|
"เหงา"
Blog แรกของปี ก็เหงาซะแล้ว ฉันเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองมาโดยตลอด เวลาที่จะเหงาไม่ค่อยมี จะมีก็คิดถึงคนที่เมืองไทยบ้าง ช่วงวันหยุดยาวปลายปีตลอดเวลาเกือบสิบปีที่อเมริกาไม่เคยได้กลับบ้านในช่วงนั้น
แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่รู้สึก "เหงา" แล้วก็เป็นช่วงที่ฉันงานล้นมือที่สุด แปลกแต่จริง ทั้งๆที่มีคนให้คิดถึงอยู่ไม่ไกล แต่มันกลับทำให้ฉันเหงาอย่างที่สุด ในคืนวันคริสมาสต์ หรือคืนวันที่นับถอยหลังเริ่มต้นปีใหม่
ฉันเฝ้าหาเหตุผลมาตอบคำถามว่าทำไมฉันถึงเหงา แต่ก็คิดไม่ออก จนเพื่อนของฉันบอกว่าเพราะเธอมีความคาดหวัง ฟังแล้วอึ้งๆ เพราะว่าฉันเพียรบอกตัวเองและเพื่อนเมื่อเริ่มความสัมพันธุ์ว่าไม่ให้ตั้งความคาดหวัง แต่นี่ฉันทำมันโดยไม่รู้ตัวแล้วหรือ
Create Date : 10 มกราคม 2553 | | |
Last Update : 10 มกราคม 2553 8:15:33 น. |
Counter : 692 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สวัสดีปีใหม่ 2009 : มหัศจรรย์ของการออกกำลังกาย
ขอสวัสดีปีใหม่กับเพื่อน bloggang ทุกคนนะคะ ขอให้ปีใหม่นี้มีแต่ความสุขกายสุขใจ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน สุขภาพกายใจแข็งแรงกันถ้วนหน้าค่ะ
นอกจากจะอวยพรแล้ว อยากจะมาเล่าประสบการณ์การออกกำลังกายให้ฟัง และเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่เริ่มทำด้วยนะคะ
หลายคนอาจจะทราบว่าที่ฉันมาเริ่มออกกำลังจริงๆจังเริ่มมาจากเป็นโรคภูมิแพ้ค่ะ ก่อนหน้านั้นก็พยายามออกกำลังกาย แต่มันไม่ไหวค่ะ ขี้เกียจมั่งล่ะ งานเยอะมั่งล่ะ สารพันข้ออ้าง ที่แย่ที่สุดคือตอนเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆน้ำหนักขึ้นค่ะ ขึ้นจากตอนเริ่มมา 2-4 ปอนด์ได้ ตอนนั้นคิดว่าคงหิวมั้งแบบเสียพลังงานเยอะก็กินเยอะทำนองนั้น
พอตอนเป็นภูมิแพ้นี่สิค่ะ หายใจไม่สะดวกเลย คนที่เป็นจะทราบดี พอดีวันที่มีอาการก็ไปออกกำลังกาน แต่หลังจากที่ออกกำลังกายแล้วหายใจโล่งจมูกสุดๆ เลยตั้งใจจะออกกำลังให้ได้ทุกวันค่ะ มาถึงตอนนี้น้ำหนักฉันก็ยังขึ้นสม่ำเสมอ แต่ตอนนั้นคิดแล้วว่าสุขภาพมันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
พอฉันออกกำลังกายทุกวัน (แค่ 20 นาทีต่อวัน) ไม่ได้ออกหักโหมเลยนะคะ (200 cal) มันก็ติดสิค่ะ เดี๋ยวนี้วันไหนไม่ทำมันหงุดหงิดนะคะ อะไรที่เราทำเป็นนิสัยมักจะเป็นค่ะ พอดีฉันมีตรวจร่างกายประจำปีตอนเดือนธันวาที่ผ่านมา เห็นผลตรวจแล้วดีใจมากเลยค่ะ ที่ไขมันก็ลดลง ปีที่แล้วมันอยู่ในช่วง warnning แต่ตอนนี้มันดีมากค่ะ อันนี้ผลพลอยได้คือน้ำหนัดก็ลดลงค่ะ น้ำหนักน้อยกว่าตอนที่เริ่ม 7-8 ปอนด์ได้แล้วค่ะ ทั้งๆที่ไม่เคยอดอาหารเลย แล้วแต่ละมื้อฉันกินเยอะมาถ้าเทียบกับสาวๆ ไม่รู้เป็นไงเป็นคนตัวเล็กแต่กินจุค่ะ
ตอนช่วง xmas ที่ผ่านมาพอดีว่าเจอพายุหิมะถล่มใส่ ไม่ได้ไปออกกำลังกายเลย วันๆก็หาแต่เรื่องกินแก้เครียดค่ะ วันแรกที่กลับไปออกกำลังกายคิดในใจ น้ำหนักขึ้นแน่ๆ แต่ปรากฏว่ามันลงค่ะ คิดว่าระบบเผาผลาญมันคงจะคงที่แล้ว ก่อนหน้านี้พยายามคุมน้ำหนักโดยกินแต่ซุปผักทั้งอาทิตย์นี่ไม่ได้ผลนะคะ ลองมาออกกำลังลดน้ำหนักกันดีกว่า
