spooky161
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add spooky161's blog to your web]
Links
 

 

เดินเล่น Alone ที่สิงคโปร์ (23/6/2007)

มีโอกาสได้ไปสิงคโปร์เรื่องงานวันว่างไม่รู้จะทำอะไรก็เลยออกมาเดินเล่นถ่ายรูปคนเดียว ร้อนมากมายทั้งร้อนทั้งชื้นเดินนิดเดียวเหงื่อเต็มหลัง ทรมานโคตรแต่มาแล้วก็เดินซะหน่อยเพราะถ้าให้มาเองก็คงไม่มาหรอก ประมาณว่างกอ่ะ

ตอนเช้าก็มาเดินไชน่าทาวน์ เห็นตึกมันสีสวยดี ได้รูปมานิดหน่อยเพราะหามุมถ่ายยากมีแต่เสาบัง ตอนมาถึงร้านรวงยังไม่ค่อยเปิดกันเลย จริงๆมันก็ 9 โมงกว่าแล้วนะ คนที่นี่นอนตื่นสายกันจัง







เสร็จจากเยาวราชสิงคโปร์ ก็ไปต่อที่ลิตเติ้ลอินเดีย เพราะอยากไปดูตลาดแบบตลาดสดบ้านเรา เพราะมีคนบอกว่าถ้าอยากดูไรที่เป็นแบบตลาดที่เป็นตลาดให้มาที่นี่ เราก็มาแหละนะแต่ว่ามันก็ไม่เหมือนตลาดบ้านเราอยู่ดีเหมือนร้านขายของอินเดียมากกว่า ที่นี่เค้าไม่มีตลาดสดกันเลยรึไงนะ ไอ้เราก็พวกแบบไปที่ไหนแล้วชอบเที่ยวตลาด



จริงๆก็เดินแป๊บเดียวแหละเพราะของไม่รู้จะดูอะไรมีแต่ของอินเดีย สายๆเราก็เลยเดินทางไป Sentosa จริงๆตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่มันไม่มีไรทำไปเที่ยวฆ่าเวลาก็ได้ รูปนี้ถ่ายใน cable car ที่นั่งไป





ใน Underwater World ที่ชอบที่สุดคงจะเป็น แมงกะพรุนนี่แหละ อย่างอื่นก็เฉยๆ



พี่หลาม



ม้าน้ำ



เสร็จจากที่เซ็นโตซ่าเราก็ข้ามไปทานข้าวมื้อเที่ยง จริงๆมันก็บ่ายแก่ๆแล้วนะที่ Mount Faber วิวก็สวยดี แต่ขากลับก็เลยนั่งแท็กซี่กลับ เราก็นั่งมาลงที่ Bugis แหล่งช็อปปิ้งของวัยรุ่น แต่มานี่ไม่ได้จะมาช็อปปิ้งแต่จะมาเดินดูว่าที่ๆเค้าช็อปกันมันเป็นไง เพราะรร.ที่อยู่มันก็อยู่แถวออชาร์ดอยู่แล้ว มีแต่ห้างเบื่อมากมาย อยากมาดูแบบที่ช็อปแบบแบกะดินหน่อย ก็โอเคนะ

วิวสิงคโปร์โดยรอบ





จริงๆขึ้นไปถ่ายโดยใช้บอลลูน ก็งงๆตัวเองเหมือนกันว่าขึ้นไปทำไมวะ แต่ก็แบบอยากได้รูปมุมสูงอ่ะ ยอมเสียเงินก็ได้



เสร็จจากเที่ยว Bugis จริงๆเดินแป๊บเดียวแหละ เพราะไม่รู้จะซื้ออะไร ช็อปปิ้งเมืองไทยมันส์กว่าเยอะ ก็เลยแวะไปดูร้านกล้องที่ตึก Peninsula ดีกว่า แวะไปแล้วก็เสียเงินจนได้ ได้เลนส์เทเลมาใหม่หนึ่งตัว อดใจไว้ไม่ไหวเพราะราคามันล่อใจมากมาย ถูกกว่าเมืองไทยตั้ง 3 พันแน่ะ อยากได้เลนส์ไวด์ด้วยแต่ไม่ไหวตั้ง 2 หมื่นกว่า รอไปก่อนแล้วกันนะ

แล้วตกดึกก็ไปเที่ยว Night Safari กับสาวๆที่แบงค์ (แหะๆ สาวจริงๆแหละ)

วันรุ่งขึ้นด้วยความที่เห่อเลนส์ใหม่ก็เลยไปเที่ยวสวนนก Jurong



รูปที่ถ่ายด้วยเลนส์ตัวใหม่ โย่วๆ ยังไม่ค่อยคุ้น ถ่ายแล้วยังโฟกัสไม่ค่อยถูก ถ่ายมาโฟกัสหลุดตรึมประมาณโฟกัสหน้าแต่ดันไปชัดที่หาง ใช้ยากเป็นบ้า





