แปลนิยาย : 3 บิวะเกนโจ 1

กรุณาอ่านคำออกตัวของผู้แปลจากตอนแรกนะคะ บทนี้ จะเป็นการผจญภัยแรกของเซอิเมกับฮิโรมาสะค่ะ





Ommyoji : The Biwa named Genjo… อมเมียวจิ ตอน บิวะเกนโจ 1


ตอนนี้เป็นต้นเดือน มินะสุกิ(水無月) เมื่อ มินาโมโตะ โนะ ฮิโรมาสะ โนะ อาซง แวะมาที่คฤหาสน์ของ เซอิเม มันเป็นเดือนที่หกในปฏิทินจันทรคติ คงจะเพิ่งผ่านวันที่ 10 เดือนกรกฎาคมมาไม่เท่าไร และยังคงเป็นฤดูฝนอยู่

ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องมาสักพักวันนี้กลับหยุดตกอย่างประหลาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสง เพราะผืนฟ้ายังคงเป็นสีขาวขุ่น ราวกับขึงด้วยกระดาษสา

ยามนี้ยังเช้าตรู่อยู่มาก

ใบหญ้าใบไม้เปียกชุ่มโชก และอากาศก็เย็นยะเยือก มินาโมโตะ โนะ ฮิโรมาสะ เดินมาเรื่อยๆ ตามองดูกำแพงบ้านของเซอิเมที่อยู่ทางขวามือของเขา

มันเป็นกำแพงแบบราชวงศ์ถัง ตั้งแต่ระดับอกจนถึงศีรษะนั้นสลักเสลาลวดลาย เหนือขึ้นไปมีหลังคาหน้าจั่วทรงราชวงศ์ถัง มันเป็นกำแพงที่ทำให้เข้านึกถึงวัด หรือไม่ก็สุสาน ฮิโรมาสะแต่งกายด้วยชุดของข้าราชสำนักที่มีเสื้อคลุมแขนยาวตัวนอกและรองเท้าปักลวดลายทำจากหนังกวาง

อากาศชุ่มไปด้วยไอน้ำ แม้จะเบาบางกว่าหมอก แต่เพียงแค่เดินผ่าน เสื้อตัวนอกของเขาก็เริ่มจะหนักเพราะความความชื้นนั้น มินาโมโตะ โนะ ฮิโรมาสะ โนะ อาซง เป็นนักรบ มีดาบห้อยอยู่ที่สะโพกด้านซ้าย เขาอยู่ในวัยสามสิบตอนปลาย มีลักษณะขึงขังแบบคนที่เป็นทหารอยู่ในกิริยาและท่วงท่าเดินเหินของเขา แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาดูหยาบกระด้าง เพียงแต่ดูเอาจริงเอาจัง และไม่มีความกระตือรือร้นแบบเด็กๆ ซ้ำตอนนี้ยังขมวดคิ้วนิ่วหน้าราวกับมีบางอย่างรบกวนจิตใจ ฮิโรมาสะหยุดยืนหน้าประตู มันเปิดออกต้อนรับ เขามองเข้าไปดูสวนภายในที่ต้นหญ้างอกสูงท่วมหัว และยังเปียกชุ่มจากฝนที่ตกเมื่อคืน

ที่นี่ดูเหมือนวัดร้างมากกว่า สีหน้าของฮิโรมาสะบอกเช่นนั้น

อาจจะมากไปถ้าเรียกมันว่าทุ่งหญ้า แต่สวนนั้นดูเหมือนไม่มีใครเอาใจใส่เลย ตอนนั้นเองที่เขาได้กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมา แล้วเขาก็เห็นดอกไม้นั้น ท่ามกลางพงหญ้า วิสเทอเรียต้นใหญ่ยืนต้นอยู่ มีดอกเดี่ยวดอกเดียวหลงเหลืออยู่บนกิ่งของมัน

“ข้าสงสัยนักว่าเขากลับมาแล้วจริงหรือ” ฮิโรมาสะกระซิบกับตัวเอง
เขารู้ดีว่าเซอิเมเป็นคนที่ชอบปล่อยให้ต้นไม้ใบหญ้างอกงามเองตามธรรมชาติ แต่นี่ดูเหมือนจะรกเรื้อเกินไปแล้ว

เมื่อเขาถอนใจ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากตึกใหญ่ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิง แต่เธอสวมกางเกงขาพองและสวมเสื้อคลุมล่าสัตว์ เธอเดินมาหยุดตรงหน้าฮิโรมาสะและก้มศีรษะนิดหนึ่ง

“เรากำลังรอท่านอยู่” เธอกล่าวกับเขา หญิงสาวดูเหมือนเพิ่งจะล่วงวัยยี่สิบปี และมีใบหน้าเรียวงดงาม

“รออยู่หรือ?”

