Bloggang.com : weblog for you and your gang
spooky161
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Group Blog
เรื่องหมาๆ
การเดินทางของฉันและเธอ
ถ่ายไปงงไป
All Blogs
เดินเล่น Alone ที่สิงคโปร์ (23/6/2007)
สามชุกในวันฟ้าใส (5/5/2007)
Pai อีกแล้ว (10/11/2006)
เกาะทะลุหลังมรสุมกระหน่ำชีวิต (30/3/2007)
เวียตนามกับเดอะแก๊งค์ - ตอนจบ (9-16/7/2006)
เวียตนามกับเดอะแก๊งค์ - ตอนที่ 2 (9-16/7/2006)
เวียตนามกับเดอะแก๊งค์ - ตอนที่ 1 (9-16/7/2006)
ชุมพร (21/04/2006)
ทะเลตรัง (06/04/2006)
อีกครั้งกับแม่ฮ่องสอน (17/12/2005)
แม่ฮ่องสอน (21/10/2004)
เดินป่าเขาสก-เขื่อนรัชประภา (3/12/2005)
เพชรบูรณ์กับม๊าหมี่ (16/10/2005)
วังเวียง-หลวงพระบาง (12/08/2005)
ตอน 3:สามสาวบ้าตะลุยบาหลี Bali(21/06/2005)
ตอน 2:สามสาวบ้าตะลุยบาหลี Bali(21/06/2005)
ตอน 1:สามสาวบ้าตะลุยบาหลี Bali(21/06/2005)
Friends' blogs
dont wanna no
Zantha
กำปงพิราเทวี
ป้ามด
Jeban
Phoebe Buffay
MakeUpGuru83
k.j
รำเพย
ge-or-ge
Webmaster - BlogGang
[Add spooky161's blog to your web]
Links
BlogGang.com
เดินป่าเขาสก-เขื่อนรัชประภา (3/12/2005)
ทริปนี้เป็นทริปทรมานกายแห่งปี เริ่มด้วยการเดินทางไปเขาสก พวกเรา 4 คน (คราวนี้ลากพี่กับน้องสาวไปด้วยกัน) นั่งรถบขส.ไปลงตะกั่วป่า แล้วพี่ปลาจากเขาสกทัวร์ก็มารับพวกเราไปที่ออฟฟิศเค้าเพื่อเตรียมตัวเดินป่า ระหว่างทางพี่เค้าก็พูดให้ฟังว่าวันนี้พวกเราต้องเจออะไรบ้าง คร่าวๆก็คือเราต้องเดินขึ้นและก็ลงเขาเป็นระยะทาง 3 กม.เพื่อไปยังน้ำตกธารสวรรค์เพื่อไปโรยตัว ทางจะเป็นแบบขึ้นเขาอย่างเดียวแล้วก็ลงอีกครึ่งทาง เสร็จจากโรยตัวต้องเดินป่าออกมาอีก 3 กม. รวมแล้ว 6 กม. พี่เค้าบอกว่ามีอีกทางจะเดินง่ายหน่อยเพราะไม่ค่อยขึ้นเขาแต่ก็เดินลำบากเหมือนกันเพราะเป็นทางป่า ให้เลือกเอาว่าจะเดินทางไหน เราก็เลยตามเสียงหมู่มากที่จะเดินขึ้นเขาซึ่งก็เป็นทางป่าเหมือนกันนั่นแหละ พี่เค้าถามด้วยว่าเคยเดินป่าที่ไหนมาก่อนรึเปล่า เราก็บอกว่าไม่เคย พี่เค้าก็เฉยๆแล้วพูดว่าไม่เป็นไรของอย่างงี้มันอยู่ที่ใจ ถ้าสู้ซะอย่างก็ไม่เป็นไร (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าพี่เค้าหมายถึงอะไร)
ถึงเวลาเตรียมตัว (ตอนนี้ยังร่าเริงอยู่ เพราะยังไม่รู้ว่าต้องไปเจอกับอะไรบ้าง)
รูปช่วงการเดินทาง 2 วันแรกไม่มีให้ดูนะคะ เพราะมันพังไปกับกล้องโอลิมปัสตัวโปรด คงมีแต่ความทรงจำที่ถ่ายทอดมาเป็นตัวหนังสือ กับภาพบางส่วนจากกลัองพี่สาว
