ทัศนคติคือสิ่งเล็กๆ ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

สะบายดี...หลวงพระบาง

สะบายดี...หลวงพระบาง

อยู่กับคนที่รักเรา หรือ
ไปหาคนที่เรารัก....

เป็นวรรคทองบนปกหนังเรื่อง สบายดีหลวงพระบาง...

ในระยะหลังๆ หนังรักซึ้งๆมักจะโปรยประโยคแบบนี้ไว้เป็นแก่นของเรื่องเสมอ
อย่างเรื่องเพื่อนสนิท โปรยไว้ว่า "รักเพื่อน หรือ เพื่อนรัก"
รักแห่งสยาม ฝากคำถามโดนๆว่า
"เคยมีใครสักคนไหม ที่เขียนเพลงรักเพื่อคุณ
เคยมีใครสักคนไหม ที่เขียนเพลงรักเพื่อคุณคนเดียว"
รักสามเศร้า เปิดประเด็นไว้ว่า
"เมื่อคนที่เรารัก กลายเป็นคนรักของเพื่อน..ที่เรารักที่สุด"
และประโยคสั้นๆคมๆเหล่านี้ มักจะสื่อความหมายในตัวมันเองอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ต่อเมื่อเราได้ดูหนังเรื่องนั้นจบลงไปแล้ว....

นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแถบลาวใต้
ตั้งแต่เมืองปากเซไปจนถึงจำปาศักดิ์....
ความงามของศิลปะวัฒนธรรมที่เวียงจันทน์...
วิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวไทยพุทธที่หลวงพระบาง...
หนังเรื่องนี้ยังฝากเรื่องราวของความผูกพันแสนสวยงามที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำ
ระหว่าง "พ่อของพระเอก" กับ "คนรักเก่าที่เมืองลาว"
ผ่านบทสนทนาเพียงไม่กี่ประโยค
ซึ่งอาจแยกไม่ค่อยออกว่า
มันคือ "มิตรภาพที่ไม่เคยลืมเลือน" หรือ "ความรักที่ยังจดจำ"
รวมถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างพระเอกกับแม่พระเอก
ที่แม่พระเอกบอกว่า "แม่ได้อยู่กับคนที่แม่รัก แม่ก็พอใจแล้ว"

หนังไม่ได้บอกอย่างชัดเจนในตอนจบว่า เหตุการณ์ต่อไปเป็นอย่างไร
บอกเพียงว่า พระเอกเลือกที่จะ"ไปหาคนที่เรารัก"
หลังจากได้ให้ "เวลา" เป็นเครื่องพิสูจน์ใจตัวเองตามที่นางเอกบอกว่า
"ถ้าเรารักกัน นานเท่าไหร่ เราก็จะยังคิดถึงกัน"
ไม่ว่าจะอย่างไร อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการดำเนินเรื่องของตัวละครทั้งสอง
ที่ทำให้เราได้เห็นทั้งมิตรภาพที่เกิดจากความรัก
และความรักที่เกิดจากมิตรภาพ....

ซึ่งความรักที่เกิดขึ้นผ่านการบอกเล่าของตัวละครในเรื่องนั้น
ดูจะเป็นความรักที่ไม่ได้ทำให้คนหนึ่งคนใดเจ็บปวด
อาจเพราะ "ความรัก"และ"มิตรภาพ"
เป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความหมายไว้อยู่ใกล้แนบชิดกัน
รวมถึงการวางความหมายเหล่านี้
ไว้ห่างกับคำว่า
"การครอบครอง"
เสียเหลือเกิน.......




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551   
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 20:35:13 น.   
Counter : 325 Pageviews.  

