไม่กี่ปีด้วยรอยริษยาเล็กๆที่ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะแต่งตัวแต่งหน้าอย่างไรก็ดูจะ‘สวย’ กว่าตนไปเสียทุกครั้ง

“พลูมีข่าวดีมาบอก”แทนดาวไม่อยากต่อความด้วยเลยรีบเข้าเรื่อง หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายแล้วเปิดคลิปเสียงที่อัดเอาไว้พร้อมกับพยักพเยิดเรียกอีกฝ่ายมานั่งฟังใกล้ๆปาลิดากัดริมฝีปากอย่างลุ้นระทึกขณะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ บางคราวสองสาวก็หันมาสบตากันจนสักครู่ก็สิ้นสุดการบันทึกเสียง

“นึกแล้วเชียว! นังสินีนุชมันถึงทำท่าไม่ค่อยจะโอภาปราศรัยกับลูกปลา แล้วพี่ชลรู้เรื่องนี้หรือยัง ปาลิดาตวัดเสียงสูงอย่างเคียดแค้นสองมือบิดไปบิดมาอย่างต้องการระบายความโกรธ ริมฝีปากฉาบสีชมพูนีออนขบเม้มแน่น

“ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกพลูตั้งใจจะให้ลูกปลาเป็นคนไปบอกเอง” คนพูดละทั้งชื่อทั้งสรรพนามราวกับว่าไม่ต้องการเอ่ยถึงอีก

“เธอมีอะไรกับพี่ชลหรือเปล่า ปาลิดามองหน้าคนส่งข่าวอย่างจับพิรุธ ความผิดสังเกตเริ่มตั้งแต่การปรับเปลี่ยนตัวเองและท่าทีคำพูดแปลกๆ

“ไม่นี่ พลูกับเขา..เราไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้ว”แทนดาวตอบออกไปแล้วก็หลบตาเพราะไอ้ประโยคที่บอกไปว่า ‘เราไม่ได้คุยกัน’ นั้นเป็นตนเองฝ่ายเดียวที่คอยหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า

“ไม่เชื่อหรอก...ทะเลาะกันเรื่องข่าวนั่นแน่ๆ”ปาลิดาอดซักไซ้ไล่เลียงต่อไม่ได้

“นี่...เรื่องของพลูมันไม่สำคัญเท่าของลูกปลาหรอกรีบๆแก้ไขซะ...ก่อนที่คนกระทำผิดจะไหวตัวทันแล้วชิ่งหนีไป น่ะ”แทนดาวตัดบทดื้อๆด้วยไม่อยากให้ใครมาล่วงล้ำก้ำเกินเรื่องส่วนตัว ปาลิดาเองก็ดูจะเข้าอกเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่

“งั้น...ลูกปลาขอเซฟไฟล์เสียงนี่แล้วจะบอกพี่ชลวันนี้เลย ว่าแต่...ทำไมถึงช่วยล่ะ?”ในความรู้สึกของปาลิดา แทนดาวคือคนที่มาแย่งชายที่หมายปองไป ดังนั้นควรจะไม่กินสีกินเส้นกันมากกว่าจะเป็นมิตร

“พลูเกลียดการใส่ร้ายหักหลังอีกอย่าง...ลูกปลาก็เป็นเพื่อนคนนึง”

“เพื่อน...งั้นหรือ ปาลิดาพูดพึมพำอย่างไม่เชื่อหู

“ใช่...เพื่อนจะไม่ยอมให้เพื่อนต้องตกเป็นจำเลยสังคมหรอกพลูเชื่อมาตั้งแต่แรกว่าลูกปลาไม่ได้เอาเงินไป”

“ในคลิปเสียงนั่นยัยนุชยังพูดถึงคนชื่อปราง...จะเป็นปรางเดียวกับยัยเปรมยุตาผู้ดีไหแตกนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เรื่องนี้ลูกปลาต้องไปสืบต่อเองแล้วล่ะ”แทนดาวทำท่าลุกขึ้นเมื่อจบธุระ ปาลิดาลุกตามแล้วอ้าปากเหมือนจะพูดบางสิ่งบางอย่างแต่ยังลังเลและตัดสินใจเก็บปากเงียบ

“อ้อ...ขอบใจก็แล้วกันถ้าได้เรื่องได้ราวยังไงจะมาบอก”

สองสาวแยกย้ายกันตรงนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แทนดาวก็จะคิดเสียว่าตัวเองทำดีที่สุด ชลธีจะกล้า ‘เอาความ’ กับคนรักหรือปล่อยให้ลอยนวลก็สุดแต่ใจเพราะว่าทางที่ตนเลือกเดินมันคนละสายกับเขาอยู่แล้ว

แทนดาวว่าจะกลับไปรอพี่ชายในห้องทำงานตามที่นัดกันไว้แต่พอจะเปิดห้องเข้าไปก็ได้ยินเสียงที่พยายามหลบลี้มาหลายวันเรียกไว้ปลายเท้าเล็กเพียงแค่หยุดการก้าวตรงนั้นโดยไม่ยอมหันกลับไปมอง

“สวยขึ้นนะครับ...จำแทบจะไม่ได้”เจ้าของเสียงเห็นว่าฝ่ายนั้นยืนนิ่งเฉยจึงเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเอง ร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าแล้วกวาดตาไล่สำรวจอย่างพินิจพิจารณาอยู่นานว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป

“ดิฉันมารอคุณเทียมภพ”เสียงตอบกลับมาช่างเย็นชาและเฉียบขาดจนอดคิดไม่ได้ว่าคนพูดตั้งใจจะให้คนฟังรู้ สึกเช่นนั้นจริงๆหรือเพียงแค่‘แสดง’

“อยู่กันตามลำพัง...ไม่ต้องพิธีการนักก็ได้ไปดื่มกาแฟกันเถอะ” เสียงราบเรียบเอ่ยชวนแบบไม่ต้องการคำปฏิเสธ

“ไม่สะดวกค่ะน้องพลูบอกพี่หมากว่าจะมารอ ถ้าแกกลับมาจากข้างนอกแล้วไม่เจอ...จะลำบาก”

“รับรองว่าพี่จะไม่ทำให้ลำบาก...ไปนะครับ”แทนดาวช้อนตามองอย่างเคืองๆกับท่าทีและสายที่บังคับอยู่กลายๆแล้วตัดสินใจเดินนำลิ่วๆออกไป

ร้านกาแฟยามบ่ายคล้อยมีลูกค้าค่อนข้างบางตาแต่ก็ยังเป็นที่นิยมของคนละแวกนี้อาจจะด้วยรสชาติที่เทียบเท่ายี่ห้อดังๆกับบรรยากาศน่านั่งหลบร้อน ที่มีทั้งแบบห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำและแบบรับลมธรรมชาติให้เลือกนั่งตามอัธยาศัยชายหนุ่มสั่งกาแฟคาปูชิโนแล้วสั่งไวท์ช็อค มัคคิอาโตให้สาวน้อยที่นั่งตรงข้าม

“รู้ได้ยังไงคะ? ว่าน้องพลูยังชอบดื่มอยู่ ตอนนี้น้องพลูไม่ได้ชอบ ‘แบบเดิม’ แล้ว” สาวน้อยบอกเสียงห้วนประกอบกับอากัปกิริยาที่เจ้าตัวพยายามทำตัวให้ดูมั่นอกมั่นใจจนคนมองนึกขัน

“วางท่าดีนักนะแม่คุณ...ดูซิว่าจะดัดอยู่ได้นานแค่ไหน”

“ไม่รู้สิ...แต่พี่มั่นใจนะว่าน้องพลูยังชอบ‘แบบเดิม’อย่าถามเลยว่าไปเอาความมั่นใจผิดๆนี่มาจากไหน พี่เป็นพ่อค้า เป็นนักลงทุนเจอผู้คนมามากมายโดยเฉพาะพวกที่ชอบ...ทำตัวเองให้ดูเป็นคนอื่น คนแบบนี้ดูออกง่ายมาก”

“หาว่าน้องพลูเสแสร้งหรือคะ?” แค่คำพูดแหย่เล็กๆน้อยก็ทำให้หญิงสาวเกิดอาการ ‘เต้น’ อันไม่ทิ้งลักษณะตัวตนเดิม ชลธีเพียงยิ้มกว้างกลบเกลื่อนอาการขำขัน

“เปล่าครับ...พี่พูดถึงทั่วๆไปเข้าเรื่องของเราดีกว่า” คำว่า ‘เรื่องของเรา’ จุดประกายฟูฟ่องอยู่ในใจดวงน้อยเงียบๆ แทนดาวแอบถามตัวเองว่า การที่หลบลี้หนีหน้าเขามาหลายวันยังคงความเป็น‘เรา’ ในความรู้สึกของเขาได้อยู่ล่ะหรือ

“ทำ...ทำไม คำถามสั้นๆแต่เย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจทำให้คนถูกถามเกิดความรู้สึกว่าของเหลวสีน้ำตาลที่กำลังดื่มอยู่นี่ช่างฝืดคอเสียเหลือเกิน

“ทำอะไรคะ?”