“นายท่านจะมาพบท่านได้ในอีกไม่ช้า ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้มาพาท่านเข้าไปก่อน”

เขาเดินตามหญิงสาวคนนั้นเข้าไป แต่ยังคงสงสัยอยู่ว่า ‘นายท่าน’ ของเธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะมา พวกเขาเดินเข้าไปในห้อง เซอิเมนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อที่ปูบนพื้นไม้ มองฮิโรมาสะ

“ท่านมาจนได้” เขาเอ่ยขึ้น
“ท่านรู้ได้ยังไงกัน”ขณะที่พูด ฮิโรมาสะก็ทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อผืนเดียวกัน

“คนรับใช้ที่ข้าใช้ให้ไปซื้อเหล้ากลับมาบอกว่าท่านกำลังเดินทางมาที่นี่น่ะสิ”

“เหล้าเหรอ”

“ข้าจากไปเสียนาน ทำให้คิดถึงรสเหล้าของนครหลวง ว่าแต่ท่านเถิด รู้ได้อย่างไรว่าข้ากลับมาแล้ว”

“มีคนบอกว่าเห็นตะเกียงจุดสว่างในคฤหาสน์ของท่านเมื่อคืนนี้”

“เข้าใจหละ”

“ท่านหายไปไหนมาเกือบเดือน”

“ไปที่โกยะ”

“โกยะหรือ”

“ใช่แล้ว”

“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้...”

“มีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้น”

“ไม่สามารถอธิบายได้งั้นรึ”

“ออกจะเป็น สิ่งที่ข้าคิดไว้ว่าจะเกิดขึ้นมากกว่า ข้าไปสนทนากับพระที่โกยะมาน่ะ”

“คุยอะไรกัน” ฮิโรมาสะซัก

“จะว่าไงดีล่ะ...” เซอิเมเกาหัวและมองฮิโรมาสะ

สองคนนี้อายุไม่แตกต่างกันมากนัก แม้ภายนอกเซอิเมจะดูเยาว์วัยกว่าก็ตาม ไม่ใช่เพียงดูเด็กกว่าเท่านั้น ใบหน้าของเซอิเมยังหมดจดคมคายกว่าอีกด้วย จมูกของเขาโด่งเป็นสันตรง ริมฝีปากแดงระเรื่อราวแต้มชาดไว้บางๆ

“จะว่าไงดีอะไรล่ะ”

“ท่านเป็นคนดี แต่ท่านสนใจเรื่องทำนองนี้แน่เหรอ ฮิโรมาสะ”

“ก็ข้าถามท่านอยู่นี่ยังไง เรื่องทำนองไหนกันหรือ”

“เวทย์มนต์” เซอิเมตอบ

“เวทย์มนต์หรือ?”

“ข้าสนทนากับพวกเขาเกี่ยวกับเวทย์มนต์”

“ท่านบอกอะไรพวกเขากัน?”

“ก็เช่นว่า ข้าอธิบายให้พวกเขาฟังว่าเวทย์มนต์คืออะไร”

“เวทย์มนต์ก็คือเวทย์มนต์ไม่ใช่หรือ”

“ยังไงล่ะ นั่นมันก็จริงนะ แต่ข้าเองก็มีบางเวลาเหมือนกันที่ระลึกขึ้นได้ว่าเวทย์มนต์จริงๆ คืออะไร”

“แล้วท่านนึกอะไรออกล่ะ” ฮิโรมาสะถาม

“ขอข้าคิดก่อน ก็อย่างเช่น ‘ชื่อ’ น่ะมิใช่เวทย์มนต์หรอกหรือ”