เสร็จจากสวนนกก็นั่งรถข้ามจาก East ไป West ไปที่ Changi Village ไม่เห็นมีไรเลย ไม่รู้มาทำไม จริงๆถ้าจะไปที่นี่น่าจะนั่งเรือไปเกาะใกล้เคียงแต่เราว่ามันบ่ายแล้วเลยไม่ไปดีกว่ากลัวดึกเกินไป ก็เลยนั่งรถเมล์กลับมาแถว Geylang แล้วก็มาต่อที่ Malay Heritage Center แล้วก็ที่ใกล้ๆกันจำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าไร



ชอบบ้านแถวย่านนี้นะ สีสันสวยดี







เสร็จจากการท่องเที่ยวทั้งหมดถ้าจะไม่กลับมาถ่ายรูปแถวแบงค์ตัวเองก็จะกระไรอยู่ ยิ่งวันหยุดออฟฟิศปิดอย่างนี้ด้วยแล้วเหมาะแก่การถ่ายรูปยิ่งนัก แล้วที่อยากถ่ายมากก็ไอ้นกอ้วนข้างแบงค์นี่แหละ น่ารักดีชอบ ชอบมากกว่าไอ้รูปปั้นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ที่ยืนอยู่หน้าแบงค์อีก



นี่ก็โดมทุเรียน





สัญลักษณ์ของที่นี่ ในเมื่อมาแล้วก็ถ่ายซะหน่อย



ตึก UOB ถ่ายมาจากเรือ ตึกท่อนล่างก็เลยหายไปหน่อย ไม่เป็นไรหรอกมั๊งนี่ตั้งใจถ่ายแล้วนะเนี่ย



มุมนี้ใครๆมาก็ต้องถ่าย เด็กโดดน้ำหน้า Raffles Hotel ได้แต่เดินผ่าน ให้พักคงไม่มีปัญญา



Boat quay ถ่ายมาจากห้องประชุมที่แบงค์ที่ชั้น 9 ตึก 1 เป็นห้องประชุมที่วิวสวยมากมาย



หมดละกะการฆ่าเวลา 2 วันในสิงคโปร์




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2550    
Last Update : 8 ธันวาคม 2550 20:09:36 น.
Counter : 1362 Pageviews.  

สามชุกในวันฟ้าใส (5/5/2007)

หลังจากฝนตกกระหน่ำมาซะหลายวัน วันที่เราจะไปเที่ยวกันอยู่ดีๆฟ้าก็ใสขึ้นมาเชียว นี่แหละที่เค้าเรียกว่าฟ้าเป็นใจ วันนี้เราจะไปเที่ยวตลาดสามชุกกัน เป็นการไปเที่ยวเอาใจคนสูงวัยทั้งหลาย เนื่องจากพระมารดาอิฉันอยู่ดีๆก็โทรมาหาวันนึงบอกว่าไว้วันไหนเราไปเที่ยวตลาดสามชุกกันเถอะเนี่ยโทรทัศน์เค้าฉายอยู่ของกินเต็มเลยน่าไปเชียว ไอ้ด้วยความเป็นลูกที่ดีก็เลยสนองความอยากซะหน่อย บอกวันนี้อีก 3 วันไปเลย ก็เดินทางกันวันเสาร์ไปสุพรรณฯ นัดกับบ้านอาม่าไว้ไปเจอกันที่นั่นตอน 10 โมง แต่แล้วบ้านปากน้ำก็สายอีกตามเคย กว่าจะไปถึงตลาดก็ 11 โมงแล้ว ไปถึงตื่นเต้นกันใหญ่ของกินเพียบ โดยเฉพาะแม่อิฉันที่ชอบซื้อพวกขนมโบราณหรือของกินแปลกๆ มาถึงก็เอาเลย ข้าวห่อใบบัวกับหอยจ๊อ



ส่วนอีกบ้านก็สั่งขนมเบื้องไว้ก่อน 5 ถุง ตอนแรกเห็นก็ไม่เห็นน่ากินเลย แต่พอได้กินแล้ว อร่อยมากเลย ยิ่งกินยิ่งมันยิ่งกินยิ่งเพลิน



ดูเจ๊แกสิสนุกใหญ่เลย อันนี้ตอนซื้อข้าวห่อใบบัวกุ้ง



ขนมกะลอจี๊กับภาพข้าวห่อใบบัว



กะของกินต่างๆอีกมากมาย





แล้วเราก็ได้มาซื้อกาแฟที่ร้านกาแฟท่าเรือส่ง ที่ๆใครแวะมาก็ต้องมากินชากาแฟที่นี่ แต่ของเค้าก็อร่อยจริงๆแหละ ชอบ





อาม่าอิฉันเอง เวลามานั่งในร้านอย่างนี้ช่างเข้ากับบรรยากาศซะจริงๆ



สภากาแฟ ไม่ค่อยได้เห็นภาพอย่างนี้เท่าไหร่



จากนั้นเราก็เดินไปดูบ้านขุนจำนงฯที่เค้าเปิดเป็นเหมือนพิพิทธภัณฑ์ให้คนเข้าไปดูได้





ส่วนข้างล่างนี้ไม่ใช่คนที่อยู่บ้านนี้นะ แต่เป็นญาติๆอิฉันเอง





เดินมานิดนึงก็จะเจอ บ้านโค้ก มีแต่ของสะสมโค้กทั้งบ้าน



ที่อยู่ติดๆกันก็จะเป็นโรงแรมอุดมโชคที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นร้านขายเครื่องดื่ม และที่นั่งทานอาหาร



