ตอนที่ 34 <เกือบจะสายเกินไป> ครึ่งหลัง


ตอนที่ 34 เกือบจะสายเกินไป (ครึ่งหลัง)

                 แทนดาวถูกความเจ็บระบมจากบาดแผลปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งตอนตีหนึ่งกว่าๆภายในห้องมีแต่ความเงียบสงัด ปลายเดือนคงจะหลับอยู่ในห้อง พอลืมตาขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็รู้สึกใจหายเพราะคิดถึงบ้านบ้าน...ที่มีครอบครัวให้ความรักและช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจหากแต่มองไปก็ไม่เห็นใครนอกจากความมืดมิดและความเงียบเหงาที่ปรารถนาให้เป็นเพียงความฝันแล้วพอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีชมพูแต่ทุกอย่างยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้เช่นเดิม

แล้วไม่นานภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ปรากฏในห้วงความคิดมาช่วยจุดความอบอุ่นและความหวังลืมเขาไปได้อย่างไร...บุรุษผู้ที่ทำให้มีความสุขเสมอยามอยู่ใกล้คนที่คอยช่วยเหลือในยามคับขัน หญิงสาวมองหาโทรศัพท์แล้วกดเบอร์อย่างคล่องแคล่วเหมือนว่าหมายเลขนั้นได้ฝังอยู่ในหน่วยความจำที่ไม่อาจลบได้

“พี่ชลคะ...นี่น้องพลูเอง” เสียงสั่นเครือจากคู่สายทำให้ชลธีต้องหยุดชะงักมือที่กำลังผลัดเสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปข้างนอกคิ้วหนาขมวดเป็นปมเมื่อจับน้ำเสียงได้ว่ากำลังร้องไห้

“น้องพลูอยู่ที่ไหนน่ะ? เสียงไม่ค่อยสบายเลย…เป็นอะไรไป

“พี่ชลคะ…น้องพลูจะเล่าให้ฟังย่อๆ พี่ชลอย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะคะ” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือจนแทบฟังไม่เป็นภาษา

พอฟังจบเลือดในกายของเขาก็เย็นจนชาไปทั้งตัวมือที่กำโทรศัพท์ชื้นเหงื่อ ตั้งใจว่าถ้าวางสายแล้วจะตามไปฆ่าไอ้บ้าเลือดเสียเดี๋ยวนี้

“ตอนนี้พี่ผึ้งพาน้องพลูมานอนที่คอนโดค่ะน้องพลูออกจากบ้านมาหลายชั่วโมงแล้วล่ะ”คราวนี้เลือดในตัวเขาเปลี่ยนเป็นร้อนจัดทันที ความเป็นห่วงแทบทะลักพอรู้ว่าปลายเดือนเป็นคนพาหล่อนไปนึกถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วก็พาลให้กังวลมากกว่าจะสบายใจ เขาไม่แน่ใจว่าพี่น้องคู่นี้ผูกพันกันมากแค่ไหนแต่ที่รู้สึกได้ก็คือปลายเดือนมิได้มีความประสงค์ดีต่อน้องสาวมากเท่าที่ควร

“น้องพลู...คอนโดอยู่ที่ไหน? ชื่ออะไร

“เอ่อ...พลูบอกไม่ได้หรอกค่ะว่าอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯรู้แต่ว่าเป็นคอนโดชื่อ ไอ ลีฟ เฮีย ค่ะ”

“แล้วเบอร์ห้องล่ะ เขาถามต่ออย่างร้อนรน

“น้องพลูลืมดูด้วยสิ ไม่ทันสังเกต...รู้แต่ว่าอยู่ชั้นสิบแปดแต่ไม่เห็นต้องห่วงหรอกค่ะ...เป็นห้องของพี่ผึ้งเอง ตอนนี้พี่ผึ้งก็หลับอยู่ในห้องน้องพลูไม่อยากปลุก”

“เอาล่ะ...น้องพลูออกมาจากห้องนั้นนะ...เดี๋ยวนี้เลย เขาสั่งขณะที่ตัวเองก็ไล่คว้ากุญแจรถ เสื้อคุลมกระเป๋าสตางค์วุ่นวายไปหมด

“ทำไมล่ะคะ? นี่มันดึกแล้วนะคะ จะให้น้องพลูออกไปอีกทำไม”หล่อนถามงงๆ

“เถอะน่า...พี่บอกอะไรก็ทำตามลงไปข้างล่าง ออกมาอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ ยิ่งเจอสถานีตำรวจก็ยิ่งดี เร็วเข้าน้อง

พลู...แล้วพี่จะโทรหาทุกห้านาทีเลย”

“โทรอะไรล่ะคะพี่หมากปาโทรศัพท์น้องพลูแตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว”

“อะไรนะ...ไอ้ฉิบหายเอ๊ย เขาสบถด่าพี่ชายคนพูด

“เอางี้...ออกมาจากที่นั่นก่อนเข้าใจไหม เขาย้ำอีกครั้งก่อนที่จะกดตัดสายไป แทนดาววางหูงงๆแต่ก็ยอมทำตาม

“พี่ผึ้ง! ตื่นเถอะ...พลูอยากกลับบ้านแล้วล่ะ” มือเล็กทุบประตูห้องร้องเรียกพี่สาวแต่ไม่มีการตอบรับ

“พี่ผึ้ง...” แทนดาวลองเปิดประตูเข้าไปก็ต้องพบเพียงความว่างเปล่าที่นอนยังเรียบตึงไร้ซึ่งร่องรอยการนอน เกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ

หญิงสาววิ่งกลับมาที่โทรศัพท์อีกครั้งแต่ก่อนที่จะได้กดเบอร์โทรออกประตูก็ถูกเปิดตอนแรกก็ใจชื้นนึกว่าพี่สาวกลับเข้ามาแล้ว แต่พอหันไปมองก็พบว่าคนที่เข้ามานั้นกลับกลายเป็นชายแปลกหน้า! จำได้ทันทีว่าคือคนเดียวกันที่มาลวนลามตนคราวนั้นแทนดาวมองมือที่หิ้วถุงใส่เบียร์อยู่สามสี่ขวด สีหน้าชายคนนั้นดูสบายๆ

“ตื่นแล้วเหรอครับ ตอนผมเข้ามาทีแรกเห็นคุณยังหลับสบายอยู่เลยไม่อยากปลุก...ก็เลยลงไปซื้อเบียร์” ชายหนวดครึ้มหยิบขวดเบียร์พวกนั้นแช่ตู้เย็นแต่สิ่งที่ทำให้แทนดาวตกใจสุดขีดคือกล่องสีเหลี่ยมบรรจุสิ่งของป้องกันตัวที่ผู้ชายเขาใช้กันความกลัวเกาะกุมจิตใจจนสติแทบแตกแต่ยังพยายามข่มไว้ ไม่อยากจะเดาเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนในคืนนี้

“นาย! แล้วพี่ผึ้งล่ะ...พี่ผึ้งไปไหน

“อย่าถามถึงเลยครับ มาสิ...จะทำแผลให้” เสียงห้วนลึกกับร่างสันทัดเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ หญิงสาวรีบเดินหนีไปที่ประตูแต่ก็ไม่ทัน

“ห้องนี้จะไม่เปิดจนกว่าจะเช้านะครับคุณแทนดาวมานั่งนี่ดีกว่า หิวหรือเปล่า...ผมซื้ออาหารสำเร็จรูปมาด้วย” ชายคนนั้นยังใจเย็นเหมือนมั่นใจว่าคืนนี้เหยื่อจะไม่รอด

“พาฉันไปหาพี่ผึ้งเถอะค่ะ” หญิงสาวลองอ้อนวอนดีๆ แต่คนใจทรามยังมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่ตอบรับคำขอใดๆ ได้ค่าจ้างงามๆแถมยังได้ตัวสาวสวยแบบนี้ฟรีๆมีหรือจะยอมให้พลาดโอกาสไป