“ท่านว่าชื่ออย่างนั้นหรือ”

“อย่าเพิ่งใจร้อนไป ฮิโรมาสะ เรามาดื่มกันก่อนจะดีไหม เหมือนวันเก่าๆ ยังไงล่ะ” เซอิเมอิเอ่ยพร้อมกับยิ้ม

“ข้าไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เพื่อดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกหากท่านเสนอ”

“ถ้าเช่นนั้นก็ รอสักเดี๋ยว” เซอิเมปรบมือ วินาทีนั้นเอง ก็มีเสียงผ้าส่ายสวบสาบดังมาจากห้องโถง และหญิงสาวนางหนึ่งเดินประคองถาดออกมา ในถาดนั้นมีถ้วยเปล่าและเหยือกที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเหล้าอยู่ล้นปรี่ เธอวางถาดลงตรงหน้าฮิโรมาสะก่อน และจากไปก่อนจะกลับมาอีกครั้งเพื่อวางถาดที่ดูเหมือนกันลงตรงหน้าเซอิเม เธอรินเหล้าลงในถ้วยของฮิโรมาสะ

เขาพิจารณาใบหน้าของเธอเมื่อรับถ้วยเหล้า เธอสวมกางเกงขาพองและเสื้อคลุมล่าสัตว์แบบเดียวกัน แต่เธอเป็นคนละคนกับคนก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกันที่เธอดูอายุเพิ่งจะล่วงยี่สิบ มีริมฝีปากเต็มอิ่มและต้นคอขาวระหงยั่วยวน

“เป็นอะไรไป” เซอิเมถามฮิโรมาสะผู้ซึ่งจ้องมองหญิงสาวอยู่

“นี่ไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อกี๊นี่นา” เมื่อได้ยินฮิโรมาสะพูด หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มและค้อมศีรษะ เธอรินเหล้าลงในถ้วยของเซอิเม

“เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่าน่ะ” ฮิโรมาสะถามอีก เขาสงสัยว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นข้าช่วงใช้ในอาณัติของเซอิเม

“ท่านอยากพิสูจน์หรือเปล่าล่ะ” เซอิเมถามกลับ

“ข้าจะพิสูจน์ได้ยังไงกัน”

“ท่านอยากให้ข้าลอบพาเธอไปหาที่บ้านคืนนี้ไหมล่ะ?”

“ไม่ต้องมาล้อข้าเลยนะ เซอิเม!” ฮิโรมาสะสวนกลับ

“เช่นนั้นก็ได้”

“แบบนั้นแหละ” แล้วทั้งสองก็กระดกเหล้าในถ้วยหมดจอก หญิงสาวรินเหล้าเติมลงในถ้วยเปล่าของทั้งสองอีก ฮิโรมาสะพูดเบาๆ เมื่อเขาจับจ้องเธอ

“ข้าไม่เคยบอกได้เลย ไม่ว่าจะมาที่นี่บ่อยครั้งสักแค่ไหน” แล้วเขาก็ถอนใจ

“ท่านบอกอะไรไม่ได้หรือ”

“ข้ากำลังคิดว่า ข้าไม่เคยบอกได้ว่ามีมนุษย์กี่คนอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของท่านน่ะสิ เพราะทุกครั้งที่ข้ามา ก็เจอหน้าใหม่ๆ เสมอ”

“อ้าว แล้วนั่นมิใช่เรื่องดีหรอกรึ” เซอิเมตอบ พลางเอื้อมตะเกียบไปคีบปลาย่างเกลือในจาน

“นั่นใช่ปลาเทร้าต์น้ำจืดหรือเปล่าน่ะ”

“ข้าซื้อมาจากพ่อค้าเร่เมื่อเช้านี้เอง เป็นปลาเทร้าต์จากแม่น้ำคาโมะน่ะ”
พวกมันเป็นปลาโตเต็มที่ และตัวค่อนข้างใหญ่สำหรับปลาเทร้าต์ เขาแกะเนื้อปลามาคีบมันไว้ด้วยตะเกียบ กลิ่นหอมลอยกรุ่นขึ้นจากชิ้นปลา