เพื่อนสนิท...เพื่อนรักหรือรักเพื่อน

เพื่อนสนิท...รักเพื่อนหรือเพื่อนรัก


ตอนหนึ่งในหนัง "เพื่อนสนิท"
ฉากละครเวทีที่สร้างจากเรื่อง "เจ้าชายน้อย" ของ อองตวน เดอ แซงเตก ซูเปรี
เป็นตอนที่สุนัขจิ้งจอกคุยกับเจ้าชายน้อยว่า
"ทำไมมนุษย์ถึงมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กันมากนัก มันยากนักหรืออย่างไร?"
แล้วในหนัง"เพื่อนสนิท"ที่สร้างจากหนังสือ"กล่องไปรษณีย์สีแดง"
ก็ดำเนินเรื่องเป็นคู่ขนาน
ให้เห็นถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง "ดากานดา" กับ "ไข่ย้อย"
ให้เห็นถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง "นุ้ย" กับ "หมู"
ซึ่งมีจุดสำคัญของเรื่องอยู่ที่ประโยคสองประโยคนี้

"ดากานดา ฉันรักแกว่ะ" กับ
"หมู เธอจะรักฉันได้ไหม"

ความจริงแล้วทั้ง ดากานดา นุ้ย และไข่ย้อย
ในฐานะมนุษย์...ทั้งสามคนไม่ได้มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์เลย
ความสัมพันธ์ระหว่างดากานดากับไข่ย้อยที่เชียงใหม่เป็นมิตรภาพที่สวยงาม
จากเพื่อนกลายเป็น"เพื่อนสนิท"....
ความสัมพันธ์ระหว่างพยาบาลนุ้ยกับคนไข้หมูที่เกาะพะงันเป็นมิตรภาพที่สวยงามยิ่งกว่า
จากคนไม่รู้จักกลายเป็น"เพื่อนสนิท"
ทั้งหนังและหนังสือพยายามที่จะเล่นกับคำว่า "เพื่อน"
ในส่วนตัวผมเชื่อว่า เราต่างเคย"รักเพื่อน"และเราต่างมี "เพื่อนรัก"
ปัญหาของความสัมพันธ์อย่างที่สุนัขจิ้งจอกถามเจ้าชายน้อย
มันเกิดเพราะ "เพื่อนรักของเรา" กับ "คนที่เรารัก" เป็นคนเดียวกัน
ซึ่งผมอยากจะเรียกว่า เป็นปัญหาของเปลี่ยนสภาพความสัมพันธ์มากกว่า....
โดยเฉพาะการเปลี่ยนจาก "เพื่อนรัก" กลายเป็น "รักเพื่อน"



ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ดากานดา นุ้ย และไข่ย้อย
ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจาก "ความรักที่บริสุทธิ์"
ทั้งความรักแบบ "เพื่อน" และความรักแบบ "มากกว่าเพื่อน"

บางครั้งในชีวิต หากเราต้องการคำตอบที่เป็นการเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
มันอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ทำให้เรามีความสุขมากนัก....
"ดากานดา...ฉันรักแกว่ะ" เหมือนไม่ใช่คำถาม แต่มันคือประโยคที่ต้องการคำตอบ
"หมู เธอจะรักฉันได้ไหม" เป็นคำถาม และชัดเจนว่าต้องการคำตอบ



ห้วงเวลาที่เราเกิดคำถาม....
คำถามสำหรับคำตอบที่ต้องการทางเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
มันอาจเป็นจุดๆหนึ่ง....ตรงเส้นแบ่งบางๆระหว่าง "มิตรภาพ" กับ "ความรัก"
ที่กว่าจะรู้ตัว ใครหลายคนก็ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปแล้ว...




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551   
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 20:33:48 น.   
Counter : 210 Pageviews.  

แฟนฉัน..ภาพแห่งอดีต จริงๆแล้วมันไม่เคยจากไปไหน

ภาพแห่งอดีต จริงๆแล้วมันไม่เคยจากไปไหน
มันอาจจะซุกอยู่ที่ซอกหนึ่งของลิ้นชักความทรงจำ
และอยู่อย่างนั้นมาตลอด
จนความทรงจำใหม่ๆเข้ามาทับ เข้ามาซ้อน
ดันมันไปจนสุดลิ้นชัก
แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเพลงเก่าๆแว่วมา
หรือเห็นรูปภาพสีเหลืองๆ แดงๆ เก่าๆ
ความทรงจำในครั้งนั้น
ก็เหมือนถูกมือซนๆหยิบมันออกมาปลุกให้กลับมามีชีวิต
...........
อีกครั้งหนึ่ง



