ตำถั่วหมูกรอบ
ส่วนประกอบ1. ถั่วฝักยาว2. กุ้งแห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม)3. กระเทียม 4. พริกขี้หนู5. มะม่วงน้ำดอกไม้6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา 7. หมูกรอบวิธีทำ1. นำกุ้งแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้ว ใส่ครกตำพอหยาบ (ตำกุ้งแห้งก่อนเลยเพราะมันแข็งตำยาก)2. ตามด้วย ถั่วฝักยาว ตำพอแหลก อย่าให้ละเอียดจนไม่เป็นทรง3. ต่อไปก็ปรุงรส กระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ มะม่วง ตำๆๆ4. ตบท้ายด้วยน้ำปลา ตำให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 5. หมูกรอบสำหรับคลุกและโรยหน้า (วันนี้มีหมูสามชั้นเจียว)6. เรียบร้อยแล้ว
หมูแดง Lobo
ส่วนประกอบ1. หมูเนื้อแดง ติดมันเล็กน้อย ครึ่ง กิโลกรัม2. ผงปรุงน้ำราดหมูแดง ตรา Lobo 1 ซอง3. เครื่องปรงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทรายวิธีทำ1. นำหมูเนื้อแดงหมักด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ประมาณ 30 นาที2. นำมาย่าง ไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ นานประมาณ 10 นาที3. ย่างเสร็จแล้ว4. นำผงปรุงน้ำราดหมูแดง Lobo มาละลายน้ำ 1 แก้ว เราเอาใส่ถุงเขย่าสักพักหนึ่ง เพราะเคยละลายน้ำแล้วกวนเลยมันไม่ละลายเป็นก้อน5. นำน้ำราดมากวนด้วยไฟอ่อนสักพักหนึ่งจะเริ่มเหนียว ก็ใช้ได้แล้ว เราเติมน้ำตาลและซีอิ๊วขาวอีกเล็กน้อยเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นอีกนิดหน่อย6. นำหมูย่างมาหั่นแล้วราดด้วยน้ำราดหมูแดง
ปลากรอบ 3 รส ประชัน หอยแมลงภู่ 3 รส
ปลากรอบ 3 รสส่วนประกอบ 1. ปลาข้าวสาร 3 ขีด (ปลาเค็ม)2. น้ำมันสำหรับทอด3. น้ำตาลทราย4. น้ำส้มสายชู5. กระเทียม และ พริกขี้หนูสีแดง (ถ้าชอบเผ็ด..แต่เราไม่ใส่)วิธีทำ1. ปลาข้าวสารนำมาล้างให้สะอาดผึงให้แห้งอีกรอบก่อนนำไปทอด2. นำไปทอดให้กรอบ ออกมาหน้าตาแบบนี้3. มาทำน้ำสำหรับเคลือบ นำน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย (รสชาติแล้วแต่ชอบ เราใส่อย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ) ใส่กระทะตั้งไฟอ่อน ไม่ต้องใส่รสเค็มเพราะปลาเค็มอยู่แล้ว (เราไม่ใส่กระเทียมและพริก เพราะมีเด็กที่ไม่กินเผ็ด)4. คนเรื่อยๆ รอจนน้ำตาลละลายและน้ำเคลือบเหนียว5. ใส่ปลาเค็มทอดลงไปคนให้น้ำเคลือบติดปลาทั่วๆ สักพักก็จะเริ่มแห้ง เสร็จแล้วหอยแมลงภู่ 3 รส1. หอยแมลงภู่แห้ง 3 ขีด (หอยเค็ม)2. น้ำมันสำหรับทอด3. น้ำตาลทราย4. น้ำส้มสายชู5. กระเทียม และพริกขี้หนูสีแดง (ถ้าชอบเผ็ด..แต่เราไม่ใส่)วิธีทำ1. น้ำหอยแมลงภู่แห้ง มาทอดให้กรอบ2. หอยแมลงภู่ที่ทอดเสร็จแล้ว3. ทำน้ำเคลือบเหมือนทำปลากรอบ 3 รส นำน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย (รสชาติแล้วแต่ชอบ เราใส่อย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ) ใส่กระทะตั้งไฟอ่อน ไม่ต้องใส่รสเค็มเพราะหอยเค็มอยู่แล้ว (เราไม่ใส่กระเทียมและพริก เพราะมีเด็กที่ไม่กินเผ็ด)4 คนเรื่อยๆ รอจนน้ำตาลละลายและน้ำเคลือบเหนียว5. ใส่หอยแมลงภู่แห้งทอดลงไปคนให้น้ำเคลือบติดหอยทั่วๆ สักพักก็จะเริ่มแห้ง เสร็จแล้ว
ต้มยำหัวปลาโฉมงาม
ส่วนประกอบ1. หัวปลาโฉมงาม 1 หัว2. เห็ดฟาง 2 ขีด3. เครื่องต้มยำ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอม ต้นหอม ผักชี4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนูครบเครื่องต้มยำวิธีทำ1. ต้มน้ำ ใส่เครื่องต้มยำลงไป ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอม น้ำปลา ต้มประมาณ 5 นาที ให้หอมเครื่องต้มยำ2. ปลาโฉมงามเป็นปลากระดูกแข็งตัวใหญ่ หัวนี้หนัก 1.2 กก. จึงต้องให้แม่ค้าสับมาจากตลาดเลย นำมาล้างให้สะอาด3. พอน้ำต้มยำหอมได้ที่แล้ว ก็ใส่หัวปลาลงไป ใช้ไฟแรง ถึงตอนนี้ไม่ต้องคน เดี๋ยวจะเหม็นคาว พอน้ำเดือดหรี่ไฟอ่อนเคี่ยวต่อประมาณ 10 นาที4. เติมเห็ดฟาง แล้วเคี่ยวต่ออีก 5 นาที5. พอเสร็จแล้วก็ใส่ต้นหอม ผักชี คน 2-3 ที แล้วปิดไฟ6. พอจะรับประทานก็ปรุงรสต้มยำในชาม ด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และพริกขี้หนู
ปลาอินทรีเค็มนึ่ง
ส่วนประกอบ1. ปลาอินทรีเค็ม 1 ชิ้น2. ชิงแก่3. หมูเนื้อแดงติดมัน หรือหมูสามชั้นวิธีทำ1. ขิงหั่นเป็นแผ่นบางๆ วางก้นชาม2. ปลาอินทรีเค็ม ล้างให้สะอาด วางลงไป3. ตามด้วยหมู4. และขิงซอย5. นำไปนึ่ง นาน 10 นาที6. เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องปรุงรสอะไรมาก ออกมารสชาติเป็นเอกลักษณ์มาก อา...หร่อย
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [