(ตอนพิเศษสุดริมรั้ว) รอบรั้วหัวใจ




ตอนพิเศษ รอบรั้วหัวใจ

งานมงคลสมรสถูกกำหนดขึ้นในอีกสามเดือนต่อมา บ้านทวีกิจไพศาลถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีไทยในช่วงเช้าหลังจากนั้นจะมีงานเลี้ยงรับรองที่ธาราเพื่อให้พนักงานจากสองฝ่ายและแขกบางส่วนที่ไม่สามารถไปร่วมงานฉลองสมรสที่เขาค้อในอีกสามวันถัดไปช่วงสองสามวันนี้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างวุ่นวายกับกิจของตนจนไม่ได้พบปะกันเลย ครั้งสุดท้ายที่พบกันคือเมื่อวานซืนที่ฝ่ายชายมาช่วยแทนดาวขนข้าวของชุดท้ายไปไว้ที่เรือนหอ

บ้านทวีกิจไพศาลเอิกเกริกครื้นเครงอีกครั้งเพราะเป็นการรวมตัวอีกครั้งของญาติมิตรและเพื่อนๆ เจ้าสาวที่มาช่วยเตรียมงาน งานนี้จัดเป็นพิธีไทยแท้ตามความประสงค์ของคุณลำเภา เน้นความประณีตของศิลปะไทยและฝีมือเชิงช่างล้วนๆ โดยไม่ได้ว่าจ้างออแกไนเซอร์ทุกอย่างล้วนมาจากแรงกายแรงใจของเพื่อนฝูงญาติพี่น้องกับกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาคหกรรมที่เคยเป็นลูกศิษย์ลูกหาของคุณลำเภามาช่วยด้วย

บริเวณงานประดับดอกไม้สดและงานเจียนใบตองทั้งหมดบรรดาดอกไม้ใบไม้ล้วนมีชื่อมงคลตามตำราโบราณ ตรงทางเดินปูนจากประตู้รั้วมาจนถึงหน้ามุขมีตัวหงส์ประดิษฐ์จากใบตองเรียงกันจำนวนหกคู่สนามหญ้าตัดเตียนเขียวขจีตั้งโต๊ะและเก้าอี้กลางแจ้งโดยอาศัยร่มเงาจากไม้ใหญ่ไม่ต้องตั้งเต็นท์ขัดขวางทัศนียภาพฟากหนึ่งตั้งซุ้มอาหารที่คุณลำเภาประกอบเองทั้งหมดรายการของคาวหวานล้วนมีความหมายมงคล ไม่ไกลกันกันเป็นเวทียกพื้นจัดไว้สำหรับวงดนตรีไทยและการแสดงข้างเวทีมีจอขนาดใหญ่ถ่ายทอดสดพิธีการข้างใน

หน้ามุขกับชายคาบ้านตลอดจนหน้าต่างประตูทุกบ้านติดม่านดอกรักสลับบานไม่รู้โรยถักลายตาข่ายอันมีความหมายเป็นมงคลว่า‘รักไม่รู้โรย’ตามจุดต่าง ๆ ตั้งพุ่มแจกันดอกไม้ปักแซมด้วยผลไม้มงคลแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงทุกอย่างล้วนรังสรรค์อย่างละเอียดประณีตอาบมนตร์ขลังแห่งวัฒนธรรมการกินอยู่อย่างไทยที่ใครได้มาสัมผัสก็จะต้องประทับใจ

ห้องโถงใหญ่ถูกกำหนดให้เป็นส่วนพิธีการทั้งสู่ขอและรดน้ำภายในห้องตกแต่งพานพุ่มดอกบัวสีชมพูกับใบตองปะดิษฐ์บนเพดานสูงห้อยเครื่องแขวนทรงกลมหุ้มตาข่ายมะลิปล่อยชายอุบะระย้า แต่ละพวงแขวนไล่ระดับสูงต่ำอย่างลงตัวสุดโถงตั้งโต๊ะรดน้ำสองชุด ด้านหน้าห้อยปิดด้วยตาข่ายดอกรักร้อยเป็นม่านผืนใหญ่ชายยาวจรดพื้นมีอ่างเคลือบลอยดอกบัวตั้งพานทองแต่งด้วยมาลัยกรองเก้าชายรองรับน้ำสังข์ ฉากหลังตั่งรดน้ำประดิดประดอยจากดอกบานไม่รู้โรยดอกพุดและบัวเป็นลวดลายไทยสุดอลังการ มีสายมะลิร้อยสลับกลีบกุหลาบดัดคดโค้งเป็นตัวอักษรชื่อย่อของคู่บ่าวสาว ข้างโต๊ะรดน้ำคือพานขนาดใหญ่ใส่ของชำร่วยเป็นผอบเบญจรงค์ห้าสีบรรจุในกล่องผ้าไหมสวยหรูมีบุหงาแห้งห่อผ้าตาข่ายใส่ในผอบที่วาดลวดลายไทยอ่อนช้อยล้อมรอบอักษรย่อชื่อบ่าวสาวของชำร่วยนี้คุณลำเภาสั่งทำจากศูนย์ศิลปาชีพ นอกจากจะสวยงามน่าใช้แล้วยังทรงคุณค่าของอัตลักษณ์ไทย

“พวกเราไปนอนก่อนนะยัยพลูด่างอ้อ...แล้วก็อย่านอนดึกนัก เดี๋ยวตาคล้ำ...มากส์หน้าหน่อยก็ดีนะ”

หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวที่มาปักหลักช่วยงานกันล่วงหน้าสามวันสามคืนบอกทิ้งท้ายแล้วก็พากันไปนอนเอาแรงคงเหลือเพียงว่าที่เจ้าสาวที่เพิ่งจะวางมือจากการกรองมาลัยหญิงสาวขยับตัวจากความเมื่อยขบเพราะนั่งหลังขดหลังแข็งตั้งแต่ตอนเย็นเพื่อร้อยมาลัยกลมชายเดียวสามพวงสองพวงแรกตั้งใจเอาไปกราบบิดามารดาและคุณย่าเพื่อเป็นการขอบพระคุณที่เลี้ยงดูมาจนถึงเวลาออกเหย้าออกเรือนส่วนอีกพวกหนึ่งตั้งใจจะมอบให้พี่ชาย

ภายในห้องหนังสือเทียมภพนั่งเปิดอัลบั้มภาพถ่ายเก่า ๆ ที่รื้อมากองไว้บนโต๊ะด้วยอารมณ์ผ่อนคลายและออกจะใจ

หายนิด ๆที่เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เผลอหน่อยเดียววันพรุ่งนี้ก็มาถึงน้องสาวคนเล็กจะได้ออกเหย้าออกเรือนเป็นฝั่งฝาแทบไม่น่าเชื่อว่าสาวน้อยขี้แงและเอาแต่ใจในวันวานกำลังจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองมือขาวสะอาดดึงภาพถ่ายใบหนึ่งออกมา ใบถ่ายใบนั้นคือตัวเขาเมื่อครั้งยังเด็กโอบอุ้มหนูน้อยตัวแดงๆ เมื่อแรกเกิด

“พี่หมากขา...”เสียงออดอ้อนมาพร้อมกับลำแขนกลมกลึงที่ตวัดโอบรอบคอแผ่วเบาเทียมภพวางรูปในมือลงแล้วโอบ

ตัวคนเกิดทีหลังเอาไว้แนบอกพร้อมกับกดจมูกลงบนขมับนวลอย่างอ่อนโยน

“ทำไมยังไม่ไปนอนอีกเดี๋ยวเจ้าสาวก็กลายเป็นหมีแพนด้านะ”

“น้องพลูเพิ่งเอาพวงมาลัยไปไหว้พ่อกับแม่แล้วก็คุณย่าเอ...ดูอะไรอยู่คะเนี่ย” หญิงสาวเปิดอัลบั้มภาพถ่ายแล้วก็ยิ้มออกมาเป็นรูปของหล่อนทุกวัยไล่ตั้งแต่ตอนเป็นทารกจนถึงตอนจบปริญญาตรี สาวน้อยนั่งอิงอกพี่ชายแล้วดูรูปพวกนั้นด้วยกันพลางผลัดกันเล่าเรื่องอดีตอย่างเพลิดเพลิน

“ดูสิ...เมื่อวานยังร้องงอแงจะเอาตุ๊กตาอยู่เลยพรุ่งนี้ก็ต้องจากอกพี่ไปเป็นของคนอื่นแล้ว”

“น้องพลูยังเป็นน้องของพี่หมากอยู่วันยันค่ำ...”แทนดาวเลื่อนตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วจับมืออุ่นของพี่ชายมาแนบแก้ม

“ตลอดชีวิตนี้...น้องพลูสำนึกเสมอว่าสองมือนี้เองที่อุ้มชูดูแลมา หล่อหลอมให้น้องพลูเติบโตขึ้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจนประสบความสำเร็จได้เพราะพี่ชายที่ชื่อเทียมภพชาตินี้ไม่วันทดแทนบุญคุณหมด” หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินเป็นสายความใจหายบังเกิดขึ้นเมื่อตระหนักว่านับแต่พรุ่งนี้จะต้องโบยบินจากอ้อมอกที่คอยปกป้องดูแลมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกไปอยู่ณ บ้านหลังใหม่

“พี่ก็ดีใจที่มีน้องสาวคนนี้หนูคือของขวัญจากสวรรค์ คือดวงดาวที่พาความสดใสมาสู่ครอบครัวของเราพี่มีความสุขที่ได้เฝ้าดูหนูค่อย ๆ เติบโต ได้อาบน้ำ ป้อนข้าว หัดพูด หัดเดิน ได้อบรมสั่งสอนจนถึงวันที่หนูมีครอบครัว...ถึงวันนี้พี่ก็หมดห่วง”ปลายนิ้วอุ่นค่อย ๆปาดเช็ดน้ำตาให้เฉกเช่นที่เคยทำมาเสมอตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย

“แทนดาว...ต่อไปหนูจะเป็นแทนดาว ธาราพิศุทธิ์ จะเป็นภรรยาของสามีที่จะรักและดูแลหนูต่อจากพี่วันหนึ่งหนูจะต้องเป็นแม่คน ในฐานะพี่ชาย...ก็จะให้โอวาท...”แทนดาวมองหน้าพี่ชายแล้วตั้งใจฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“การเป็นภรรยาที่ดีไม่ใช่แค่ทำงานบ้านเป็นปรนนิบัติเก่งเพียงเท่านี้ แต่หนูต้องเป็นได้ทั้งคู่คิด เป็นเพื่อนบางครั้งก็ต้องเป็นแม่ อย่าเอาแต่ใจ อย่าใช้อารมณ์ คิดทุกครั้งก่อนพูดหรือทำอะไร การเป็นสามีภรรยามันไม่ได้ราบรื่นเหมือนตอนเป็นแฟนต้องรู้จักการประนีประนอม เอาใจเขามาใส่ใจเราหนูจงปฏิบัติต่อสามีเหมือนกับที่ปฏิบัติกับพ่อแม่ กับพี่ จงรักและซื่อสัตย์ไว้ใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน น้องพลู...พี่เชื่อว่าหนูจะต้องเป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูก”

น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนสั่งสอนน้องสาวคนเดียวด้วยความปรารถนาดีจากก้นบึ้งของหัวใจเทียมภพให้ข้อคิดในการครองเรือนที่ได้ประสบการณ์ตรงจากการใช้ชีวิตคู่มาถ่ายทอดให้น้องฟังแทนดาวซึมซับทุกคำพูดไว้ในหัวใจ สองมือน้อยประนมขึ้นจรดหว่างอกใบหน้างดงามแฉล้มปนทั้งรอยสุขและรอยอาลัย

“น้องพลูจะจดจำคำสั่งสอนของพี่หมากและจะปฏิบัติให้เกิดผลแต่ในทางที่ดีพี่หมากขา...ไม่มีสักวินาทีเดียวหรือแม้สักลมหายใจที่น้องพลูไม่รักพี่ พี่หมากเป็นยิ่งกว่าพี่ชายคือพ่อ คือแม่ คือทุก ๆ อย่างที่ผู้ชายทั้งโลกนี้เป็นไม่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำให้น้องพลูมาตั้งแต่เกิดจวบจนวินาทีนี้น้องพลูขอกราบขอบพระคุณด้วยหัวใจ สองมือ และพวงมาลัยนี้ค่ะ”

แทนดาวก้มลงกราบกรานแทบเท้าของคนเป็นพี่ด้วยความสำนึกในบุญคุณและรักในสายเลือดเปี่ยมล้นเทียมภพรับพวงมาลัยน้อยที่กรองจากใจของน้องแล้วลูบศีรษะเล็กอย่างอาทรจากนั้นก็ช้อนร่างเล็กที่สะอึกสะอื้นมากอดไว้แนบตัวชายหนุ่มสุดกลั้นกับอารมณ์ลึกซึ้งที่น้องสาวแสดงกตเวทิตาต่อตนเสมอบิดาบังเกิดเกล้าก็เก็บกลั้นอาการไว้ไม่อยู่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันเช่นกัน

เป็นเวลาดึกมากแล้วที่เทียมภพเดินกลับเข้าห้องหลังจากไปส่งน้องสาวเข้านอน ชายหนุ่มวางพวงมาลัยชายเดียวไว้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วเดินเข้าไปดูลูกในห้องเด็กที่เปิดประตูเชื่อมถึงกันได้รมย์นลินเห็นสามีเดินเข้ามาก็วางมือจากการพับผ้าอ้อม หล่อนเข้าอกเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไรเมื่อครู่ก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ตอนที่เห็นภาพความรักความผูกพันของสองพี่น้อง “เจ้าปูนหลับสนิทเลยนะ...ซนมาทั้งวันแล้ววันนี้เจ้าฉุนกวนคุณมากหรือเปล่า”เทียมภพก้มลงหอมแก้มบุตรชายคนโตแล้วก็จูบกระหม่อมบุตรชายคนที่สองที่เพิ่งคลอดได้เพียงเดือนเศษเด็กชายผ่านภพ ทวีกิจไพศาล หรือน้องยาฉุน