“พี่ไม่เชื่อแน่...ถ้าน้องพลูจะอ้างว่าทำตามแฟชั่นอินเทรน ตามเพื่อนหรืออะไรก็ตาม” ชลธีจับปอยผมเคลือบสีน้ำตาลเข้มที่ซอยไล่ระดับระเพียงบ่าถึงแม้ความยาวของเส้นผมด้านหลังจะไม่ได้ตัดออกมาก แต่ด้วยความชินตากับแบบเก่ามันทำให้เขารู้สึกว่าสั้นไปไหนจะริมฝีปากฉาบสีส้มอิฐขนตาหนางอนที่ถูกดัดและปัดด้วยมาสคาร่าทั้งๆที่ของเดิมก็ยาวเป็นแพอยู่แล้วดูยิ่งหนาหนักขึ้นไปอีกบลัชออนสีส้มพีชบดบังพวงแก้มชมพูเรื่อตามธรรมชาติอันเคยทำให้เขาใจแกว่งอยู่เสมอ ทุกอย่างที่เห็นบนตัวหญิงสาวณ เวลานี้คือ ‘หน้ากาก’ ที่อีกฝ่ายสวมปิดหน้าเพื่อบังอำพรางอะไรบางอย่าง

แต่...ชลธีไม่รู้หรอกว่าเพราะไอ้ผมทรงใหม่นี่เกือบทำให้บ้านแตกแทนดาวแอบไปเข้าร้านเสริมสวยหลังจากหายป่วยได้วันเดียวพอเทียมภพที่แสนจะหวงผมของน้องสาวอย่างกับอะไรรู้เข้าเห็นเข้าเท่านั้นแหละ

“ใครอนุญาตให้ตัดผม! ดูซิ..สั้นกุดจุดจู๋ แล้วนี่...ไปย้อมทำไม? ลืมแล้วเหรอว่าพ่อแม่เป็นคนไทยไม่ใช่ฝรั่งมังค่า”

“โธ่...พี่หมาก สั้นอะไรกันเล่า..ซอยไล่ตรงข้างหน้าให้มันเล่นระดับแค่นี้เองข้างหลังมันก็ต้องตัดออกบ้างให้สมดุลกัน ส่วนสีนี่มันเป็นโปรโมชั่นแถมมาค่ะแค่เคลือบสีเฉยๆเท่านั้นอีกสองสามเดือนก็จางหายไปเองแหละ”

“พี่ไม่ชอบให้เราไปทำอะไรกับมันครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ...เลี้ยงให้ยาวเหมือนเดิมแล้วห้ามไปตัดไปโกรกอะไรมาอีกไม่งั้นพี่จะจับเราโกนหัวให้รู้แล้วรู้รอด”

“คิดเยอะไปไหมคะ? มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้หญิงแต่งตัวแต่งหน้า น้องพลูแค่เบื่อๆกับสิ่งเดิมๆ เลยลองเปลี่ยนดู ใคร...ไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้”ใคร...ที่พูดถึงทำให้ชลธีต้องพ่นลมหายใจเบาๆ แน่ละว่าหล่อนจงใจพาดพิงเขานั่นล่ะ

“พี่ไม่ชอบสวยน่ะ...มันสวย แต่มันไม่ได้สวยตามแบบฉบับของน้องพลู พี่ขอล่ะ...อย่าประชดกันแบบนี้เรื่องนั้นเรายังไม่ทันทำความเข้าใจกันเลย น้องพลูอย่าเพิ่ง...ตัดสินใจ ‘เปลี่ยน’ ทั้งๆที่เรื่องของเรายังไม่เรียบร้อยสิครับ”

“พี่ชลคะ...สิ่งที่น้องพลูทำมันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ไหนบอกว่าทุกอย่างจะให้น้องพลูเป็นคนตัดสินใจเองไง? นี่ก็

ตัดสินใจแล้ว น้องพลูไม่สามารถทนเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็น...คู่หมั้น...เที่ยวหิ้วใครต่อใครเข้าห้องจนเป็นข่าวขี้ปากคนพี่ชลไม่อาย...แต่น้องพลูอาย”

“พี่ก็พยายามจะหาทางอธิบายอยู่นี่ไงล่ะ? ทำไมไม่ยอมฟังกันบ้าง หรือเป็นเพราะมีคนดูแลอย่างดีเลยเห็นพี่ไม่มีความหมายแล้ว?”

“พูดถึงใครคะ?”

“ตอนป่วยอยู่...เห็นว่ามีหมอประจำตัวคอยดูแลใกล้ชิดดูกันถึงห้องนอนเลยนี่” น้ำเสียงคนพูดคล้ายจะหยันโลก มือใหญ่ล้วงบุหรี่มาจุดโดยไม่คำนึงว่านั่งอยู่กับใครตลอดเวลาเขาไม่เคยคิดจะสูบยาต่อหน้าหญิงสาวเลยเพราะไม่อยากให้หล่อนสูดควันทางอ้อม

“พี่อชิแค่ขึ้นไปตรวจอาการภายนอกเองค่ะ...ไม่ได้ตรวจภายใน คำตอบนั้นทำเอามือที่ถือไลเตอร์ค้างอยู่อย่างนั้นปลายนิ้วที่คีบมวนยาถึงกับอ่อนปวกเปียกจนปล่อยมันตกลงไป

“ยอกย้อนได้ถึงใจดีนะ...นึกว่าจะไร้เดียงสา”ชลธีเริ่มมีโทสะ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันออกมารูปนี้ทีแรกว่าจะมานั่งปรับความเข้าใจกันดีๆ แต่ดูเหมือนว่าจะปะทะคารมกันเองเสียมากกว่า

“พี่ชลให้คำจำกัดความคำว่า...ไร้เดียงสา...แคบไปหน่อยมั้งคะก็เลยมากำหนดมาตรฐานให้น้องพลูว่าจะต้อง ‘ไร้เดียงสา’กับทุกเรื่องเสมอ” คำย้อนยอกฉะฉานออกจากปากสีส้มอย่างต่อเนื่องชลธีส่ายหน้าเบาๆกับความรั้นตะแบงของคนตัวเล็ก

“โอเค..พี่จะได้ประเมินน้องพลูใหม่แหม...ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะว่า...ไม่ได้ไร้เดียงสา...กับทุกเรื่อง จะได้ทำ ‘อะไรๆ’ ให้มันทันอกทันใจกว่านี้”คำปรามาสบาดเย็นโสตประสาททำให้คนฟังหน้าร้อน นัยน์ตาสีเหล็กทอประกายเยือกเย็นระคนโกรธหากแต่คนถูกมองหาได้หวาดหวั่น ร่างบางนั่งคอตั้งบ่าอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ

“พี่หมากไลน์มาบอกว่ากำลังจะเข้ามาน้องพลูต้องไปแล้วล่ะ”

“ไปสิ...พี่ก็กินอะไรไม่ลงแล้วเหมือนกัน”แทนดาวตวัดค้อนให้คนช่างประชดแล้วเดินอาดๆลงไปก่อนมีชายหนุ่มหน้าบึ้งถมึงทึงตามมาห่างๆทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกลับเข้ามาในออฟฟิศ

“พี่ชล...คุณชลธี...ลูกปลารออยู่พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” ปาลิดาเดินหน้าตาแช่มชื่นมาหา แทนดาวรู้สึกว่าอารมณ์บูดของคนที่เดินมาด้วยดูจะผ่อนลง

“มีอะไรล่ะ...ไปคุยที่ห้องพี่ก็ได้”ชลธีบอกสาวหมวยที่ยังยืนยิ้มแป้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีชีวิตชีวาต่างกับตอนที่อยู่ในร้านกาแฟลี้ลับแทนดาวหยุดยืนตรงหน้าลิฟต์รอให้สองคนนั้นเข้าไปก่อนโดยตั้งใจว่าจะรอลิฟต์ตัวต่อไป

“อ้าว...แทนดาวเข้ามาสิ...จะยืนรออะไรจ๊ะ เราไปชั้นเดียวกันไม่ใช่เหรอ ปาลิดากดปุ่มเปิดประตูค้างแล้วร้องเรียกเลยต้องจำใจเข้าไปด้วย ระหว่างที่ลิฟต์กำลังพุ่งไปก็ได้ยินแต่บทสนทนาของสองหนุ่มสาวที่นับถือกันเหมือนญาติทำให้แทนดาวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น

“วันนี้ไปไหนหรือเปล่า?” พอก้าวออกจากลิฟต์ชลธีก็เอ่ยปากถามสาวหมวยดังๆประหนึ่งจะให้อีกคนได้ยินด้วย

“ไม่ค่ะ...วันนี้จะกลับบ้านเลย”

“อืม...พี่ได้บัตรเชิญเข้างานไวน์ไนท์ที่คลับแถวทองหล่อ อยากไปมั้ย?”

“ไปสิคะ...ดีใจจังที่พี่ชลชวนอ้อ...ไปกันสองคนเหรอคะ? แล้วใบ...”