บานประตูด้านข้างของพวกเขาเปิดกว้างออกทำให้มองเห็นสวน หญิงสาวคนนั้นออกจากห้องไป เหมือนกับว่ามันเป็นสัญญาณ ฮิโรมาสะวกกลับมาที่หัวข้อสนทนาเดิม

“เราคุยกันค้างอยู่นี่นะ เวทย์มนต์นั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

“ก็...” เซอิเมตอบขณะจิบเหล้าจากถ้วย

“อย่าทำเป็นลีลา เซอิเม”

“ก็อย่างเช่น ท่านคิดว่าอะไรเป็นเวทย์มนต์ที่สั้นที่สุดในโลกล่ะ”

“เวทย์มนต์ที่สั้นที่สุด?” พอคิดไปได้สักครู่ ฮิโรมาสะก็พูดขึ้น

“อย่ามาให้ข้าคิดเลยเซอิเม บอกมาเลยดีกว่า”

“เอางั้นก็ได้ เวทย์มนต์ที่สั้นที่สุดก็คือ ชื่อ”

“ชื่อ งั้นหรือ”

“ใช่” เซอิเมพยักหน้า

“เหมือนกับ สำหรับท่านคือเซอิเม สำหรับข้าคือฮิโรมาสะอย่างนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว และชื่อของสิ่งต่างๆ อย่างเช่น ภูเขา มหาสมุทร ต้นไม้ ใบหญ้า และแมลง ต่างก็เป็นเวทย์มนต์ทั้งนั้น”

“ข้าไม่เข้าใจ”

“ง่ายๆ เวทย์มนต์ก็คือ สิ่งที่ผูกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอาไว้”

“…”

“สิ่งที่ผูกแก่นแท้ซึ่งเป็นรากฐานของทุกสิ่งเอาไว้ก็คือ ‘ชื่อ’ ของมันนั่นเอง”

“…”

“หากท่านนึกดู ว่ามีสิ่งใดในโลกนี้ที่ปราศจากชื่อ ก็คงจะนึกไม่ออก อาจกล่าวได้ว่าไม่มีสิ่งใดปราศจากชื่อ”

“ช่างเป็นเรื่องที่เข้าใจยากอะไรเช่นนี้”

“ยกตัวอย่างเช่นชื่อของท่าน ฮิโรมาสะ ท่านกับข้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราทั้งสองต่างก็เป็นมนุษย์ที่ถูกผูกด้วยเวทย์มนต์ ของข้าคือเซอิเม ของท่านคือฮิโรมาสะ

กระนั้น ฮิโรมาสะก็ยังไม่มีวี่แววจะเข้าใจ

“นั่นหมายความว่า หากข้าไม่มีชื่อ ‘ตัวข้า’ จะไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปเช่นนั้นหรือ”

“ไม่ใช่หรอก ‘ตัวท่าน’ จะยังอยู่ ‘ฮิโรมาสะ’ สิ ที่ไม่”

“ก็ในเมื่อ ‘ตัวข้า’ คือ ‘ฮิโรมาสะ’ แล้วถ้าฮิโรมาสะไม่มีอยู่แล้วหละก็ ตัวข้าจะไม่หายไปด้วยหรือ?”

เซอิเมส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ทั้งตอบรับและปฏิเสธ

“มีหลายสิ่งที่ท่านอาจไม่เห็นได้ด้วยตา แต่ท่านสามารถผูกสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านั้นไว้ได้ด้วยเวทย์มนต์ที่เป็นเพียงชื่อของมัน”

“หือ?”

“เมื่อผู้ชายรู้สึกชอบพอผู้หญิง และผู้หญิงรู้สึกชอบพอผู้ชาย ถ้าหากจะตั้งชื่อให้ความรู้สึกนั้นและผูกมันไว้ ก็คือ ความรัก...”