แล้วนี่อะไรก็ไม่รู้ หน้าตาคุ๊นคุ้น คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเล่นตอนเด็กๆ



และที่ประทับใจ และเจ๋งที่สุดในตลาดนี้คือ ผัดไทยนายเอ๋ อร่อยโคตรๆ ทั้งหอมทั้งกลมกล่อม ประมาณว่าตอนแรกนัดบ้านอาม่าไว้ว่าจะไปเจอกันที่ร้านข้าวห่อใบตองที่โด่งดังนักหนาเห็นออกโทรทัศน์ (คนละร้านกับข้าวห่อใบบัวที่ซื้อมา) พอเดินไปยังไม่ทันถึง 10 ก้าวเลยก็อดใจกันไม่ไหวต้องหยุดยืนโซ๊ยกันจนหมด บ้านนี้นี่เหลือเชื่อจริงๆ





แล้วท้ายที่สุดก็ไม่ได้กินร้านข้าวห่อใบตองเพราะเค้าบอกต้องรออีก 1 ชั่วโมงทำไม่ทัน เราก็เลยสั่งไว้ แล้วเดินไปกินร้านอื่นแทน แต่ร้านอื่นก็คนเต็มเหมือนกัน เลยเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อยโดยการซื้อของไปปิคนิคกันที่บึงฉวาก



ไม่ได้มานั่งกินปิคนิคริมน้ำอย่างนี้กันนานมากๆแล้ว นานมากจนจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ ยิ่งโลกเดินเร็วเท่าไหร่โอกาสที่จะได้มานั่งพร้อมหน้ากันกับครอบครัวใหญ่ๆแบบพร้อมหน้ากันยิ่งมีน้อยลงทุกที



พอกินเสร็จเราก็แวะไปเที่ยวในบึงฉวาก เที่ยวไปฝนตกไป ตอนเช้าดันไม่ตกมาตกตอนเย็นแทน





สรุปแล้ววันนี้กินเยอะมากๆ กินประมาณล้านแปด ถ้าให้สรุปคร่าวๆก็มี หอยจ๊อ ชาเย็น กาแฟเย็น หมูสะเต๊ะ ขนมเบื้อง ข้าวห่อใบบัว ข้าวห่อใบตอง ข้าวหลามมะพร้าวอ่อน ไอติมมะพร้าว ขนมจีบ กระเบื้องกุ้ง กระดูกหมูชุบน้ำผึ้งทอด บะหมี่เกี๊ยว เป็ดย่าง ผัดไทย แล้วปิดท้ายด้วยไปกินข้าวเย็นที่ร้าน (อืมจำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ) แต่จริงๆแล้วทุกอย่างเนี่ยไม่ได้กินคนเดียวนะซื้อมาแบ่งๆกันกินต่างหาก




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 0:45:38 น.
Counter : 1149 Pageviews.  

Pai อีกแล้ว (10/11/2006)

ทริปนี้จริงๆไปมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่เพิ่งจะมีโอกาสได้เอามาลงบล็อก จริงๆงานนี้ตั้งใจไปปล่อยอารมณ์เต็มที่หลังจากเลิกกะผู้ชายเพราะทุกปีต้องมาเที่ยวที่นี่กะหนูนาทุกที ตอนแรกว่าจะมาคนเดียวแล้วก็พี่สาวจอมยุ่งมันก็อยากจะมาด้วย เออ อยากไปด้วยกันก็มาแต่พี่สาวมันอยู่ได้แค่ 3 วัน 2 คืนแต่เราจะอยู่เที่ยวเชียงใหม่ต่อเพราะกะจะเข้างานราชพฤกษ์กับพี่อี๊ดซะหน่อย นัดกันไว้แล้วว่าไปเจอกันที่เชียงใหม่หลังจากเรากลับจากปาย

พอพี่สาวมาด้วยโปรแกรมทุกอย่างเลยเปลี่ยนหมด ตอนแรกว่าจะไปนั่งๆนอนๆอ่านหนังสือปล่อยรมณ์สุดฤทธิ์ กะว่าอารมณ์ติ๊สเต็มที่ ทีนี้พอมันมาด้วยก็เลยต้องพามันเที่ยว ไอ้ที่ๆเราเคยไปมาหมดแล้วก็ต้องพามันไปใหม่ เฮ้อยุ่งจริงๆเชียว แต่ก็ดีมีมันคอยถามโน่นถามนี่ชีวิตไม่เหงาดี