อยากให้คนที่เริ่มหรือคิดจะเริ่มอย่าท้อถอยนะคะ กว่าที่ฉันจะมาเขียน blog ตรงนี้ก็ล้มลุกคลุกคลานมา 7 เดือนเต็มๆ ที่จริง 7 เดือนไม่นานเลยแล้วก็ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องอดของชอบ แต่อย่าไปตั้งเป้าว่าจะลดให้ได้เท่านั้นเท่านี้ในกี่วัน แค่ตั้งว่าจะออกกำลังให้ได้วันละ 20-30 นาทีดีกว่าค่ะ
Create Date : 01 มกราคม 2552 | | |
Last Update : 1 มกราคม 2552 10:43:38 น. |
Counter : 830 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คุณเคยทำของหายไหมคะ?
ฉันนี่แหละตัวดี วางของไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง วันก่อนจะนั่งรถไฟเข้าดาวทาวน์เลยคิดว่าติด mp3 ไปฟังดีกว่า กลายเป็นว่าขาไปมัวแต่โทรศัพท์จนแบตเกือบหมด ก็เลยไม่ได้หยิบมาฟัง
ขากลับควานหา mp3 ในกระเป๋ามันอยู่ไหนหว่า? หรือว่าไม่ได้หยิบมาว้า คงไม่หายหรอกน่า กลับถึงบ้านก็ไม่คิดอะไร พออีกวันนึงจะไป gym ก็มาหาๆ มันหายไปจริงๆด้วย หายได้ยังไง หายที่ไหนเมื่อไหร่ละนี่ ตกลงเอาใส่กระเป๋าไปหรือเปล่า? ของมันใช้อยู่ทุกวัน อยู่ดีๆหายไปก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดาใช่ไหมคะ ตอนนี้ทำใจได้แล้ว แต่ก็ยังคิดถึงอยู่ดี โชคดีตอนที่ซื้อด้วยความที่ชอบมากเลยซื้อมา 2 เครื่อง กะว่าจะซื้อเป็นของฝากใครสักคน ตอนแรกกะจะให้กับน้องที่ทำงานเห็นว่าหลังๆไปยิมบ่อยเหมือนกัน เสียใจด้วยนะน้องตอนนี้พี่ต้องการมันแล้วล่ะ
ขอให้คนอ่าน blog นี้ไม่ต้องพลัดพรากจากของรักกันทุกคนนะค่ะ ปล ขออภัยถ้าไม่ได้ไปเยี่ยม blog ของเพื่อนๆนะคะ
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 6:08:20 น. |
Counter : 1311 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แพ้ภัยตัวเอง
เพื่อนๆคนไทยที่ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาหลายคน เท่าที่คำนวณคร่าวๆสัก 50% ได้ จะเป็นภูมิแพ้พวกเกสรดอกไม้ ซึ่งจะเริ่มอาการในช่วงสปริงไปจนถึงซัมเมอร์ อาการจะเริ่มเป็นหลังจากอยู่มาได้ 4-5ปี และหลังจากนั้นก็จะเป็นทุกๆปีไป ไม่เป็นเฉพาะแค่คนต่างชาติ คนอเมริกันเองก็ดูจะเป็นกันเยอะเหมือนกัน อันนี้ก็ไม่ทราบว่าพื้นที่ไหน แต่แถบ North West ที่ฉันอยู่นั้นเป็นกันเยอะค่ะ
เย็นวันหนึ่ง หลังเลิกจากงาน party ตอนบ่ายๆของศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 08 ท้องฟ้าแจ่มใส แต่ค่อนข้างร้อน ขณะขับรถกลับบ้าน ฉันเปิดกระจกรถ เพื่อให้ลมพัดเข้ามาแทนที่จะเปิดแอร์ ใกล้จะถึงบ้านอยู่แล้วฉันก็จาม 1 ที แต่ไม่รู้สิ เหมือนมีลางบอกเหตุบางอย่างว่าไม่ปรกติ มองออกไปนอกรถ เต็มไปด้วยเกสรดอกไม้สีขาวปลิวว่อน
กลับถึงบ้านก็ไม่มีอาการอะไร เพียงแต่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว พอวันจันทร์รู้สึกแย่มาก วันอังคารถึงกับหยุดอยู่บ้าน อาการเหมือนเป็นหวัดทุกอย่าง ก็จามมีน้ำมูก ปวดหัว ตัวร้อน หลังจากหยุดวันนึง รู้สึกดีขึ้นก็กลับไปทำงาน วันอาทิตย์ฉันมีนัดไป BBQ ที่สนามกอล์ฟแห่งนึง บรรยากาศดีมาก ที่นั่นทำให้รู้ว่าฉันไม่ได้เป็นหวัดแต่เป็นภูมิแพ้ต่างหาก ก่อนออกไปฉันรู้สึกดีไม่มีอาการสักนิด แต่ไปอยู่กลางแจ้งแบบนั้นทั้งน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุดตาแดงไปหมด เหมือนจะตายให้ได้ต้องรีบเข้าตึกไม่ให้โดนลม