“เป็นอันว่าตกลงอ้อ...เข้าไปรอพี่ในห้องก่อนนะ เดี๋ยวตามไป”ชลธีไม่ปล่อยให้ปาลิดาพูดต่อก็รีบสรุปจบ พอ

เหลือกันอยู่สองคนก็เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

“ขอโทษนะที่ไม่ได้ชวนน้องพลูแต่...ถึงชวนก็คงไม่อยากไปล่ะมั้ง”

“ค่ะ...น้องพลูไม่อยากไปด้วยส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่ง...พี่หมากก็เคยสั่งห้ามไม่ให้ไปข้องแวะกับสถานที่อโคจร”แทนดาวเน้นหนักในวลีสุดท้าย ชลธีเพียงยิ้มหยันน้อยๆขณะเพ่งใบหน้างามที่ฉาบเคลือบด้วยเมคอัพชั้นดี

“ที่อโคจร...น้องพลูให้คำจำกัดความสถานบันเทิงแคบไปหรือเปล่า? คนไปเที่ยวกลางคืนไม่ได้หมายความว่าจะไปทำ ‘อย่าว่า’ประการเดียวสักหน่อยอย่าไร้เดียงสามากสิครับ...เดี๋ยวพี่จะเผลอเชื่อสนิท” ชลธีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ก็ทำให้คนฟังแทบจะเผลอหลุดกรี๊ดที่อีกฝ่ายบังอาจย้อนรอยคำพูดตน

“ถึงยังไงน้องพลูก็ไม่ชอบไปเบียดเสียดเต้นแร้งเต้นกาอยู่ในแหล่งรวมคนสายบันเทิงแบบนั้นหรอกเชิญพี่ชลไปดื่มไวน์ให้สุขสำราญใจเถอะค่ะ”

“อาไร้...เห็นเปลี่ยนลุคเสียเป็นสาวมั่นก็นึกว่าจะกล้าเปรี้ยวที่ไหนได้...ก็ยังเป็นคนเดิมอยู่นั่นเอง”

“เปลี่ยน...ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่เลวลงน้องพลูเพิ่งจะได้บทเรียนมาว่า...รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี ดูโก้แต่จริงๆมีอะไรแอบซุกซ่อนเอาไว้เยอะแยะ”

“ก็คงคล้ายๆ พวกหน้าใสๆสวยๆ ก็อาจจะมีอะไรอีกเยอะแยะที่ซ่อนไว้ แทนดาว...พี่จะให้เวลาเราตามที่ขอเพื่อกลับไปคิดทบทวนสิ่งที่กำลังทำแต่ขอร้อง...ขอให้คิดให้ให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไปจำเอาไว้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา...มันจะฝืนกันอยู่ได้ไม่นานนักหรอก”

ปลายนิ้วอุ่นแตะที่ริมฝีปากเคลือบสีส้มและปาดเช็ดออกเบาๆแทนความหมายในสิ่งที่พูดแทนดาวมองหลังกว้างที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกหลากหลายขณะขบคิดคำพูดของเขาไปด้วย หญิงสาวถามตัวเองเงียบๆว่าไอ้ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมเพื่อแสดงถึงบุคลิกว่าเป็นคนเก่งแกร่ง ไม่แคร์ เช่นนั้นจริงๆ หรือเพียงแค่อยากประชดที่ชลธีทำลายความไว้วางใจและความศรัทธาต่อหัวใจรักจึงอยากจะทำลายทุกสิ่งที่เขาชอบ รัก และหวงแหนเป็นการแก้แค้นล่ะหรือ

สาวน้อยในชุดเดรสสีขาวผ้าพลิ้วพิมพ์ลายกุหลายสีแดงสดสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยที่ก้าวลงบันไดมาทำให้เทียมภพต้องวางหนังสือพิมพ์ธุรกิจลงเพื่อมองดูให้ชัดว่าใช่น้องสาวคนเดิมหรือเปล่าเขาเพิ่งสังเกตว่าคนเกิดทีหลังดูแปลกตาไปค่อนข้างมาก นอกเหนือจากทรงผมกับสีผมใหม่แล้วบนใบหน้างามที่มีเค้าละม้ายตนยังแต่งแต้มด้วยเมคอัพอย่างมีสไตล์คล้ายพวกนางแบบหรืออดีตสาวๆในกรุแต่พอนึกๆดูแล้วมันอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่น้องสาวคนเล็กทำเพื่อต้องการลืมเรื่องยุ่งๆก็เลยอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่

“ทำไมต้องรีบกลับด้วยล่ะ นานๆผึ้งจะว่างเต็มวันแบบนี้ แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดด้วย”ปลายเดือนบ่นอุบหลังจากมาขออนุญาตพาน้องสาวคนเล็กไปงานเปิดคลินิกเสริมความงามของเพื่อนสนิทนายแพทย์อชิตะแต่ถูกกำชับให้กลับบ้านก่อนตะวันตกดิน

“ไม่เอา...รีบกลับ จะซื้ออะไรกันนักหนา อย่าพาน้องเถลไถลนานนักปล่อยให้ไปกันตามลำพังเนี่ย...พี่เป็นห่วงรู้ไหมแล้วตาแก่ขี้บ่นก็ชักแม่น้ำทั้งห้าบรรยายภัยอันตรายร้อยแปดที่ผู้หญิงอาจจะประสบให้น้องสาวทั้งสองคนนั่งฟังตาปริบๆ

“อย่าห่วงเลยค่ะ...ไม่ได้ไปกันตามลำพังเมื่อไหร่มีคุณหมอไปด้วยนี่อุ่นใจได้เลย” ตอหนวดของเทียมภพกระตุกเป็นจังหวะเมื่อได้ยินชื่อนั้นถ้าเป็นเวลาอื่นเขาต้องห้ามไม่ให้น้องสาวคนเล็กไปอยู่ใกล้ชิดกับหมอแว่นคนนั้นแน่แต่พอเห็นว่ากำลังอยู่ในภาวะเครียดก็เลยยอมให้ไปแต่โดยดี

“ถึงยังไงก็ไม่ไว้ใจแล้วนี่งานมันเริ่มกี่โมงกี่ยามกันล่ะเทียมภพอ้าแขนรับตัวน้องสาวเข้ามากอดแล้วล้วง

กระเป๋าหยิบธนบัตรมูลค่าสูงสุดให้ห้าใบ

“สิบเอ็ดโมงค่ะที่จริงน่ะ...พี่หมากน่าจะไปด้วยกัน เขามีทำสปาหน้าฟรีเป็นการฉลองเปิดร้านด้วยค่ะหน้าพี่

หมากจะได้ใสเด้งสมกับเป็นว่าที่เจ้าบ่าวป้ายแดง”แทนดาวบอกพี่ชายเสียงใส

“นั่นสิ...ไม่เท่านั้นนะคะยังแจกคอร์สนวดหน้าเรียวด้วย เนี่ย...คุณหมอขอคูปองมาให้ผึ้งเป็นกรณีพิเศษเลยนะคะน่ารักจริงเชียว”ปลายเดือนรีบสนับสนุน

“พอๆ...จะหน้าเรียวหน้าแหลมก็ไม่สนใจทั้งนั้นแหละแล้วพี่พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นนะ...หกโมงเย็นเราสองคนต้องกลับถึงบ้าน”ถึงจะใจดีแค่ไหนแต่ลงท้ายแล้วเทียมภพก็ไม่วายทิ้งลายความเด็ดขาดปลายเดือนพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้แล้วมองเลยมาที่น้องสาวผู้ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นหมากในเกมที่ถูกจับเดิน

ห้างสรรพสินค้าดังในย่านธุรกิจแห่งนี้ย่อมคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาเดินช้อปปิ้งในวันหยุดและแน่นอนว่าทุกอย่างต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ไม่วายเว้นแม้แต่ที่จอดรถที่ต่างคนต่างก็นำพาหนะส่วนตัวมาแต่ปลายเดือนไม่ต้องประสบปัญหาในการขับวนไปเวียนมาให้เมื่อยเพราะมีป้าย VIP สำรองที่จอดให้กับผู้ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเปิดคลินิกดังกล่าว

“คุณหมอนี่รอบคอบจริงไม่งั้นครึ่งชั่วโมงก็ยังหาที่จอดไม่ได้” หญิงสาวกล่าวชมผู้ที่เอาสติ๊กเกอร์ VIP มาให้พลาง ส่องกระจกเชคใบหน้าตัวเองอีกครั้ง

“น้องพลูไม่ทำหรอกค่ะ...สปาหน้าอะไรนี่จบพิธีอะไรนั่นแล้วว่าจะไปที่แผนกเครื่องดนตรี” แทนดาวล้วงกระเป๋าหยิบบัตรทำสปาหน้าที่ว่าให้พี่สาว

“ไม่ทำก็ตามใจแต่บอกก่อนนะว่าพี่จองคอร์สนวดหน้าเรียววันนี้ไว้แล้ว คงจะไปเดินเป็นเพื่อนไม่ได้”

“น้องพลูไปเองได้เสร็จแล้วก็โทรบอกแล้วกัน”

สองสาวเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสองที่ตั้งของคลินิกเสริมความงามครบวงจรมีแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลจำนวนหนึ่งมาถึงแล้ว ทันทีที่สองสาวย่างกรายมานั่งประจำเก้าอี้หุ้มปลอกสีขาวผูกด้วยโบว์ผ้าสีทองนักข่าวสองคนก็เข้ามาถ่ายรูปและพูดคุยกับปลายเดือนที่แต่งตัวแต่งหน้ามาพร้อมราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเป็นข่าว

“ได้ยินมาว่าคุณเทียมภพกำลังจะสละโสดเจ้าสาวเป็นใครพอจะบอกได้ไหมคะ เป็นคนในวงการหรือเปล่า

“อุ๊ย...รอให้เจ้าตัวออกมาประกาศเองดีกว่าค่ะ”เสียงหวานผนวกกับใบหน้าสวยที่โปรยยิ้มชื่นอย่างกับดาราของ ปลายเดือน ทวีกิจไพศาล เรียกเสียง‘แชะ’ ของชัตเตอร์ให้รัวขึ้น