เราก็ออกเดินทางกันวันศุกร์กลางคืนด้วยรถบัสตามเดิม มาถึงก็นั่งรถตู้ต่อมาปายทันที นั่งกันตูดบาน ไอ้พี่สาวบอกสนุกดี พอมาถึงปาย เอาล่ะสิจะไปเกสต์เฮาส์ยังไงดีเนี่ย รถมอไซค์ก็ขับไม่เป็น ปั่นจักรยานก็ไม่ไหวหรอกกระเป๋าพะรุงพะรังขนาดนี้ แล้วก็มีพี่โชเฟอร์คนนึงเค้าถามว่าจะไปมั๊ย คิดไปคิดมาจ้างเค้าไปส่งดีกว่าถ้าขี่มอไซค์ไปคงไม่ถึงแน่ๆ รถพี่เค้าเก่ามากๆเลย เห็นตอนแรกนึกถึงรถป๊าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยังคิดในใจเลยว่าจะถึงมั๊ยเนี่ย แต่ก็โอเคนะขับได้ไม่มีปัญหา พอนั่งรถไปด้วยกันพี่เค้าก็ถามว่าอยากให้เค้าพาเที่ยวมั๊ยแบบเหมาครึ่งวัน ปรึกษากับพี่สาวแล้วท่าทางมันคงอยากเที่ยวก็เลยเออเหมาก็ได้

หลังจากเอากระเป๋าเก็บที่เกสต์เฮาส์ที่แรก อืมชื่อ ณ ปาย หรือ De Pai เป็นเกสต์เฮาส์ติดริมน้ำน่ารักดี บรรยากาศก็ดี











แล้วเราก็ออกไปแรดกันเลย ไปที่แรกก็น้ำตกหมอแปง มาปาย 2 ปีที่แล้วแต่ก็ไม่ได้มาที่นี่ มีคราวนี้แหละถึงได้มา น้ำก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเที่ยงที่หมู่บ้านจีนยูนาน คราวนี้ได้กินขาหมูหมั่นโถวแล้ว อร่อยดี ตอนบ่ายเราก็ไปต่อที่บ่อน้ำพุร้อน ไปต้มไข่กินกัน แต่ไปต้มอย่างเดียวไม่ได้กินหรอก ค่อยเอาออกมากินตอนเย็นเพราะอิ่มมากยัดไม่ลงแล้ว



พี่กังวาล ชื่อที่เรามารู้ทีหลังว่าเป็นชื่อพี่คนขับนี่เอง เค้าก็มาส่งเราที่ตัวเมืองเพื่อเราจะได้เดินเล่นกัน แล้วค่ำๆเค้าค่อยไปส่งเรากลับที่พัก เราก็ไปเดินเล่นในตัวเมือง ไปนวดแผนโบราณแล้วก็หาข้าวเย็นกิน

เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้เราเหมารถตู้ไปกัน 2 คนกับพี่สาวให้เค้าพาไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน เปลืองเงินโคตรๆแต่ก็เอาเหอะเพราะพี่สาวมันไม่เคยไป พามันไปหน่อย



เราก็ไปแวะที่แรก ถ้ำลอด วันนี้น้ำไม่เยอะเลยเข้าได้ถึงถ้ำที่ 3 คราวที่แล้วมาเข้าได้แค่ถ้ำแรกเพราะน้ำหนุนเรือเข้าไม่ได้ แต่จริงๆแล้ว 2 ถ้ำหลังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่มีแต่ขี้ค้างคาวเหม็นโคตรๆ ออกมายังกลัวเป็นไข้หวัดนกเลย ไม่รู้มันเกี่ยวกันเปล่าแต่เห็นเป็นสัตว์ปีกเหมือนกันอ่ะ





ที่ต่อไปก็มาที่บ้านห้วยเสือเฒ่า มาดูกะเหรี่ยงคอยาว มันไม่เห็นเหมือนสมัยโบราณตอนที่ป๊าเคยมาเที่ยวเมื่อสิบปีที่แล้วแล้วเอารูปให้เราดูเลย







จากนั้นก็แวะกินข้าวที่ร้านเฟิร์นในตัวเมือง มาที่นี่ทีไรกินร้านนี้ทุกที จากนั้นเราก็แวะไปภูโคลน ไปแวะซื้อผลิตภัณฑ์มาทำสปาที่เกสต์เฮาส์