“โอ้...” แม้ว่าเขาจะพยักหน้า แต่ฮิโรมาสะก็ยังดูงงงวย

“แต่แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียกมันว่า ความรัก แต่ผู้ชายก็ยังคงรู้สึกชอบพอผู้หญิงและเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ใช่ไหม?” ฮิโรมาสะเอ่ยขึ้น

“มันยังไม่ชัดอีกเหรอ” เซอิเมตอบเสียงห้วน

“แต่นี่กับนั่นมันคนละเรื่องกันนะ” เขายกเหล้าขึ้นจิบ

“ข้ายังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“งั้นข้าควรจะเปลี่ยนวิธีการอธิบายเสียหน่อย”

“ใช่”

“ดูในสวนสิ” เซอิเมชี้ไปยังสวนด้านข้างของพวกเขา ในสวนที่มีต้นวิสเทอเรียอยู่

“ท่านเห็นต้นวิสเทอเรียต้นนั้นไหม”

“เห็น”

“ข้าตั้งชื่อมันว่า มิตสึมุฉิ”

“ตั้งชื่อมันเหรอ?”

“ข้าร่ายเวทย์มนต์ใส่มันน่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมท่านถึงบอกว่า...”

“มันยืนต้นอยู่ที่นั่นอย่างซื่อสัตย์ รอวันที่ข้ากลับมา”

“ท่านว่าอะไรนะ?”

“ก็ดอกไม้ยังคงบานอยู่ใช่ไหมล่ะ”

“ท่านพูดในสิ่งที่ลึกลับเข้าใจได้ยากเหลือเกิน” ฮิโรมาสะบ่น

“นี่ข้าคงต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านโดยยกตัวอย่างเป็นผู้หญิงและผู้ชาย ท่านถึงจะเข้าใจ ใช่ไหม” เซอิเมพูดขึ้นพลางมองดูฮิโรมาสะ

“ถ้าเช่นนั้นก็อธิบายมาสิ”

“อย่างเช่นว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ท่านตกหลุมรัก และ ด้วยเวทย์มนต์ของท่าน ท่านสามารถมอบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ให้กับเธอ รวมถึงดวงจันทร์บนฟ้านั่นด้วย”

“บอกข้าสิ ว่าทำได้ยังไง”

“ทั้งหมดที่ท่านต้องพูดก็เพียงแค่ ‘โอ้ท่านหญิงที่รัก ข้าพเจ้าขอมอบดวงจันทร์ให้กับท่าน’ แล้วก็ชี้ไปที่ดวงจันทร์”

“อะไรนะ??”

“แล้วถ้าหญิงสาวผู้นั้นตอบรับท่านว่า ‘ขอบคุณ’ ดวงจันทร์ก็จะเป็นของเธอ”

“นั่นคือเวทย์มนต์อย่างนั้นหรือ?”

“พื้นฐานที่สุดของเวทย์มนต์เลยหละ”

“ข้าไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ไม่เป็นไรหรอกหากท่านไม่เข้าใจ เพราะพระที่โกยะคิดเอาเองว่าต้องผูกโลกนี้เข้าไว้ด้วยเวทย์มนต์ ด้วยคำเพียงหนึ่งคำ” และก็อย่างที่คาดไว้ ฮิโรมาสะทำหน้าตาท้อแท้

“นี่ เซอิเม ตลอดทั้งเดือนท่านกับพระคุยกันแต่เรื่องนี้อย่างนั้นหรือ”

“ก็ เห็นจะเป็นเช่นนั้นแหละ แต่อันที่จริงมันแค่ยี่สิบวันเองนะ”

“ข้าไม่เข้าใจเรื่องเวทย์มนต์อะไรนี่เลย” ว่าจบฮิโรมาสะก็ยกสาเกขึ้นจิบ

“ว่าแต่ มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่หรือเปล่าล่ะ” เซอิเมถาม

“ข้าไม่รู้ว่ามันเรียกว่าน่าสนใจหรือเปล่านะ แต่...ท่านทาดามิตายเสียแล้วเมื่อสิบวันก่อน”

“มิบุ โนะ ทาดามิ กับ ‘รักร้าง’ ของเขาน่ะหรือ?”