“พี่ชายก็กำลังจะสละโสดแล้วคุณปลายเดือนล่ะคะ...เมื่อไหร่จะมีข่าวดี นักข่าวคนเดิมยังถามต่อแต่เหมือนคนถูกสัมภาษณ์จะอึ้งไปเล็กน้อย

“ก็ดูๆกันอยู่…คุยกันเป็นเพื่อนธรรมดาค่ะ แหม...ผึ้งก็ไม่อยากรีบนี่คะ ถึงทาง ‘เขา’ จะมีแย้มๆถามมาบ้าง ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงานอย่างเดียว”แทนดาวแอบยิ้มเยาะหลังได้ฟังคำตอบจากพี่สาวไม่เข้าใจว่าการที่จะบอกความจริงไปว่ายังไม่มีใครมาจีบหรือยังไม่มีแฟนมันจะทำให้เสียหน้าขนาดไหนกันเชียว

“นี่มากับใครคะ? ใช่น้องคนที่มีข่าวหมั้นหมายกับเจ้าของธาราหรือเปล่า?” แทนดาวเริ่มกระสับกระส่ายเพราะตอนนี้เป้าสนใจได้เปลี่ยนมาที่ตนเรียบร้อย

“นี่คือ แทนดาว...น้องสาวของผึ้งเองอ้อ..เรื่องที่ว่าเป็นข่าวยังการันตีไม่ได้หรอกนะคะ คือ...น้องยังเรียนไม่จบเลยค่ะคงต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง”

“สวยหน้ารักไม่แพ้พี่สาวเลยนะคะแหม...สงสัยจะยังไม่สะดวกเปิดตัวจริงๆก็เลยไม่เห็นควงคู่หมั้นมาด้วย” นัก

ข่าวยิงคำถามเปิดปลายหวังจะให้แทนดาวพูดอะไรบ้าง แต่ความที่มีพี่ๆเป็นหนุ่มสาวสังคมทำให้เรียนรู้ว่าการสงบปากสงบคำไว้จะเป็นการดีที่สุด

“พี่อชิ”แทนดาวรีบเดินเข้าไปทักทายอชิตะเพื่อหวังจะหนีพวกนักข่าวไปพ้นๆเสีย ซึ่งการกระทำนั้นเข้าทางปลายเดือนที่ยังติดลมกับการให้ข่าวเรื่อยๆ

“ที่ผึ้งบอกว่าให้รอดูกันไป...ก็เพราะอย่างนั้นล่ะค่ะที่จริงงานหมั้นนี่ทางผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อยแล้วล่ะแต่ว่า...ดูเหมือนน้องสาวผึ้งจะลังเลเพราะมีคุณหมอคนนั้นมาติดพัน”ปลายเดือนพยักพเยิดไปทางน้องสาวที่ยืนคุยกับอชิตะอยู่ไม่ไกลกันนัก ข่าวใหม่ล่าสุดเรียกความสนใจจากนักข่าวสายบันเทิงผู้หิวกระหายได้เป็นอย่างดี

พอจบพิธีเปิดและรับของที่ระลึกเป็นเซรั่มกับครีมบำรุงขาดจิ๋วบรรจุในกระเป๋าผ้าอย่างดีแล้วปลายเดือนก็ฝากฝังน้องสาวกับนายแพทย์อชิตะโดยอ้างว่าต้องเข้ารับบริการนวดหน้าเรียวอย่างที่บอกไปตอนแรกแล้วต้องไปทำธุระที่ไหนต่ออีกสุดแต่จะทราบได้

“ถ้ายังไงฝากไปส่งยัยพลูที่บ้านด้วยนะคะอ้อ...พี่หมากสั่งไว้ว่าต้องกลับไม่เกินหกโมงเย็น” ปลายเดือนแจงตารางเวลาเสร็จสรรพ

“ไม่ต้องห่วงเลยครับคุณผึ้ง...ผมดูแลเอง”อชิตะก้มหัวให้นิดหนึ่งเป็นการรับคำและบอกลาอยู่ในที

“เราไปกันเถอะครับ...น้องพลูอยากซื้ออะไรล่ะ

“น้องพลูหิวค่ะ นี่ก็เที่ยงพอดี...ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าไหมคะ

“ตามใจน้องพลูสิครับ พี่น่ะ...ยังไงก็ได้” หมอหนุ่มยิ้มให้อย่างอบอุ่นเช่นเคยและช่วยถือข้าวของต่างๆให้ตามมารยาทของสุภาพบุรุษรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจของคนที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง ‘พี่ชาย’ หมาดๆทำให้อดยิ้มตอบไม่ได้

“พี่อชิชอบอาหารญี่ปุ่นไหมคะ?

“พี่เคยไปอยู่ญี่ปุ่นสามเดือนจากเดิมที่ไม่ชอบ...ตอนนี้ชอบแล้วล่ะ ไปสิครับ...น้องพลูมีร้านประจำหรือเปล่า?”

“มีค่ะ...ทางนี้”แทนดาวดึงแขนอชิตะให้เดินตามไปอีกทางแม้ทั้งคู่จะรู้จักกันและกันว่าต่างไม่มีอะไรนอกจากความเป็น ‘พี่น้อง’แต่คนนอกที่ไม่รู้อะไรด้วยย่อมจะตีความไปทางอื่นเสมอ

ดังเช่นโลกใบนี้มิได้กว้างใหญ่จนแยกชลธีกับแทนดาวให้อยู่ห่างกันได้นานๆหากคนสองคนมีดวงที่ผูกกันไว้แล้วย่อมจะต้องไม่แคล้วกันดังสุภาษิตโบราณ ชลธีเพิ่งจะเสร็จจากการเลี้ยงรับรองลูกค้าที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เช่นกันทีแรกเขาไม่ได้สนใจตอนที่เห็นคู่หนุ่มสาวเดินควงแขนผ่านหน้าไป แต่พอสังเกตดีๆก็รู้สึกคุ้นเคยจนต้องเหลียวมองตามแวบแรกที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบก็คือรอยยิ้มใสๆ กับอาการหัวร่อต่อกระซิกกับบุรุษสวมแว่นกรอบดำที่เดินเคียงข้างนัยน์ตาคมกริบมองแขนเรียวที่คล้องของชายคนนั้นด้วยความรู้สึกเดือดพล่านจนทำให้ตัดสินใจยกเลิกนัดอื่นๆตลอดบ่ายนี้โดยไม่สนใจว่าจะมีผลกระทบกับงานมากน้อยเพียงใด

ร่างสูงเร่งฝีเท้าตามไปจนทันเห็นสองคนนั้นเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับชลธีหยุดหอบหายใจอยู่หน้าร้านครู่หนึ่ง ฝ่ามือทั้งสองข้างเย็นชื้นขณะดวงตาก็จับจ้องสองคนนั้นไม่ลดละนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมแทนดาวพยายามที่จะหายหน้าตาหายตาไปเพราะมีใครคนอื่นมาแทนที่เรียบร้อยแล้วหล่อนมิได้ใช้เวลาในการใคร่ครวญหรืออยู่กับตัวเองอย่างที่บอก...แต่กลับใช้เวลาไปออกเดทกับคนอื่น!

ดูเหมือนว่าแทนดาวจะเลือกได้ชิ้นที่ถูกใจแล้วอชิตะทำท่าจะชำระค่าสินค้าให้โดยบอกว่าอยากซื้อให้น้องสาว แต่ในนาทีนั้นเอง ชลธีก็รีบแทรกเข้ามาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวแล้วยื่นธนบัตรให้พนักงานก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทำ

“อ้าว...คุณ” อชิตะมองหน้าคนที่มาแย่งจ่ายเงินด้วยความตกใจแต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติแทนดาวเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วก็ต้องอยู่ในอาการนิ่งตะลึงงันเช่นกันด้วยไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้ แต่พอปรับตัวได้ก็ทักทายไปตามปรกติ

“สวัสดีค่ะ...พี่ชล”

“เจอกันอีกแล้วนะครับ” ชลธีไม่ตอบรับคำสวัสดีจากสาวน้อยแต่กลับหันมาทักทายนายแพทย์หนุ่มด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแฝงเอาเรื่องอยู่ในที

“สวัสดีครับ...วันนี้ผมกับน้องพลูมางานเปิดตัวคลินิกแล้วเลยมาซื้อของนิดหน่อยระหว่างรอคุณผึ้ง” อชิตะตอบสายตาเอาเรื่องคู่นั้นเสียยืดยาวเพราะไม่แน่ใจว่าคนฟังจะเข้าใจอะไรๆได้มากน้อยแค่ไหน

“งั้นหรือครับ ชลธีเหยียดปากคล้ายจะเยาะใคร

“ใช่ค่ะ...เรามางานด้วยกัน กินข้าวเสร็จก็มาเดินซื้อของนิดหน่อยและกำลังจะไปต่อแล้ว” แทนดาวที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆสูดหายใจรวบรวมความกล้าตอบรับอย่างท้าทายและอวดดี

“จะกลัวทำไม...ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”

ชลธีสะกิดใจกับคำว่า‘เรา’ แสดงว่าที่คิดไว้ก็ไม่ผิด ที่ว่าแทนดาวกับหมอนี่นัดกันมาเต็มอกเต็มใจกันทั้งสองฝ่ายชายหนุ่มพยายามเก็บอารมณ์และอาการทุกอย่างซ่อนไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉยและฝืนให้ให้แสดงความดุดันขึ้งโกรธออกมาให้น้อยที่สุด