กว่าจะกลับมาถึงปายก็ค่ำมากๆแล้ว ประมาณ 2 ทุ่มได้ คืนนี้เราเปลี่ยนเกสต์เฮาส์ใหม่มาพักที่บ้านน้ำปาย รีทรีท ตอนโทรมาจองพี่เค้าก็บอกเราแล้วว่าทางเข้ามันค่อนข้างมืดแล้วรถเข้าไม่ถึงต้องเดินข้ามสะพานไม้เข้ามา พอมาถึงก็มืดจริงๆมืดจนมองไม่เห็นที่พัก พอรถเราเข้ามาจอดที่ฝั่งตรงข้าม ทางเกสต์เฮาส์เค้าก็เปิดไฟฉายรีบเดินมารับเรา เราถึงเพิ่งเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีเกสต์เฮาส์อยู่ กว่าจะเดินมาถึงที่พักได้ก็ทำเอาเหนื่อยเพราะมันมืดแต่ดีที่พี่เค้าถือกระเป๋าให้ พี่ที่นี่เค้าก็ดูแลเราดีนะ เรามาถึงดึกแล้วเค้าก็ยังอุตส่าห์ทำข้าวให้กิน ดูเค้าจะห่วงความเป็นส่วนตัวของพวกเรามาก เพราะเค้าจะถามพวกเราก่อนว่ามีกลุ่มนึงมาพักที่บ้านใกล้ๆเรา อยากย้ายไปอีกหลังที่ไกลกว่ามั๊ยจะได้เงียบหน่อย เออ.. อยากบอกพี่ว่าไม่ต้องหรอกค่ะมีคนอยู่บ้านใกล้ๆก็ดีจะได้ไม่เหงา จริงๆกลัวอย่างอื่นมากกว่าเพราะตรงที่ตั้งของบ้านมันดูมืดๆไม่มีไฟเลยน่ะ แต่พอตอนไปถึงที่บ้านพัก ตื่นเต้นมากเพราะเค้าแต่งห้องเก๋ดีถึงแม้บ้านจะดูเป็นบ้านไม้มืดๆหน่อยเพราะไม่มีไฟแต่ก็ได้อารมณ์ดี เอาเป็นว่ารวมๆแล้วชอบ เก็บกระเป๋าเสร็จเราก็เดินมานั่งที่ร้านอาหาร พี่เค้าก็ทำอาหารมาให้กิน เราก็กินไปนั่งเขียนโปสการ์ดไป มีฟามสุขโคตรๆ ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่บ้านพักมองขึ้นไปบนฟ้า โหสวยโคตรๆ ดาวเต็มฟ้า อยากจะหมุนๆๆๆๆตัว ก่อนนอนเราก็กลับมาทำสปาหน้ากันด้วยความที่บ้าเห่อโคลนที่เพิ่งซื้อมา สองพี่น้องเลยพอกหน้ากันใหญ่ กะพรุ่งนี้ตื่นมางามเลย



ตอนจะนอนไอ้เราก็อยากจะเปิดประตูนอนจะได้มองไปเห็นแม่น้ำ แต่ไอ้พี่สาวไม่ยอมไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา ก็เลยต้องปิดประตูนอนฟังเสียงน้ำไหล โอ้...ชิลสุดๆ



เช้าวันใหม่ รีบแหกตาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว นัดกับญาติไว้ว่าจะไปเจอกันตอนเที่ยงเพื่อเข้างานราชพฤกษ์ เสียดายมากได้อยู่ที่เกสต์เฮาส์นี่แป๊บเดียวเอง ก็เลยรึบตื่นแต่เช้ามาเดินถ่ายรูป









ที่นี่มีหมาแก่อยู่ตัวนึงด้วย Basset Hound หมาพันธุ์โปรด



แล้วเราก็ต้องจากปายมาด้วยภาระกิจที่ต้องไปพบญาติ ตอนบ่ายๆเราก็เข้างานราชพฤกษ์กัน โหร้อนสุดๆ ร้อนจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ก็เดินๆถ่ายรูป แล้วก็ออกจากงาน พอตกหัวค่ำเราก็แวะทานข้าวในเมือง เสร็จแล้วเราก็ต้องแยกกับพี่สาวและญาติแล้วเพราะพี่สาวเรามันต้องกลับบ้านคืนนี้ส่วนญาติเค้าก็ต้องกลับลำปาง แต่เราจะอยู่เที่ยวเชียงใหม่ต่อ ก็เลยแยกกันตอนนั้น เราก็ไปเดินงานถนนคนเดินต่อคนเดียว ช็อปปิ้งซะเพลินแล้วก็กลับเข้าที่พัก ตกดึกอยู่คนเดียวชักเหงาเริ่มเกิดอารมณ์เศร้าๆอีกแล้วเลยรึบโทรไปหาเพื่อนดีกว่า นี่แหละข้อดีของการมีเพื่อนดี

วันนี้นัดพี่อี๊ดไว้ให้มารับตอนสายๆ นัดกันไปงานราชพฤกษ์ ตอนเช้าเราก็เลยตื่นไปเดินเล่น ก็ไม่รู้จะไปไหนเลยเดินไปกาดสวนแก้ว ไปหาที่นวดฝ่าเท้า กิจกรรมของคนไม่มีไรทำ เสร็จแล้วก็หากาแฟกินแล้วก็เดินกลับมาที่พักมารอพี่อี๊ด สายๆเจ๊แกก็มารับ ก็แวะไปหาอะไรกินแล้วก็เข้างานตอนบ่ายแก่ๆ ก็ถ่ายรูปมาได้นิดหน่อย เพราะเข้าไปค่อนข้างเย็นถ่ายได้แป๊บเดียวก็ไม่มีแสงแล้ว

























 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2550 1:01:55 น.
Counter : 374 Pageviews.  