อย่างที่บอกตั้งแต่ตั้งต้นจามครั้งแรกฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะเป็นภูมิแพ้ ไม่ใช่หวัด แต่ก็ไม่อยากให้เป็นจริง ไม่ยอมกินยา กลัวว่าถ้ากินแล้วต้องกินไปตลอดชีวิต เป็นแล้วไม่มีทางหายขาด หลายๆความคิดมันเกิดขึ้นในหัว ฉันไม่อยากคิดไปเองเลยเริ่มหาข้อมูลใน net ซึ่งข้อมูลนีง เขียนโดยคุณหมอ อ่านแล้วได้ความคิดดี เลยอยากเอามาเก็บไว้เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งในคนปรกติไม่เป็นกัน สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยสารก่อภูมิแพ้จะต้องมีปริมาณมากพอที่จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยา
สารก่อภูมิแพ้คืออะไร สารที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น แมลง เกสรดอกไม้ ควัน
อาการของโรคภูมิแพ้ 1. จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ 2. เยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้ 3. หอบหืด 4. ผื่นขึ้นตามผิวหนัง
การรักษาโรคภูมิแพ้ 1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ 2. กินยา ยาที่ว่าคือบอกให้สมองสั่งการไม่ให้จามหรือมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ เพราะจริงๆแล้วสารนี้ไม่มีอันตรายกับคนปรกติ 3. ฉีดวัคซีน อันนี้ต้องไป test ก่อนว่าเราแพ้อะไรจะได้ฉีดได้ถูกต้อง
ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ 1. แพ้อะไร ต้องเจอมันบ่อยๆ แล้วจะทำให้ชินอีกหน่อยจะหายเอง ตรงกันข้ามอาการจะหนักขึ้นได้ เกิดภาวะหลอดลมที่ไวเกิน ความเป็นจริงต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิ ถ้าไม่เจอเป็นเวลานานอาจจะหายได้ เช่น ย้ายที่อยู่ 2. ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายไปเอง อันนี้ก็ไม่จริงค่ะ วิธีที่ถูกต้องต้องรักษาค่ะ และวิธีที่ลองแล้วได้ผลที่สุดคือการออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้เลือดไปเลี้ยงเยื่อบุที่อักเสบ เพิ่มเม็ดเลือดขาว และช่วยให้สารก่อภูมิแพ้กระจายออกไป
พูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย ก่อนหน้านี้หลังจากกลับมาจากเมืองไทย ฉันเริ่มจะเข้า fitness แต่ทุกครั้งที่ไปดูเหมือนน้ำหนักมันจะกระดิกเพิ่ม ทำให้สูญเสียความมั่นใจ แต่พอเป็นเจ้าภูมิแพ้แล้ว คิดว่ายังไงเป็นไอ้อ้วนก็ดีกว่าเป็นคนขี้โรค ก็เลยไปมันทุกวัน ทุกวันนี้ติดค่ะ ต้องไปทุกวันก็ดีเหมือนกัน ส่วนน้ำหนักก็เริ่มคงทีแล้ว อาการก็ไม่ค่อยมีนานๆจะจามสักที
หมายเหตุ ข้อความทั้งหมดเขียนจากความจำผสมความรู้ที่อ่านที่ฟังมาหลายๆที่ จำไม่ได้แล้วว่าเอามาจากไหน ผู้เขียนลงชื่อว่า "หมอแมว" ขอขอบคุณมาที่นี่ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอนะคะ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค่ะ
Create Date : 09 สิงหาคม 2551 | | |
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 9:11:51 น. |
Counter : 799 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|