ไม่รู้ว่าในความตั้งใจของผู้กำกับทั้งหก...ต้องการสื่อสารอะไรให้กับผู้ชม
แม้ประเด็นหลักของเรื่อง จะเป็นเรื่องของความรักในวัยเด็ก
ความรักที่เกิดจากความสนิทสนมระหว่างเพื่อนในวัยเด็ก
เป็น "รักครั้งแรก" ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างบริสุทธิ์
และไม่ว่ามันจะลงเอยเช่นไร ผมคิดว่า "รัก" นั้นจะเป็นความทรงจำที่ดีของเราอยู่เสมอ
ไม่ว่าเวลาต่อมา หัวใจเราจะ "เติบโต" ขึ้นสักเท่าไหร่ก็ตาม

การดำเนินเรื่องราวในวัยเด็ก ระหว่าง "น้อยหน่า" กับ "เจี๊ยบ"
หนังถูกสร้างขึ้นมา.....โดยการดึงเราให้ย้อนกลับเข้าไปนั่งอยู่ในภาพอดีตที่แสนสวยงาม
ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงอันโด่งดังในยุคสมัยนั้น ที่ใช้เป็นตัวแทนการบอกเล่าอารมณ์ของหนังในแต่ละช่วง
ฉากที่ดูแสนจะธรรมดา แต่เรียกความสุขความทรงจำวันเก่าๆมาได้ไม่ยาก
หลายครั้งเชื่อว่าหลายคนแอบน้ำตาซึมกับฉากโดนๆ...
ไม่ว่าจะเป็นฉากในห้องเรียนที่มีการทำความเคารพครู การจดชื่อคนที่คุยในห้อง
การแย่งกันอ่านหนังสือการ์ตูน การแอบกินขนมในห้อง การเคาะแปรงลบกระดานดำ
การแสดงงานวันเด็กแห่งชาติ การออกมาเชิญธงชาติหน้าเสาธง เสียงระฆังเลิกเรียน...
ฉากการเล่นแบบเด็กๆระหว่างเพื่อนในกลุ่ม ทั้งการเล่นเป่ากบ
การเล่นกระโดดยาง การเล่นต่อสู้กำลังภายใน การเล่นขายของ
การเล่นตุ๊กตากระดาษ การเล่นละครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูก...

นั่นเป็นความสุขของชีวิตวัยเด็กประถม
และดูจะเป็นเด็กประถมต่างจังหวัดเสียมากกว่า...
ผมแอบขอบคุณคนที่มีส่วนทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้น
เข้าใจว่ามาจากบันทึกสั้นๆก่อนจะไปสะกิดต่อมโหยหาอดีตของทีมผู้กำกับ
และถูกปั้นออกมาเป็นบทภาพยนต์ที่เสนอเรื่องราวแบบเรียบง่าย
หากสร้างความสุขให้กับผู้คนที่มีภาพอดีตอยู่ในลิ้นชักความทรงจำตั้งมากมาย....
ผมแอบอิจฉาทีมผู้กำกับและทีมงาน
ที่คงจะมีความสุขพิลึกในการได้มีโอกาสรำลึกอดีต
ระดมสมองดึงเรื่องราวเก่าๆออกมาต่อเติมจนหนังเล็กๆเรื่องนี้
กลายเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ด้วยความหมายที่เพียบพร้อมอยู่ในตัวของมันเอง...

เป็นความหมายของชีวิตในวัยเด็กที่เราทุกคนต่างมี
เราต่างเก็บมันไว้....
เราต่างอาจหลงลืม...
ทั้งความจริง..ความหมายของชีวิตในวัยที่ผ่าน
อาจสำคัญตรงที่ว่า
เราต่างมีเวลากลับมานั่งดูมันบ้างหรือเปล่าเท่านั้นเอง....




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551   
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 20:32:41 น.   
Counter : 240 Pageviews.  

Love Generation..True Love Never Runs Smooth

ฉากหนึ่งในวันออกอากาศวันแรกที่ทำให้ "ริโกะ" รู้จักกับ "เทปเป"
เป็นฉากที่"โอไดบะ"...เขตเมืองใหม่มุมหนึ่งในมหานครโตเกียว....มีสะพานสายรุ้งเป็นฉากหลัง

ด้วยบุคลิกของตัวละครที่สามารถสื่อถึงความเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่
ที่ซึ่งอยู่ในวัยทำงานและมีความเชื่อมั่นพลังหนุ่มสาวในตัวเองอย่างสูง...
แต่ความเข้มแข็งของคนทั้งสองกำลังเริ่มอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป
ที่ทั้ง "ริโกะ" และ "เทปเป" ต่างหลงรักในกันและกันเข้าให้แล้ว...