“ก็พอดูค่ะกลางวันก็ไม่ค่อยจะนอน ก็ตาปูนน่ะสิคะ...ชวนน้องเล่นทั้งวัน เดี๋ยวก็แอบเข้ามาดูขนาดให้แป๋มพาไปเล่นไกล ๆ ยังร้องจะมาหาน้อง ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นี่กินนมเสร็จก็เพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ”

“เหนื่อยแย่เลยพักผ่อนบ้างนะครับ ปล่อยให้เด็กดูบ้างก็ได้” เทียมภพจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเหนื่อย...แต่ก็มีความสุขที่ได้ดูแลลูก ๆ ได้ดูแลคุณแฟงบอกแล้วไงคะ...ว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสมกับความรักที่คุณและครอบครัวมอบให้”

“ผมโชคดีเหลือเกินที่มีภรรยาเเสนดีอย่างคุณและที่สำคัญ...มีลูก ๆ ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเป็นพ่อคน ขอบคุณนะครับแฟง...ที่มีลูกชายน่ารักให้ผมขอบคุณที่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี”

รมย์นลินมองสามีอย่างเทิดทูนแล้วมองบุตรชายทั้งสองด้วยความรักอันมากประมาณสุดประเมินได้ตั้งแต่แต่งเข้ามาในบ้านหลังนี้ ไม่มีวินาทีเดียวที่จะรู้สึกเสียใจหล่อนได้รับความรักและเมตตา ได้รับเกียรติเชิดชู เทียมภพเป็นสามีที่ประเสริฐหญิงสาวตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะฟูมฟักเลี้ยงดูสายเลือดของทวีกิจให้ดีที่สุดให้เติบโตสง่างามเฉกเช่นเดียวกับบิดาของพวกเขา

“เดี๋ยวพอเจ้าฉุนครบขวบ...เรามีคนที่สามกันนะ”

“สองคนยังป่วนไม่พออีกหรือคะ”เสียงออดอ้อนพูดชิดริมหูเล่นเอาคนฟังต้องอุทานอย่างตกอกตกใจ

“น่านะ...เจ้าสองตัวนี้แต่งเมียทีก็เสียเงินหลายอยู่นะผมอยากได้ลูกสาวสักคนเอาไว้ดูแลพ่อแม่เวลาที่แกประจบฉอเลาะน่ะนะ...มันชื่นใจมีความสุขอย่าบอกใครเหมือนน้องพลูน่ะ...ตอนเล็ก ๆ ขี้อ้อนอย่างกับอะไร ไปอยู่ไหนได้ไม่นานต้องรีบกลับบ้านเพราะคิดถึงอีกอย่าง...พอออกเรือนก็จะได้เรียกสินสอดเอาเงินเข้าบ้านมั่ง”

“แล้วถ้าได้ผู้ชายอีกล่ะคะ”

“ผมไม่ถอดใจง่ายๆ หรอก ก็ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ลูกสาวนั่นล่ะ” คำตอบมาพร้อมกับประกายตาแพรวพราวรมย์นลินเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง ดึงตัวสามีกลับมาคุยกันต่อในห้องเพราะกลัวลูกตื่น

“เมื่อพักใหญ่พี่ชลโทรมาหาแฟงแล้วก็อยากคุยกับน้องพลูแฟงลงไปที่ห้องหนังสือยังเห็นว่าคุณคุยกับเธออยู่”

“ชะ...อดรนทนไม่ไหวหรือไงพรุ่งนี้ก็จะได้เข้าหออยู่แล้ว” ชายหนุ่มอดค่อนแคะว่าที่น้องเขยไม่ได้

“นี่...พี่ชลแค่จะถามน้องพลูว่าจะให้ขนเปียโนของเธอไปที่บ้านวันไหนจะได้ว่าจ้างรถ”

“บอกมันว่าไม่ต้องผมจะจัดการเอง”

“ว่าแต่...คุณวางใจได้เลยนะคะแฟงรับรองเลยว่าน้องพลูจะไม่มีวันเสียใจที่ได้แต่งงานกับพี่ชายของแฟงพี่ชลรักน้องพลูมากและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอให้ดีที่สุดเท่า ๆ กับที่คุณเคยทำคุณหมากเชื่อแฟงไหมคะ”รมย์นลินมองหน้าสามีพร้อมกับบีบมืออย่างต้องการยืนยันคำพูดของตัวเองเทียมภพยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกัน

“ครับ...ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์”

ความโกลาหลวุ่นวายภายในบ้านทวีกิจไพศาลเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลาสามนาฬิกา ช่างแต่งหน้าที่นัดไว้มาถึงพร้อมลูกมืออีกเกือบสิบชีวิตเพราะต้องแต่งหน้าทำผมให้กับบรรดาเพื่อนเจ้าสาวและญาติๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกรมศิลป์ซึ่งให้ความเคารพนับถือคุณลำเภาเป็นการส่วนตัวมาช่วยแต่งองค์ทรงเครื่องเจ้าสาวเนื่องจากงานนี้ท่านตั้งใจให้หลานคนเล็กเป็นดูงามสง่าแบบสตรีมีบรรดาศักดิ์ในยุคโบราณซึ่งการ 'นุ่งยก ห่มตาด’ ครบเครื่องล้วนมีองค์ประกอบยิบย่อยมากมายจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

เจ้าสาวถูกช่างสามคนจับแต่งตัวอีรุงตุงนังไปหมดผมยาวสลวยหวีแสกกลางกระหม่อมแล้วรวบเป็นหางม้าทิ้งตัวข้างหลังติดรัดเกล้าลายพิกุลทองแท้ครึ่งซีกกับปิ่นใบไม้ไหวใบหน้าเฉิดโฉมราวรูปวาดแต่งแต้มอย่างพิถีพิถันให้เข้าบุคลิกและสีอาภรณ์เสริมความงามสง่าชวนให้หลงใหลขั้นตอนนี้ยังไม่ยุ่งยากเท่ากับการนุ่งผ้าจับจีบหน้านางแบบที่เรียกว่า‘นุ่งยก’ คุณลำเภาเปิดกรุเลือกผ้าไหมยกดอกลำพูนสอดดิ้นทองลายโบราณสีฟ้าอมเทา ส่วนท่อนบนห่มสไบอัดจีบสีบัวโรยเฉียงบ่าแล้วห่มทับด้วยผ้าสะพักกรองทองถักตาชุนปักดิ้นทองเป็นลวดลายวิจิตรด้วยมือตลอดผืนอันเป็นงานประณีตศิลป์ที่ชมได้ยากในปัจจุบัน อาภรณ์ทั้งสองชิ้นนี้คุณลำเภาขอให้อาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยช่วยออกแบบและตัดเย็บขึ้นใหม่ทั้งหมดส่วนเครื่องประดับก็ยกมาเต็มเครื่องเช่นกันไม่ว่าจะเป็น สร้อยสังวาล หัวเข็มขัดฝังอัญมณีแบบโบราณ ทับทรวง ปะวะหล่ำกำไล ต่างหูทรงพุ่มทั้งหมดนี้เป็นเครื่องทองของเก่าของคุณลำเภาทั้งสิ้นที่ตั้งใจยกให้หลานสาวคนเล็ก

พอได้ฤกษ์ยามเวลาเจ็ดนาฬิกาห้าสิบเก้านาทีขบวนขันหมากที่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแต่งมาเต็มยศตั้งแถวกันมาตั้งแต่หัวถนนใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนพลมีวงกลองยาวตีฆ้องร้องรำนำหน้าขบวนกันมาบรรดาเพื่อนฝูงญาติมิตรร่ายรำร้องโห่ฮิ้วลั่นซอยเป็นระยะทางเกือบสองกิโลเมตรในขบวนประกอบด้วยเครื่องขันหมากครบถ้วนตามประเพณีไทยแท้ มี ‘ขันหมากเอก’ อันประกอบด้วย พานใส่หมากดิบแปดผล พลูสี่เรียง ถุงเล็กถุงน้อยบรรจุถั่วงา ข้าวเปลือก ข้าวตอกและใบเงิน ใบทอง ใบนาค พานสินสอด พานแหวนพานเชิญขันหมาก เตียบเครื่องคาวหวานและต้นกล้วยต้นอ้อยอย่างละคู่ ตามด้วย ‘ขันหมากโท’ มีตะลุ่มใส่ขนมมงคลทั้งเก้าชนิดและผลไม้มงคลรวมไปถึงของไหว้บรรพบุรุษแต่ละพานประดับตกแต่งด้วยดอกรักสลับมะลิและใบตองประดิษฐ์เพิ่มความประณีตงดงาม

อันบรรดาข้าวของประกอบขบวนรวมทั้งเครื่องทองของหมั้นนับสิบรายการต้องใช้คนลำเลียงเป็นจำนวนมากจนแถวยาวเหยียดและจำเป็นต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสินสอดที่ทางเจ้าบ่าวเตรียมมาชนิดที่ออกปากได้เลยว่า‘สมเกียรติ’อย่างที่เทียมภพประกาศก้องต่อหน้าธารกำนัลในวันขอแต่งงานที่ภูเคียงดาวว่า

“จัดหนัก...จัดเต็มนะโว้ย ไม่งั้นไม่ให้เข้าบ้าน”

เจ้าบ่าวอยู่ในชุดสูทสากลสีฟ้าอมเทาผูกไทสีเดียวกับสไบของเจ้าสาว ทรงผมตัดแต่งเรียบร้อยหวีปัดข้าง ผิวพรรณสีทองแดงเนียนละเอียดแลดูผุดผ่อง ในมือถือพานธูปเทียนแพมีเพื่อนเจ้าบ่าวกางร่มให้ กว่าที่กระบวนแห่จะเคลื่อนมาถึงหน้าบ้านก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเพราะด่านประตูนับสิบที่ต่อเรียงกันตลอดทั้งซอยพอใกล้ถึงหน้าบ้านก็เหลือเพียงสามประตูสำคัญ คือ ประตูชัยประตูเงิน และประตูทอง ซึ่งประตูสุดท้ายแทนขวัญกับญาติผู้หญิงถือเข็มขัดทองกั้นไว้ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ จึงเกิดการเจรจาต่อรองกันสนุกสนานเฮฮาตามธรรมเนียม

“ท่านแห่ขบวนตีฆ้องร้องป่าวเอิกเกริกมาแต่ไกลมาหาใคร มีธุระอะไรหรือคะ”

“เขาว่าลูกสาวบ้านนี้สวยปานเทพธิดาเชื้อชาติผู้ดีมีตระกูล เลยอยากสู่ขอไปเป็นลูกสะใภ้ วันนี้เป็นวันดีจะมาเป็นทองแผ่นเดียวกันขนแก้วแหวนเงินทองมากองมาให้ ขอให้เปิดทางด้วยเถิด”

“ค่าผ่านประตูทองไม่ใช่แค่ซองเงินแต่เจ้าบ่าวต้องพิสูจน์ว่ารักเจ้าสาวจริง ๆ”

“ก็ได้... แทนดาวผม...รัก...คุณ !”

เจ้าบ่าวตะโกนลั่นจนมั่นใจว่าได้ยินไปถึงข้างบนแล้วเสียงกลองยาวกับเสียงโห่ร้องก็ดังอึกทึกมากกว่าเดิม เถ้าแก่อนันต์เจรจากับคนกั้นประตูสำเร็จแล้วก็หยิบ‘ซองพิเศษ’ ส่งให้ น้องหยินบุตรสาวของวิบูลกิจหรือเฮียบิ๊กแต่งชุดไทยน่ารักรับหน้าที่เชิญขันหมากและล้างเท้าให้เจ้าบ่าวก่อนขึ้นบ้าน

ข้าวของต่างๆ ถูกลำเลียงเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับเจ้าบ่าวและญาติทั้งสองฝ่าย เจ้าพิธีจัดเรียงของเป็นหมวดหมู่ดูละลานตาเสียงฮือฮาดังอื้ออึงขึ้นเมื่อพานสินสอดทั้งหลายถูกเปิด พานคู่ตรงกลางวางแหวนแต่งงานถัดไปเป็นปึกธนบัตรนับสิบมัดวางซ้อนกันบนพานใหญ่สองพาน สายสร้อยเพชรนิลจินดาบรรจุในกล่องกำมะหยี่เปิดอ้าอวดประกายเลื่อมพรายอีกทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่งเหลืองอร่ามเรืองรอง พานข้าง ๆ มีกุญแจรถยนต์สองดอกกับม้วนโฉฯและเอกสารสิทธิ์ต่างๆ รัดด้วยมาลัยบานไม่รู้โรย

คนที่พออกพอใจมากที่สุดคงไม่พ้นเทียมภพที่ออกอาการปลื้มจนหุบยิ้มไม่ลงที่ว่าที่น้องเขยและพวงตำแหน่งพี่เขยให้เกียรติน้องสาวของตนสมกับที่วางใจยกให้ไปดูแลผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั่งเรียงตามลำดับพร้อมหน้าพร้อมตา อาคันตุกะทุกคนพร้อมใจกันแต่งกายด้วยผ้าไหมและชุดไทยแบบต่างๆ เข้ากับรูปแบบงาน เจ้าบ่าวรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อนั่งอยู่กลางวงล้อมของสักขีพยานอันทรงเกียรติขณะที่การเจรจาสู่ขอก็เริ่มขึ้น

“วันนี้ฤกษ์ดีครอบครัวทวีกิจไพศาลและธาราพิศุทธิ์จะได้มาเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน กระผม...อนันต์นิธิกร เป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ถือเอาฤกษ์มงคลมาสู่ขอหนูแทนดาวไปเป็นแม่ศรีเรือนให้ชลธีไปเป็นศรีสะใภ้ของคุณวารี โดยนำสินสอดทองหมั้นมามอบให้คุณเที่ยงธรรมกับคุณดวงทิพย์ตามจำนวนที่ตกลงไว้ขอเชิญท่านตรวจนับจำนวนสินสอดด้วยครับ”

ท่านรัฐมนตรีอนันต์เปิดการเจรจาตามขนบจากนั้นก็เป็นพิธีปูเรียงสินสอดและตรวจนับพอเป็นพิธีให้ญาติผู้ใหญ่ได้รับทราบทั่วกันแล้วคุณดวงทิพย์ก็บอกให้บุตรชายไปพาตัวน้องสาวลงมาอันที่จริงแล้วหน้าที่นี้ควรจะเป็นมารดา แต่นางทราบดีว่าบุตรสาวรักและผูกพันกับคนเป็นพี่มากเพียงใด