เกาะทะลุหลังมรสุมกระหน่ำชีวิต (30/3/2007)

และแล้วการเดินทางเล็กๆก็เริ่มขึ้นหลังจากเจองานกระหน่ำ เป็นการไปเที่ยวที่เตรียมตัวน้อยมาก ฝากพี่เค้าไปซื้อแพคเกจที่งานไทยเที่ยวไทยพอได้เวลาก็แพ็คกระเป๋าออกเดินทางกับพี่อุ้ม 2 คน ตอนแรกว่าจะเอารถไปตรวจสภาพก่อนแต่ก็ไม่มีเวลาก็เลยออกเดินทางทั้งๆอย่างนั้น เราออกเดินทางกันแต่ตี 4 เพื่อไปให้ทันเรือรอบ 9 โมงครึ่ง แต่กว่าจะได้ออกจริงๆก็เกือบตี 5 แต่เราก็ไปทันเวลา

รีสอร์ทที่ไปชื่อบ้านมะพร้าวเกาะทะลุ เป็นรีสอร์ทเดียวที่มีบนเกาะ จริงๆจะว่าเป็นเกาะส่วนตัวก็น่าจะได้เพราะที่เกือบทั้งหมดเป็นของเจ้าของรีสอร์ทส่วนที่ไม่ใช่ก็เป็นเขาซื่งอยู่ไม่ได้



นั่งเรือสปีดโบทไป 15 นาที ก็ถึงหาดยาว ที่นี่มีที่พักอยู่ 2 หาด หาดยาวกับอ่าวลึก ทั้ง2หาดเป็นของเจ้าของเดียวกันแต่เราเลือกพักหาดยาวเพราะมีแอร์ ถ้าที่อ่าวลึกจะเงียบกว่าและไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวก

มาถึงที่เกาะก็จะมีลุงแก่ๆคนนึงออกมารับ ความรู้สึกแรกกับลุงคนนี้คือเฉยๆ แต่ทำไมลุงแกพูดเก่งจัง พูดภาษาอังกฤษเจื้อยแจ้วสุดฤทธิ์ พนักงานบนเกาะเรียกแกครูเล็ก แสดงว่าต้องเป็นที่นับถือของที่นี่ แกเป็นคนคอยดูแลความเรียบร้อยและรับรองแขก วันที่เราไปกันมีแต่ฝรั่ง เห็นมีคนไทยอยู่กลุ่มเดียวแต่เค้าเป็นพวกที่มาเช้าเย็นกลับ ก็แสดงว่าวันนี้มีเรากลุ่มเดียวที่เป็นคนไทย



มาถึงที่รีสอร์ทก็ 10 โมงกว่าๆ ครูเล็กนัดให้ออกไปสน็อกเกิลตอนบ่าย 3 ด้วยความที่เมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะกว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มกว่า กว่าจะจัดกระเป๋านั่งทำนั่นทำนี่ ดีที่ตอนขับรถไม่ง่วง ก็เลยได้เวลานอนเอาแรง

พอบ่ายสามพวกเราก็ออกไปสน็อกเกิลกัน มีไปสน็อคเกิล 2 จุด ถ้าถามว่าสวยมั๊ยก็เฉยๆนะ อาจเพราะเห็นมาเยอะแล้วมั๊ง แต่น้ำทะลสีสวยมาก มองไม่เบื่อเลย



พอเย็นๆเค้าก็พาเรากลับเข้าที่พัก สีน้ำทะเลตอนเย็นสีสวยมาก เราก็เดินเล่นนั่งดูน้ำทะเลแล้วก็เดินถ่ายรูป มีความสุขมาก ตกกลางคืนน้องโทรมาถามว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เราบอกไปว่าไม่ได้ทำอะไรเลย นอนกินนั่งดูทะเล เป็นวันที่เราไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากนั่งซึมซับบรรยากาศ ยังพูดกับพี่อุ้มอยู่เลยว่าแปลกดีไม่ได้เห็นฟ้าตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินมานานแล้ว ทุกทีออกจากแบงค์ก็มืดตื๊ดตื๋อทุกที เหมือนกลายเป็นคนเก็บกด วันนั้นเลยนั่งดูพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้าไป

วันที่ 2 วันนี้เค้าจะพาไปสน็อคเกิลตอนเช้าอีกแล้ว ด้วยความที่เค้าจะไปจุดเดิมก่อนและจะมีเพิ่มไปอีกจุดนึงพวกเราเลยไม่ไป แต่เลือกไปพายคายัคแทน น้ำทะเลนิ่งมาก สีน้ำตอนเช้าอมเขียวแต่พอบ่ายๆจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เพราะแสงพระอาทิตย์นั่นเอง



ตอนพายคายัค พี่อุ้มเป็นคนพายให้ ฮ่าๆสบ๊ายสบาย กว่าจะได้กลับเข้าฝั่งอิฉันหน้าไหม้ส่วนพี่อุ้มขาไหม้ แต่ก็สนุกดี พี่อุ้มพายไปให้ดูหอยมือเสือด้วย น้ำใสมากจนมองลงไปเห็น เจอกระเบนตัวเล็กๆด้วย ตอนแรกนึกว่าลูกกระเบนแต่พอไปเล่าให้ครูเล็กฟังแกบอกเป็นอีกพันธุ์นึงจำชื่อไม่ได้แล้ว

ตอนบ่ายครูเล็กก็พาขึ้นจุดชมวิว แต่เราสองคนก็ไม่ไปอีกตามเคย รู้สึกมาเที่ยวคุ้มมาก แต่ไม่อยากทรมานสังขารนี่หน่า สิ่งที่ทำก็คือเอาโน๊ตบุคออกมาทำงาน ทำไปได้นิดนึงก็เซ็งเลยเลิกทำ พอตอนบ่ายก็เดินไปนวดที่ชายหาด เฮ้อสบายโคตร