ละครเรื่องนี้ถูกตั้งชื่อว่า "รักนี้เพื่อเธอ"
หากแปลตรงตัวทื่อๆ...อยากจะเรียกว่า "ความรักที่ก่อเกิด" มากกว่า
ตลอดทั้งเรื่อง....เราจะมองเห็นความรักที่ค่อยๆก่อเกิดขึ้นมาระหว่าง "ริโกะ" กับ "เทปเป"
ซึ่งเป็นเรื่องปรกติที่จะมีปัญหา ความไม่เข้าใจ ความสับสน เกิดขึ้นมาระหว่างความสัมพันธ์นั้นเสมอ
หนังใช้แอปเปิ้ลคริสตัลใสเป็นตัวแทนของความรักระหว่างคนทั้งสอง
แอปเปิ้ลคริสตัลใสจะปรากฏในฉากหลายๆฉากที่คู่พระนางอยู่ด้วยกัน
ที่เมื่อมองผ่านแอปเปิ้ลใสเข้าไป บางครั้งจะเป็นภาพกับหัว เป็นภาพเบลอไม่ชัดเจน....
แสดงถึงความรักที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน....
ต่อเมื่อได้เห็นแอปเปิ้ลเป็น "แอปเปิ้ลสีแดง" ครั้งแรก
"แอปเปิ้ล" ที่แสดงถึงความรักที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
ความรักที่มีแต่ "ให้" อย่างไม่ "คาดหวัง"
ก็ฉากที่พ่อของริโกะโยน "แอปเปิ้ล" ให้ลูกสาวสุดที่รัก
ที่เลือกจาก "นากาโน่" กลับโตเกียวไปหา "เทปเป"อีกครั้ง....ด้วยความเข้าใจใน "รัก" แบบใหม่ๆ
หลังจากได้คุยกับพี่สาวตัวเองในคืนวันหนึ่ง และได้เรียนรู้ว่า
เราจะมีความสุขก็เมื่อเราได้อยู่กับคนที่เรารัก...
ความทุกข์ใจและไม่สมหวังใน "รัก" ที่เกิดขึ้น
เป็นเพราะ "เรา" มัวแต่"คาดหวัง"ที่จะให้อีกคนทำให้เรามีความสุขมากกว่า....



ฝั่ง "เทปเป" ที่โตเกียวยังก้มหน้าก้มตาสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงาน
โดยหวังจะพบกับคำว่า "โอเคสำหรับตัวเอง"....หรืออย่างน้อยก็ "เข้มแข็งมากพอ"...
ในวันที่ทัศนคติในการทำงานเปลี่ยนไป และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตนเอง
"เทปเป" กลับพบว่า ตัวเองไม่ได้มีความสุขกับมัน...เมื่อวันนั้นไม่มี "ริโกะ" อยู่เคียงข้าง

คืนหนึ่งหลังเลิกงานที่ร้านอาหาร....เมื่อ "เทปเป" บอกหัวหน้าตัวเองว่า
"ผมรู้สึกว่ายังไม่โอเคกับตัวเอง...ตัวผมเองยังไม่เข้มแข็งมากพอ แล้วจะดูแลคนอื่นได้อย่างไร?"
หัวหน้าผู้รู้เห็น"การก่อกำเนิดความรัก" ของคู่นี้มาโดยตลอด ยิ้มและบอกเทปเปว่า
"โอเคกับตัวเอง....คิดว่ามันทำได้ด้วยตัวคนเดียวเหรอ คนเราไม่เข้มแข็งมากขนาดนั้นหรอก..."