“น้องพลูต้องกลับบ้านแล้วเสียใจด้วยนะ...เวลาแห่งความสุขมักจะหมดเร็วอย่างนี้แหละ”เขาคว้าท่อนแขนเรียวดึงเข้ามาหาตัว แทนตวัดตามองอย่างโกรธๆที่อยู่ดีๆก็มาถือสิทธิ์ลากตัวกันไปง่ายๆ

“แต่ผมจะไปส่งน้องพลูเอง...ปล่อยเธอ” อชิตะบอกเสียงเย็นไม่แพ้กัน

“หน้าที่นั้นควรเป็นของ ‘คู่หมั้น’ นะหมอ” ชลธีทำปากคล้ายจะยิ้มเยาะส่วนมือก็ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆแล้วแย่งถุงต่างๆจากมือขาวสะอาดมาถือไว้เอง จากนั้นก็กระตุกแขนเล็กให้เดินตามออกมาถึงแทนดาวจะไม่พอใจกับการกระทำของเขาเอามากๆ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรขัดใจเพราะตอนนี้สัมผัสได้ถึงรังสีร้อนๆที่แผ่ออกมาจากร่างสูงที่ยืนประกบอยู่ใกล้ชิด

“คุณชล...เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องไปตั้งแต่วันนั้นแล้วนะผมบอกแล้วไงว่าผมกับน้องพลูเป็น...” อชิตะรีบตามออกมาเพื่อจะอธิบายแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมฟัง

“เป็นไอ้มดแดงหวังแย่งเจาะมะม่วง...ฝันไปเถอะหมอเราต่างคนต่างไปดีกว่า ผมจะไปส่งน้องพลูเดี๋ยวนี้” ชลธีจูงข้อมือคนตัวเล็กให้เดินฉับๆต่อไป

“เดี๋ยวค่ะ” ชลธีหยุดชะงักแทนดาวรีบสลัดแขนออกจากการเกาะกุมเดินเร็วๆย้อนกลับไปที่เดิมอีกครั้ง

“น้องพลูขอโทษจริงๆนะคะ...พี่อชิ และขอบคุณมากค่ะสำหรับวันนี้” แทนดาวบอกลาอย่างสำนึกผิดเอามากๆ อชิตะมองสีหน้าวิตกของสาวน้อยแล้วเลยมองไปทางชลธีด้วยรอยไม่พอใจ

“ถ้าน้องพลูไม่อยากไปกับเขา พี่จะคุยเอง...ไม่ต้องกลัว”

“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ชลน่ะ...ความดุนี่เท่าๆกับพี่หมากเลย”

“จะต้องกลัวทำไม พี่...กับน้องพลูไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”

“อย่าเลยค่ะ...น้องพลูจัดการได้ แล้วจะโทรไปนะคะ”แทนดาวบอกเพียงแค่นั้นก็รีบเดินกระหืดกระหอบกลับมาพอเห็นสายตาดุดันทอดมองมาไม่หยุดหย่อนก็เดาว่าถ้าช้ากว่านี้อีกนิดคงได้ระเบิดแน่ๆ

“จะล่ำลากันไปถึงไหนไม่ทราบ เสียงเยือกเย็นถามหนักๆแล้วรีบคว้ามือมากุมไว้กลัวว่าจะสะบัดหลุดไปได้อีก

“ก็แค่ไปเอาของ” คนตัวเล็กตอบไม่เต็มเสียงนักขณะก้าวเท้าถี่ๆตามแรงฉุดออกไปยังลานจอดรถ

“มีเรื่องต้องคุยกันยาวล่ะ”เขาบอกเสียงเครียดก่อนจะกดรีโมทเปิดประตูรถแล้วจับร่างบางยัดลงไปนั่งแถมดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้เรียบร้อย

“อย่าได้คิดหนีนะ เสียงห้าวสั่งเฉียบขาดเมื่อเห็นคนดื้อทำท่าจะปลดเข็มขัดออกแทนดาวหน้าบึ้งเมื่อรู้ตัวว่าไม่

อาจขัดขืนได้ ชลธีกระแทกตัวลงนั่งประจำที่คนขับแล้วเหวี่ยงถุงทั้งหมดไปข้างหลังพอเจ้ากระทิงดุออกถนนใหญ่ได้ทุกอย่างก็ตกอยู่ในภายใต้ความเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงเข็มตกพื้น

หลายครั้งที่แทนดาวแอบชำเลืองมองซีกหน้าเครียดขึงของคนข้างๆที่คอยแต่สบถออกมาตลอดทางทุกครั้งเวลาเจอใครขับรถไม่ได้ดั่งใจกรามนูนขบกันเป็นระยะๆ บางครั้งนัยน์ตากร้าวก็ชำเลืองมองกระจกด้านซ้ายแต่ก็ไม่ได้เหลือบแลมาทางคนที่นั่งมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่มีมากทำให้เขาต้องระบายมันออกด้วยการกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผู้โดยสารนั่งตัวลีบอย่างตื่นกลัว

“ช้าหน่อยได้มั้ยคะ...น้องพลูกลัว” พอทนไม่ไหวก็ยอมเปิดปากขอร้องอย่างหวาดหวั่นแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากสารถีใจร้อนนอกจากการเพิ่มความเร็วขึ้นอีกแทนดาวหลับตาแน่น ในใจนึกภาวนาถึงคุณพระคุณเจ้า

“ถ้าจะรอดก็ขอให้รอดเป็นปกติถ้าจะตายก็ตายปุบปับฉับพลันไปเลย อย่าได้บาดเจ็บพิกลพิการเลย...สาธุ”

ไม่นานนักเจ้ากระทิงเปลี่ยวก็จอดสนิทอยู่ตรงทางเข้าThe Prestige Thara ชายหนุ่มหันมาสั่งงานพนักงานสั้นๆว่าให้เอารถไปเก็บแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้ยินคำใดเล็ดลอดออกมาจากปากหยักอีกหลายคนที่นั่นอาจจะไม่รู้สึกผิดสังเกตที่เห็นบอสโอบบ่าพาคู่หมั้นขึ้นไปชั้นบนเพราะสีหน้านิ่งเรียบของเจ้านายก็ดูเป็นปกติอยู่แล้วผิดว่าหน้าตาของฝ่ายหญิงอาจจะดูคล้ายพึ่งกินบอระเพ็ดมาแต่ก็ไม่มีใครใส่ใจหรือแปลกใจที่เจ้านายจะพาแฟนสาวมาเยี่ยมเยียนที่ทำงานบ้าง

ชลธีกึ่งจูงกึ่งลากร่างบางในชุดพลิ้วสวยไปยังห้องพักส่วนตัวที่อยู่บนชั้นเดียวกับออฟฟิศซึ่งแทนดาวจำได้ว่ามันเป็นสถานที่เดียวกับที่ปรากฏในข่าวฉาวนั่นความสะอิดสะเอียนบังเกิดขึ้นโดยฉับพลันเมื่อจินตนาการว่าเขากับ ‘ผู้หญิงของเขา’ ได้ประกอบกิจอันใดบ้าง ณ ที่แห่งนี้

“บอกมาให้หมด...ตั้งแต่ต้นจนจบ อย่าบิดเบือนหรือโกหกเพราะตาเรามันจะฟ้อง” ชลธีเหวี่ยงร่างเล็กให้ลงไปนั่งบนโซฟา ส่วนมือก็ปลดเนคไทกับปลดประดุมเสื้อเชิ้ตออกแต่ตายังจับจ้องสตรีที่นั่งตัวลีบจมโซฟาริมบานหน้าต่างแทนดาวสบสายตาดุดันที่จับจ้องมาไม่ลดละอย่างไม่ยอมลงให้เช่นกัน

“ก็เท่าที่เห็นนั่นแหละ” คำตอบสั้นๆช่างยียวนกวนโทสะคนถามได้เป็นอย่างดี

“มองหน้าพี่...แล้วเล่ามา...เดี๋ยวนี้ เขาย้ำคำสั่งอีกครั้งซึ่งคราวนี้แทนดาวรู้ว่าจะเล่นแง่ไม่ได้อีกต่อไปก็เลยเล่าสรุปเรื่องทุกอย่าง ชลธีหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลาที่ฟังแต่พอได้รับรู้รายละเอียดจากปากแม่สาวช่างจำนรรจาแล้วสีหน้าค่อยผ่อนคลายขึ้นหน่อยแต่ยังอาบความบึ้งตึงอยู่ดี

“น้องพลูเป็นคู่หมั้นของพี่ฉะนั้นควรจะระวังตัวและคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไป การประชดประชันแบบเด็กๆมีแต่จะส่งผลเสียถ้าไม่เห็นแก่หน้าพี่...ก็ขอให้เห็นแก่แม่พี่บ้างว่าที่ลูกสะใภ้ไปเที่ยวเกาะแขนผู้ชายอื่น...งามนักล่ะ” “ทำไมพลูต้องทำขนาดนั้นด้วยคะ? ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว หญิงสาวยอกย้อนกลับอย่างเยือกเย็นและชัดเจนเป็นเหตุให้คนที่กำลังพยายามจะปรับอารมณ์ให้เย็นลงตะปบมือลงบนไหล่เล็กแล้วกระชากร่างบางมาแนบชิด