นอนนวดไปมองฝรั่งเล่นน้ำไป เพลินดี หาดที่นี่เงียบมากมีแต่แขกที่มาพักซึ่งก็มีแต่ฝรั่ง แถมทรายขาวเนียนละเอียด ได้ใจมากๆ



อ้ออีกอย่างที่คอยอยู่เป็นเพื่อนแขกก็คือไอ้ตัวข้างล่างนี้ บนเกาะมีอยู่หลายตัวเหมือนกัน มันมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดีมาก ใครเดินไปไหนมันต้องคอยเดินตาม เหมือนกับจะเดินไปเป็นเพื่อนแขกอย่างนั้นแหละ ขนาดตอนเราไปเดินเล่นคนเดียวมันยังเดินตามมากันเป็นฝูงเลย



ที่นี่เค้ามีเรือให้แขกเล่นอยู่ 2 อย่างก็คือเรือใบกับคายัค ถ้าจะเล่นเรือใบต้องบอกครูเล็กแกจะพาออกไป ครูแกนี่เก่งจริงๆทำทุกอย่าง



เด็กฝรั่งข้างล่างนี้มากับคุณพ่อนักว่ายน้ำ พ่อแกชอบเล่นน้ำมากๆ เห็นพ่อแกที่ไหนก็ต้องเห็นเอาลูกเล่นน้ำด้วยทุกครั้ง เป็น 2 พ่อลูกนักว่ายน้ำจริงๆ



พอตอนเย็นครูเล็กก็พาอ้อมหลังอ่าวเทียนไปดูสุสานปะการัง แกบอกว่ามันเกิดจากพายุพัดเอาปะการังขึ้นมา น้องๆซึนามิเลยล่ะ แต่ที่เจ๋งมากคือตอนเดินมาถึงอ่าวเทียนจะเห็นพระอาทิตย์ดวงเบ้อเริ่มอยู่ตรงหน้าแต่พอเดินข้ามเขามาหลังอ่าวเทียนก็จะเห็นพระจันทร์กำลังขึ้นแทน (พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดี) แล้ววันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงด้วย

เช้าวันสุดท้าย จะกลับบ้านแล้ว วันนี้มีพี่บ้านนึงเค้าออกไปเล่นเรือใบ ครูเล็กออกไปด้วย เราก็รีบตื่นไปถ่ายรูปเค้ากางเรือใบกัน ไม่เคยเห็น แต่มาช้าไปหน่อยมาถึงเค้ากางกันเสร็จแล้ว



เรือใบเวลามันแล่นบนน้ำนี่มันสวยจริงๆ



นี่เป็นรูปที่ถ่ายจากโต๊ะกินข้าว เราได้นั่งกันแถวหน้าสุดด้วย



นี่เป็นรูปโต๊กินข้าวที่เรานั่งกินทุกมื้อ จะเห็นว่าเป็นโต๊แรกที่ยื่นไปเยอะสุด วิวดีสุดๆ



เอาภาพตอนเดินไปดูสุสานปะการังให้ดู นี่เป็นภาพที่ถ่ายจากอ่าวเทียน พี่สองคนนั้นก็คือพี่ที่รู้จักกันตอนเดินไปด้วยกัน



แสงพระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าอาบชายหาดอ่าวเทียน สวยจนอยากจะกรี๊ด ไม่อยากเชื่อว่าจะมี moment นี้ น้ำทะเลสีฟ้าใสนิ่งสนิท ชายหาดที่เงียบสงัดจนได้ยินเสียงหายใจตัวเอง พระอาทิตย์สีเหลืองทองส่องอยู่ตรงหน้า



คงจะจำ moment นี้ไปอีกนาน



ความทรงจำที่สวยงาม ณ เกาะทะลุ




 

Create Date : 08 เมษายน 2550    
Last Update : 8 เมษายน 2550 2:16:55 น.
Counter : 1057 Pageviews.  

เวียตนามกับเดอะแก๊งค์ - ตอนจบ (9-16/7/2006)

วันรุ่งขึ้นวันนี้นัดรถตู้พี่เพียรให้มารับ พี่เค้าอยู่ที่ลาวแต่วิ่งรถลาวเวียตนามประจำ พี่คนนี้จะอยู่กับเราจนถึงวันสุดท้ายเพราะต้องส่งเรากลับบ้าน ตอนเช้าพวกเราก็ไปเที่ยวเมืองเก่าของชนเผ่าจามปากัน พอมาถึงที่นี่เค้าก็มีการแสดงโชว์นางอัปสราพอดี โอ้โหวี๊ดวิ้วสุดๆ



ที่นี่ก็เป็นเมืองเก่าจริงๆเก่าจนจะไม่เหลือซากอยู่แล้ว ในบางจุดเค้าต้องเอาเหล็กมาค้ำไว้เพราะอิฐมันกำลังจะทลายลงมา เห็นแล้วน่าเสียดายเค้าน่าจะทะนุบำรุงมันให้ดีกว่านี้