เทียมภพเดินยิ้มค้างไปเคาะประตูเรียกน้องสาวนางฟ้าของเขาสวยสมราวเทพธิดาอัปสรสวรรค์ ความอิ่มเอมยามที่ได้เห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขก็ยิ่งทำให้นึกหวงแหนจนไม่อยากปล่อยไปจากอ้อมอก ภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่คอยพันแข้งพันขากระเง้ากระงอดอ้อนอ้อนลอยซ้อนอยู่บนใบหน้างามลออเด็กผู้หญิงคนนั้นเจริญวัยเป็นสตรีสวยสะคราญ งามพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติสมควรแก่การออกเรือนไปเป็นศรีภรรยาของบุรุษซึ่งเขายอมรับแล้วว่าคู่ควรเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

“พี่มารับแล้วครับ...เจ้าหญิงแทนดาว”

“น้องพลูตื่นเต้นมากเลยค่ะกลัวทำอะไรผิดอีก” เสียงใสติดประหม่าชัดเจนเทียมภพบีบมือเย็นเฉียบของน้องสาวแน่นแล้วปลอบประโลมอาการสั่นไหวด้วยการกดจมูกโด่งกับหน้าผากนูนแผ่วเบาเขาขอทำหน้าที่ให้สมบูรณ์จนวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะส่งต่อหน้าที่นี้ให้อีกคนที่กำลังรออยู่ข้างล่างนั่น

“ทำใจให้สบายวันนี้เป็นวันสำคัญของหนู ไม่ต้องกังวลนะครับ...พี่จะอยู่ใกล้ ๆ”

แทนดาวยึดมือพี่ชายไว้มั่นแล้วค่อยๆ เดินไป มืออีกข้างจับสไบกรองเอาไว้แน่น รู้สึกว่าตัวเกร็งจนเมื่อยขบ พอเท้าเปล่าเปลือยสัมผัสบันไดขั้นสุดท้ายก็เกิดเสียงฮือฮาพร้อมกับเสียงกดชัตเตอร์จากช่างภาพแขกที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นบันทึกภาพเช่นกัน

สายตาคมวับดุจพญาเหยี่ยวทอประกายลึกล้ำยามมองร่างอรชรดุจกินรีเดินนวยนาดเข้ามาชลธีกระพริบตาไล่ความพร่ามัวที่บังเกิดอยู่เบื้องหน้าดังม่านหมอกภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือเทพธิดาจุติหรือสาวน้อยแสนงอนที่เขารู้จัก ร่างสง่างามดุจหงส์ไม่ปานในชุดไทยถักทอวิจิตรตระการตาเกินคำพรรณนาความงามพิลาสของเจ้าสาวสะกดทุกการเคลื่อนไหว ฉับพลันบทชมโฉมนางบุษบาในวรรณคดีเรื่องอิเหนาก็ลอยผ่านมาในห้วงความคิด

พักตร์น้องละอองนวลเปล่งปลั่งดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี

อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ดังกินรีลงสรงคงคาลัย

“มิน่าเล่า...ไอ้จรกากับอิเหนาถึงทำศึกชิงนางกันวิหยาสะกำถึงกับสลบแค่ได้เห็นรูปวาดนางบุษบาคนนี้ เหมือนเวทิวุฒิ อชิตะ และเราที่เคยลงสนามรบ”

ชายหนุ่มรำพึงอยู่ในใจแล้วความหวงแหนก็วิ่งแล่นไปทั่วอกเมื่อสังเกตว่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ชะเง้อชะแง้แลมองเจ้าสาวกันคอยาวเป็นยีราฟดังนั้นร่างสูงจึงรีบลุกพรวดพราดโดยไม่สนใจท่าทีตกอกตกใจของผู้หลักผู้ใหญ่ที่จู่ ๆเจ้าบ่าวก็ทะลึ่งตัวจนเกือบจะตวัดเอาพานแหวนล้มคว่ำ ร่างสูงสง่าก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาสองพี่น้องเทียมภพสบตาน้องเขยและพี่เขยอย่างนึกขันที่เก็บอาการไม่อยู่

“วิ่งหัวซุนมาเลยนะแก”

“ฉันมารับแทนดาวไปกันเถอะครับ...นางฟ้าของพี่” คำพูดหวานหูเรียกเสียงขันในคอเจือความพอใจจากเทียมภพแต่คนถูกชมกับมีอาการหายใจติดขัด พวงแก้มนวลออกชมพูเข้มขึ้นด้วยริ้วความเหนียมอาย เทียมภพยิ้มปลอบน้องก่อนส่งมือบอบบางให้น้องเขยน้ำเสียงและแววตาฉายความยินดีและใจหายไปพร้อมกัน

“ฝากหัวใจดวงนี้ไว้กับนายด้วยนะ...ดูแลให้ดี”

“ไม่ต้องห่วง...เพราะเธอก็คือดวงใจของฉันเหมือนกัน”

ชลธีรับมือนุ่มมากุมไว้ด้วยอาการถนอมประกายตาทอแสงอ่อนทอดมองเจ้าสาวไม่กระพริบ มืออีกข้างโอบประคองเอวบางพาเดินไปด้วยกันเทียมภพยืนน้ำตารื้นมองสองคนเดินห่างออกไป ใบหน้าหล่อเหล่าสำอางอาบไปด้วยความชื่นมื่นขณะมองมือน้อยๆ ของน้องสาวสุดที่รักถูกกำกระชับมั่นเป็นสัญลักษณ์ว่าคนที่กำลังจับจูงไปจะไม่มีวันปล่อยมือหล่อนตราบชั่วชีวิต

เสียงหวีดหวิวเป่าปากโห่ร้องดังมาจากกลุ่มเพื่อนทั้งสองฝ่ายที่เห็นอาการถนอมรักของเจ้าบ่าวชลธียิ้มแก้มปริแล้วค่อย ๆ ประคองร่างบางให้นั่งลงตรงกลางวง มืออุ่นยังคงกอบกุมมือเย็นชื้นไว้มั่นแทนดาวอยู่ในอาการขัดเขินเหลือกำลังจึงเอาแต่นั่งพับเพียบเรียบร้อย ก้มศีรษะน้อย ๆรอฟังเจ้าพิธีบอกขั้นตอนต่อไป

“ใจร้อนจังนะชล”ท่านอนันต์แซวเสียงดังเรียกเสียงหัวเราะครืน เจ้าสาวเลยยิ่งอายม้วนหน้าแดงเข้าไปอีก

พิธีการดำเนินต่อไปตามลำดับจนมาถึงตอนสวมแหวนเจ้าบ่าวหยิบแหวนทองประดับเพชรวงเดิมค่อย ๆ สวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อหน้าสักขีพยานนับสิบ เสียงปรบมือเกรียวกราวจากคนที่ชมพิธีอยู่ข้างในและที่นั่งดูถ่ายทอดสดอยู่ข้างนอกก็ดังขึ้นพร้อมกัน

“ในที่สุด...เวลาที่พี่รอคอยก็มาถึงวันนี้แหวนวงนี้เป็นตัวแทนความรักและซื่อสัตย์ ความมานะพากเพียรของคู่รักคู่หนึ่งผู้ซึ่งเป็นบุพการีที่ให้กำเนิดพี่มาน้องพลูครับ...ขอให้ความรักของเรามั่นคงเป็นนิรันดร์ดุจเพชรเม็ดนี้”

ใบหน้าคมคายเอียงกระซิบบอกให้ได้ยินกันสองคนจึงดูเหมือนเจ้าบ่าวกำลังบรรจงจูบแก้มเจ้าสาวกิริยานี้เรียกเสียงปรบมือได้อีกหน แทนดาวก้มกราบลงแทบตักกว้างด้วยหัวใจเปี่ยมความซาบซึ้ง

“ขอบคุณค่ะน้องพลูจะมั่นคงต่อความรักที่พี่ชลมอบให้ จะภักดีต่อสามีคนนี้ตราบชั่วชีวิต”ประโยคแรกที่ออกมาจากกลีบปากสีชมพูกุหลาบเรียกร้อยยิ้มพิมพ์ใจจากเจ้าของนัยน์ตาสีเหล็กจากนั้นจึงยกมือนุ่มขึ้นจุมพิต

ก่อนพิธีรดน้ำสังข์จะเป็นการเลี้ยงเพลพระสงฆ์จำนวนเก้ารูปแม้จะเข้าสู่พิธีสงฆ์แต่เจ้าภาพก็ยังไม่ละทิ้งความพิถีพิถัน เครื่องประเคนทั้งหลายแหล่จัดวางในขันโตกประดับใบตองอาหารและขนมจัดใส่ชุดถ้วยเบญจรงค์ พอตอนตักบาตรก็เกิดเสียงเชียร์จากญาติฝ่ายหญิงให้จับปลายทัพพีตามความเชื่อที่ว่าถ้ามือใครอยู่เหนือใคร คนนั้นก็จะอยู่เหนือกว่าอีกคน แต่มือแข็งแรงของชลธีกลับวางทับมือนุ่มนำจับทัพพีตักข้าวอย่างคล่องแคล่วแล้วบอกกับเจ้าสาวแสนสวยด้วยน้ำเสียงรื่นเริง

“จะไม่มีช้างเท้าหน้าช้างเท้าหลัง ไม่มีใครเหนือใคร แต่เราจะเดินไปพร้อมกันนะครับ”

จนกระทั่งจบพิธีสงฆ์รับศีลรับพรปิดท้ายด้วยพิธี‘ซัดน้ำ’ ตามขนบโบราณ ก็เป็นเวลาที่คู่บ่าวสาวจะได้เดินทักทายแขกเหรื่อ บรรยากาศหวานชื่นรายล้อมด้วยญาติมิตรและอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติทั้งพ่อค้านักการเมืองมากันมืดฟ้ามัวดินจนสนามหญ้าขนาดใหญ่แลดูคับแคบไปโข วงมโหรีปี่พาทย์ขับกล่อมบทเพลงไพเราะรื่นหูสลับกับการแสดงร่ายรำนาฏศิลป์บ้างก็พักผ่อนอิริยาบถด้วยการเดินชิมอาหารคาวหวานที่หารับประทานยากแล้วในปัจจุบัน เจ้าบ่าวเจ้าสาวยังคงเดินยิ้มรื่นทักทายผู้มาร่วมงานทั้งไทยและเทศ แทบทุกคนออกปากชมคู่แต่งงานใหม่ว่าเหมาะสมและสง่างามถ้าใครสังเกตแต่แรกก็จะพบว่าเจ้าบ่าวยังไม่ยอมปล่อยมือเจ้าสาวเลยตั้งแต่เช้า จนผ่านไปพักใหญ่ทั้งคู่จึงมีเวลาเป็นอิสระ

“พี่ชลเคยกินขนมนี่ไหมคะ...สามเกลอเป็นขนมโบราณค่ะ หากินยากมาก” แทนดาวป้อนขนมที่ว่าให้ ชลธีเคี้ยวช้า ๆแสดงสีหน้าออกจะเฉย ๆ เพราะไม่ชอบกินขนมเป็นทุนเดิม

“เพิ่งเคยได้กินนี่แหละทำไมถึงเรียกสามเกลอล่ะ”

“ก็เวลาทอด ถ้ามันติดกันสามชิ้นแบบนี้แปลว่าคู่บ่าวสาวจะไม่แยกจากกันถ้าติดสองชิ้นเขาว่าจะมีลูกยาก ถ้าไม่เกาะกลุ่มกันเลยก็หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ยืด”

“จะยากอะไรเวลาทอดก็เอาไม้จิ้มฟันยึดให้มันติดกันสิ” ชายหนุ่มหัวเราะ

“ส่วนนี่ก็โพรงแสม ทรงคล้ายเสาบ้านแต่น้องพลูกว่าก็เหมือนทองม้วนนั่นล่ะประมาณว่าขึ้นบ้านใหม่ไรงี้ ส่วนเจ้ากลม ๆ สีสดพวกนี้เรียกว่าขนมพระพายแปลว่าความรักเหนียวแน่นเหมือนแป้งข้าวเหนียวที่ใช้ปั้นไงคะ ส่วนนี่...เชื่อว่าพี่ชลไม่เคยได้ยินชื่อหรอกหันตรา...แปลว่าผู้หญิงคนนี้ถูกตีตราจองเอาไว้แล้ว”

“โห...พี่ไม่เคยได้ยินสักอย่างที่ธาราก็มีขนมไทยนะแต่ก็ไม่มีพวกนี้เลยถ้าเป็นพวกตระกูลทองทั้งหลายนี่ก็รู้จักอยู่บ้าง ถ้าตอนอยู่ใต้ก็รู้จักพวกขนมลา ขนมพอง ขนมบ้าเอาไว้ตอนไปตรังจะพาไปชิมร้านดั้งเดิม เปิดขายมาตั้งร้อยสิบห้าปีแน่ะ ตั้งแต่คุณตาทวดพี่ยังเด็กอยู่เลย”

“น้องพลูโชคดีที่เกิดเป็นหลานคุณย่าท่านได้วิชาถ่ายทอดมาจากในวัง เคยเป็นช่างหวานเก่าก่อนมาแต่งงานกับคุณปู่เมื่อก่อนน่ะ...น้องพลูเกลียดจะตายเวลาถูกใช้ให้ทำขนมพวกนี้ แต่วันนี้เพิ่งรู้ว่าทุกอย่างล้วนมีความหมายและยังหากินยากด้วยเอาไว้ตอนอยู่ที่...บ้านของเรา...น้องพลูจะทำให้พี่ชลกินบ่อย ๆ” หญิงสาวตาเป็นประกายเมื่อพูดคำว่า‘บ้านของเรา’ ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่นแล้วรวบตัวเจ้าสาวมากอดอย่างสุดรัก

“เมื่อก่อนพอพูดถึงบ้านพี่จะคิดถึงแค่สถานที่พักผ่อนหลับนอน ชีวิตพี่มีแต่งานรัดตัวแต่จากนี้ไป...พอพูดถึงบ้าน พี่จะเห็นแต่ภาพน้องพลูนั่งเล่นเปียโนปลุกพี่ไปทำงานตอนเช้า ชงกาแฟดำให้ วุ่นวายทำขนมโบราณ ความสุขแบบนี้...เงินมหาศาลแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้”