“เดี๋ยวพอเช้าพี่คุณก็มาเองแหละแต่ว่าคืนนี้...ผมจะทำให้คุณลืมเรื่องเศร้าๆทั้งหมด” ร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้แล้วกระชากตัวหญิงสาวเข้ามากอดอย่างถือสิทธิ์

“ปล่อยนะ! ฉันจะกลับบ้าน...ปล่อยซี่ แทนดาวพยายามสะบัดตัวก็ไม่หลุดอาการเจ็บแผลกำเริบขึ้นมาอีกจากการดิ้นรนมือทั้งสองข้างพยายามผลักไสร่างหนาของคนป่าเถื่อนที่ตระกองกอดเอาไว้แนบชิดสองเท้าพยายามเตะถีบจนท้ายสุดก็สามารถดิ้นหลุดออกมาได้

“อย่าพยศนักเลย!ผมจะพยายามไม่ทำให้บอบช้ำมากนะครับ...ถ้ายอมโอนอ่อนดีๆ” คนกักขฬะสั่งเสียงเข้ม สีหน้าส่อเค้าหื่นกระหายชัดเจนแทนดาวคว้าได้เครื่องโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้มือขว้างออกไปเต็มแรงแต่เป้าหมายไหวตัวหลบทันแล้วต่อยท้องน้อยอย่างแรงสองครั้งซ้อน

“บอกแล้วว่าให้ยอมดีๆ ก็ไม่เชื่อ”

แทนดาวจุกและเจ็บจนขยับตัวไม่ได้ รู้สึกว่าแผ่นหลังถูกวางลงบนฟูกนิ่มตามด้วยร่างหนักทาบทับลงมาฝ่ามือหยาบกระด้างปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนอย่างเมามันความขยะแขยงรังเกียจก่อตัวขึ้นกับคนใจสัตว์ตรงหน้าที่จ้วงจาบไปทั่วเนื้อหนังบริเวณที่เสื้อผ้าเผยอออกน้ำตาไหลพรากอย่างรู้ชะตากรรมตัวเอง

“ถ้าใครมารังแกน้องพลูล่ะก็...ตะโกนเรียกชื่อพี่ดังๆเลยพี่จะรีบมาช่วยเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ไงล่ะ”แทนดาวร้องไห้เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่ชายที่ให้คำมั่นกับตนเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แต่มันคงไม่มีมีประโยชน์เพราะตอนนี้หล่อนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครสามารถมาช่วยได้แต่ก็หวัง...หวังเหลือเกินให้ใครสักคนพาออกไปจากที่นี่ แม้จะเป็นความตายก็ยอม...ขอเพียงให้ได้ออกไปจากที่นี่

“พี่หมาก...พี่หมากอยู่ไหน”

เสียงแผ่วเบากระซิบเรียกคนที่ฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กจนโตแล้วหลับตาลงความทรงจำครั้งเก่าๆที่เคยมีพี่ชายที่รักดุจบิดาคอยปกป้องดูแลผุดพรายขึ้นมาราวกับม่านฝนที่พร่ามัวน้ำตาไหลรินเมื่อคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เรียกชื่อนั้น

“พี่หมากช่วยด้วย

เสียงแหบแห้งเปล่งออกมาเท่าที่เรี่ยวแรงจะอำนวยถึงจะรู้ว่าไม่มีใครได้ยินแต่ฉับพลันเสียงโครมครามด้านนอกหยุดหื่นที่กำลังคุกคามทะลุ่งพรวดจากร่างอ่อนแอออกไปอย่างขัดใจแทนดาวอยากจะขยับตัวหนีแต่อาการจุกแน่นยังคงสะกดร่างให้นอนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายที่ส่วนใหญ่เนื้อนวลได้ถูกเปิดเปลือย หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกได้ยินแต่เสียงเหมือนคนทะเลาะกัน เสียงข้าวของแตกกระจายและเสียงก่นด่า ดวงหน้าซีดเซียวหลับตาลงอีกหนงานนี้อาจไม่ได้มีแค่ไอ้เดนมนุษย์คนเดียว ไอ้คนโฉดนั่นคงไปชักชวนเพื่อนๆมาร่วมปาร์ตี้ด้วยเป็นแน่

“น้องพลู...พี่มาแล้ว” เงารางเลือนคุ้นตาของใครคนหนึ่งร้องเรียกชื่ออยู่ที่ปลายเตียง อึดใจต่อมาร่างบอบช้ำก็ถูกวงแขนอบอุ่นช้อนตัวขึ้นมากอดเอาไว้กลิ่นกายและกล้ามเนื้อที่สัมผัสเรียกความชื้นใจคืนมาเต็มร้อยแทนดาวแน่ใจแล้ว...ในที่สุดพี่หมากก็มาทันจนได้สองมือโอบกอดรอบคอหนาซุกหน้าหาไออุ่นก่อนจะหมดสติไป

ชลธีมองร่างปวกเปียกที่หลับใหลไม่รู้สึกตัวพลางจัดเสื้อผ้าที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดที่สุดแล้วเดินกลับไปดูความเรียบร้อยข้างนอกนั้นมีร่างผู้ร้ายนอนสลบเหมือดจมกองเลือดขวางอยู่ตรงทางเดินชายฉกรรจ์สามคนยืนคุมเชิง

“กูเคยพูดไว้ว่าถ้าเจอหน้ามึงอีกที่ไหน...จะฆ่าที่นั่นแต่...ความตายมันไม่ค่อยจะทรมาน สู้ให้มึงอยู่รับใช้กรรมดีกว่า”ชลธีก้มลงมองเดนมนุษย์ที่นอนแทบเท้าแล้วเตะอย่างแรงไปที่ใบหน้าจนกระอักเลือดสีแดงข้นออกมาเขาส่งวัตถุสีดำมะเมื่อมในมือให้ลูกน้องคนหนึ่งพร้อมกับสั่งเสียงเฉียบขาด

“ลากมันไปส่งตำรวจที่โรงพักที่ใกล้ที่สุดแล้วถ้าระหว่างทางมันทำให้พวกแกรำคาญล่ะก็...ส่งมันลงนรกไปได้เลย นอกนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง” พวกลูกน้องพยักหน้าแล้วช่วยกันหิ้วปีกลากร่างช้ำน่วมของชายคนนั้นออกไป

“แกมากับฉันคนนึง...มาขับรถให้หน่อย” หนึ่งในนั้นเดินตามมา ชลธีอุ้มร่างบางมายังพาหนะที่จอดรออยู่ เขาวางร่างน้อยอย่างเบามือที่สุดแล้วช้อนศีรษะให้หนุนเกยบนตักแล้วคลี่เสื้อแจ็คเก็ตคลุมร่างกายสั่นเทาสองแขนโอบร่างนุ่มนิ่มเอาไว้กระชับราวกับกลัวว่าหล่อนจะหนีหายไปอีก ถ้าเขามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคงไม่มีแก่จิตแก่ใจจะอยู่เป็นผู้เป็นคนแน่ๆแค่เห็นหล่อนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็แทบจะเป็นจะตายอยู่ครามครันความจริงน่าจะลั่นไกสังหารไอ้เดนนรกนั่นเสียเลย ไม่น่าซ้อมให้เหนื่อยเปล่า

“ขับดีๆนะ...อย่าให้กระเทือนเสร็จแล้วแกโทรหาคุณแฟงด้วย...บอกว่าฉันอยู่ที่ไหน”

“ครับนาย”

รถคันใหญ่เคลื่อนออกจากลานจอดช้าๆชายหนุ่มทอดมองร่างที่นอนหนุนตักอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่สุดตอนแรกก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก กว่าจะหาห้องเจอก็ต้องขู่แกมบังคับให้คนดูแลเปิดกล้องดูว่าอยู่ห้องไหนเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากใช้ปืนยิงล็อกพังประตูเข้าไป พอเห็นไอ้คนโฉดเดินหน้าตาเอาเรื่องออกมาก็ไม่ต้องตั้งคำถามให้มากความเขาเงื้อด้ามปืนฟาดขมับจนล้มคว่ำ จากนั้นก็ปล่อยให้ลูกน้องจัดการกันตามอัธยาศัย ยิ่งพอเห็นร่างกึ่งเปลือยนอนนิ่งอยู่บนเตียงก็แทบเข่าอ่อนร่างกายที่เฝ้ารอคอยทะนุถนอม ร่างกายที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดีกำลังจะถูกกระทำชำเราจากมนุษย์ใจสัตว์!