อันนี้ถ่ายที่หน้าออฟฟิศเขาสกทัวร์ พี่ๆที่นี่ดูแลดีมาก มีไกด์ที่พาเราไปทั้งหมด 4 คน มีพี่ปลา (เจ้าของเขาสกทัวร์) พี่ลูกหมู พี่ใบ้ (คนนี้เป็นใบ้แต่พูดมากๆๆๆๆ แบบใช้มือเอาอ่ะ) และก็พี่ผมยาว (จำชื่อไม่ได้) วันที่ไปเราไปจอยกับอีกกรุ๊ปนึงด้วย กลุ่มนี้แข็งแรงมากเดินก็เร็วด้วย
ช่วงแรกของการเดินป่าก็เป็นทางขึ้นเขาตลอด กลุ่มที่ไปกับเราเค้าเดินนำหน้าไปก่อนเพราะเค้าเดินเร็ว
อันนี้เป็นภาพทางเข้าป่า
ซักพักพี่เค้าวอมาบอกกลุ่มเราว่าพวกเราเดินช้าถ้าอย่างนี้ไม่ทันมืดแน่ให้เราถอยกลับแล้วไปเข้าอีกทางนึง พวกเราก็ต้องเดินลงเขากลับทางเดิม (เฮ้อเหนื่อยนะเฟ้ย) คนที่กลับก็มีเราสามสาวที่เมื่อกี้ยังร่าเริงอยู่แต่ตอนนี้ก็ยังร่าเริงอยู่นะ
(ทางลงเขาที่ลื่นชันจนบางครั้งไม่กล้าเดินต้องเอาก้นไถลงมา)
พี่ไกด์ผมยาวพาพวกเรากลับแล้วมานั่งรถของอุทยานเพื่อเข้าไปที่น้ำตก นั่งรถมาประมาณ 3 กม.ก็ถึงจุดกางเต้นท์คืนนี้ ตอนแรกนึกว่าเดินอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงน้ำตกที่ไหนได้ต้องเดินอีก 3 กม.ถึงจะถึงน้ำตก ทางก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อกี้เท่าไหร่ ต้องเดิน ป่า 2 กม.แล้วเดินลำธารเข้าไปอีก 1 กม. บางช่วงต้องปีนป่ายขึ้นเขา (จะเรียกว่าเกาะขอบดินขึ้นไปมากกว่า) ขาทั้งล้าแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ต้องเดินต่อไป เกิดมาไม่เคยลำบากอะไรอย่างนี้มาก่อน คิดอย่างเดียวว่าต้องออกไปจากป่านี้ให้ได้
พอตอนเที่ยงพวกเราก็ได้พักผ่อน ก็นั่งทางข้าวกันที่ลำธารนั่นเลย มื้อนี้อร่อยที่ซู๊ด
พอไปถึงน้ำตกก็ต้องปีนขึ้นไปอีก 70 เมตรเพื่อโรยตัวลงมา เฮ้อเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แต่พอโรยตัวลงมาแล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ขากลับก็กลับมาทางเดิมอีก 3 กม. รวมแล้วเดินเกือบ 7 กม. แต่ตอนขากลับมีอยู่ช่วงนึงที่ต้องข้ามลำธาร พี่เค้าก็ให้ข้ามแบบใช้รอก เพิ่มความมันส์
ออกมาจากป่าได้ก็ 5 โมงกว่าแล้ว โชคดีไม่มืดซะก่อนเพราะไม่งั้นคงออกจากป่าไม่ได้ ที่น่ากลัวคือตอนขากลับได้ยินเสียงเสือคำรามด้วย เสียงมันก้องๆยังไงไม่รู้ ทุกคนในกลุ่มได้ยินกันหมดแต่ไม่มีใครกล้าทัก
ออกมาถึงเต้นท์ได้ก็อาบน้ำกันริมลำธารตรงนั้นเลย เปิดถุงเท้าออกมาโหโดนทากกัดตั้ง 12 แผลแน่ะ เลือดไหลไม่หยุด กว่าจะหยุดได้ตั้งเป็นชั่วโมง
แล้วพี่ๆเค้าก็ทำข้าวเตรียมไว้ให้ เป็นข้าวมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิต พี่เค้าหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ พอจะทานก็เอากระบอกไม้ไผ่มาผ่าก็จะมีข้าวห่อใบอะไรไม่รู้ หอมเชียว กินเปล่าๆยังอร่อยเลย คืนนั้นก็หลับไปอย่างเหนื่อยล้า