“ให้โอกาสแก้ตัวครั้งสุดท้าย...พูดใหม่อีกทีซิ” เสียงลอดไรฟันกระซิบชิดหน้าผากมนแทนดาวเหลือบตามองอย่างหวาดหวั่นหากแต่ความดื้อรั้นก็ทำให้ไม่ยอมลง

“เรา ‘เลิก’ กันแล้ว เพราะงั้นน้องพลูจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของน้องพลูพี่ชลไม่เกี่ยวอีกต่อไป” ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แทนดาวได้เห็นแววประหลาดจากนัยน์ตาสีเหล็กที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน มันน่ากลัวเหลือเกินทั้งโหดร้าย เหี้ยมเกรียมและเย็นชาในเวลาเดียวกัน หรือว่า...นี่จะเป็นด้านมืดที่เผยตัวตนออกมายามอารมณ์ขึ้นทะลุถึงขีดสุด

“คุยกันตั้งนานแต่ไม่ยักกะรู้เรื่อง พี่จะสอนให้น้องพลูรู้ว่า...ถ้าออกฤทธิ์กับพี่มากๆจะเป็นยังไง” มือหนาเพียงแค่สะกิดเบาๆร่างทั้งร่างก็หงายหลังลงไปนอนบนเตียงกว้าง โดยไม่ทันขยับตัวหนีร่างหนาหนักก็โถมทับลงมาอย่างรวดเร็วแขนเรียวทั้งคู่ถูกจับรวบไว้เหนือศีรษะด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว ใบหน้าคมเข้มก้มต่ำลงมาอย่างรวดเร็วแทนดาวหลับตาปี๋รับบทลงโทษที่ดุดัน หนักหน่วง พยายามรวบรวมพลังทั้งหมดดิ้นให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้หากแต่แขนแข็งแรงราวโซ่ตรวนที่พันธนาการอยู่มิได้โอนอ่อนผ่อนคลายให้ร่างในอ้อมกอดกระดิกกระเดี้ยไปไหน

“อื้อ...” เสียงประท้วงออกมาได้เพียงแค่นั้นจริงๆ ความรู้สึกแสบร้อนที่ริมฝีปากเริ่มทวีคูณมากขึ้น

“ออกไปนะ! อย่าแตะต้องตัวพลู...อย่าเอาร่างกายสกปรกที่เคยนัวเนียแนบชิดคนอื่นมากอดน้องพลู!”

“โอ้...น้องพลูคงต้องทำใจหน่อยล่ะเพราะพี่เสียความบริสุทธิ์ไปตั้งแต่อายุสิบแปดแล้ว”

“ต่ำ!”

“คร้าบ....นี่คือมุมระยำบัดซบของพี่ล่ะเป็นไง...ชอบไหม?”

“คนหยาบคาย! แอ๊บเป็นคนดีอยู่ได้ตั้งนาน”

“แล้วน้องพลูล่ะครับ...แอ๊บกับเขาด้วยหรือเปล่า?” นัยน์ตาดุวาวโรจน์ด้วยโทสะอีกครั้งเมื่อนึกภาพหัวร่อต่อกระซิกของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างกับหมอแว่นมาดเนิร์ดคนนั้นช่วงเวลาที่หล่อนหายไปอยู่กับไอ้หมอนั่นจะไปทำอะไรกันมา บ้างก็ไม่รู้

“หึ...บางทีก็แอบสงสัยนะว่า...ไม่เจอกันหลายวันแบบนี้น้องพลูเสียความ ‘บริสุทธิ์’ ให้ใครไปแล้วหรือยัง?”

‘ฉาด

ฝ่ามือเล็กข้างหนึ่งที่หลุดเป็นอิสระตวัดไปบนซีกแก้มสีน้ำผึ้งอย่างแรงจนหน้าสะบัดเล็บยาวกรีดลากบนเนื้อหนังจนเกิดรอยถลอกเป็นริ้วยาวไม่นานเลือดสีแดงเป็นยางบอนก็ซึมปริ่มตลอดแนวข่วน คนถูกตบจ้องหน้าเจ้าของฝ่ามือหนักหน่วงอย่างเอาเรื่อง

“กรี๊ด....ปล่อย!” แทนดาวตะโกนร้องสุดเสียงเมื่อเดรสตัวสวยถูกกระชากขาดดังแควก! ร่างแกร่งยันกายลุกขึ้นแต่ยังคร่อมร่างบอบบางเอาไว้แล้วจัดการปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่สวมอยู่มือเล็กพยายามทุบตีลำตัวหนาหนั่นให้แรงที่สุดแต่ก็เกิดเพียงแค่ริ้วแดงๆจากเล็บคมและเพียงไม่นานแขนเล็กทั้งสองข้างก็ถูกจับรวบเอาไว้มั่น

“หุบปาก!”

น้ำเสียงที่ตวาดกลับมาทั้งเยือกเย็นและโหดเหี้ยมแก้มทั้งนุ่มสองข้างถูกฝ่ามือใหญ่บีบบี้จนเจ็บ รู้สึกอึดอัดจุกแน่นไปหมดเหมือนลมหายใจกำลังจะขาดห้วงจนต้องขอร้องให้เขาหยุดเดี๋ยวนี้แต่พอเผยอปากจะพูดก็เป็นอันล่วงรู้ว่าถูกกลลวงเข้าให้แล้วกลายเป็นว่าเปิดทางสะดวกให้เขาป้อนบทลงโทษได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้นโดยมิอาจหลบหนีไปไหนได้

ความไม่คุ้นชินกับการถูกรุกรานด้วยจุมพิตดื่มด่ำทำให้เรี่ยวแรงทั้งหมดค่อยๆมลายหายไปด้วยกับแรงจูบที่ค่อยๆผ่อนปรนลงจนอ่อนโยนขึ้นทีละนิดๆไม่ช้าก็กลายเป็นความอ่อนหวานและเรียกร้อง แต่จิตได้สำนึกของแทนดาวกลับไม่ได้รู้สึกถึงสัมผัสนั้นหล่อนกำลังร้าวรานและหมดแรงขณะที่น้ำตาเริ่มไหลรินอย่างคนหมดทางสู้

“พี่จะไม่ยอม...ให้น้องพลูต้องตกเป็นของใคร”เสียงแหบพร่าเปรยชิดกับริมฝีปากสั่นระริก ฝ่ามืออุ่นค่อยๆเปลื้องชุดสีขาวลายกุหลาบออกจากร่างบอบบางจนเหลือเพียงชุดชั้นในสีพีชปกปิดเรือนร่างอรชรอันมีส่วนเว้าส่วนโค้งชวนรัญจวนใจริมฝีกปากร้อนมอบจุมพิตเรียกร้องอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงมาตรงเนินเนื้อนุ่มที่ล้นขึ้นมาจากกรวยผ้าสีสวยมือข้างหนึ่งค่อยๆสอดไปด้านหลังเพื่อเกี่ยวตะขอให้หลุดออกจากกันอย่างชำนาญ

“ถ้ามันจะต้องจบลงด้วยการขืนใจ พี่ชลก็จะ ‘ได้’ สมใจ แต่พลูจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำให้ชีวิตของพลูไม่เหมือนเดิม”คำพูดสลับกับเสียงสะอึกสะอื้นเป็นห้วงอยู่ในลำคอค่อยๆดึงสติของคนใจร้ายที่กำลังซุกไซร้เนื้อหอมด้วยอารมณ์เตลิดให้กลับคืนมา

“น้องพลู...” ร่างหนาค่อยๆผละตัวออกเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่คลุกเคล้าบนใบหน้า นัยน์ตาดุคมอ่อนแสงยวบยามมองร่างบางนอนสะอื้นริมปีฝากแดงช้ำ

“ใบพลู...พี่ขอโทษนะ…ขอโทษ” ชลธีกระซิบพร่ำคำขอโทษชิดหน้าผากมนพร้อมกับรีบดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างกายเกือบเปลือยปลายนิ้วปัดผมเผ้าที่ระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะกดจมูกลงตรงกลางกระหม่อมเพื่อปลอบประโลมขวัญอ้อมแขนแข็งแรงดึงร่างสั่นสะท้านเข้ามากอดแนบแน่น ร่างบางสะอื้นแรงขึ้นขณะที่ซุกหน้าระหว่างอกแกร่งเพื่ออาศัยซับน้ำตา

“เกลียดพี่ชล...เกลียดที่สุด เสียงสั่นเครือบริภาษอู้อี้กับอกกว้างอยากจะทุบตีให้สมแค้นแต่ก็ไม่มีแรงเลย ชลธีรับฟังด้วยหัวใจเบาโหวงไม่ว่าหล่อนจะพูดออกมาด้วยความโกรธหรือพูดมาจากใจจริงก็ไม่อยากได้ยินคำนี้ทั้งนั้น

“โอ๋...พี่ไม่ทำแล้ว น้องพลูนิ่งซะนะ” ฝ่ามือร้อนลูบหลังไหล่อย่างอ่อนโยนทะนุถนอมแทนดาวพยายามสกัดกลั้นเสียงสะอื้นแต่ก็ยากลำบาก ชายหนุ่มชันตัวขึ้นนั่งพิงกับพนักเตียงพร้อมๆกับพยุงร่างบางให้อิงซบกับซอกอกแล้วปาดน้ำตาให้จนเกือบจะเหือดแห้งสายตาคมวับหลุบตามองริมฝีปากแดงแดงก่ำเพราะชอกช้ำจากการลงโทษหนักหน่วง เสียใจเหลือเกินที่ทำอะไรรุนแรงทั้งยังเกือบจะ...ประทับรอยมลทินให้คนที่นอนซอบอกอยู่นี่