“พี่หมาก...” ริมฝีปากแห้งผากเอ่ยชื่อพี่ชายแผ่วเบา มือทั้งสองชูไขว่คว้าไปในอากาศชลธีรวบมือนั้นมาจุมพิตแผ่วเบาซ้ำแล้วซ้ำอีก

“จ๋า...น้องพลูไม่ต้องกลัวนะครับนี่พี่ชลเอง...พี่กำลังพาน้องพลูไปหาหมอ”

“น้องพลูกลัวจังเลยเขาจะตามมาอีกไหมคะ แทนดาวน้ำตาไหลกับเหตุการณ์ที่ประสบมาสดๆร้อนๆ

“ไม่จ้ะ...ไม่มีใครทำอะไรน้องพลูได้ทั้งนั้นพี่อยู่กับน้องพลูแล้ว กอดพี่สิครับ...แล้วจะรู้ว่าไม่ได้ฝัน” แทนดาวทำตาม สัมผัสอบอุ่นทำให้โล่งใจที่รอดจากเงื้อมมือคนใจทราม

“พี่ชล...ฮึก พี่ชลจริงๆด้วยน้องพลูเกือบตายแล้ว เกือบไม่ได้เห็นพี่ชลแล้ว”

“ใบพลู...” ปลายนิ้วอุ่นเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน แทนดาวยันกายขึ้นพิงอกแกร่งแล้วหลับตาลงความกังวลค่อยๆจางหาย ชลธีกอดร่างที่สั่นสะท้านให้กระชับขึ้นจุมพิตซีกแก้มเย็นชืดปลอบขวัญ

“น้องพลูหลับซะนะไม่ต้องกลัวนะครับ...My May Lilly” ริมฝีปากนุ่มจุมพิตแผ่วเบาฝ่ามืออุ่นจับมือเย็นเฉียบไว้เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านอุ้งมืออันเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงหาอาทรตั้งแต่นี้ต่อไป...เขาจะไม่ยอมให้อะไรมากระทบแตะต้องให้คนที่กำลังกกกอดอยู่นี้ต้องระคายแม้สักนิด

บานประตูอัลลอยด์เลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อรถคันใหญ่จอดรออยู่แสงไฟสาดกระทบเห็นผู้ที่ยืนรอตรงทางเข้าบ้านด้วยท่าทางกระวนกระวายแต่ดูเหมือนความร้อนใจไม่อาจทำให้เจ้าของบ้านนิ่งอดทนรอต่อไป นายแพทย์อชิตะ รัษฎากรสาวเท้าเร็วๆเข้าไปหาจังหวะพอดีกับที่คนบนรถอุ้มร่างหลับสนิทของคนไข้ยามวิกาลลงมา

“เข้าบ้านก่อนเถอะ ให้ผมช่วยไหมอชิตะยื่นแขนจะไปรับร่างบางมาช่วยอุ้มแต่ชลธียิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นด้วยความหวงแหนร่างน้อยเต็มเปี่ยมหมอหนุ่มจึงเก็บมือกลับแล้วเดินนำเข้าบ้าน

“ผมไม่อยากให้เรื่องแพร่งพรายออกไปก็เลยต้องรบกวนหมอในเวลาพักผ่อนอย่างนี้” ชลธีค่อยๆวางร่างบอบบางลงบนโซฟาตัวยาวขณะที่อชิตะรื้อค้นกระเป๋าปฐมพยาบาลพอจะดึงเสื้อคลุมที่ห่อตัวออก ชลธีก็รีบมาขัดขวาง

“ผมรู้ว่าน้องพลูอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยแต่ผมมีจรรยาบรรณมากพอที่จะไม่ล่วงเกินเธอแน่นอน ตอนนี้เธออยู่ในฐานะคนไข้และผมกำลังตรวจอาการของเธอให้ละเอียด...ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง”สายตาตำหนิของอชิตะสั่งให้ชลธีนั่งลงในที่ของตัวเองอย่างว่าง่ายแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินออกไปรอที่อื่นเพราะกลัวว่าจะทนไม่ได้ที่เห็นแทนดาวถูกสัมผัสแตะต้องจากชายอื่น

“นอกจากบาดแผลกับรอยฟกช้ำภายนอก...ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูเธออีกครั้ง ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์มากนัก” หมอหนุ่มออกมารายงานผลการตรวจให้ชลธีที่ยืนรออยู่ข้างนอกฟัง

“ขอบคุณนะหมอ...แผลพวกนั้นไม่นานก็คงหายแต่จิตใจนี่สิ...วันนี้น้องพลูเจอเรื่องหนักๆตั้งสามหน” ชลธีมอง

ดวงตาหลังกรอบแว่นก็พบคำถามซึ่งคงจะไม่แจงรายละเอียดไม่ได้

“เธอทะเลาะกับพี่อย่างรุนแรงหนีออกจากบ้านไปเจอไอ้คนระยำ และ...ตัวผมเองก็เกือบจะ...”ชลธีหยุดพูดทันทีเหมือนมีใครเอาก้อนอะไรไปยัดปากจนคนฟังต้องสะกิด

“เล่าต่อสิ...ถ้ามันเกี่ยวกับผม”

“ก็ได้...ผมหงุดหงิดที่เห็นคุณกับน้องพลูที่ชิงตัวเธอไปน่ะ...ไม่ได้พากลับบ้านทันทีหรอกแต่พาไปที่ธารา ตั้งใจว่า

จะไปเคลียร์เรื่องนี้แหละเราเถียงกัน...ผมเองก็โมโหหึงมากเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จนเกือบจะ...ขืนใจเธอ”คำ

สารภาพตรงไปตรงมาทำให้สีหน้าของอชิตะเรียบสนิทจนเดาอารมณ์ไม่ออกแต่นาทีถัดมาหมัดหนักๆก็หวดเข้าตรงกึ่งปากกึ่งจมูกของคนที่เพิ่งสารภาพบาปจนกองทรุดลงไปนั่งจ้ำเบ้าบนพื้นพรม

“ชลธี...คุณยังมีสำนึกของลูกผู้ชายอยู่บ้างหรือเปล่า? พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็ต้องใช้กำลังบังคับเอามานี่ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้...ผมคงไม่ยอมรามือง่ายๆแน่แต่เอาเถอะ...อย่างน้อยสำนึกฝ่ายดีก็ยังมีมากถ้าคุณทำอะไรโดยขาดสติแบบนี้อีก...คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือคนที่คุณรักนั่นเอง...ใบพลู”อชิตะยื่นมือให้อีกฝ่ายจับแล้วดึงตัวขึ้นมา

“ผมระแวงหมอมากไปกลัวว่าจะมาแย่งน้องพลู” ชลธียกมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก

“แต่วันนี้ผมต้องยอมรับ...ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าหมอขนาดไหนแต่พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องขอความช่วยเหลือจากหมอทุกที แถมยังช่วยเต็มที่ทุกครั้งทั้งๆที่ผมชอบหาเรื่อง”

“รู้ตัวหรือครับคำถามกึ่งตำหนิติดรอยยิ้มขบขันนิดๆ

“ผมขอโทษนะ...สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา”ชลธีขอโทษอย่างจริงใจแล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกไป อชิตะยื่นมือจับตอบเช่นกัน

“ผมไม่ถือโทษอะไรหรอก ผ่านไปแล้ว...ก็แล้วไป”

“อีกอย่าง...วันนั้นที่คุณบอกว่าน้องพลูเป็น‘น้งสาว’ คุณรู้สึกแบบนั้นจริงๆใช่ไหม?” คำถามนี้เรียกรอยยิ้มกว้างจากหมอหนุ่มมาดเนิร์ดทั้งสีหน้าและสายตาอ่อนโยนขึ้นยามพูดถึงสตรีที่นอนหลับใหลอยู่ห้องข้างๆ