พิธีการดำเนินมาถึงขั้นตอนหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ท่านรัฐมนตรีอนันต์เจิมหน้าผาก คุณเที่ยงธรรมกับคุณวารีคล้องมาลัยสองชายคุณลำเภาสวมมงคลแฝดบนศีรษะของทั้งคู่และเริ่มรดน้ำสังข์เป็นคนแรก

“จงร่วมครองรัก ครองเรือนกันด้วยความสุขร่มเย็น ราบรื่น มีชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขชั่วกาลนานมากมีด้วยสินทรัพย์ พรั่งพร้อมด้วยศฤงคาร ความทุกข์อย่าได้ใกล้ความไข้อย่าได้มีนะหลานย่า” แทนดาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อผู้เป็นย่าได้อำนวยพรให้ชลธีต้องหันมาปาดเช็ดน้ำตาจนเกิดภาพที่น่าประทับใจ

“จงสร้างครอบครัวเป็นปึกแผ่นมั่นคงเจริญด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ขอให้รักกันมั่นคงดุจหินผา ยืนยาวดุจปลายฟ้า หวานชื่นปานน้ำผึ้งสวรรค์ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” คุณวารีอวยพรให้บุตรชายและลูกสาวคนใหม่ จากนั้นพวกผู้ใหญ่ท่านอื่นและบรรดาอาคันตุกะก็มาต่อแถวรอรดน้ำกันยาวเหยียด

“วันนี้เป็นวันที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวขอให้คุณชลกับน้องพลูครองคู่กันด้วยความรักยืนยงคงมั่นไปตลอดชั่วชีวิต น้องพลู...ใครที่อยู่ใกล้เราแล้วไม่รัก...คนนั้นหัวใจขึ้นสนิมแน่พี่ต้องขอบคุณน้องพลูที่นำพาความรักมาให้ อย่าจ้องผมแบบนั้นสิคุณชลที่พูดนี่หมายถึง...คนโน้น” อชิตะรีบดักคอเมื่อเห็นตาวาวโรจน์ของเจ้าบ่าวแล้วต่อมาก็พยักพเยิดไปทางแทนขวัญที่ถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล

“อ้อ..ผมหวังว่าจะได้ยินข่าวดีเร็วๆ นี้นะครับ” ชลธีค่อยยิ้มได้สนิทใจหน่อย

“เดือนเก้าปีหน้า...บอกคุณก่อนเลยนะเนี่ย”

“จริงเหรอคะ? น้องพลูดีใจจัง”

“อย่าเอะอะไป...เจ้าตัวเขายังไม่รู้”หมอหนุ่มยกนิ้วแตะปากเป็นเชิงปรามว่าอย่างเพิ่งพูด

เทียมภพมารดน้ำเป็นคนท้ายๆ เพราะมัวติดคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ตอนรินน้ำรดฝ่ามือน้อง เจ้าตัวดันออกอาการตาแดงรื้นอย่างห้ามไม่ได้แม้จะพูดแค่ไม่กี่คำแต่ก็ยิ่งทำให้เจ้าสาวน้ำตาไหลไม่หยุดจนต้องปลอบกันอยู่นาน

“แทนดาว...พี่รักหนูนะวันนี้พี่มีความสุขมากที่เห็นหนูได้เป็นฝั่งเป็นฝา”

พอรดน้ำสังข์กันครบทุกคนแล้วก็เกิดการชิงดีชิงเด่นระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอีกเมื่อตอนที่รดน้ำอยู่มีญาติคนหนึ่งมากระซิบข้างหูแทนดาวว่าให้ลุกขึ้นยืนก่อนตามเคล็ดที่ว่าใครลุกขึ้นก่อน...คนนั้นจะได้เป็นใหญ่ในบ้าน อีกคนจะอยู่ใต้อาณัติไปตลอดชีวิตแต่ชลธีรู้ทันรีบกดบ่าเจ้าสาวไว้ไม่ยอมให้ลุกก่อนแต่ค่อย ๆประคองตัวให้ลุกขึ้นพร้อมกัน

จบพิธีรดน้ำก็ถึงช่วงพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่ซึ่งออกจะใช้เวลาสักหน่อยเนื่องจากญาติโกทั้งสองฝ่ายมากันครบองค์ทั้งสายยิ่งทางฝ่ายเจ้าบ่าวเรียกว่าขึ้นเครื่องบินเหมาลำกันมาเลยทีเดียวนอกจากนี้แล้วคุณกระสินธุ์ยังมีความประสงค์จะจัดเลี้ยงฉลองสมรสให้หลานชายและหลานสะใภ้ที่ตรังด้วยเพราะพื้นเพของเจ้าบ่าวเป็นคนที่โน่นและมีญาติพี่น้องอีกหลายคนที่ไม่สะดวกเดินทางมาในวันนี้

“ถ้าประจิมยังอยู่คงจะดีใจมากชล...เธอเหมือนพ่อจริง ๆ รักแทนดาวให้เหมือนกับที่พ่อเธอรักแม่ลุงกับประจิมนอนวัดมาด้วยกัน มันสู้จนฝ่าด่านหินอย่างตาของมาเธอได้เธอต้องรักษาความรักนี้เอาไว้ให้ดีนะ” ท่านอนันต์รับไหว้แล้วให้พร

“ครับท่าน”

เจ้าสาวน้ำตารื้นอีกครั้งตอนก้มกราบบุพการีความโหยหาอาลัยยิ่งเกาะกินหัวใจ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยออกจากอกพ่อแม่ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรจากนั้นก็หันไปไหว้พี่ชายกับพี่สาว ฝ่ายแรกยังไม่พูดอะไรเพราะตื้นตันจนคิดคำพูดดี ๆไม่ออก ส่วนปลายเดือนก็ให้โอวาทสั้น ๆ

“สามีภรรยาก็เหมือนลิ้นกับฟัน ถ้าสองอย่างทำงานไม่ประสานกันก็อาจขบลิ้นตัวเองให้เป็นแผลจงใช้สติในการแก้ปัญหาโดยคิดเสมอว่าเราพึ่งรักกัน เติมความรักให้กันอย่างสม่ำเสมอ ผึ้งฝากน้องสาวด้วยนะคะ...คุณชล”ปลายเดือนหันมาฝากฝังกับเจ้าบ่าวแล้วส่งกล่องผ้าไหมสีแดงให้น้องข้างในเป็นเครื่องประดับมรกตทั้งชุด ประกอบด้วยสร้อยกับต่างหูสีเขียวใส

“พี่รู้มาว่าคุณอาวารีเคยให้กำไลมรกตเราพี่เลยไปสั่งทำเพิ่มจะได้เข้าชุดกัน” ปลายเดือนลูบศีรษะน้องเบา ๆ แทนดาวกราบตักพี่สาวด้วยความซาบซึ้ง

“ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย...เมื่อวันก่อนยังวิ่งเปียแกว่งอยู่เลยวันนี้ได้เป็นเจ้าสาว คุณชลต้องทำใจนะ...น้องสาวผมทั้งดื้อ เอาแต่ใจแต่...เอาไปแล้วต้องเลี้ยงดูให้ดีถ้าวันไหนยัยพลูวิ่งโร่ร้องไห้มาฟ้องพวกผม...คุณโดนเล่นงานแน่ ๆพวกเราจะคอยจับตาดู” วิบูลกิจหรือเฮียเบิ้มพี่คนโตของตระกูล บ. ขู่เสียงดังพี่น้องอีกสามคนพยักหน้ารับเป็นลูกคู่

“พวกเฮียรักเรามากนะน้องพลูขอให้มีแต่ความสุข มั่งคั่ง แล้วก็มีเจ้าตัวเล็กมาเป็นเพื่อนเล่นหนูบัว หนูบุษไว ๆล่ะ” บุรนันท์อวยพร ทั้งสองไหว้พร้อมกับรับของขวัญจากเฮียทั้งสี่เป็นหงส์คู่ทำจากทองคำแทนดาวสวมกอดพี่ชายต่างสายเลือดทั้งสี่คนด้วยความรักและตื้นตันจากนั้นก็เหลือพี่ชายแท้ ๆ อีกเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้รับไหว้

“ฉันไม่รู้จะให้อะไรแกนะของมีค่าที่สุดในชีวิตก็ยกให้ไปแล้ว ถ้าจะมีของที่อยากให้ล่ะก็...คงเป็นไอ้นี่...”เทียมภพยื่นอะไรบางอย่างให้น้องเขย ชลธีกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย...ฉันคืนแกไปแล้วเงินก็ได้คืนหมดแล้ว แกจะมาให้ฉันอีกทำไม”

“ยัยพลูมีสิทธิ์ในทวีกิจอยู่แล้วในฐานะทายาทโดยชอบธรรมแต่แกก็เห็นว่าน้องฉันไม่มีหัวทางนี้ ถือว่าช่วยกันทำมาหากินก็แล้วกันทวีกิจ...ต้องการแก” เทียมภพสบตาเพื่อนแน่วแน่

“ได้...เพื่อน้องพลูฉันจะรักษาส่วนนี้ไว้แล้วทำให้มันงอกงาม”

ช่วงบ่ายแก่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็เดินทางไปยังโรงแรมเพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรอง ทางเข้าด้านหน้าติดภาพแต่งงานของทั้งคู่ จอโทรทัศน์หลังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็เปิดภาพพรีเว้ดดิ้งของบ่าวสาวเช่นเดียวกันพอเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง พนักงานพร้อมใจกันยืนตั้งแถวปรบมือต้อนรับเกรียวกราว บนเวทีกว้างมีนักดนตรีจากวงสยาม ออร์เคสตร้ากำลังเล่นเพลงรักหวานซึ้งจนแทนดาวยิ้มแก้มแทบปริที่เห็นเพื่อนร่วมวง รอบห้องบอลรูมขนาดใหญ่ประดับตกแต่งด้วยโทนสีชมพูน่ารักเอาใจเจ้าสาวบนเพดานเขวนรูปดาวหลากขนาดห้อยเล่นระดับสูงต่ำกันไป มีคือช็อคโกแลตทำเป็นรูปดอกไม้ปักแซมกับดอกไม้จริง

“นี่พี่ไม่ได้สั่งนะทีมออแกไนเซอร์เขาเซอร์ไพรส์ให้พี่เอง เชฟห้องขนมรู้ว่าน้องพลูชอบช็อคโกแลตก็เลยจัดให้”ชายหนุ่มบอกเจ้าสาวที่ออกอาการตื่นเต้นละลานตากับบรรยากาศ จากนั้นก็พาไปนั่งบนโซฟาที่จัดไว้มีนายทะเบียนรออยู่พร้อมแล้ว

“ได้ฤกษ์สมควรแล้วเชิญคุณชลธีกับคุณแทนดาวจดทะเบียนสมรสกันได้แล้วครับ”

ชลธีพยักหน้าแล้วเซ็นชื่อลงไปโดยไม่ลังเลจังหวะนี้เกิดแสงแฟลชวูบวาบจากช่างภาพสื่อมวลชลที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำข่าวพอชายหนุ่มส่งปากกาให้ แทนดาวก็มองหาพี่ชายอย่างขอความเห็นเทียมภพยิ้มให้น้องสาวอย่างอ่อนโยนแล้วพยักหน้าเบา ๆเพียงแค่นั้นแทนดาวก็รู้สึกมั่นใจที่จะเซ็นชื่อลงไป

“แทนดาว ธาราพิศุทธิ์น้องพลูเป็นภรรยาของพี่อย่างถูกต้องตามประเพณีและกฎหมายแล้วนะครับยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของธารา...สู่บ้านของเรา” สองคนสบตากันนิ่งนานแทนดาวรู้สึกดีใจและภูมิใจอยู่ลึก ๆ ต่อไปนี้หล่อนคือนางแทนดาว ธาราพิสุทธิ์ภรรยาของชลธี ธาราพิสุทธิ์โดยสมบูรณ์ทุกประการ

เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องทั้งสองยกทะเบียนสมรสให้ถ่ายรูป ชลธีจับมือข้างซ้ายของเจ้าสาวโชว์แหวนแต่งงาน จากนั้นบรรดาสื่อจากสำนักข่าวๆ ต่างก็มารุมล้อมถ่ายรูปและสัมภาษณ์ แทนดาวไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ได้แต่รอจังหวะตอบ‘ค่ะ ค่ะ’เพราะไม่ค่อยถนัดออกสื่อปล่อยให้ฝ่ายชายเป็นคนตอบเสียมากกว่า

“คุณชลเจอเจ้าสาวที่ไหนเมื่อไหร่กันคะ ได้ข่าวว่าคุณเทียมภพกีดกันอยู่นานกว่าจะยอมให้แต่งไม่ใช่เหรอคะ”

“ตอบข้อแรกก่อนนะครับ จริง ๆแล้วผมเจอแทนดาวตั้งแต่ยังแบเบาะ แหม...ฟังดูเลี้ยงต้อยยังไงก็ไม่รู้ผมกับพี่ชายแทนดาวเป็นเพื่อนกันก็เลยได้เจอกันส่วนไอ้ที่ว่าถูกกีดกันเนี่ย...ก็เป็นธรรมดาที่พี่ชายเขาจะหวงน้องมาก ผมก็หวงน้องนะ...ยังยอมรับเทียมภพเป็นน้องเขยได้เลยลูกสองแล้วนั่นไง”

งานเลี้ยงกระชับแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักและความอบอุ่นผูกพันผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานของธารากับทวีกิจและญาติ ๆ ของสองฝ่าย เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวยังคงแช่มชื่นไม่มีเหนื่อยยิ่งเจ้าบ่าวนี่ยิ้มจนแก้มจะแตกเพราะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชมเจ้าสาวของเขาพอได้อยู่กันสองคนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความรักฉันสามีภรรยาหมาด

“น้องพลูสวยจัง...เหมือนนางละครเลยใคร ๆ ก็อิจฉาพี่กันทั้งนั้น...รู้ไหม” ปลายนิ้วอุ่นเชยคางมนขึ้นมาจุมพิตแล้วระเรื่อยไปที่พวงแก้มจนมาหยุดชิดตรงริมฝีปาก