ระหว่างทางจากฮอยอันกลับมาดานังเราก็แวะเที่ยวภูเขาหินอ่อนกัน ที่นี่ก็จะมีร้านขายหินอ่อนแกะสลักชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างตามความชอบ



พอมาถึงดานังพี่เพียรก็พามาแวะกินสุกี้ สุกี้ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มแถมเครื่องก็มีแต่ผัก ตอนแรกนึกว่าจะกินไม่ได้เพราะดูมันจืดๆแถมมีแต่ผักอีกต่างหากแต่พอลองชิมน้ำแกงหวานสุดๆ อร่อยดี ที่ดานังนี่จะเป็นเมืองท่าแล้วก็ติดทะเล เพราะฉะนั้นที่นี่จะมีชาวประมงอยู่เยอะ เวลาเย็นๆก็จะเห็นกระจังไปลอยอยู่ในทะเล กระจังนี่เป็นเหมือนเรือที่เค้านั่งออกไปตกปลา พอกลางวันไม่ได้ใช้ก็เอามาผึ่งแดด



แล้วเราก็เรียกร้องให้พี่เพียรพาขึ้น Hai Van Pass พี่เค้าบอกว่าตั้งแต่อุโมงค์เสร็จ รถส่วนใหญ่ไม่ค่อยขึ้นกันเพราะมันชันแล้วก็ไกลกว่า แต่ด้วยความที่อยากขึ้นไปชมความสวยเลยขอให้เค้าพาไป





พอลงมาจาก Hai Van ก็จะเจอ Lovina Beach จากที่นี่ก็ไม่ไกลจากเมืองเว้เท่าไหร่แล้ว เว้คือที่ๆเราจะไปนอนในอีกสองคืนสุดท้าย



พอมาถึงเว้เราก็เข้าพักที่โรงแรม Duy Tan ที่นี่พี่เพียรแนะนำบอกคนไทยชอบมาพัก ราคาก็ไม่แพงห้องละ 3 คน ตก $25 ต่อคืน ห้องกับเตียงดีด้วย วันนี้ตอนเย็นก็ไปกินบะหมี่เกี๊ยว รสชาติใช้ได้ พอเสร็จก็เดินชอปปิ้งอีกแล้วที่นี่ของถูกกว่าฮอยอันอีกแต่ไม่รู้จะซื้ออะไรแล้ว ก็เลยเดินเล่นและก็แวะกินน้ำแข็งใสก่อนกลับโรงแรม

วันนี้ตามโปรแกรมเราก็เที่ยวเว้กันก็จะไปสุสานกับวังเก่า สุสานที่ไปกันที่แรกชื่อ ไคดิงห์







ที่ๆสองชื่อ ตือดึ๊ก อ่านย๊ากยาก ที่เว้นี่สุสานเยอะมากๆแต่เราเลือกไปแค่ 2 ที่ๆสวยที่สุดพอ อากาศวันนี้กำลังดี เย็นสบาย ถ้าอากาศเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกก็คงดี



ระหว่างทางก็จะมีร้านขายธูป เห็นสีสันสวยดี





พอเสร็จจากเที่ยวสุสานเราก็ไปลงเรือ ชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำหอมเพื่อไปขึ้นฝั่งที่เจดีย์เทียนหมุ



จากนั้นก็ไปเที่ยววังต่อกันเลย รู้สึกเหมือนชะโงกทัวร์เลย คือดูๆถ่ายรูปแล้วก็ไป อาจเพราะพวกเราไม่ค่อยชอบลงรายละเอียดมากนักเอาแบบเที่ยวให้พอรู้และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็สนุกแล้ว



พอออกจากวังพี่เพียรก็พามาร้านทานข้าวอีกร้านนึง ออกจากประตูด้านข้างมาก็เจอเลย ร้านนี้ประทัปใจมากๆอาหารอร่อยแถมพี่เค้าแถมที่เปิดขวดทำเองมาให้คนละอันด้วย ชื่อร้าน Lac Thien ร้านนี้ก็ดังในเวปเห็นคนแนะนำไว้เยอะเหมือนกัน



จบทริปที่เว้ด้วยภาพของสะพานหลากสี ต้องไปวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้นเค้าถึงจะมีเปิดไฟ มันก็เป็นไฟสีสลับไปมา ดูแล้วก็สวยดี



วันกลับพวกเราก็นั่งรถ 3 ประเทศ ออกจากเวียตนามแต่เช้าตรู่เข้าลาวแล้วพี่เพียรเค้าก็ส่งพวกเราที่ด่านลาว มาถึงที่ด่านแบบเฉียดฉิวอีก 10 นาทีด่านปิด ด่านจะปิดตอนบ่าย 3 โมงตรง ก็ทำเรื่องข้ามแดนแล้วก็ข้ามเรือมาฝั่งไทย ต้องขอบคุณหัวหน้าเล่งเล้งที่อุตส่าห์มารับพวกเราจากมุกดาหารทำให้พวกเราได้ไปกินอาหารอร่อยๆที่สกลก่อนกลับกรุงเทพกัน




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2549    
Last Update : 29 สิงหาคม 2549 21:09:09 น.
Counter : 820 Pageviews.  

1  2  3  4  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.