“จะบอกให้นะ...ถ้าน้องพลูแสดงท่าทีว่ามีใจให้ผมสักนิดเดียวรับรองว่าคุณกับผมไม่ได้มาคุยกันดีๆแบบนี้หรอก แต่ผมรู้ดีว่า...เธอจะไม่มีวันคิดกับผมเป็นอื่นคุณชล...ในเมื่อคุณบอกว่ารักน้องสาวผมก็จงดูแลเธอให้ดี เพราะถ้าวันไหนที่เธอต้องเสียน้ำตาเพราะคุณอีกไม่ใช่เทียมภพคนเดียวที่คอยจะเหยียบหน้าคุณ...แต่ยังมีผมด้วย”

ตอนแรกที่เทียมภพรู้ข่าวจากอดีตเพื่อนว่าเจอตัวน้องสาวแล้วก็ดีใจจนอยากจะตะโกนร้องให้ดังๆรู้สึกเหมือนกับยกกองภูเขาไฟที่กำลังพ่นลาวาออกจากอก นึกขอบใจและชื่นชมเพื่อนรักเพื่อนแค้นที่หาตัวน้องจนพบชลธีไม่ได้นิ่งเฉยกับการหายตัวไปของแทนดาวแต่พยายามควานหาตัวจนเจอเขาเองเสียอีกที่มัวแต่กังวลจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ชายหนุ่มรีบไปรับรมย์นลินกลับมาบ้านด้วยกันตลอดทางก็เฝ้ารำพันถึงน้องสาวอันเป็นที่รัก เล่าวีรกรรมต่างๆที่เคยทำด้วยกันบางครั้งก็เห็นเขาแอบเช็ดน้ำตา รมย์นลินอมยิ้มกับภาพที่น่ารักและรู้สึกเข้าอกเข้าใจคนข้างๆขึ้นมาอีกมากโขเขาต้องรับบทเป็นพ่อลูกอ่อนตั้งแต่ยังวัยรุ่นจึงไม่น่าแปลกที่บางครั้งจะทำตัววุ่นวายไปบ้างแต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อน้องสาวคนเดียวที่รักยิ่งกว่าชีวิต ความศรัทธาในรักไร้เงื่อนไขนี้ทำให้อดปลาบปลื้มใจไม่ได้ว่าตนก็เป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งที่เขามอบความรักอันยิ่งใหญ่ให้เช่นกัน

“รู้ไหมแฟง...น้องพลูเป็นทุกอย่างของผมมีค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าผมมีลูก...ก็อยากได้น่ารักๆแบบน้องพลูนี่แหละ” เขาจับมือนุ่มขึ้นมาจุมพิตหนักหน่วง

“แฟงดีใจที่เธอปลอดภัยต่อไปนี้คุณก็อย่าใจร้อนอีกนะคะ”

“ให้ตายเถอะ...ผมทำกับน้องรุนแรงมากจริงๆยัยพลูจะยอมยกโทษให้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“อย่าคิดมากไปสิคะน้องพลูรักคุณมาก เธอไม่มีวันโกรธคุณหรอก” รมย์นลินบีบมือหนาอย่างให้กำลังใจเทียมภพหันมายิ้มแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ให้

“เปิดออกสิ” รมย์นลินค่อยๆพลิกเปิดประเป๋าสตางค์ออก เห็นรูปภาพสองใบอยู่ด้านใน รูปแรกเป็นชายวัยรุ่นอุ้มเด็กตัวเล็กๆทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น

“ตอนนั้นใบพลูเพิ่งจะแปดเดือนเชื่อไหม...น้องพลูไม่ชอบให้ใครอุ้มนอกจากผม ก็เลยอุ้มไว้อย่างนี้ตลอดแหละ

เวลานอนก็ต้องกอดจนหลับคาอกไปอย่างนั้นไม่งั้นก็งอแงลั่นบ้าน ขนาดคุณแม่ยังยอมให้อุ้มเฉพาะเวลาป้อนนม แต่ถ้า

เป็นผมล่ะก็...กางแขนรอตั้งแต่ไกลเลยแล้วชื่อใบพลูนี่ก็...ผมตั้งให้เองแหละ” เขาเล่าเรื่องของน้องสาวไปยิ้มไปเป็นยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักที่ทำให้คนมองถึงกับน้ำตารื้น

“รู้ไหม? ผมยังเป็นคนแรกที่ได้อุ้มเธอหลังลืมตาดูโลกไม่นานได้อุ้มก่อนคุณแม่เสียอีก วินาทีนั้นผมบอกกับตัวเองว่า...เด็กผู้หญิงคนนี้คือของขวัญที่สวรรค์ส่งมาให้จะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุด” รมย์นลินมองภาพในมืออีกครั้งแล้วพลิกไปดูรูปอีกใบ ภาพที่สองเป็นเด็กสาวที่ดูเหมือนแทนดาวในปัจจุบันกำลังยิ้มร่ากอดคอเขาอยู่

“รูปนี้ถ่ายวันแรกที่น้องพลูเข้ามหา’ลัย ผมไปส่งเธอถึงห้องเรียนเลยนะ มีความสุขมากเลยวันนั้น แต่ที่ประทับใจใจที่สุดน่ะ...อะไรรู้ไหม?น้องพลูกอดผมต่อหน้าเพื่อนๆแล้วพูดว่า…ขอบคุณที่ทำให้มีวันนี้” คราวนี้รมย์นลินต้องแอบปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันแล้วค่อยๆเอนศีรษะไปซบไหล่คนข้างๆรู้สึกอบอุ่นกับความรักความผูกพันที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ตนเองเคยน้อยใจว่าเป็นเด็กกำพร้าแต่ตอนนี้ไม่เคยนึกเสียใจเลยเพราะกำลังซึมซับความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มากเสียจนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในชีวิตจนเต็ม

เวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสามกว่าที่รถของชลธีตีโค้งเข้ามาจอดเทียบในบ้านทุกคนออกมาเฝ้ารออย่างกังวลใจ ยกเว้นแต่เพียงปลายเดือนที่ยืนหน้าซีดอยู่ในเงามืดกำลังพยายามคิดหาข้อแก้ตัวให้พ้นผิดทันทีที่ชลธีช้อนร่างที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาลงมาจากรถ คุณดวงทิพย์ร้องห่มร้องไห้รีบถลาเข้าไปหาลูกสาว

“โธ่...น้องพลู”

แทนดาวยังหลับสนิทในอ้อมแขนแข็งแรง บาดแผลบนขาทั้งสองข้างพันด้วยผ้าก๊อตเรียบร้อยเทียมภพกลืนก้อนแข็งๆลงคอก่อนจะเดินเข้าไปหาชลธีช้าๆ

“แกอย่าเพิ่งกลับนะเดี๋ยวฉันพาน้องพลูไปนอนแล้วจะลงมาคุยด้วย”เขายื่นแขนออกไปรับร่างน้องสาว พอคนหลับรู้สึกตัวถึงการถ่ายโอนเคลื่อนย้ายก็ขยุกขยิกลืมตาตื่นขึ้นภาพรอบตัวเริ่มกระจ่างชัดขึ้นทีละน้อย คนในครอบครัวที่คุ้นเคยยืนรายล้อมอยู่รอบกาย

“พี่หมากขา...ฮือพี่หมาก” ร่างเล็กสั่นสะอื้นอยู่กับอกกว้างเทียมภพกอดน้องสาวแน่นขึ้น ซุกหน้ากับกลุ่มผมหอมกรุ่นที่แสนหวงแหน

“น้องพลู...ถึงบ้านเราแล้วนะคะหนูปลอดภัยแล้ว” น้ำเสียงอบอุ่นคอยปลอบประโลมเฉกเช่นวันวาน

“น้องพลูขอโทษค่ะ...น้องพลูจะไม่ดื้อกับพี่หมากอีกแล้วข้างนอกนั่นมันน่ากลัวที่สุดเลย น้องพลูจะไม่ไปจากพี่หมากอีกแล้ว” แทนดาวยกมือยกกระพุ่มไหว้แทบอกพี่ชาย