“คนที่กำลังกอดน้องพลูอยู่ตอนนี้...คือพี่ชลคนเดิมใช่ไหมคะ?” ทั้งคู่อยู่ในสภาพอิงแอบแบบนั้นเนิ่นนานจนหญิงสาวเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ย นัยน์ตาสวยยังคงเอ่อล้นด้วยน้ำตาพร่างพรู

“คนเดิมสิคะ...คนที่มอบหัวใจรักให้น้องพลูท่ามกลางทะเลทีโอบล้อม...ในวันนั้นคนเดียวกับที่น้องพลูบอกว่า...เผลอรักหมดใจ” ชลธีประคองใบหน้าหวานให้สบตานิ่งนาน น้ำเสียงนุ่มกระซิบข้างแก้มจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ใกล้ๆกดลงเบาๆ ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งพอลมหายใจอุ่นจัดรดรินใกล้ๆซอกคอชื้นเหงื่อทำให้แทนดาวขนลุกเกรียวจนต้องกระชับผ้าแน่นขึ้นตอนนี้เองที่เริ่มรู้สึกหนาวแม้มีผ้าห่มแถมยังถูกกอดอยู่อีกชั้น

“พี่ชลคนเดิม...ต้องไม่รังแกกัน...แบบเมื่อกี้”ความหวาดกลัวจางไปเมื่อมั่นใจว่าเจ้าซาตานร้ายได้บินออกไปจากร่างบุรุษที่อิงแอบอยู่ความอ่อนโยนทั้งน้ำเสียงแววตาและการปฏิบัติเดิมๆกลับมาทำให้คลายใจได้ว่าอารมณ์โมโหดุจเพลิงนรกโลกันต์ในตอนแรกได้ดับมอดลงสนิทแล้ว

“พี่ไม่ข่มเหงหัวใจใครหรอกถ้าพี่ตั้งใจจะแสดงความ ‘รัก’ กับน้องพลู ต้องเกิดจากความเต็มใจเพียงอย่างเดียว”

ริมฝีกปากร้อนรุมกดลงตรงต้นคอขาวนวลแล้วไล่เรื่อยไปตามลาดไหล่เปลือยที่โผล่พ้นผืนผ้า

“แต่น้องพลูยังไม่ได้เต็มใจนะคะ”คนตัวเล็กรีบกระถดถอยร่างออกห่างแต่ก็ไปไม่ได้ไกลเพราะติดผ้าห่ม

“แล้ว...ถ้าพี่ทำให้น้องพลู‘เต็มใจ’ ล่ะคะ?” สายตาเจ้าเล่ห์กวาดไปทั่วดวงหน้าหวานที่ประดับด้วยริ้วรอยความอุธัจมือหนาสอดเข้าในผ้าห่มเพื่อสัมผัสโอบกอดร่างเล็กในแนบแน่นยิ่งขึ้นอยากรู้นักเชียว...ว่าหล่อนจะต้านทานกระแสไออุ่นจากร่างกายเขาได้สักกี่น้ำ

“น้องพลูขอปฏิเสธค่ะ”

“โอเค...ถ้าปฏิเสธพี่ก็จะไม่ทำ”ชลธีจับใบหน้าแดงซ่านเข้ามาใกล้แล้วมอบจุมพิตหวานตรึงใจให้อีกหนคนตัวเล็กร้องอุทานในลำคอเมื่อร่างถูกดึงกลับเข้ามากกกอดอีกครั้ง

“จะไม่ทำให้น้องพลู‘ปฏิเสธ’ ได้เลย” เขาต่อให้ด้วยน้ำเสียงรัญจวนและแววตาวาบหวามขณะที่จมูกอุ่นฝังลงตรงต้นคอใกล้ใบหูแต่ดูเหมือนจะเป็นการหยอกมากกว่า‘เอาจริง’

“พี่ชลใจร้าย...ตัวเองทำเรื่องเอาไว้เองแท้ๆทีน้องพลูทำบ้างจะมาโกรธ” แทนดาวรีบเบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวันแล้วต่อว่าต่อขานคนกระทำผิด

“พี่ทำอะไรอีกล่ะ ไหนพูดมาซิ

“พี่ชลแอบ ‘ซุกซ่อน’ ใครเอาไว้ใช่ไหม ชลธีถอนหายใจกับประเด็นข่าวซุบซิบที่ยังคงทำให้หล่อนเข้าใจไปตามเนื้อหาอยู่ดี

“ถ้าเรื่องข่าวนั่น...พี่ยืนยันด้วยเกียรติลูกผู้ชายเลยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆในคืนนั้นน้องพลูอย่าสงสัยอีกเลยว่าพี่จะกลับไปคบกับปรางอีก มัวแต่ระแวงอย่างนี้มันไม่ได้อะไรทุกวันนี้ที่ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับน้องพลูมากนักก็เพราะเรายังเรียนหนังสือพี่อยากให้น้องพลูทุ่มเทให้เรื่องเรียนอย่างเดียว ทั้งที่ใจจริงอยากอยู่ใกล้ๆอยากกอด อยากจูบแฟนตัวเองเหมือนผู้ชายทั่วๆไป...”แทนดาวก้มหน้านิ่งขณะฟังคำอธิบาย

“น้องพลูจะเชื่อใคร ลองถามใจตัวเองดูนะครับคนอย่างพี่...ต่อหน้ากับลับหลังนั้นเหมือนกันเรื่องบางเรื่อง...พี่ก็ย่อมมีเหตุผลที่จะพูดหรือไม่พูด มันมีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงน้องพลูเองก็อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็ทำไปแต่ถ้ามันจะเป็นผลเสียกับตัวเองก็อย่าทำ” เขาถือโอกาสสั่งสอน แล้วค่อยๆจับคางมนให้หันมาสบตา

“อย่างวันนี้...พี่โกรธมากรู้หรือเปล่า”

“น้องพลูไม่ได้ตั้งใจจะไปกับพี่อชิสองคนสักหน่อย...ก็บอกไปแล้วนี่” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ ชลธีจับมือบางทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วจุมพิตหนักๆ ซ้ำลงไปหลายๆที

“พี่ชลทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ เจ้าของมือพยายามดึงมือกลับแต่ก็ไม่ถนัดถนี่เพราะต้องหนีบผ้าห่มกะเร้อกะรังไปด้วย

“ลบรอยที่ไอ้แว่นนั่นมันจับไว้ไง” คำตอบนุ่มนวลชวนให้คนฟังสะเทิ้นหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที

“จำไว้นะ...มือนี้ แก้มนี้ แล้วก็...ตรงนี้”ชายหนุ่มไล้นิ้วมือไปตามอวัยวะที่ถูกกล่าวถึงจนมาหยุดแตะค้างไว้ที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่น

“เป็นสิทธิ์ของพี่...คนเดียว”

“น้องพลูเป็นตัวของตัวเองไม่ได้เป็นของใครค่ะ” คนตัวเล็กเถียงไม่เต็มเสียงนัก

“ดูเถอะ...ตะกี้ยังป่าเถื่อนอยู่แหม็บๆตอนนี้มาทำวาบหวิวอะไรก็ไม่รู้”

“งั้นต้องประทับตราย้ำให้ชัดอีกที”คนพูดแกล้งก้มหน้าลงมาอีก แทนดาวรีบเอามือยันตัวคนช่างหากำไรเอาไว้ได้เฉียดฉิวใบหน้าห่างกันแค่ไม่ถึงเซ็น

“อ้อ...อีกเรื่อง อย่าพูดว่า ‘เลิกกัน’ อีกเด็ดขาดนะ…อย่าให้ได้ยินเชียว”

“ก็ตอนนั้นกำลังโกรธนี่”

“ทีนี้รู้หรือยังว่าความโกรธมันให้อะไรเราบ้าง?นิสัยขี้ใจร้อนนี่เหมือนใครกันนะ...ไม่ต้องเดาเลย” ปลายนิ้วหยกแก้มนิ่มเบาๆแล้วจุ๊บปากช่างจำนรรจาแรงๆ เร็วๆ คนตัวเล็กได้แต่ฮึดฮัดอยู่กับที่ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงอีกเพราะมีแต่เข้าเนื้อเปล่าๆ

“ห้ามหลบหน้าพี่อีกนะ...ไม่งั้นจะถูกลักพาตัวแบบนี้แหละ ส่วนไอ้หมอนั่น...ถ้าเห็นว่าขืนมาวุ่นวายกับน้องพลูอีกล่ะ...มีเจ็บแน่” พอนึกถึงภาพบาดตาเมื่อครู่อารมณ์ที่สงบลงแล้วก็เริ่มเดือดปุดๆ ขึ้นอีกครั้งเขาทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นใครมาเดินข้างๆ ผู้หญิงคนนี้ที่ทั้งหวงห่วงสุดหัวใจ

“คนเผด็จการ...เหมือนพี่หมากไม่มีผิด” คนตัวเล็กบ่นงึมงำ

“พี่กับไอ้หมาก...มีอยู่อย่างนึงที่เหมือนกันก็คือ...กำลังรักผู้หญิงคนเดียวกัน” ชลธีสบตาคนในอ้อมแขนอย่างให้ความหมายในตัว

“แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือว่า พี่รักด้วยเหตุผล ส่วนพี่ชายเราน่ะ...รักแบบบ้าระห่ำ”

“ถ้าอย่างนั้นสัญญาได้ไหมคะ ว่าพี่ชลจะ...ไม่ทำ...แบบเมื่อกี้อีก” หญิงสาวหน้าแดงเรื่อเมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดกับตัวหยกๆชายหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากที่ยังมีร่องรอยบอบช้ำสายตาอ่อนโยนลงทันทีเมื่อตระหนักว่าได้ทำรุนแรงเกินไปแทนดาวเปรียบเสมือนแก้วเปราะบาง ควรจับต้องด้วยความทะนุถนอมไม่ใช่บุ่มบ่ามเอาแต่ใจ

“พี่ขอโทษ...ทีหลังจะทำเบาๆ” คนเจ้าเล่ห์ใช้วิชาเลี่ยงคำภีร์ตอบออกไปแถมยังยื่นหน้ามาจูบแก้มบางที่อยู่ห่างแค่คืบ

“เอาล่ะ...น้องพลูรออยู่ในนี้สักพักนะพี่จะไปหาซื้อชุดมาเปลี่ยนให้ ระหว่างนี้ก็ใส่เสื้อพี่ไปก่อน” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นจากเตียงจนขาเกี่ยวเอาชายผ้าห่มที่อีกคนพยายามหนีบไว้แน่นลากติดไปด้วยผลคือคนบนเตียงถลาลงไปนั่งคุดคู้กองกับพื้นเพราะมัวแต่ตามตะครุบผ้า

“เอ๊ะ...ยังไงกันล่ะ? ไม่อยากให้พี่ไปขนาดนั้นเลยหรือไง” เขาหัวเราะเบาๆแล้วเปิดตู้หยิบเอาเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนส่งให้แทนดาวรีบห่อตัวให้มิดชิดแล้วเข้าไปจัดการเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำโดยเร็ว

“ดูสิ...พี่ผึ้งบ่นกระจายแน่”หญิงสาวหยิบเดรสสีขาวตัวสวยที่ช่วงบนขาดเป็นทางยาวด้วยแรงกระชาก ชุดนี้ปลายเดือนเป็นคนพาไปตัดที่ร้านเสื้อที่บรรดาเซเลบริตี้หรือดารานิยมไปใช้บริการกัน นึกเสียดายอยู่ครามครันที่เพิ่งจะสวมได้แค่ครั้งเดียว พอกลับออกมาก็ยังเห็นเขานั่งยิ้มอ่อนอยู่บนเตียงชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเช่นกัน สวมเสื้อยืดคอกลมสีเทาตัวใหม่กับกางเกงยีนส์ดูเป็นหนุ่มเซอร์มากกว่านักธุรกิจหน้ายุ่ง

“ยิ้มอะไรคะ แทนดาวสังเกตว่าฝ่ายนั้นเอาแต่จ้องมองตนตาพราวระยับก็เก้อกระดากชลธีไม่ตอบอะไรแต่มองตามร่างอรชรในเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดรูปร่างของเขาทำให้เสื้อเชิ้ตตัวที่คิดว่าพอดียาวเกือบถึงเข่าคนสวมใส่จนดูเหมือนชุดแซกสั้นดวงตาสีเหล็กมองเรียวขาเนียนสวยโผล่พ้นเสื้อด้วยอาการใจวับเขาเองผ่านผู้หญิงมาก็มากในสภาพล่อแหลมยิ่งกว่านี้หลายเท่าแต่คนตรงหน้ากลับยวนตายวนใจจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่อีกรอบ

“มองคนสวย”เสียงตอบยานคางมาพร้อมกับสายตาเจ้าชู้เปิดเผยทำให้คนถูกมองต้องรีบนั่งลงแล้วดึงผ้าห่มมาปิดท่อนขาชายหนุ่มจับข้อมือบางขึ้นมาแล้วสามวัตถุเย็นๆให้

“ห้ามถอดอีกนะหรือถ้าจะถอด...ก็เหวี่ยงทิ้งไปเลย พี่ไม่รับคืน” แทนดาวมองกำไลรูปดอกลิลลี่ ออฟเดอะ วัลเล่ย์ที่คืนเขาไปก่อนหน้านี้ มือบางลูบไล้มันเบาๆอย่างแสนคิดถึง

“ใครจะกล้าทิ้งคะ...ของแพงขนาดนี้”แทนดาวรู้ตัวว่าคำตอบนี้ผิดจากความรู้สึกนึกคิด ความหมายของวัตถุชิ้นนี้มีราคาสูงกว่ามูลค่าที่เป็นตัวเงินมากมายนัก

“งั้นก็ไปถามพี่ชายเราดูสิ...ว่ามันกล้าทิ้งได้ยังไง ชลธีสบตาเศร้าๆของคนตัวเล็กที่ปรากฏรอยเสียดายแหวนวงนั้น ชายหนุ่มจุมพิตเบาๆที่หน้าผากก่อนจะออกจากห้องไปแทนดาวเพียงแต่มองตามอย่างครุ่นคิดกับประโยคที่เขาพูดไว้

“น้องพลูจะเชื่อใคร ลองถามใจตัวเองดูนะครับคนอย่างพี่...ต่อหน้ากับลับหลังนั้นเหมือนกันเรื่องบางเรื่อง...พี่ก็ย่อมมีเหตุผลที่จะพูดหรือไม่พูด มันมีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงน้องพลูเองก็อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็ทำไปแต่ถ้ามันจะเป็นผลเสียกับตัวเองก็อย่าทำ”

ร่างอรชรเดินกลับไปส่องกระจกในห้องแต่งตัวมือเรียวลูบผมที่มีรอยสไลด์ระเรี่ยประบ่าแล้ววักน้ำล้างหน้าเอาเครื่องสำอางที่ฉาบผิวออกไปแม้จะไม่หมดจดเสียทีเดียวแต่ก็เผย ‘หน้าจริง’ออกมา หญิงสาวประจักษ์แก่ใจตนว่า ถึงจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นใครแต่สุดท้ายก็ไม่สารถกลบเกลื่อน ‘พื้นเพ’ เดิมอย่างเช่นที่เคยเป็นการที่จะแสดงให้คนอื่นมองว่า ‘เข้มแข็ง’ มิได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนความเป็นตัวของตัวเองไปด้วย ความมั่นคงในจิตใจแนวนิด วิธีการดำเนินชีวิตต่างหากที่เป็นเครื่องประกอบที่จะหล่อหลอมให้ตัวเองเข้มแข็งมิใช้สำแดงความทระนงโดยที่จิตใจยังหาแก่นสารไม่ได้




Create Date : 30 เมษายน 2559
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 17:43:50 น.
Counter : 702 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:45:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อิสวารายา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 นักเขียนหน้าใหม่นามปากกาว่าอิสวารายาได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆกับนวนิยายรักอบอุ่นหัวใจเรื่อง ปลูกรักในรั้วใจ จำได้ว่าเมื่อ 9 ก่อนนั้นนวนิยายเรื่องยาวนี้เป็นที่นิยมของแฟนนักอ่านที่น่ารักหลายท่าน เนื้อเรื่องได้ดำเนินมาถึงตอนใกล้จบแต่ writer ก็หยุด update ต่อจนจบเนื่องจากเกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้อง เนื้อหาที่เป็นต้นฉบับไม่สามารถเรียกมาได้ ก็เลยหมดกำลังใจที่จะนั่งพิมพ์ใหม่ เนื้อเรื่องที่ได้ post ไว้ทั้ง 3 pages (Dek-D, Bloggang, Jamsai) ก็ไม่เหมือนฉบับ rewrite ที่ได้วางพลอตเอาไว้จนถึงตอนอวสาน พอทิ้งไปนานๆเข้าก็เริ่มไม่มีเวลาเพราะยุ่งกับงานรวมถึงการศึกษาต่อ

จนกระทั่งวันนี้ ผ่านไปแล้ว 9 ปี ก็คิดถึงปลูกรักในรั้วใจขึ้นมา เลยลอง search ใน google ก็ยังพบว่าปลูกรักในรั้วใจยังคงอยู่ ประกอบกับมีนักอ่านบางท่านยังคงมา comment อยู่ อิสวารายาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะสานต่อปลูกรักในรั้วใจให้สมบูรณ์เสียที ให้สมกับที่แฟนนักอ่านรอคอยให้น้องพลูกับพี่ชลกลับมา ดังนั้นจึงนั่ง copy เนื่อเรื่องจากเวบเอามาเขียนใหม่ โดยอิสวารายาเริ่มหยิบเนื้อหามาค่อยๆ rewrite ใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ย. 58

น้องพลูกับพี่ชลกำลังจะกลับมา พร้อมกับเนื้อหาที่ปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนั้นยังพิ่มบท ตัวละคร เพื่อให้มีอรรถรสมากขึ้น

นวนิยายเรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่อิสวารายาคิดถึง น้องพลู พี่หมากและพี่ชล และต้องการให้พวกเขากลับมา มาร่วมสร้างความรัก ความอบอุ่น กับนวนิยายรักน่ารักเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้งนะคะ

รักและคิดถึงที่สุด
อิสวารายา
20 ก.พ. 2559
New Comments
  •  Bloggang.com