ฉากที่น่าประทับใจอีกฉากหนึ่งตอนใกล้จบ
เป็นฉากที่ "เทปเป" มาตาม "ริโกะ" ที่นากาโน่
และขอให้ "ริโกะ" พาขึ้นเขาไปดูสถานที่ที่ "ริโกะ" เคยบอกว่า
ที่นั่น เราสามารถเห็นดาวตกทุกสิบวินาที
เทปเปขอริโกะแต่งงานแบบซื่อๆที่นี่
ที่ที่มีคัตเอาท์ขนาดใหญ่เขียนว่า True Love Never Runs Smooth...
ว่าหากเขากลายเป็นตาแก่ หัวล้าน อ้วนลงพุง...ริโกะยังจะอยู่เคียงข้างเขาไหม?
แต่แม้ว่าวันข้างหน้า ริโกะจะกลายเป็นยายแก่ หนังเหี่ยว ขี้บ่น...เขาก็จะยังอยู่เคียงข้างเธอ
และทั้งสองจะมาดูดาวตกด้วยกันที่นี่....

แอปเปิ้ลคริสตัลใส...เปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลสีแดงอีกครั้ง
ตอนที่ริโกะกลับมาโตเกียว
และเทปเปเดินมาเจอริโกะที่เดิม...ที่ทั้งสองได้เจอกันครั้งแรก




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551   
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 20:57:37 น.   
Counter : 213 Pageviews.  

Dead Poets Society



ปี 1989
ครูครับเราจะสู้เพื่อฝัน...ชื่อหนังจั่วหัวไว้แบบนั้น
ชื่อน่าสนใจ...ชวนเพื่อนเข้าไปดูที่โรงเซ็นเตอร์ 1 สยามเซ็นเตอร์
สมัยสยาม ลิโด้ สกาล่า แมคเคนนา รามา เพรสสิเดนท์ เอเธนส์ ยังรุ่ง...
สมัยมาบุญครอง - นครหินอ่อนยังไม่หมาดกลิ่นแอร์ใหม่
ราคาตั๋วยังมี 20, 30, 40, 50 บาท
แน่นอนต้องเลือกที่นั่ง 20 บาท..เด็ก ม.ต้น เวลานั้น...ได้มีโอกาสดูหนังก็ดีถมแล้ว..

เป็นหนังในดวงใจ และเก็บไว้ในใจมาตลอดเกือบยี่สิบปีที่ผ่าน
หนังเสนอมุมมองเกี่ยวกับชีวิตในวัยหนุ่มสาวซึ่งเป็นวันวัยแห่งการแสวงหา

"คาร์เปเดียม - Seize the day - ฉวยวันเวลาเอาไว้"

ครูคีทติ้ง สอนนักศึกษาของเขาด้วยหลักการนี้
มุ่งหวังที่จะให้นักศึกษาได้เปิดใจในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ การค้นพบตัวตน การรู้จักตัวเอง
การไม่ยึดติดกับกรอบของการดำเนินชีวิตแบบเก่า...
ครูคีทติ้งทำหน้าที่ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กหนุ่มหนึ่งกลุ่ม
ซึ่งพวกเขาทำได้ดี ผ่านการรวมตัวกันก่อตั้ง "ชมรมกวีไร้ชีพ"
และที่แห่งนี้เอง ที่พวกเขาแต่ละคนได้แสดงออกถึงจินตนาการภายในตัวเอง
การได้เปิดใจ แลกเปลี่ยนความรู้สึกผ่านการอ่านบทกวี
ทั้งจากกวีบทเก่า หรือบทกวีที่พวกเขากลั่นออกมาจากตัวตนที่แท้จริง
ที่ซึ่งถูก "ระบบ" ต่างๆกดทับไว้มานานแสนนาน...

หนังจบด้วยความพ่ายแพ้ของครูคีทติ้งต่อระบบการศึกษาและระบบคิดแบบเก่า
โศกนาฏกรรมของเพื่อนในกลุ่มที่เกิดขึ้น...
นำมาซึ่งการแตกสลายของ "ชมรมกวีไร้ชีพ"
แต่พลังของหนังเรื่องนี้
กลับก่อเกิดชีวิตใหม่ในตัวของผู้คนตั้งมากมาย...

"ชมรมกวีไร้ชีพ" ไม่ได้หายไปไหน
หากยังอยู่ในใจใครอีกหลายคน...จากวันนั้นจนถึงวันนี้




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2551   
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 20:54:53 น.   
Counter : 242 Pageviews.  

1  2  

คีตกวี
Location :
สุรินทร์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add คีตกวี's blog to your web]