“วันนี้พี่ยังไม่ได้จูบเจ้าสาวคนสวยเลยนะ”

“ก็เมื่อกี้ไงคะ”

“ไม่ใช่แบบนั้น..แบบนี้ต่างหากล่ะ”หน้าคมเข้มก้มลงมาใกล้หมายจะมอบจุมพิตแสนหวาน แต่เสียงเล็ก ๆ ตะโกนร้องห้ามมาแต่ไกลพร้อมกับร่างน้อยๆ ของเด็กชายภาพฟ้าวิ่งตึกตักเข้ามาเกาะขาคุณลุง ชลธีอุ้มหลานน้อยขึ้นมา

“อย่าจับอาปู”เด็กชายตีมือคุณลุงแปะ ๆ

“นี่...ลุงกับอาพลูแต่งงานกันแล้วนะเจ้าปูนแล้วอีกหน่อยก็ต้องมีน้องให้เรา เอาไว้รอหวงน้องโน่น...ไม่ใช่มาหวงอา”

“ไม่เอาน้อง อาปูเป็นของปูน”เด็กชายทำเสียงไม่พอใจแล้วก็ทำท่าโผจะไปหาคุณอาสาวสวยแต่ชุดที่สวมใส่ทำให้ไม่สะดวกที่จะอุ้มหลานเพราะเครื่องทรงที่เป็นโลหะต่างๆ อาจจะไปโดนเนื้อบาง ๆ ได้

“ปูนแดงอย่าดื้อนะครับมาหาคุณแม่เดี๋ยวนี้”

“ไม่ ! จะหาอาปู” เด็กน้อยเริ่มโยเย

“มานี่เลยไอ้ยุ่งอาพลูไม่ใช่ของเราแล้วนะ โน่น...ของลุงชลเขานะ” เทียมภพรับตัวบุตรชายที่ยังดีดดิ้นมากอดไว้ภาพนี้เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากทุกคน

“อาพลูรักปูนแดง ยาฉุน หนูบัวหนูบุษ มากกว่าใครในโลก มากกว่าลุงชลอีกนะ...อย่าอิจฉาลุงชลเลยนะครับ” แทนดาวปลอบหลานที่ยังดิ้นทุรนทุรายจะมาหาให้ได้

“เจ้านี่...ถ้ามันมีน้องผู้หญิงคงหวงมากเหมือนที่แกหวงน้องพลูแหง”ชลธีว่า

“มันคือสิ่งที่เจ้าปูนต้องทำ...ถ้ามันมีน้องสาว”เขาหันไปพูดกับภรรยาที่อมยิ้มกับความนัยที่แฝงในประโยค

“อีกประเดี๋ยวแฟงคงกลับพร้อมคุณผึ้งนะคะคงไม่ได้ไปส่งตัว ทิ้งหนูบัว หนูบุษ ยาฉุนไว้กับพี่เลี้ยง แฟงขอให้มีความสุขสดชื่นในชีวิตรักกันทั้งคู่นะคะ”รมย์นลินถือโอกาสอวยพรพี่ชายและลูกศิษย์สาวที่ตอนนี้กลายมาเป็นพี่สะใภ้

“ขอบคุณนะคะพี่แฟงงานนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้...ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่แฟงนะคะว่าแต่...เราจะลำดับญาติกันยังไงดี น้องพลูมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ส่วนพี่แฟงก็เป็นพี่สะใภ้เหมือนกัน แล้วพี่หมากกับพี่ชลใครเป็นพี่เขยหรือน้องเขยกันแน่คะ” ทุกคนต่างใช้ความคิดกับคำถามนี้การลำดับญาติอาจจะสับสนเล็กน้อยในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

“ไม่มีปัญหาไอ้ชลมันแก่กว่าพี่สามเดือน พี่จะยอมให้มันเป็นพี่เขยแต่ลูกของน้องพลูต้องเรียกพี่ว่าลุงนะ เพราะพี่เป็น

พี่ชายเรา”ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักไม่รู้ว่าเข้าใจน้อยหรือมาก แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ความรักความผูกพันในสายใยก็ยังคงเหนียวแน่นเช่นเดิม

เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็ถูกจับแยกกันคุณวารีพาลูกสะใภ้ไปกราบพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนแล้วจึงพาไปยังห้องหอซึ่งเป็นห้องนอนเดิมของชลธีแต่ได้รับการตกแต่งและเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมดทั้งคู่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ปลายเตียง คุณหลีกับคุณธงช่วยกันปูที่หลับที่นอนตามเคล็ดที่ว่าคนปูเตียงต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่มีชีวิตครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมีเกียรติเป็นที่นับหน้าถือตาและมีบุตรที่ดีมีสัมมาชีพ ทั้งสองท่านจัดวางข้าวของประกอบพิธีทั้งห้าชนิดลงบนที่นอนแล้วก็นอนลงบนเตียงพร้อมกับพูดแต่เรื่องมงคล

“ป๊าเอ๊ย...เมื่อกี้ม๊าฝันว่าเห็นลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ข้าทาสบริวารรายล้อม”

“ป๊าก็ฝันเห็นเงินทองกองอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมดข้าวเต็มยุ้ง น้ำเต็มโอ่ง”

จากนั้นก็ฟังผู้ใหญ่ให้โอวาท เริ่มด้วยคุณเที่ยงธรรมที่ให้โอวาทบุตรสาวโดยให้หลักธรรมเดียวกับที่บิดาของนางวิสาขาให้โอวาทบุตรสาวในวันวิวาห์คุณดวงทิพย์ก็ฝากฝังลูกสาวคนเล็กให้ช่วยดูแลและสั่งสอนถึงหน้าที่ภรรยาที่ดีคุณวารีดูจะปลื้มอกปลื้มใจกว่าใครที่ได้สะใภ้เล็กสมใจนึก แถมยังออกอาการ ‘ลำเอียง’ ไปทางลูกสาวคนใหม่มากกว่า

“จงรักทะนุถนอมรักษาน้ำใจกัน เสียสละซึ่งกันและกัน ชล...น้องยังเด็กกว่าลูกมาก ลูกต้องใจเย็น ต้องยกอำนาจให้เธอเป็นแม่บ้านที่ลูกจะต้องเกรงใจและไว้วางใจว่าจะดูแลทุกอย่างในบ้านให้เรียบร้อยดีแต่น้องเป็นเมียไม่ใช่ทาสนะ เพราะฉะนั้นอย่ากดขี่ให้อยู่แต่ในครัวห้ามพูดจาใส่อารมณ์กับน้อง ต้องเอาใจและตามใจเมื่อสมควร”

“คุณแม่กำลังจะบอกผมว่ารักชีวิต...อย่าคิดเถียงเมีย ใช่ไหมครับ” คำพูดของเขาเรียกเสียงขำขันจากทุกคนในห้องคุณวารีแอบค้อนลูกชาย พอพวกผู้ใหญ่หมดหน้าที่ของตนแล้วก็ทยอยกันออกไปจากห้องคงเหลือแต่เทียมภพที่อยู่รอเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มมีสีหน้าอ่อนโยน นัยน์ตาวิบวับไปด้วยรอยปรีติ

“ไอ้ชล...เราเป็นเพื่อนกันมาร่วมยี่สิบปีเป็นคู่กัดกันมาร่วมสิบปี ต่อจากนี้เราต้องเป็นญาติกันตลอดไป น้องพลู...แต่นี้ไปพี่ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในตัวหนูอีกแล้ว พี่จะไม่ใช่คนที่คอยปกป้องดูแลเราอีกต่อไป หนทางข้างหน้าจะมีชลธีเป็นคนนำทางชีวิตของหนูจงยึดคำสั่งสอนที่พี่ได้ให้ไว้นำไปปฏิบัติให้เกิดผล เชื่อพี่เถอะนะว่า...หนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกจริงๆ”

เสียงกลั้นสะอื้นมาพร้อมไหล่บางสั่นเทาขณะกราบลงบนตักอุ่นของพี่ชายเทียมภพช้อนประคองใบหน้าแดงปลั่งขึ้นมาจูบหน้าผากและแก้มทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยนเช่นวันวาน

“ขอบใจนะหมาก...ที่ยอมให้ฉันได้ดูแลผู้หญิงคนนี้ขอบใจที่เลี้ยงดูประคบประหงมเธอมาอย่างดี ฉันจะทำหน้าที่ทุกอย่างแทนนายพร้อม ๆกับทำหน้าที่ของสามีที่ดี ฉันไม่รับปากว่าจะทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดได้แค่ไหนแต่สิ่งที่รับปากได้คือ...จะไม่มีวันปล่อยมือเธอ” สองหนุ่มสวมกอดกันต่างฝ่ายต่างตบบ่ากันเบา ๆ อย่างให้คำมั่นสัญญา

“พี่หมาก...”

แทนดาวร้องหาพี่ชายที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องด้วยความอาลัยเกิดความกลัวบางอย่างขึ้นในใจเฉียบพลัน แต่เมื่อพี่ชายหันมายิ้มอบอุ่นให้อย่างเคยความกังวลต่าง ๆ จึงค่อย ๆ จางไปพร้อมกับประตูห้องที่งับปิดลง หญิงสาวหันมามองหน้าเจ้าบ่าวสดๆ ของตนด้วยสายตาหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขาอย่างไร ซึ่งชลธีพอจะอ่านอากัปกิริยานี้ออกจึงค่อยๆ ประคองร่างบางขึ้นมานั่งบนเตียงที่ปูไปด้วยกลีบดอกไม้และธนบัตรที่ผู้ใหญ่โปรยไว้สองมือโอบบ่าให้เข้ามาแนบใจแต่สักเดี๋ยวร่างน้อยก็ขืนตัวออกแล้วลงไปนั่งพับเพียบบนพื้นอย่างเดิมแล้วปลดมาลัยกลมออกจากข้อมือเขาจำได้ว่าแทนขวัญเป็นคนนำมาให้ก่อนออกมานี่เอง

“เมื่อคืนก่อนไปกราบลาคุณย่าท่านก็เลยถือโอกาสอบรมสั่งสอนเรื่อง...การเป็นแม่ศรีเรือน” หญิงสาวกระเถิบกายเข้าไปใกล้อีก

“มีอยู่ตอนหนึ่งที่ท่านกำชับน้องพลูให้ทำในคืนวันส่งตัวนั่นคือร้อยมาลัยพวงนี้มาให้พี่ชล น้องพลูขอฝากเนื้อฝากตัวและฝากชีวิต ถ้าบางครั้งทำผิดไปหรือทำหน้าที่บกพร่องไปบ้าง...ก็ขอให้พี่ชลอภัยและช่วยกล่อมเกลาในสิ่งที่ถูกที่ควรน้องพลูขอยึดเอาพี่ชลเป็นที่พึ่งทั้งทางกายและใจ เป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้นำน้องพลูจะเป็นศรีภรรยาที่ซื่อสัตย์และรักสนิทแนบแน่นต่อสามีเพียงคนเดียว”

สองมือน้อยก้มกราบหน้าตักกว้างชลธีรับมาลัยน้อยไว้ด้วยอารมณ์ละมุนละไมแล้วลูบหลังไหล่ของภรรยาด้วยหัวใจรักลึกซึ้งเกินคำบรรยายจากนั้นจึงประคองร่างอรชรให้ขึ้นมานั่งเคียงข้างกันอย่างเดิม ความงามละเมียดอ่อนช้อยทั้งรูปโฉมและกิริยายิ่งเกาะเกี่ยวหัวใจของชายหนุ่มมิให้หนีไปไหนได้สองแขนแกร่งโอบกอดหญิงสาวไว้แทนความในใจว่าจะรักและปกป้องคุ้มครองตลอดไป

“ชีวิตของพี่นับจากนี้จะมีแต่ศรีภรรยาที่ชื่อแทนดาวน้องพลูจะเป็นทั้งแม่ศรีเรือน เป็นขวัญและกำลังใจ เป็นบ้าน เป็นความรักสุดท้ายเราจะรักกันจนแก่เฒ่า เมื่อลูก ๆ ของเราเติบโตขึ้นภูเคียงดาวจะเป็นที่พักพิงสุดท้ายของเรา”

ในความอบอวลของกลิ่นอายแห่งรักสองจ้องตากันลึกซึ้ง ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอดมาลัยสองชายที่คล้องคอออกแล้วเชยคางมนขึ้นมาสบตาใบหน้างดงามหมดจดเอียงอายเพราะจินตนาการออกเลยว่า ค่ำคืนแรกในวันวิวาห์จะเป็นเช่นไรจะเหมือนในนิยายที่เคยอ่านหรือไม่

“ชุดของน้องพลูเครื่องเยอะจัง...เดี๋ยวพี่จะช่วยถอดให้นะ”

คนฟังขนลุกเกรียวเมื่อมือหนาปลดเปลื้องเครื่องประดับทับทรวงออกจนหมดพอจะช่วยถอดอาภรณ์สไบกรองและผ้านุ่ง หญิงสาวก็รีบบ่ายเบี่ยงเพราะความเขินขัดเต็มทีแต่เจ้าบ่าวมือไวกว่ารวบตัวเจ้าสาวหมาด ๆ มานั่งตัก ปลายจมูกโด่งกดลงบนไหล่เปลือยแล้วสูดเอาความหอมจากเรือนกายเข้าปอดเต็มเฮือก

“จะไปไหนล่ะครับ...ยังถอดไม่เสร็จเลย”น้ำเสียงแหบต่ำสร้างความรัญจวนให้คนฟัง แทนดาวขยับยุกยิกให้หลุดจากพันธนาการ

“น้องพลูจัดการตัวเองได้ค่ะพี่ชลไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ”