“น้องพลูเจ็บตรงไหนมั่ง? มันทำอะไรน้องพลูมั่ง…บอกมา พี่จะไปสับตรงที่มันทำให้เจ็บให้เป็นชิ้นๆเลย” เทียมภพค่อยๆสำรวจความเสียหายอย่างถ้วนถี่แล้วคาดโทษคนใจโฉด

“น้องพลูไม่เป็นอะไรมากค่ะพี่ชลไปช่วยไว้ได้” แทนดาวมองไปทางคนที่เพิ่งช่วยเหลือตนจากขุมนรกและก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมา

“ดวงใจของพี่รักน้องพลูที่สุด...รักที่สุดในโลก” แขนแข็งแรงกอดรัดร่างสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นให้กระชับขึ้นพร้อมกับหอมซ้ายหอมขวาด้วยความรักสุดหัวใจ

“น้องพลูก็รักพี่หมากค่ะพี่หมากหายโกรธน้องพลูแล้วใช่ไหม

“พี่ไม่เคยโกรธน้องพลูเลยรักขนาดนี้จะโกรธได้ยังไง” เขาจุมพิตหน้าผากมนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแน่ใจว่าน้องสาวของคนเดิมกลับมาแล้วจริงๆหลายคนอดซาบซึ้งกับภาพนั้นไม่ได้ รมย์นลินถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

“เอาล่ะ...เข้าไปคุยกันต่อข้างในดีกว่านะหมากพาน้องไปนอนเถอะนะ” คุณเที่ยงธรรมเข้าไปกอดลูกสาวก่อนจะ

ส่งให้ต่อให้บุตรชายคนโต

“งั้นผึ้งก็ขอตัวไปนอนด้วยนะคะตามหาน้องพลูมาทั้งคืนเลย...เพลียจะแย่”ปลายเดือนทำท่าจะปลีกตัวเดินจากไปหากแต่ชลธีก็เรียกไว้ สายตาดุดันของเขาเปล่งประกายกร้าว

“ผมว่าเรื่องนี้คุณสีผึ้งน่าจะให้รายละเอียดได้ดีกว่าใครนะครับ” ปลายเดือนหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวแล้วหันกลับมามองหน้าคนพูด

“เอ่อ...ผึ้งจะไปรู้อะไรล่ะคะออกไปตามหาน้องเกือบทั้งคืน กลับมาก็นั่งโทรศัพท์ไม่ได้หยุดเลย” หล่อนตอบเสียงสั่น มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

“ลูกน้องผมโทรมารายงานว่าไอ้นั่นมันซัดทอดถึงคุณด้วยอ้อ...ผมว่าความจำของผมแม่นใช้ได้อยู่นะไอ้สารเลวนั่นเป็นคนๆเดียวกับไอ้คนที่ลวนลามน้องพลูที่โรงแรมคราวนี้คุณผึ้งพอจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดได้หรือยังครับชลธีบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่สนใจกับอาการปากอ้าตาค้าง

“ผึ้งไม่รู้เรื่องเรื่องจริงๆพ่อคะ...แม่ ผึ้งไม่รู้เรื่องจริงๆนะ” ปลายเดือนน้ำตาคลอมองบุพการีทั้งสองที่ยืนอึ้งกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของบุตรสาว

“สีผึ้ง...เป็นอะไรไป? ไหน...มีอะไรลองเล่าให้ย่าฟังซิ” คุณลำเภาจูงมือหลานสาวให้เข้าไปในบ้านด้วยกันแต่ปลายเดือนสะบัดแล้วเดินจ้ำกลับบ้านตัวเองไปท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน

“วันนี้เขาแปลกๆนะ” คุณย่าว่า

“เดี๋ยวหนูไปตามลูกเองค่ะ” คุณระรินกำลังจะเดินตามไปแต่ชลธีท้วงไว้

“วันนี้คุณผึ้งเธออาจจะยังไม่พร้อมรอพรุ่งนี้ดีกว่า...ให้เธอได้ตั้งตัวอีกนิด คุณอารินอย่าไปคะยั้นคะยอเธอเลยครับ”

“แล้วมันเรื่องอะไรกันคะ

“รอให้ถึงพรุ่งนี้เถอะครับ”

“พวกเราต้องขอบใจคุณชลจริงๆถ้าไม่ได้คุณ…น้องพลูคงแย่”คุณเที่ยงธรรมตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ ชลธียิ้มตอบรับหนักแน่น

“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ”

แทนดาวยังคงไม่คลายจากอาการหวาดผวาจนเทียมภพไม่กล้าขยับตัวไปไหนเขาสงสารน้องจับใจที่พอจะหลับก็หลับได้ไม่สนิทต้องคอยตระกองกอดอยู่อย่างนั้นเพื่อให้รู้สึกว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาศีรษะเล็กที่นอนหนุนแนบอกขยับซบซุกหาความอุ่นใจเทียมภพได้แต่เก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในอกถ้าพรุ่งนี้แทนดาวตื่นขึ้นมาแล้วไม่หายเป็นปรกติเหมือนเดิมล่ะก็...ไอ้คนที่ทำระยำตำบอนกับดวงใจของเขาต้องถูกประหารชีวิตแน่นอน

เสียงประตูห้องค่อยๆแง้มเปิดออกพร้อมกับบิดาและชลธีที่แทรกตัวเข้ามานัยน์ตาสีเหล็กทอประกายห่วงใยปิด

ไม่มิดยามมองร่างน้อยที่หลับสนิทอยู่ในการปลอบของพี่ชายเขารู้ว่าหล่อนต้องการความมั่นใจและความอบอุ่นมากแค่ไหน ยังจำความรู้สึกตอนที่โอบกอดร่างนั้นสั่นสะท้านนี้ได้จนไม่อาจผละหนีไปแม้เพียงวินาที

“น้องหลับนานหรือยัง คุณเที่ยงธรรมลูบผมบุตรสาวแผ่วเบา

“อย่าทำให้ตื่นนะครับกว่าจะกล่อมได้ตั้งนาน น้องพลูไม่กล้าหลับเพราะกลัวฝันเห็นภาพบ้าๆนั่น”

“คุณชลเขามีอะไรจะพูดกับหมากนิดหน่อยน่ะ”

“คงไม่สะดวกแล้วล่ะครับให้น้องพลูหลับให้สบายดีกว่า” ชลธีรีบออกตัวอย่างเกรงใจและทำท่าจะออกไปแต่

เทียมภพกลับเป็นฝ่ายเรียกไว้

“เดี๋ยวเดียวก็ได้” คุณเที่ยงธรรมปลีกตัวออกไปปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันเอง

“แกรุนแรงกับน้องมากเกินไปนะคราวนี้ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย”ชลธีพยายามรักษาระดับเสียงให้ต่ำกว่าปกติไม่ให้ใส่อารมณ์กับเพื่อนบ้าเลือดคนนี้

“เพราะแก...”