วันรุ่งขึ้น พี่เค้าแจ้งว่าน้ำในแม่น้ำน้ำมันแห้งมากไม่สามารถล่องแพได้ เค้าเลยให้เราล่องห่วงยางแทน บางจุดที่เป็นแก่งห่วงยางก็ไหลเร็วดี แต่บางจุดน้ำก็นิ่งต้องกวักกันซะลิ้นห้อย ก็สนุกดีตัวเปียกไปหมด พร้อมกับกล้องที่พังไปด้วย
พอกลับจากล่องห่วงยางพวกเราก็นั่งรถเข้าไปที่เขื่อนโดยมีพี่เจี๊ยบ (ภรรยาพี่ปลา)เป็นคนไปส่ง เขื่อนรัชประภาได้ชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย เพราะในเขื่อนจะมีแต่ภูเขาหิน คล้ายๆกับที่วังเวียงเลย
นี่คือที่พักที่ตอนแรกว่าจะมา แต่เผอิญมันเต็มซะก่อน
เลยไปพักที่นี่แทน เงียบกว่าที่เมื่อกี้ด้วย
แล้วพี่ไกด์ก็พาไปเที่ยวถ้ำปะการัง
เช้าวันรุ่งขึ้น มีหมอกลอยขึ้นมาจากน้ำด้วย แต่ถ่ายรูปมามันมืดไปหมดเลย
ตอนเช้าพี่เค้าพาไปเที่ยวถ้ำน้ำทะลุ ต้องเดินทั้งหมด 7 กม.
แต่ทางไม่แย่เท่าไหร่เป็นทางแบบเรียบๆเดินไม่ยาก จะมีในถ้ำนี่แหละที่ต้องว่ายน้ำและเกาะเชือกบ้าง แต่ก็ตื่นเต้นดี
เที่ยงๆพวกเราก็กลับถึงที่พักเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมกลับบ้าน ขากลับเรือเค้าก็พาแวะที่กุ้ยหลิน มันก็คือไอ้หิน 3 แท่งที่โผล่มาจากน้ำนั่นแหละ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ เรือเสียต้องจอดรออยู่ในเขื่อนซักพักใหญ่ๆก็มีเรือลำอื่นขับมาช่วย ในเขื่อนไม่มีสัญญาณมือถือใดๆทั้งสิ้นโชคดีที่มีเรือเข้าออกอยู่ตลอดเวลาเค้าเห็นจอดนิ่งๆอยู่เค้าก็คงรู้ว่าเรือเสียเลยมาช่วย
พอขึ้นจากเขื่อนพี่ๆเค้าก็ขับรถมาส่งที่ขนส่ง ทริปนี้ประทับใจพี่ๆที่เขาสกมากๆ
Create Date : 21 ธันวาคม 2548
Last Update : 4 มกราคม 2549 21:55:29 น.
5 comments
Counter : 860 Pageviews.
Share
Tweet
ที่นี่วิวภูเขาคล้ายกับที่ประเทศจีน สวยดีคะคุณspooky
โดย:
ตะวันสีชมพู
วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:13:48:17 น.
น่าสนุกจังครับ
โดย:
L-twin
วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:14:12:56 น.
น่าอิจฉาจริงๆ ได้เที่ยวเยอะนะ
ชั้นก็ได้เธอนี่แหละเป็นคนพาเที่ยวทาง Internet. Thank you na ja.
โดย: เจ้เอง IP: 203.121.139.172 วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:19:52:21 น.
สวยมากครับ
โดย: ไพศาล ศรีประสงค์ IP: 203.172.186.171 วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:18:39:33 น.
ยากไปจังเลย น่าเทียวน่าเล่นนำดีจัง สงใสจะสนุกน่าดู
โดย: เด็กน้อย IP: 203.154.48.17 วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:18:04:32 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.