BlogGang.com : : เวสาตรี - Roger Federer: Appreciating A Genius.

เขาคือเจ้าชายแห่งวงการนักหวดลูกสักหลาด
เป็นทูตนำกีฬาเทสนิสเผยแพร่ไปทั่วโลก
และ ณ บัดนี้ เขากำลังจะได้รับการยกย่องให้เป็นนักเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
- the greatest player of all time.

พีท แซมพราสเคยได้รับการยกย่องจากโลกเทนนิส
ว่าเป็นสุดยอดเจ้าของแชมป์ แกรนด์ แสลม 14 รายการจาก 12 ฤดูกาลแข่งขัน
แต่ในปัจจุบันโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ผู้ซึ่งเกมมีความหลากหลายกว่า
ได้ยกระดับการเล่นกีฬาชนิดนี้ให้มีระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม

ในฤดูร้อนปี 2003 หลังจากที่คว้าแชมป์แกรนด์ สแลมรายการแรก
ได้ที่วิมเบิลดัน เฟเดอเรอร์ยอมรับว่า

“I’m so happy just to have won one.
But will I win 15? I don’t know.
The strength of the game is against it.
In any case, I have to wait two more years
to find out how good I am.”

ถึงตอนนี้เฟเดอเรอร์เป็นนักเทนนิสเพียง 1 ใน 6 คนที่เน่านั้น
ที่ประสบความสำเร็จได้ career Grand Slam มาครอบครอง
ในขณะเดียวกันเค้าก็ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเทนนิส
ด้วยการเข้ารอบรองชนะเลิศในรายการแกรนด์ สแลมได้ติดต่อกัน
ถึง 21 ครั้ง (หรืออาจจะมากกว่านั้น)
เข้าชิงชนะเลิศได้ถึง 7 ครั้งติดต่อกันในรายการที่วิมเบิลดัน
และเข้ารอบชิงชนะเลิศรายการแกรนด์ แสลมได้ทั้งหมดถึง 20 ครั้งด้วยกัน

จากการได้มีโอกาสชูถ้วยแชมป์ในรายการนี้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 6
ทำให้เขาทำลายสถิติแชมป์แกรนด์ แสลม 14 สมัยของแซมพราส
ได้สำเร็จ และจากบุคลิกอันมีเสน่ห์ ความทันสมัย และความสามารถ
ในการพูดได้อย่างคล่องแคล่วถึง 4 ภาษาของเขา
ทำให้เขามีแฟน ๆ เทนนิส ชื่นชมความสามารถของเขาอยู่ทั่วโลก

ความสามารถในการเล่นเทนนิสของเขาที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ
ทำให้เขากลายมาเป็นนักกีฬาที่มีผู้จดจำได้มากที่สุดคนหนึ่งบนโลกใบนี้

ในบั้นปลายการเล่นเทนนิสอาชีพของแซมพราสที่จะต้องจารึกไว้ก็คือ
เขาไม่สามารถคว้าแชมป์ในรายการใด ๆ ได้เลยเป็นเวลาถึง 22 เดือน
ช่วงเวลาวิกฤติของแซมพราสตอนนั้น เป็นช่วงที่เขาอายุ 31 ปี
ก่อนที่จะคว้าแชมป์รายการ US Open ได้ในปี 2002
และเป็นรายการสุดท้ายในอาชีพนักเทนนิสของเขา

เฟเดอเรอร์ก็เช่นเดียวกัน เขาก็มีช่วงเวลาอันเงียบเชียบจนน่าสงสัยเช่นกัน
ใครก็ตามที่เห็นเขาหลั่งน้ำตาร่ำไห้ต่อหน้าผู้ชม ในพิธีมอบถ้วยรางวัล
รายการออสเตรเลียนโอเพ่น เมื่อเดือนมกราคม
ในขณะนั้นคู่ปรับคนสำคัญของเขาอย่างราฟาเอล นาดาล
กลายมาเป็น "พระราชา" หลังจากที่ได้มีโอกาสส่องแสงอย่างเต็มที่ในปี 2008
และในตอนนั้นคำพูดสุดฮิตติดปากผู้คนที่พูดกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็คือ

‘How can he be the greatest ever
when he may not be the greatest of his generation?’

เฟเดอเรอร์เองก็มาถึงทางแยกที่จุดนี้เช่นกัน
เขาสูญสิ้น aura of invincibility ไปหมดแล้ว
เมื่อเขาแพ้ให้กับคู่แข่งที่หลากหลายมากขึ้น
และยังมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้อีกเลย
ยาวนานมากที่สุดในชีวิตของเขา
(นับจากแชมป์รายการหลังสุดที่บาเซิล บ้านเกิดในเดือนตุลาคม 2008
จนถึงรายการที่มาดริดในเดือนพฤษภาคม 2009)
แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นเขาก็ใช้เวลาไปกับการเล่นฟิตเนสและฝึกสโตรค
และสามารถที่จะกลับมาได้อย่างใกล้เคียงกับช่วงที่เขาท็อปฟอร์มที่สุด

เฟเดอเรอร์ได้แชมป์แรกในรอบเจ็ดเดือนมื่อเขาสามารถล้มคู่แข่ง
อย่างนาดาลลงได้ในรายการ Mutua Madrileña Madrid Open i
ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้เขาได้แชมป์รายการมาสเตอร์ซีรี่ยส์
เป็นรายการที่ 15

ความเชื่อมั่นของเขาได้รับการตอกย้ำมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์ที่โรลังด์ การ์รอสได้เป็นครั้งแรก
ทำให้เขาได้แชมป์ แกรนด์ แสลมครบทั้ง 4 รายการ

และเข้ามาแข่งในรายการวิมเบิลดันด้วยความสดชื่น ผ่อนคลายและหิวกระหายในชัยชนะอีกครั้งหนึ่ง

ในวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคมต่อหน้าแชมป์เก่าหลายคนที่กลายเป็นตำนานไปแล้ว
อย่าง Rod Laver, Bjorn Borg และ Sampras
เฟเดอเรอร์ได้กลายมาเป็นแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด - ในบรรดาแชมป์ทุก ๆคน
และชัยชนะในครั้งนี้ยังนำตำแหน่งมือ 1 คืนกลับมาสู่เขาอีกครั้งหนึ่งด้วย

ในวัย 27 ปี โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ก้าวเข้าสู่ช่วงการแข่งขัน
ด้วยความมั่นใจในตัวเองที่เขาค้นพบอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งน่าจะสร้างความยากลำบากให้กับคู่แข่งของเขาได้มากยิ่งขึ้น
การกลับขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุดในวงการได้อีกครั้งหนึ่ง
หนุ่มสวิสสคนนี้ยังไม่ได้ส่งสัญาณใด ๆ
ว่าเขาจะเลิกราต่อการทำสถิติใหม่ ๆ ให้อยู่คู่กับวงการนี้ตลอดไป

สรุปความมาจาก : //www.atpworldtour.com/News/DEUCE-Tennis/Federer-15-Quest/Federer-Genius.aspx

Create Date : 11 กรกฎาคม 2552

Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 9:20:39 น.

51 comments

Counter : 1347 Pageviews.

สวัสดียามดึกค่ะ
หลังจากห่างหายจากบล็อกไป 1 วันเต็ม
เพราะต้องไปต่างจังหวัด กลับมาถึงบ้าน
เมื่อคืนนี้ตอนเที่ยงคืนพอดี

วันนี้เลยถือโอกาสนอนขี้เกียจซะทั้งวันเลย