“เออ...เพราะฉันที่ไม่น่าโง่ไปชอบน้องสาวของคนที่ใช้สมองไม่เป็น...ใช้เป็นแต่กำลังอย่างแกเลย ชลธีว่าให้จนคนฟังถึงกับสะอึกแต่ก็เถียงไม่ออก

“แกจะได้มีรอยแผลเป็นที่เดียวกับน้องพลูถ้าแผลเธอไม่หายล่ะก็” คำขู่นั้นไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรเทียมภพทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ และก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวพ้นประตูไป เสียงกระด้างของคนบนเตียงก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ขอบใจ” ชลธีหยุดนิดหนึ่งพร้อมกับแอบยิ้มบางๆให้ตัวเอง เมื่อคิดว่าวันที่จะได้ครอบครองและมีสิทธิ์ในตัวแทนดาวโดยสมบูรณ์ใกล้จะมาถึงแล้ว

แทนดาวตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนสายเมื่อรู้สึกถึงแสงแดดสว่างจ้าอยู่รอบๆตัวหญิงสาวพยายามฝืนเปิดเปลือกตาสู้กับแสงแดดและต้องหยีตาลงเพราะรู้สึกแสบก่อนจะรวบรวมพลังลืมตาขึ้นมาใหม่ร่างเล็กค่อยๆยันตัวลุกขึ้นสำรวจร่างกายก็พบว่าตัวเองสอดกายอยู่ใต้ผ้านวมนุ่มแสงแดดยามสายทอประกายผ่านผ้าม่านบังหน้าต่างบางใสเป็นเงาสายเล็กๆตกทอดอยู่บนพื้นมันทำให้แน่ใจว่านี่คือบ้านและที่นี่คือห้องนอนสีชมพูที่คุ้นเคย หัวใจดวงเล็กแล่นโลดที่มันไม่ใช่นรกในห้องสี่เหลี่ยมหรูหราบนตึกสูงระฟ้าที่เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้

หญิงสาวค่อยๆจรดปลายเท้าลงบนพื้นพรมนุ่มนิ่มแต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงนั่งอย่างเก่าเพราะความปวดระบมจากบาดแผลที่น่องทั้งสองข้างไหนจะความเจ็บบริเวณท้องน้อยที่แม้จะบรรเทาลงบ้างแล้วแต่ก็ยังปวดหนึบทุกครั้งเวลาขยับตัวค่อยๆเลิกเสื้อนอนดูก็พบกับปื้นสีเขียวแกมม่วงวงเบ้อเริ่มแผ่กว้างตรงบริเวณนั้นใจหายอยู่ครามครันว่ารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้แค่เส้นยาแดงเดียว

“โอย...” หญิงสาวครางเบาๆเมื่อบาดแผลกระทบกับอากาศเย็นๆรอยแดงช้ำบวมมองเห็นเด่นชัด เจ้าของร่องรอยเบ้หน้านึกรังเกียจถ้าเป็นแผลเป็นขึ้นมาล่ะก็...จะไม่ให้อภัยพี่ชายจอมโหดแน่ๆ

นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงที่ชี้บอกเวลาเกือบ11 โมง แล้วก็บ่นตัวเองที่นอนตื่นสายเด่เพราะไม่เคยนอนหลับยาวขนาดนี้มาก่อนอีกอย่างก็เพราะถูกบังคับให้นอนตอนหัวค่ำตั้งแต่เด็กๆเรียกว่าละครหลังข่าวเป็นอะไรที่ต้องห้ามไปเลย เว้นเสียแต่จะตรงวันหยุดถึงจะได้ดูซึ่งคนออกกฎก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกพี่ชายที่แสนดีอย่างเทียมภพที่คอยแต่จะอ้างว่าละครน้ำเน่าเนื้อหามีแต่เรื่องแย่งผู้ชายกับอิจฉาริษยาไม่เหมาะกับวัยรุ่นบางครั้งเลยต้องแอบลงไปดูกับพวกแม่บ้านบ้าง ส่วนพี่ชายตัวดีนั้นไม่เดือดร้อน พอน้องสาวเข้านอนเสร็จก็ออกตระเวนราตรีทำตัวเป็นนกฮูกไปกับแก๊งเพื่อนโสดแต่ไม่สดที่แทนดาวดีใจว่าไม่ได้เกิดมาเป็นแฟนพวกนั้นไม่งั้นคงต้องร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าวันละสามเวลาเป็นอย่างต่ำ

“คุณน้องพลูตื่นแล้วหรือคะ ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับน้ำเสียงที่แสดงความตื่นเต้นของสาวใช้วัยรุ่น

“ตื่นเมื่อกี้แหละมีไรกินมั่งล่ะแป๋ม

“คุณพี่หมากสั่งให้ทำตั้งหลายอย่างให้คุณโดยเฉพาะเลยค่ะมีข้าวต้มหมู กุ้ง ปลา หรือถ้าไม่ชอบข้าวต้ม...กับข้าวก็มีนะคะมีเนื้อปูผัดผงกะหรี่ แกงจืดวุ้นเส้นแล้วก็ไข่เจียวหมูสับ อ้อ...คุณย่าทำของหวานเป็นวุ้นผลไม้คุณน้องพลูจะรับอะไรคะ สาวใช้ร่ายรายการอย่างกับท่องกลอนซึ่งแต่ละอย่างล้วนแต่เป็นของโปรดของคนฟังทั้งนั้น หากเป็นเวลา

ปรกติคงไม่ต้องให้สาวใช้นั่งบรรยายให้เสียเวลาแค่วิ่งผลุงลงไปในครัวก็ได้ลิ้มรสทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่อาการบาดเจ็บ

ส่งผลให้ร่างกายไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกมานัก

“ขอข้าวต้มกุ้งแล้วกันไม่ต้องตักเยอะนะ น้องพลูยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”หญิงสาวลุกขึ้นจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ไปได้สองก้าวก็ต้องหยุดเมื่อสาวใช้คนเดิมรีบมาขวางหน้าไว้

“อะไรอีกล่ะแป๋ม

“นั่นคุณน้องพลูจะไปไหนคะ เด็กสาวถามซื่อๆทั้งที่รู้ว่าเจ้านายกำลังจะไปไหน

“อ้าว...ก็เข้าห้องน้ำน่ะสิคนเพิ่งตื่นจะให้ไปไหน ฟันยังไม่ได้แปรงเลยแล้วจะกินข้าวเช้าได้ยังไง”

“อุ๊ย! ไม่ได้นะคะ ถ้าอยากอาบน้ำเดี๋ยวรอแป๋มขึ้นมาเช็ดตัวให้ รอเดี๋ยวนะคะ…ลงไปสั่งในครัวเดี๋ยวเดียวเท่านั้นค่ะ”สาวใช้ตั้งท่าจะวิ่งออกไป แทนดาวเกาหัวแกรก

“ทำไมล่ะน้องพลูอาบเองได้”

“ไม่ได้ค่ะ…เพราะคุณพี่หมากสั่งไว้เนี่ย...ยังบอกให้แป๋มคอยขึ้นมาดูคุณทุกๆครึ่งชั่วโมง ถ้าตื่นแล้วก็ให้ลงไปรายงานแล้วยังสั่งอีกว่าห้ามให้คุณน้องพลูออกแรงทำอะไรเยอะๆค่ะ”

“โอ๊ย...อะไรกันนักหนาน้องพลูไม่ได้เป็นง่อยซักหน่อย เธอลงไปข้างล่าง ไปเอาข้าวมาอย่างเดียวก็พอฉันจะอาบน้ำเอง” พอจะเดินต่อแม่สาวใช้คนเดิมก็ยังตามมาขวางไว้อีกจนชักเริ่มรำคาญ

“เอาน่า...ไม่บอกพี่หมากหรอกเร็วๆเข้าน้องพลูหิวแล้วนะ”หญิงสาวสั่งเสียงเข้มกว่าเดิมจนสาวใช้ต้องรีบลนลานออกไปแต่คนสั่งก็ยังทันได้ยินเสียงกระซิบว่า

“คุณพี่หมากต้องดุแน่ๆ”

“เราไม่ใช่คนไข้วิกฤตซะหน่อย” หญิงสาวมองตามสาวใช้ไปพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความระอาฮึ...เกิดจะมาสำนึกผิดตอนนี้หรือไงเล่าพี่ชายตัวแสบตีคนอื่นเสียน่องลายแล้วจะมาเอาอกเอาใจกันตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร

พออาบน้ำเสร็จก็จัดการกับข้าวต้มหอมกรุ่นยังไม่ทันหมดชามพี่ชายก็เข้ามาหา ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วคงไม่ได้นอนมาทั้งคืน แทนดาวรีบวางช้อนเดินเขยกไปรับแม้จะยังโกรธอยู่นิดๆแต่ก็ดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าพี่ชายคนนี้

“อิ่มแล้วเหรอคะนั่นเอาอีกไหม เทียมภพอ้าแขนรับตัวน้องสาวเข้ามากอด แล้วดันตัวออกเพื่อสำรวจดูน้องสาวก็เห็นว่าดูสดใสแข็งแรงขึ้นมาก