“อยู่นิ่ง ๆ ก่อน”เขาเอ็ดเสียงต่ำแล้วเริ่มแกะเข็มกลัดที่ตรึงผ้าตามจุดต่าง ๆ ออก นัยน์ตาสีเหล็กทอดมองดูเจ้าสาวโฉมงามล้ำดังนางละครเอวองค์สมส่วนดุจกินรีดังบทกลอนพรรณนาเอาไว้ แทนดาวกอดผ้าไว้แน่นกลัวมันจะหลุดเลื่อนไปถึงแม้ว่าจะสวมทั้งชุดชั้นในและเสื้อเกาะอกสีเนื้อแต่ก็ยังไม่กล้า หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวเพราะความตื่นเต้นและกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“กลัวอะไรครับน้องพลู เราแต่งงานกันแล้วนะพี่อดทนรอมาสี่ปีเพื่อให้ค่ำคืนนี้มีความหมายอย่างที่น้องพลูเคยบอกไง”เขาทวงสัญญากลาย ๆ แต่สาวเจ้ายังอิดเอื้อน

“งั้นขอไปอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว”

“พี่อาบก่อนก็แล้วกัน...ไม่นานหรอก”เขาพิศวงหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกก่อนจะจุ๊บแก้มนุ่มอย่างเข้าอกเข้าใจแล้วลุกออกไปหล่อนยังต้องการเวลาและเขาก็พร้อมที่จะให้ จะไม่มีวันที่จะข่มเหงรังแกแม้ว่าจะเข้าพิธีแต่งงานกันแล้วเรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ดูเหมือนว่าเจ้าสาวจงใจใช้เวลาในการอาบน้ำทำลายสถิติโลกพอออกมาก็พบว่าเจ้าบ่าวนอนนิ่งสนิท แทนดาวถอนใจโล่งอกแล้วก้าวเร็ว ๆไปปิดไฟกลางห้องเหลือเพียงไฟหน้าโต๊ะเครื่องแป้งพอมองเห็นหญิงสาวจัดการรวบรวมบรรดาเครื่องทองที่ถอดกองไว้ไปเก็บในตู้เซฟรวมกับของสินสอดอื่นๆ จากนั้นก็ย่องเงียบกริบขึ้นมานอนเคียงข้างเจ้าบ่าวโดยไม่ลืมหยิบเจ้าเปื่อยตุ๊กตาเน่าคู่ใจมากอดคืนแรกของการร่วมห้องกับเพศตรงข้ามชวนให้ข่มตาหลับยากนัก เลยพลิกตัวหันไปมองคนข้างๆ ในความลางเลือนยังพอมองเห็นซีกหน้าคมสันและจมูกโด่งดุจเจ้าชายแขกปลายนิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะผิวเนียนละเอียดสีทองแดง

“ใช้โฟมล้างหน้ายี่ห้ออะไรนะ....ผิวเนียนจังอยู่ในที่มืดยังหล่อเลย นี่มัน...อิมราน อับบาสชัด ๆ” หญิงสาวพูดเบา ๆขณะที่ปลายนิ้วก็ไล้แก้มและจมูกโด่งเรียวไปมา และในวินาทีนั้นเอง ร่างที่กำลังหลับนิ่งก็คว้าเอามือนั้นแล้วจับตัวพลิกกอดในท่าตะแคงข้าง

“จะลักหลับพี่หรือไง”

“เปล่านะคะ...น้องพลูแค่จะดูว่าอะไรติดหน้าพี่ชล”

“ฮึ...แถสีข้างถลอกเลยนะครับ”จมูกโด่งกดลงบนแก้มเนียนอย่างมันเขี้ยว คนถูกจับได้รีบหลับตาแน่นตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนี้ก็ได้พี่...จะให้เวลาน้องพลู”

“พี่ชลพูดจริงเหรอคะ”ร่างเกร็งรีบพลิกตัวกลับมาประสานตากับคนพูด

“จริงสิคะพี่เข้าใจว่าน้องพลูยังต้องการเวลาอีกสักนิดหน่อยในการเตรียมตัวเตรียมใจพี่รอเรามาได้ตั้งสี่ปี...รออีกสามสี่วันจะเป็นไรไป”

“หือ...สามสี่วันเองเหรอคะ”

“ใช่...เสร็จงานเลี้ยงที่ภูเคียงดาวเมื่อไหร่...ก็เมื่อนั้น”

“รอกลับจากตรังไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ได้ค่ะ...นานไปพี่จะขาดใจตายเสียก่อน ห้ามต่อรองอะไรอีกแล้วแล้วก็นอนซะ..พรุ่งเช้าจะได้ลงไปใส่บาตรกัน”ชลธียื่นคำขาดแล้วดึงเจ้าเปื่อยเหวี่ยงไปทางปลายเตียง หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ

“อือ...เจ้าเปื่อย”

“นี่...แต่งงานแล้วก็กอดสามีสิคะจะไปกอดตุ๊กตาทำไม” เขาเอ็ดเบา ๆ แล้วจับแขนเรียวมาพาดลำตัว แทนดาวไม่กล้า

ขัดขืนอีกศีรษะเล็กหนุนเกยซอกไหล่พร้อมกับรัดเอวหนาแน่นขึ้นจนได้รับไออุ่นจากอ้อมอกที่จะปกป้องดูแลตลอดไป

เช้าแรกของชีวิตคู่ดูวุ่นวายพอดูสำหรับแม่บ้านมือใหม่ถึงแม้ว่าคุณวารีจะเอ่ยปากว่าไม่ต้องทำอะไรแต่ลูกสะใภ้ก็อดไม่ได้ที่จะจับงานโน่นนี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรนนิบัติดูแลสามีไม่ให้ขาดตกบกพร่องตามโอวาทของคุณแม่เริ่มด้วยการตระเตรียมเสื้อผ้าให้ตอนเช้า จากนั้นก็รีบลงมาจัดการอาหารการกินโดยเป็นลูกมือช่วยแม่สามีทำข้าวต้มพอคุณผู้ชายลงมานั่งประจำที่ก็จัดแจงเสิร์ฟกาแฟดำกับขนมปังปิ้ง

“วันนี้มีข้าวต้มกุ้งค่ะน้องพลูปรุงเองเลยนะ”

“กินได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มมองข้าวต้มหน้าตาน่ากินแล้วแกล้งถามออกไป

“ไม่เบิ้ลสองชามให้เหยียบเลย” คนพูดทำหน้าง้ำส่วนคนฟังหัวเราะร่วน

“มานี่ซิ...มอร์นิ่งคิสกันก่อนค่ะ”เขาเกี่ยวเอวภรรยามานั่งตักแล้วแตะริมฝีปากกับกลีบปากบางแผ่วเบาหญิงสาวยังคงมีท่าทีเอียงอายอยู่นั่นเอง

“กฎของบ้านนี้หนึ่ง...เช้ามาจะต้องมอร์นิ่งคิสกับแบบนี้ สอง...คิส คิส กันระหว่างวันสาม...กู้ดไนท์คิสกันก่อนนอน กฎนี้จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเข้าใจไหมครับ...คุณผู้หญิง”

“กฎอะไร...เอาเปรียบกันชัด ๆ”

“ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะถูกจับปรับและลงโทษโดยการขังไว้ในห้องนอน และ...” คนขู่ทำตาพราว

“หยุดนะ...ไม่ต้องพูดเลยกินข้าวได้แล้วค่ะ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก” หญิงสาวขืนตัวออกจากอ้อมกอดมานั่งข้าง ๆ พอจะจับช้อนตักข้าวก็ยังไม่วายถูกกวน

“ป้อนหน่อยสิครับ”

“เรื่องเยอะจริง...คุณผู้ชายคนนี้”คนตัวเล็กบ่นแต่ก็ยอมทำตาม

“ตอนนี้ยังอยู่กันสองคนต้องอ้อนเมียเอาไว้มากๆ เพราะอีกหน่อยพอมีเจ้าตัวเล็กแล้วคงอ้อนแบบนี้ไม่ได้ ลูกแย่งเวลาไปหมด”นัยน์ตาสีเหล็กเจือไปด้วยความสุขเมื่อพูดถึงลูกจนคนฟังอดยิ้มตามไม่ได้

หลังอาหารเช้า สองสามีภรรยาก็ช่วยกันแกะห่อของขวัญมากมายก่ายกองจากเพื่อนฝูงญาติมิตร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของขวัญที่มีความหมายมงคลกับชีวิตคู่แทนขวัญให้รูปถ่ายอัดกรอบสีชมพู ในภาพชลธีกำลังบรรจงจูบแก้มแทนดาวในวันแต่งงานของเทียมภพนั่นเอง

“น่ารักดีนะคะ...น้องพลูจะเอาไปไว้ที่บ้านภูเคียงดาว”หญิงสาววางกรอบรูปรวมกับของชิ้นอื่นที่แยกไว้รอขนไปบ้านที่เขาค้อ ส่วนกล่องสุดท้ายเป็นของปาลิดาพอแกะออกมาชลธีก็ถึงกับหัวเราะลั่นส่วนแทนดาวหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก

“ลูกปลานะลูกปลา...ชุดนอนแบบนี้ใส่แล้วจะได้นอนได้ยังไง”

“เสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะมีคนฝากการ์ดอวยพรมาให้น้องพลูด้วย” หญิงสาวรับการ์ดใบนั้นมาเปิดอ่านทันทีแล้วก็นิ่งงันไปบนการ์ดมีลายมือหวัด ๆ ที่คุ้นเคยเขียนข้อความสั้น ๆ ว่า

“พี่ทำตามสัญญาแล้วนะครับของขวัญสำหรับว่าที่นักเปียโนระดับโลก...พี่หมาก”

แทนดาวหันมามองหน้าสามีที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ สักเดี๋ยวเขาก็เดินนำไปยังห้องที่เคยใช้เป็นที่ซ้อมเพลงและเก็บเครื่องดนตรีของรมย์นลินโดยเฉพาะในห้องกว้างมีแกรนด์เปียโนสีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่แทนที่เปียโนสีดำของรมย์ลินที่ย้ายออกไปแทนดาวอ้าปากค้างกับของขวัญแต่งงานจากพี่ชาย หญิงสาวเดินเงียบ ๆ เข้าไปใกล้แล้วแตะมือลงบนเนื้อไม้สีขาวอย่างระมัดระวังปลายนิ้วกดคีย์ไล่เสียงดูเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ฝัน

“พี่หมาก...” น้ำตาหยดเล็ก ๆไหลออกมาด้วยความตื้นตัน ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนม้าบุนวมสีขาวเข้าชุดกันฝ่ามือยังคงลูบไล้ของขวัญไม่หยุด มันเป็นยี่ห้อเดียวกับที่นักเปียโนอาชีพฝีมือระดับโลกใช้หล่อนเคยปรารถนาจะครอบครองสิ่งนี้มานานนับตั้งแต่เริ่มรู้จักกับเครื่องดนตรีชนิดนี้เดินผ่านทีไรก็ได้แต่มองตาเป็นมัน แต่พี่ชายเคยบอกไว้ว่าฝีมือยังไม่เข้าขั้นอย่าริอ่านใช้ของแพง

“ไอ้หมากมันสั่งมานานเป็นเดือนแล้วแต่เพิ่งขนมาไว้ที่นี่ไม่กี่วันก่อนพี่เลยให้เขาย้ายเปียโนของน้องพลูไปไว้ที่ภูเคียงดาว พอน้องพลูไปที่นั่นจะได้มีเล่น”ชายหนุ่มคุกเข่าลงหน้าภรรยาแล้วใช้นิ้วกรีดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม

“พี่หมากรักน้องพลูทุกลมหายใจจริงๆ”

“พี่เองก็รู้สึกเหมือนกันว่าจะรักน้องพลูได้เท่ากับที่พี่ชายเรารักไหม”

“แค่ที่เป็นอยู่ก็มากมายแล้วค่ะน้องพลูไม่ต้องการอะไรอีก” หญิงสาวลูบแก้มของสามีอย่างแสนรักแล้วเริ่มบรรเลงบทเพลงรักหวานที่ชื่อ‘รักเธอผู้เดียว’ที่เคยเล่นให้เขาเมื่อนานมาแล้ว

งานเลี้ยงฉลองสมรสเป็นไปอย่างอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศโอบล้อมขุนเขาทะเลหมอกเจ้าบ่าวเจ้าสาวยิ้มแย้มสดชื่นอย่างเคย ชลธีอยู่ในสูทสากลเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีขาวสวมทับด้วยเสื้อนอกสีครามผูกโบสีเดียวกัน ส่วนแทนดาวสวมชุดยาวพลิ้วฟูฟ่องสีขาวแอบเพิ่มลูกเล่นตรงชายกระโปรงที่ย้อมเป็นเป็นสีครามเช่นเดียวกับเสื้อเจ้าบ่าวบนศีรษะสวมมงกุฎลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์สีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวปล่อยทิ้งตัวตามธรรมชาติดัดม้วนเป็นลอนอ่อน

งานนี้ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนักเพราะคนที่มาส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนฝูงต่างกับวันแต่งงานที่มีแต่แขกผู้ใหญ่แต่กระนั้นก็ยังมากจนต้องแบ่งไปพักที่รีสอร์ทข้างเคียง บ้านพักสีลูกกวาดทุกหลังประดับไฟหลากสีตระการตาตรงระเบียงชมวิวตั้งเวที ส่วนลานกว้างตรงกลางมีเค้กขนาดใหญ่เป็นรูปบ้านสีชมพู รายละเอียดอื่นๆ ไม่ได้ใช้ดอกไม้สดหรืองานประดิดประดอยเหมือนวันแต่ง แต่ใช้ขนมหลากชนิดสีสันสดใสเพื่อแทนความหวานชื่นเช่น พุ่มแจกันมาการอง ฉากถ่ายรูปตกแต่งด้วยอมยิ้ม ม่านลูกกวาดหลากสีแม้กระทั่งชื่อของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ทำมาจากช็อคโกแลตขาว

พอตกกลางคืนก็มีการเปิดหนังสั้นที่เจ้าบ่าวแอบทำเซอร์ไพรส์อีกแล้วบนจอขนาดใหญ่เล่นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของเจ้าสาวตั้งแต่เมื่อแรกรู้จักกันแทนดาวน้ำตาซึมด้วยความประทับใจ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาชลธีแอบเก็บภาพของหล่อนเอาไว้แทบจะทุกเหตุการณ์ ไล่ตั้งแต่คลิปที่ขอเป็นแฟนวันขอหมั้นครั้งแรก วันขอแต่งงานบนดาดฟ้า ภาพไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ วันรับปริญญา วันแสดงคอนเสิร์ตจนถึงครั้งล่าสุดที่เขาคุกเข่าสวมแหวนแต่งงานที่ภูเคียงดาวแห่งนี้