“น้องพลูอิ่มแล้วค่ะไม่ค่อยอยากทานด้วยล่ะ...ไม่หิวเลย”

“ได้ยังไงกันล่ะร่างกายยังอ่อนแออยู่ ต้องกินเยอะๆรู้ไหม แป๋ม...ไปอุ่นนมมาหน่อย”

“ฮื้อ...น้องพลูอิ่มแล้วกินอะไรอีกไม่ไหวแล้ว” คนตัวเล็กกระเง้ากระงอดเทียมภพประคองน้องไปนั่งบนเตียงมือหนาลูบไล้เส้นผมมันลื่นสุดหวงแหนด้วยความรักเปี่ยมล้น

“ไม่เอาน่า...บอกอะไรก็เชื่อกันบ้างกินเยอะๆจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ แล้วแผลน่ะ...เป็นไงบ้าง

“เจ็บค่ะ” คนตอบทำตาละห้อยพร้อมกับเลิกชายกระโปรงขึ้นพอให้เห็นบาดแผล เทียมภพหน้าเสียไปถนัดเมื่อเห็นอาการอักเสบของมันชัดเจน

“พี่ขอโทษพี่ทำให้หนูเจ็บมาก พี่เสียใจจริงๆ” เขาพร่ำรำพันอย่างสำนึกผิดรู้สึกสะเทือนใจเอามากๆที่น้องสาวที่เลี้ยงมาแบบริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมกลับต้องมาบอบช้ำด้วยฝีมือตัวเองแบบนี้

“น้องพลูไม่โกรธพี่หมากหรอกค่ะน้องพลูเองก็ผิดที่ไม่เชื่อฟัง จนเกือบ...”พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาก็พาลจะร้องไห้ ภาพความน่ากลัวเวียนกลับมาอีกครั้ง

“โอ๋...ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้วนะตอนนี้น้องพลูก็ปลอดภัยอยู่ในบ้านของเรา...อยู่กับพี่”

“พี่หมาก...” เสียงใสครางเรียกชื่อพี่ชายเบาๆเมื่อฝ่ายนั้นใช้ปลายนิ้วกรีดหยดน้ำตาที่เริ่มก่อตัวออกไปจากดวงตาคู่สวย

“เอาล่ะ...ทีนี้พี่อยากรู้เรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดน้องพลูพร้อมจะเล่าให้พี่ฟังหรือยังคะ สีหน้าของคนถามเปลี่ยนเป็นจริงจังทว่าก็แฝงความอ่อนโยนอยู่ในตัวแทนดาวใช้ความคิดอย่างหนัก จะให้เล่าเรื่องเมื่อคืนน่ะหรือ...ถ้าหากพูดไปปลายเดือนต้องลำบากแน่ๆ

“มันผ่านไปแล้วพลูไม่อยากคิดถึงมันอีกค่ะ ให้มันจบไปเถอะนะคะพี่หมาก คนผิดก็ถูกจับแล้วนี่คะ”

“เรื่องไอ้ระยำนั่นมันจบไปแล้วก็จริงแต่เรื่องคนของเรายังไม่จบ บอกพี่ซิน้องพลู...สีผึ้งทำอะไรกับหนูบ้าง เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาน้องสาวอย่างค้นคว้า

“ได้โปรดเถอะค่ะ...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ผึ้งทุกอย่างมันจบลงแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่นไม่ว่าจะอย่างไรก็จะไม่มีวันเอาครอบครัวที่รักไปแลกกับเรื่องเลวร้ายนั่นเด็ดขาด ถึงยังไงปลายเดือนก็เป็นพี่สาวสายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาด

“ใบพลู ถ้าหนูรักสีผึ้ง...หนูก็ต้องช่วยเขาเล่าให้พี่ฟังเถอะนะ ทุกอย่างมันจะไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้แน่และน้องพลูก็จะเป็นคนเดียว...ที่จะสามารถช่วยเขาได้”

แทนดาวลงมาทานอาหารเย็นกับครอบครัวในตอนเย็นวันเดียวกันแล้วก็ได้รับฟังข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักว่าปลายเดือนเรียกแท็กซี่ออกจากไปตั้งแต่เช้ามืดโดยทิ้งโน้ตบอกแค่ว่าจะไปอยู่คอนโดดังนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นนี้จะตึงเครียดและเงียบเหงา หญิงสาวมองดูอาสะใภ้ที่ร้องไห้คร่ำครวญถึงแต่ลูกสาวและคอยพร่ำขอโทษขอโพยในสิ่งที่ปลายเดือนได้กระทำไว้แทนดาวเองก็ไม่สบายใจเพราะลึกๆ แล้วก็รักและเคารพปลายเดือนอยู่ไม่น้อยเทียมภพดูจะเครียดกว่าใครๆ ที่น้องสาวสุดที่รักทั้งสองคนต้องมาประสบเหตุการณ์แย่ๆพร้อมๆกัน

“ย่าว่าเราอย่าเพิ่งวิตกกังวลกันมากนักเลยสีผึ้งอาจจะอยากอยู่คนเดียวในตอนนี้ ถ้าแกสบายใจแล้วก็คงจะกลับมาเอง” คุณย่าเฝ้าปลอบคุณระรินอยู่อย่างนี้แต่ดูเหมือนความกังวลจะไม่ผ่อนคลายลง

“ผมไม่เข้าใจว่าเราเลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหนยัยผึ้งถึงทำอะไรแย่ๆแบบนี้ได้” คุณเที่ยงแท้กล่าวโทษบุตรสาวตัวเองทำให้ภรรยาที่นั่งข้างๆร้องไห้หนักขึ้น

“อาแท้อย่าไปซ้ำเติมแกเลยผมว่าสีผึ้งน่าจะมีคำอธิบายเรื่องนี้เมื่อคืน...เราเองก็ไม่น่าไปคาดคั้นอะไรกับแกเลย คงจะขวัญเสียจนเตลิดไป” เทียมภพบอกอย่างกังวลไม่แพ้กัน

“คราวนี้ลูกอาทำให้ทุกคนต้องเสียใจอาจะรับผิดชอบด้วยการส่งแกไปเมืองนอกทันทีที่แกกลับบ้าน” คุณเที่ยงแท้ประกาศเสียงดัง

“ค่ะ...เมื่อคืนเราสองคนปรึกษากันแล้วรินจะไปอยู่เป็นเพื่อนลูก อาจจะให้แกทำงานหรือเรียนต่อที่นั่น” “ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นล่ะสีผึ้งอาจจะไม่อยากไปก็ได้ ถามความสมัครใจของแกดูก่อนดีกว่า”คุณเที่ยงธรรมแนะนำน้องชาย

“นั่นสิครับ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุสิครับการส่งแกไปแบบนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะทำให้รู้สึกแย่ขึ้นไปอีกสีผึ้งอาจจะคิดว่าไม่มีใครยอมให้อภัยเลยต้องขับไล่ไสส่งแกไปอยู่ที่อื่น” เทียมภพอธิบายเสียงเครียด

“ไม่ได้หรอกอา...เราสองคนคาดหวังกับลูกคนนี้มากเกินไป คิดว่าแกเป็นเด็กที่ดีพร้อมเลยปล่อยให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาโดยตลอดไม่เคยสอนว่าอะไรดีหรือไม่ดี คราวนี้อาจจะต้องมีการบังคับถ้าแกไม่ยอม” คุณเที่ยงแท้ย้ำอีกครั้ง

“ผมว่ารอให้ถามเจ้าตัวก่อนดีกว่าแล้วถ้าแกอยากจะไปก็คงต้องตามใจ แต่ถ้าแกไม่อยากไป...ผมขอร้องคุณอา

ทั้งสองว่าอย่าไปบังคับจริงอยู่ว่าสีผึ้งจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ผมก็รักแกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใบพลูผมคงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือน้องสาวคนนี้อย่างถึงที่สุดเหมือนกัน”เทียมภพสำทับหนักแน่น

“น้องพลูว่า...สาเหตุที่ทำให้พี่ผึ้งทำเรื่องทั้งหมดลงไปก็เพราะน้องพลูนี่ล่ะค่ะ” จู่ๆคนที่นั่งเงียบมาตลอดเวลาก็ปริปาก หญิงสาวรวบช้อนทั้งที่กินไปได้แค่สองสามคำ

“ขอน้องพลูพูดบ้างเถอะนะคะ...เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น”

“หนูอิ่มแล้วก็ควรขึ้นไปพักผ่อนนะคะทานยาแก้อักเสบแล้วก็นอน เรื่องทางนี้เดี๋ยวพวกผู้ใหญ่จัดการกันเอง” เทียมภพรีบบอกน้องสาว เขาไม่อยากให้น้องต้องคิดมากกับเรื่องพวกนี้อีก

“พี่หมากขา...เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าน้องพลูเป็นเด็กเล็กๆเสียทีฟังน้องพลูบ้างสิคะ...ไหนบอกว่าน้องพลูจะช่วยได้ไง”

“จริงของเจ้าพลูมันเจ้าหมาก...ลองฟังน้องดูมั่งเป็นไร” คุณย่าเสริม

“แต่ไหนแต่ไร...พี่ผึ้งคิดเสมอว่าน้องพลูเกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักจากคนในครอบครัวอาจจะไม่มีใครสังเกตเพราะว่าพี่ผึ้งเลือกปฏิบัติกับน้องพลูเท่านั้น” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเมื่อไม่มีใครขัดเห็นทุกคนฟังด้วยอาการนิ่งสงบก็เล่าต่อ

“น้องพลูไม่เคยคิดที่จะแย่งอะไรไปจากพี่ผึ้งเลยตรงข้าม...คิดอยู่เสมอว่าพี่ผึ้งคือพี่สาวน้องพลูมีทั้งพี่ชายและพี่สาวที่น่ารักกว่าใครๆ” หญิงสาวยิ้มอ่อนๆให้พี่ชายแล้วเล่าต่อชัดถ้อยชัดคำมากกว่าเดิม

“หลายครั้งที่พี่ผึ้งทำไม่ดีกับน้องพลูบางทีก็ตอบโต้ไปบ้างแต่ว่าก็โกรธไม่ได้สักที น้องพลูรู้ดีว่าพี่ผึ้งเองก็รักทุกๆคนรู้ไหมคะ...ว่าพี่ผึ้งก็รักพี่ชลเหมือนกัน แต่ทุกคนก็กลับสนับให้น้องพลูคบพี่ชลไม่มีใครสนับสนุนพี่ผึ้งแถมยังเชียร์ให้คบรักกับบุ้งทั้งๆที่พี่ผึ้งไม่เคยคิดกับเฮียบุ้งเป็นอย่างอื่นเลยทุกคนมองข้ามเธอ ก็เลยกลายเป็นว่า...น้องพลูแย่งความความรักของคนในครอบครัวไปแล้วยังจะไปแย่งคนที่เธอรักอีก”

“แต่เรื่องนี้ไม่มีใครบังคับไอ้ชลสักหน่อยมันสนใจเราตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ เทียมภพขัดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“อันนี้น้องพลูไม่ทราบแต่ที่รู้ๆก็คือ...ไม่มีใครสนใจว่าพี่ผึ้งจะคิดหรือทำอะไร พวกเราต่างก็เชื่อว่าพี่ผึ้งเป็นผู้ใหญ่พอที่ทำอะไรโดยไม่มีข้อผิดพลาดแต่น้องพลูรู้มาตลอดเพราะเวลาที่พี่ผึ้งโกรธหรือไม่พอใจอะไรก็จะมาลงที่น้องพลู แต่น้องพลูเข้าใจและจะไม่โกรธพี่ผึ้งในทุกๆเรื่อง” พอเล่าจบ คนแรกที่เข้ามากอดก็คือคุณระริน นางเอาแต่ร่ำไห้อยู่อย่างนั้น

“อาไม่เคยรู้มาก่อนเลยคิดอยู่แต่ว่าลูกสาวประพฤติตัวอยู่ในกรอบเลยไม่ได้เอะใจว่าจะมีปัญหาอะไร”

“ทุกคนอาจจะคิดว่าพี่ผึ้งดีอยู่แล้วแต่สิ่งที่อยู่ในใจพี่ผึ้ง...น้องพลูเท่านั้นที่รู้ว่ามันข่มขื่นแค่ไหน ถ้าลองสลับกันแล้วน้องพลูเป็นแบบนั้นบ้าง...ก็คงจะไม่มีความสุขนักหรอกค่ะ”

“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดีเจ้าผึ้งมันก็หายไปกับความเข้าใจผิดๆแบบนี้”คุณย่าถอนใจเฮือกใหญ่ เทียมภพถึงกับต้องยกมือขึ้นนวดขมับ

“น้องพลูจะพาพี่ผึ้งกลับมาเองค่ะ น้องพลูเป็นต้นเหตุ...เพราะฉะนั้นก็จะแก้ไขเองอาจจะช่วยได้ไม่มากนัก...แต่ขอให้ไว้ใจกันสักครั้งเถอะค่ะน้องพลูก็รักพี่ผึ้งและอยากให้ครอบครัวเรากลับมามีความสุขเหมือนเดิมเร็วๆ”



Create Date : 09 พฤษภาคม 2559
Last Update : 9 พฤษภาคม 2559 12:22:43 น.
Counter : 435 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อิสวารายา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 นักเขียนหน้าใหม่นามปากกาว่าอิสวารายาได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆกับนวนิยายรักอบอุ่นหัวใจเรื่อง ปลูกรักในรั้วใจ จำได้ว่าเมื่อ 9 ก่อนนั้นนวนิยายเรื่องยาวนี้เป็นที่นิยมของแฟนนักอ่านที่น่ารักหลายท่าน เนื้อเรื่องได้ดำเนินมาถึงตอนใกล้จบแต่ writer ก็หยุด update ต่อจนจบเนื่องจากเกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้อง เนื้อหาที่เป็นต้นฉบับไม่สามารถเรียกมาได้ ก็เลยหมดกำลังใจที่จะนั่งพิมพ์ใหม่ เนื้อเรื่องที่ได้ post ไว้ทั้ง 3 pages (Dek-D, Bloggang, Jamsai) ก็ไม่เหมือนฉบับ rewrite ที่ได้วางพลอตเอาไว้จนถึงตอนอวสาน พอทิ้งไปนานๆเข้าก็เริ่มไม่มีเวลาเพราะยุ่งกับงานรวมถึงการศึกษาต่อ

จนกระทั่งวันนี้ ผ่านไปแล้ว 9 ปี ก็คิดถึงปลูกรักในรั้วใจขึ้นมา เลยลอง search ใน google ก็ยังพบว่าปลูกรักในรั้วใจยังคงอยู่ ประกอบกับมีนักอ่านบางท่านยังคงมา comment อยู่ อิสวารายาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะสานต่อปลูกรักในรั้วใจให้สมบูรณ์เสียที ให้สมกับที่แฟนนักอ่านรอคอยให้น้องพลูกับพี่ชลกลับมา ดังนั้นจึงนั่ง copy เนื่อเรื่องจากเวบเอามาเขียนใหม่ โดยอิสวารายาเริ่มหยิบเนื้อหามาค่อยๆ rewrite ใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ย. 58

น้องพลูกับพี่ชลกำลังจะกลับมา พร้อมกับเนื้อหาที่ปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนั้นยังพิ่มบท ตัวละคร เพื่อให้มีอรรถรสมากขึ้น

นวนิยายเรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่อิสวารายาคิดถึง น้องพลู พี่หมากและพี่ชล และต้องการให้พวกเขากลับมา มาร่วมสร้างความรัก ความอบอุ่น กับนวนิยายรักน่ารักเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้งนะคะ

รักและคิดถึงที่สุด
อิสวารายา
20 ก.พ. 2559
New Comments
  •  Bloggang.com