“การค้นพบความรักที่ดีที่สุดสามารถละลายหัวใจที่ด้านชา...” ชายหนุ่มเริ่มกล่าวกับแขกที่มาร่วมงานแสงไฟสาดส่องจับจ้องสองร่างที่ยืนกุมมือกันแน่นบนเวที

“สำหรับผม...ความรักเคยตายจากไปจนเหลือแต่หัวใจที่มีแต่ความทุกข์และรู้สึกผิดผมไม่เคยกล้าที่จะมีความรักอีกเลยจนลืมไปแล้วว่าความรู้สึกนั้นเป็นยังไงแต่พอวันหนึ่งผมได้เจอกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ วินาทีนั้นผมรู้ตัวเลยว่า...ได้ฟื้นคืนจากความตายแล้วผมให้นิยามเธอว่าเป็นดอกไม้แห่งพฤษภาซึ่งแปลว่า...ความสุขที่หวนคืนมาใช่แล้วครับ...แทนดาวคือคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของผมให้สมบูรณ์ หัวใจของผมกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง...”เสียงปรบมือเกรียวและเสียงเป่าปากจากพรรคพวกที่รอจังหวะนี้อยู่

“ขอบคุณครอบครัวที่ฟูมฟักดูแลผู้หญิงคนนี้จนเติบโตเป็นสุภาพสตรีที่งามพร้อมทั้งกายและใจโดยเฉพาะพี่ชายของเธอหรืออีกตำแหน่งคือน้องเขยของผม ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างหนักในการปกป้องหวงแหนน้องสาวเพื่อให้มาเป็นเจ้าสาวของผมในวันนี้...ขอบคุณนะไอ้หมาก”คราวนี้เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นพร้อมกับเสียงปรบมือถูกอกถูกใจไม่เว้นแม่กระทั่งคนที่ถูกกล่าวถึง

“และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด...ขอบคุณเจ้าสาวที่เป็นความสุขเป็นขวัญกำลังใจ เป็นจุดหมายในชีวิตที่ทำให้รู้ว่าผมมีลมหายใจอยู่เพื่อใคร ทะเลแห่งนี้จะมีแต่ดาวดวงนี้ประดับใจ”ประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับเจ้าสาวที่ยืนน้ำตาซึมแล้วก้มลงหอมแก้มเบา ๆ เรียกเสียงปรบมือด้วยความประทับใจ

“ในโลกนี้มีสามสิ่งที่ดินฉันรักคือ บุพการี พี่หมาก และสุภาพบุรุษที่ยืนข้าง ๆ นอกจากโลกที่มีแต่เสียงดนตรีแล้ว...ดิฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกจนกระทั่งผู้ชายคนนี้เปิดรั้วเข้ามาในหัวใจและพาดิฉันก้าวออกไปจากโลกของตัวโน้ต เขาพาดิฉันไปพบกับอีกสิ่งหนึ่งที่ไพเราะและงดงามไม่แพ้เสียงดนตรีนั่นคือ...ความรัก” ทั้งคู่หันมาประสานสายตากันอย่างซาบซึ้ง

“ความรักและปรารถนาดีที่พี่ชลมีให้ดิฉันมาตลอดตั้งแต่เริ่มรู้จักกันไม่เพียงแต่ทำให้ดิฉันรัก...แต่ทั้งเทิดทูนและภูมิใจ เพราะไม่เคยคาดคิดว่าในชีวิตจะได้พบกับผู้ชายที่จะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนี้มากจนเปลี่ยนหัวใจของดิฉันให้เป็นสีน้ำเงิน...สีของท้องทะเลหรืออีกชื่อหนึ่งคือ...ชลธี”

แทนดาวชูนิ้วข้างที่สวมแหวนเพชรรูปหัวใจสีน้ำเงินให้ทุกคนดูหล่อนไม่เคยถอดมันออกอีกเลยตั้งแต่ได้รับสวมกลับคืน นัยน์ตาสีเหล็กแดงเรื่อและพร่ามัวไปด้วยหน่วยน้ำใสเอ่อล้นขอบจนหยาดหยดเงียบๆ เขารวบตัวเจ้าสาวมากอดแนบแน่นด้วยความรักสุดหัวใจ

“น้องพลู...เล่นเพลงให้พี่ฟังสักเพลงนะครับ”เสียงนุ่มกระซิบบอกแล้วจูงมือเจ้าสาวไปยังเปียโนบนเวทีชายหนุ่มหยิบกระดาษแผ่นเล็กออกมาจากกระเป๋า แทนดาวอ่านชื่อเพลง ‘รักเธอผู้เดียว’ ที่เขาขอแล้วยิ้มให้ทั้งปากทั้งตาจากกนั้นก็เริ่มบรรเลงชลธีจับไมค์ขับขานบทเพลงรักนี้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกที่แทนดาวได้ฟังเขาร้องเพลงและไม่คิดว่าจะร้องเพราะ ค่ำคืนนี้จึงอบอวลไปด้วยความประทับใจไม่รู้ลืม

บ้านสีชมพูเด่นตระหง่านบนเนินถูเขาสูงอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ผ่องและดวงดาวนับร้อยบรรยากาศบนหุบเขาเงียบสงัด แต่กระนั้นก็สัมผัสได้ถึงความสุขหอมหวาน ณ ที่แห่งนี้ แสงไฟในนอนใหญ่ดวงเดียวที่ยังเปิดสว่างจ้าลอดออกมายังชานระเบียงชั้นสองเผยให้เห็นร่างสองร่างยืนแนบชิดเจ้าสาวในชุดฟูฟ่องสีขาวอิงแอบอยู่กับอกกว้างของบุรุษใบหน้าคม แขนแข็งแรงของเขาโอบรัดร่างเล็กปกป้องจากอากาศหนาวยามดึกทั้งคู่ทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้ากำมะหยี่สีดำสนิท

“ไหน...น้องพลูมาจากดาวดวงไหน” เสียงทุ้มกระซิบถาม

“โน่นค่ะ...เล็กๆ ริบหรี่ โดดเดี่ยวและห่างไกลจากดวงอื่น”

“มิน่าล่ะ...ถึงใช้เวลาเดินทางมายังโลกตั้งสิบสามปี”ชายหนุ่มหมุนไหล่คนในอ้อมแขนให้หันหน้ามา นัยน์ตาอบอุ่นทอดมองวงหน้าวิไลด้วยสายตาเปี่ยมรัก

“ถ้ามาเร็วกว่านี้คงจะดีจะได้เจอพี่ชลตั้งนานแล้ว”

“เจอตั้งนาน...แล้วมันดียังไง?” เขาถามต่อ

“ก็...พี่ชลจะได้...ไม่มีคนอื่น”ตอบออกไปแล้วก็ต้องหลบตาวูบ

“แน่ะ...ไม่พูดถึงอดีตสิคะวันนี้ เวลานี้ และวันข้างหน้าจะมีแต่เรา ดูสิ...พระจันทร์สวยออก นวลผ่องเชียวแต่...ไม่ได้เสี้ยวของน้องพลูเลย” ประกายตาหวานเชื่อมทำให้คนถูกมองเริ่มใจสั่น

“พี่ชลก็ช่างสรรหาคำพูดเชยๆ เหมือนในละครมาได้อยู่เรื่อยเลยนะคะ”

“อ้าว...ทีน้องพลูยังชอบอ่านนิยายกับดูละครเกาหลีเลยพี่ก็ต้องฝึกไว้บ้าง...จะได้คุยกันรู้เรื่อง” เขาตอบพลางเชยคางเล็กให้แหงนหน้าขึ้นมาแล้วบรรจงมอบจุมพิตแสนหวานให้เนิ่นนาน

“หนาวเหรอคะ...ตัวสั่นเชียวเราเข้าไปข้างในกันนะ”

วงแขนแข็งแรงรวบช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มง่ายดายแล้วพาไปวางลงบนเตียงกว้างอย่างทะนุถนอมปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยไรผมให้พ้นทางแล้วหอมแก้มสีกุหลาบทั้งสองข้างจนมาหยุดที่ริมฝีบางละไมอีกครั้งแต่คราวนี้เต็มไปด้วยความเรียกร้องและดื่มด่ำ เป็นนานกว่าที่เขาจะถอนจุมพิตชายหนุ่มค่อย ๆ ถอดมงกุฎดอกไม้ออกจากกลุ่มผมสวยมืออีกข้างลูบไล้นวลเนื้อผุดผ่องที่พ้นขอบเสื้อแบบเปิดไหล่ แทนดาวรู้ตัวว่าไม่อาจะจะหลบเลี่ยงได้อีกต่อไปถึงเวลาแล้วที่หล่อนจะต้องเป็น ‘ภรรยา’ ของเขาโดยสมบูรณ์

สองมืออบอุ่นค่อยๆ เอนร่างบางให้นอนราบบนฟูกนุ่ม สองแขนกางคร่อมกักตัวเจ้าสาวให้อยู่ใต้อก สายตาฉ่ำเปิดเผยความปรารถนาไม่ปิดบังบังเกิดความอุธัจขัดเขินให้คนใต้ร่างจนต้องเบือนหน้าซ่อนความอายปลายจมูกโด่งจรดตรงไรคางแล้วไซร้หากลีบปากหวานฉ่ำจนพานพบเพื่อที่จะมอบจุมพิตแห่งความเสน่หาแต่เสียงเล็กก็กระซิบลอดไรฟันออกมา

“I’m scared…”

“I’ll be gentle”

นัยน์ตาสุกใสทรงอัลมอนด์แสดงแววตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเสียงเล็กสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ ชลธีเข้าใจดี ครั้งแรกของประสบการณ์ทางเพศย่อมก่อให้เกิดความกังวลสารพัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ไม่ต้องกลัวนะครับ...ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามธรรมชาติเราจะมีความสุขฉันสามีภรรยาทั่วไป มันคือสิ่งวิเศษที่ธรรมชาติสร้างมาให้ทำตัวตามสบายแล้วปล่อยใจไปกับมัน”

สิ้นเสียงปลอบโยนริมปีปากหยักก็แตะจูบตรงไหล่เนียนแล้วลากไล้ไปยังลำคอขาวผ่องลมหายใจอุ่นรดจุดอ่อนไหวจนหญิงสาวต้องหลับตาแน่น และเมื่อริมฝีปากร้อนรุมประทับแนบลงบนกลีบปากอ่อนบางและบังคับให้เผยอแย้มจุมพิตเปี่ยมเสน่หาก็ป้อนความดื่มด่ำล้ำลึกทำให้เจ้าของกลีบปากบางระทดระทวยปลายเล็บมนกดจิกลงบนกล้ามเนื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่คนถูกหยิกกลับรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นเมื่อถูกเร้าอกแทบจะมอดไหม้เพราะไฟปรารถนาแผดเผา ความแข็งขึงพุ่งผงาดจนมิอาจผ่อนปรนต่ออารมณ์

ชุดแต่งงานหรูหราถูกปลดเปลื้องจนเหลือเพียงซับในชิ้นน้อยปกปิดความงดงามรอยความอุธัจกระจายไปตามเส้นเลือดจนแดงระเรื่อไปทั้งสรรพางค์ กายกำยำอาบสีทองแดงแห่งเลือดเนื้อบุรุษยันตัวลุกขึ้นออกจากร่างกึ่งเปลือยไปปิดไปกลางห้องเพื่อให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายเหลือเพียงรัศมีจันทร์นวลสลัวส่องให้เห็นสองร่างตระกองกอดรัด พอร่างตึงแน่นไร้อาภรณ์ทาบทับลงมาแทนดาวก็สะดุ้งตัวน้อย ๆกระถดถอยเมื่อปลีน่องเรียวสัมผัสกับความกำยำล่ำสันของบุรุษเพศชลธีสกัดกั้นความตระหนกของคนใต้ร่างด้วยการกดประทับจูบดูดดื่มแนบแน่น

“น้องพลูขา...ขอให้พี่ชลได้แสดงความรักที่มีต่อหนูพี่จะทะนุถนอมอ่อนโยนที่สุดขอให้ไว้ใจแล้วพี่จะพาน้องพลูไปพบกับความสุขลึกซึ้งของความรัก”

เสียงกระเส่าออดอ้อนชิดริมหูแล้วกดประทับจูบอีกครั้งในขณะที่ปลายนิ้วเรียวสอดเกี่ยวตะขอเสื้อตัวจิ๋วออกง่ายดายแล้วเลื่อนไปดึงเกี่ยวอีกชิ้นน้อยรูดลงใบหน้าหวานแดงซ่านเมื่อรู้สึกว่าท่อนขาหนาหนักกำลังแยกเรียวขาสล้างให้ห่างออกจากกันถึงจะดับไฟมืดแต่นวลจันทร์ยังคงสลัวเลือนพอให้เห็นเรือนกายอาบแสงเหลืองมัวชลธีจดจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหลใคร่เชยชม สรีระโสภาสมสตรีสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณเนียนละเอียดนุ่มดั่งเนื้อแพรเอวเล็กคอดกิ่ววาดเว้ารับกับสะโพกกลมมน เนินเนื้อที่สองแขนพยายามปิดป้องยิ่งเย้ายวนตาพาให้ใจไหวซ่าน

“สวยเหลือเกินน้องพลู พี่ไม่นึกเสียดายเวลาที่รอคอยน้องพลูจนถึงเดี๋ยวนี้มันช่างคุ้มค่าและมีความหมาย”

มืออุ่นค่อย ๆ แกะแขนเรียวที่กอดอกอยู่ออกช้าๆ บัวบงกชกลมกลึงชูช่อสล้างท่ามกลางแสงจันทร์เรืองรอง เกสรสีแดงทับทิมยวนตา ยามเมื่อมืออุ่นสัมผัสลูบไล้บัวน้อยก็ทำให้ร่างอรชรบิดเร่ากับสัมผัสแสนรัญจวนปลายเล็บมนยิ่งจิกลึกลงบนเนื้อหนาให้สาสมกับความหวามไหวที่ได้รับ

“I love you...my May lily”

เสียงกระซิบกระซาบปลอบโยนเมื่อร่างบางสะดุ้งสุดตัวยามถูกรุกล้ำด้วยรสสัมผัสความเครียดขึงแห่งบุรุษชลธีปลอบโยนด้วยสัมผัสจากอ้อมแขนที่กกกอดร่างสั่นรึงตรึงไว้ใต้อก ปากหยักร้อนรุมปิดกลั้นเสียงสะอื้นแผ่วสองร่างกอดรัดสอดประสานผนึกแนบเป็นหนึ่งเดียว เจ้าของร่างหนาพยายามเกร็งสุดกำลังไม่ให้เผลอไผลบุ่มบ่ามไปตามอารมณ์ดำฤษณาดุจเปลวเพลิงสุริยะจนสักครู่เมื่อความอึดอัดค่อยคลายลงจึงค่อยเปลี่ยนท่วงท่าทำนองความอภิรมย์

เวลาเคลื่อนคล้อยครึ่งคืนผ่านพ้น ผกายามราตรีคงจะหุบดอกหลับใหลใต้ฟ้ากลางคืน เว้นแต่เพียงลิลลี่ ออฟ เดอะวัลเลย์ที่ยังคงเบ่งบานอาบรับแสงจันทร์ผ่องเจ้าดอกไม้น้อยทรงระฆังคว่ำต้องน้ำค้างยามดึกดึงดูดให้เจ้าผีเสื้อกลางคืนบินมาเกาะกลีบดอกบอบบางสีขาวบริสุทธิ์ผีเสื้อสยายปีกโอบล้อมป้องกันเจ้าดอกไม้จิ๋วมิให้ต้องลมแรงจนบอบช้ำดอกไม้แห่งพฤษภาจึงห่มความสุขอบอวลอยู่ภายใต้ปีกอุ่นของเจ้าผีเสื้อ

ร่างที่ซุกตัวใต้ผ้านวมผืนหนาบิดไปมาเมื่อแสงแดดอ่อนยามสายแยงตาพร้อมกับผ้าม่านโปร่งที่แหวกออกด้วยมือใครคนหนึ่ง ทีแรกคนที่นอนงัวเงียสะดุ้งว่าจะมีใครเข้ามาทำร้ายแต่พอนึกว่าในบ้านหลังนี้มีเพียงตนกับ ‘สามี’ เท่านั้นก็ค่อยคลายใจ

“คนสวย...ตื่นหรือยัง ไปกินข้าวเช้ากัน”

เสียงปลุกมาพร้อมกับจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเบาแทนดาวเปิดเปลือกตาจนสุด อากาศเย็นสบายยามเช้าทำให้ยังไม่อยากลุกแต่พอเหลือบไปมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาแปดโมงแล้วเลยรีบเด้งตัวขึ้นแทบจะทันที

“พี่ชลอ่ะ...ทำไมไม่ปลุกน้องพลูล่ะคะสายป่านนี้แล้วคุณแม่ต้องนึกตำหนิเอาแน่เลยที่ลูกสะใภ้ยังนอนก้นโด่ง”

“ไม่ต้องห่วงคุณแม่หรอกท่านพาคุณย่าไปเที่ยวไหนแล้วก็ไม่รู้ ป่ะ....ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปกินข้าวกัน พี่ให้ที่ครัวยกข้าวมาที่นี่”ชลธีมอบยิ้มเอ็นดูให้ภรรยาที่วุ่นวายกับการหนีบผ้าห่มกะเร้อกะรังเพื่อซ่อนเรือนร่างให้พ้นสายตาเขา

“อุ๊ย !” หญิงสาวอุทานเบา ๆเมื่อขยับตัวจะลงจากเตียงก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางลำตัว ใบหน้าหวานเบ้นิด ๆ นัยน์คมดุจเหยี่ยวกวาดตามองดูบนที่นอนก็พบ‘ร่องรอย’สาเหตุ สายตาที่ทอดมองภรรยาจึงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้น้องพลูเจ็บว่าแต่...น้องพลูมีความสุขใช่ไหมคะ” คำถามซ่อนความหมายกระตุ้นให้ใบหน้างามหมดจดเกิดริ้วแดงขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องราวสุดโรแมนติกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านไปหมาดๆ

“ถามก็อะไรก็ไม่รู้น้องพลูไม่ตอบหรอก”

“ถึงไม่ตอบพี่ก็รู้ ดูนี่สิ...ข่วนพี่เสียตัวลายไปหมด”เขาเลิกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยเล็บเป็นทางยาวหลายรอยบนผิวเนื้อแทนดาวอุทานในลำคอแล้วแตะปลายนิ้วเบา ๆ บนรอยพวกนั้น

“ตายจริง...น้องพลูไม่รู้ตัวเลยเจ็บมากไหมคะ” ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วจับมือนุ่มขึ้นมาจุมพิต

“เดี๋ยววันนี้จะจับตัดเล็บให้กุดเลยไม่งั้นก็คงจะถูกหยิกถูกข่วนเนื้อหลุดกันบ้าง” เขาส่งยิ้มล้อเลียนให้คนที่ยังนั่งก้มหน้างุดด้วยความอายจากนั้นมือหนาก็กระตุกผ้าห่มที่ห่อร่างยวนตาออกอย่างว่องไวแล้วก็อุ้มไปเข้าห้องน้ำแทนดาวร้องโวยวายเพราะคนขี้แกล้งจัดการลอกคราบตัวเองแล้วลงมาแช่ในอ่างด้วยกัน

“พี่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันเพราะฉะนั้นเรามาอาบพร้อมกันจะได้ไม่เสียเวลาและไม่เปลืองทรัพยากร”สิ้นคำร่างเล็กก็ถูกกระตุกเข้าไปในก้อมกอด จมูกโด่งและมือไม้เริ่มซุกซนแทนดาวรู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนี้

“นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะคะ”

“แล้วยังไงล่ะ พี่จะรักน้องพลูวันละสองเวลาเช้า-เย็นเลย”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตเนิ่นนานจนความรู้สึกหวามไหวเรียกร้องสอนให้แทนดาวตอบสนองอย่างเต็มอกเต็มใจชลธียิ้มในตาเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายได้เรียนรู้วิธีแสดงความเสน่หาระหว่างสามีภรรยา เป็นจริงอย่างที่ชลธีบอกความสุขในเพศรสเป็นสิ่งวิเศษที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาซึ่งแทนดาวก็พร้อมที่จะเรียนรู้บทรักที่สามีสอนให้

พอสายอีกหน่อยทั้งคู่ก็ตามไปสมทบกับพี่น้องคนอื่นๆ ที่เตรียมตัวไปเที่ยวสวนผักกัน เด็กชายภาพฟ้าออกอาการลิงโลดที่จะได้ไปเที่ยวอีกอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คงจะเป็นท่าทางสงบเสงี่ยมไม่แสดงอาการเหวี่ยงใส่คุณลุงเพราะหวงแหนคุณอาสาวอย่างเคย

“คุณหมากบอกตาปูนเมื่อวานว่าถ้าอยากมีน้องผู้หญิงก็ต้องำม่ดื้ แล้วลุงชลกับอาพลูจะมีน้องผู้หญิงให้”คำตอบของรมย์นลินทำเอาพวกผู้ใหญ่ขำกริ๊ก

“เจ้าปูนอยากได้น้องผู้หญิงน่ารักๆ แบบหนูบัว หนูบุษ นี่อยากได้มากขนาดยอมเปิดทางให้แกเลยนะ เพราะฉะนั้น...รีบ ๆผลิตเลย” เทียมภพหัวเราะร่าจนคนอื่น ๆ หัวเราะตามแล้วทุกคนก็พากันเคลื่อนย้ายไปขึ้นพาหนะเตรียมเดินทางเหลือไว้แต่สองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน แทนดาวยังคงอายหน้าแดงที่ถูกพี่ชายแซว

“น้องพลูครับ...จะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวไปไหมถ้าจะบอกว่าพี่อยากมีลูกเลย”

พออยู่กันสองคนเขาก็เปิดปากคุยถึงเรื่องนี้แทนดาวหยุดคิดชั่วครู่การมีลูกฟังดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และมาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมายในขณะที่ตนยังต้องการทำตามความฝัน หญิงสาวนึกถึงรมย์นลินกับปลายเดือนทั้งคู่ทำหน้าที่แม่ควบคู่ไปกับงานที่ตนเองรักแล้วทำไมหล่อนจะเลือกทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไม่ได้

“ตามใจพี่ชลค่ะ...น้องพลูจะไม่คุมกำเนิด”

“ขอบคุณครับ...อีกไม่นานครอบครัวของเราจะสมบูรณ์ไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงน้องพลูจะมีลูกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะบังคับให้เราอยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแม่พี่สิ...เลี้ยงพี่กับแฟงไปด้วย ทำงานไปด้วย ยังประสบความสำเร็จเลย”ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างเข้าอกเข้าใจ

“ไม่นาน...ภูเคียงดาวแห่งนี้จะมีแต่เสียงหัวเราะเสียงร้องไห้ เสียงอ้อนเรียก พ่อจ๋า แม่จ๋า อาจจะได้เห็นเด็กผู้ชายวิ่งโครม ๆ อยู่บนบ้านต้นไม้หรือเด็กผู้หญิงนั่งดีดเปียโนตามรอยคุณแม่ ปูนแดงกับยาฉุนจะได้มีพรรคพวกชวนกันลิงทโมนนึกภาพดูสิครับ...ว่ามีความสุขขนาดไหน” แทนดาวนึกภาพตามแล้วยิ้มบาง ๆ

“แล้วพี่ชลอยากได้ลูกชายหรือหญิงคะ”

“อืม...ได้หมด ถ้าเป็นผู้ชายเขาจะชื่อ...แทนชลส่วนผู้หญิงชื่อ...รุ้งธารา”

“นี่เตรียมตั้งชื่อไว้รอเลยเหรอคะนี่แต่ก็เพราะดีค่ะ...น้องพลูชอบ พอรู้อย่างนี้แล้ว...น้องพลูอยากให้เขามาเกิดเร็ว ๆจัง จะเป็นแทนชลหรือรุ้งธาราก็ได้ อ้อ...พี่ชลจะโกรธไหมคะ ? ถ้าน้องพลูจะบอกว่า เวลาใส่บาตรตอนเช้า น้องพลูอธิษฐานให้ลูกของพี่ชลที่...ไม่มีโอกาสได้เกิดมาน้องพลูบอกให้เขามาเกิดมาเป็นลูกของเราค่ะ”แทนดาวบอกสามีด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ละมุนละไมยิ่งนัก คนฟังจูบหน้าผากนูนอย่างรักใคร่

“น้องพลู...จะหาผู้หญิงคนไหนที่มีจิตใจโอบอ้อมและละเอียดอ่อนเท่าน้องพลูไม่มีอีกแล้วพี่ว่า...ป่านนี้นะ ไม่ใครก็ใครคงมาถึงแล้วล่ะ”

“หา...อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้นคะ”

“ไม่แน่หรอก ไม่เมื่อคืน...ก็เมื่อเช้านี้แหละ”

คำตอบมั่นอกมั่นใจทำให้คนฟังยิ้มกว้างชลธีมอบจูบหวานจับจิตให้ภรรยาสุดที่รัก ภาพครอบครัวสุขสันต์พร้อมหน้าจะไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไปรอบรั้วหัวใจแห่งนี้จะละลานตาไปด้วยดอกไม้แห่งความรักที่สองคนช่วยกันรดน้ำดูแลจนผลิดอกงามสะพรั่งและพร้อมที่จะงอกเมล็ดพันธุ์ใหม่ในเวลาอันใกล้นี้




Create Date : 05 มิถุนายน 2559
Last Update : 5 มิถุนายน 2559 17:42:03 น.
Counter : 965 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อิสวารายา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 นักเขียนหน้าใหม่นามปากกาว่าอิสวารายาได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆกับนวนิยายรักอบอุ่นหัวใจเรื่อง ปลูกรักในรั้วใจ จำได้ว่าเมื่อ 9 ก่อนนั้นนวนิยายเรื่องยาวนี้เป็นที่นิยมของแฟนนักอ่านที่น่ารักหลายท่าน เนื้อเรื่องได้ดำเนินมาถึงตอนใกล้จบแต่ writer ก็หยุด update ต่อจนจบเนื่องจากเกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้อง เนื้อหาที่เป็นต้นฉบับไม่สามารถเรียกมาได้ ก็เลยหมดกำลังใจที่จะนั่งพิมพ์ใหม่ เนื้อเรื่องที่ได้ post ไว้ทั้ง 3 pages (Dek-D, Bloggang, Jamsai) ก็ไม่เหมือนฉบับ rewrite ที่ได้วางพลอตเอาไว้จนถึงตอนอวสาน พอทิ้งไปนานๆเข้าก็เริ่มไม่มีเวลาเพราะยุ่งกับงานรวมถึงการศึกษาต่อ

จนกระทั่งวันนี้ ผ่านไปแล้ว 9 ปี ก็คิดถึงปลูกรักในรั้วใจขึ้นมา เลยลอง search ใน google ก็ยังพบว่าปลูกรักในรั้วใจยังคงอยู่ ประกอบกับมีนักอ่านบางท่านยังคงมา comment อยู่ อิสวารายาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะสานต่อปลูกรักในรั้วใจให้สมบูรณ์เสียที ให้สมกับที่แฟนนักอ่านรอคอยให้น้องพลูกับพี่ชลกลับมา ดังนั้นจึงนั่ง copy เนื่อเรื่องจากเวบเอามาเขียนใหม่ โดยอิสวารายาเริ่มหยิบเนื้อหามาค่อยๆ rewrite ใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ย. 58

น้องพลูกับพี่ชลกำลังจะกลับมา พร้อมกับเนื้อหาที่ปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนั้นยังพิ่มบท ตัวละคร เพื่อให้มีอรรถรสมากขึ้น

นวนิยายเรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่อิสวารายาคิดถึง น้องพลู พี่หมากและพี่ชล และต้องการให้พวกเขากลับมา มาร่วมสร้างความรัก ความอบอุ่น กับนวนิยายรักน่ารักเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้งนะคะ

รักและคิดถึงที่สุด
อิสวารายา
20 ก.พ. 2559
New Comments
  •  Bloggang.com