“ใช่ เขาตรอมใจตายไปแล้ว”

“นี่ตกลงเขาก็ไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม”

“ใช่แล้วหละ มันเหมือนเขาอดตายไปยังงั้น” ฮิโรมาสะตอบ

“เมื่อเดือนสาม – ตอนนั้นมันฤดูใบไม้ผลิใช่ไหม”

“ใช่แล้วหละ”

ที่ทั้งสองกำลังพูดถึงก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประชันบทกลอนที่ท้องพระโรงเซอิเรียวเมื่อเดือนสามที่ผ่านมา การประชันบทกลอน จะแบ่งกวีออกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา และหลังจากกำหนดหัวข้อ จะเลือกตัวแทนแต่ละฝ่ายมาทีละคน และให้แต่งบทกลอนประชันกัน

“รักร้าง” ที่เซอิเมพูดถึงนั้นเป็นหัวข้อเปิดที่ มิบุ โนะ ทาดามิ แต่งประชันในครั้งนั้น

恋すてふ 我が名はまだき 立ちにけり 人知れずこそ 想ひ初めしか

Koisu cho Waga na wa madaki Tachi ni keri Hito shirezu koso Omoi someshi ka

“จริง ที่ข้ามีรัก
แต่ข่าวลือเรื่องรักของข้า
ก็แพร่สะพัดไปไกล
ทั้งที่คนไม่ควรจะรู้
ว่าข้าเริ่มริรัก”


นี่เป็นบทกลอนของทาดามิ กวีที่แต่งประชันกับทาดามิในคราวนั้นคือ ไทระ โนะ คาเนโมริ

忍ぶれど 色に出にけり 我が恋は ものや想ふと ひとの問いふまで

Shinoburedo Iro ni ide ni keri Waga koi wa Mono ya omou to
Hito no tou made

“แม้ข้าจะพยายาม
แต่ความรู้สึกก็ยังฉายชัดบนใบหน้า
ชื่นชม รักที่ซ่อนเร้น
และก็มีคนถาม
“มีสิ่งใดกวนใจท่านอยู่หรือ”


ส่วนบทนี้เป็นของคาเนโมริ มันยากที่จะตัดสินบทกลอนทั้งสอง ฟูจิวาระ โนะ ซาเนโยริ ซึ่งเป็นกรรมการค่อนข้างจะสับสนเมื่อเขาหันไปมองพระจักรพรรดิมุราคามิ ก็เห็นพระองค์กำลังกระซิบท่องกลอนบท “ชิโนบุเระโดะ” อยู่พอดี

ซาเนโยริเลยตัดสินให้คาเนโมริเป็นฝ่ายชนะ และในวินาทีนั้นเอง ทาดามิก็อุทานออกมาว่า “อนิจจา” แล้วใบหน้าก็ซีดแทบจะกลายเป็นสีฟ้า เรื่องนั้นกลายเป็นข่าวซุบซิบกันในวังหลวงแทบจะในทันที
หลังจากวันนั้นเอง ทาดามิก็เริ่มเบื่ออาหาร และได้แต่นอนซมอยู่ในคฤหาสน์

“สุดท้าย มีคนบอกว่าเขากัดลิ้นฆ่าตัวตาย” เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามกินอาหาร แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่สามารถกลืนอะไรได้เลย

“เขาเป็นคนอ่อนโยน แต่หัวใจเขาจดจำสิ่งร้ายๆ มากเกินไป” เซอิเมรำพึง

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนเราจะหมดความอยากอาหารเพราะแพ้การประชันบทกลอน” ฮิโรมาสะโพล่งออกมาอย่างไม่เข้าใจจริงๆ แล้วก็ยกสาเกขึ้นจิบอีกครั้ง เขาเริ่มดื่มโดยไม่ต้องรอให้ใครรินให้แล้ว เมื่อเติมเหล้าลงในถ้วยเปล่าๆ เขาก็มองเซอิเมและเอ่ย

“ดูเหมือนว่า... เขาจะมาปรากฏตัวนะ”

“ปรากฏตัว ?”

“วิญญาณแค้นของทาดามิ ในท้องพระโรงเซอิเรียวน่ะ”

“อา....” เซอิเมอุทาน

“ทหารยามกะกลางคืนหลายคนบอกว่าเห็นเขา เห็นทาดามิหน้าซีดๆ มีอะไรบางอย่างเหมือนผ้าไหมบางๆ ใสๆ ล้อมรอบ เดินสะเปะสะปะท่องกลอน ‘รักร้าง’ จากท้องพระโรงเซอิเรียวไปทางท้องพระโรงชิชินในตอนกลางคืนน่ะ”

“น่าสนใจอะไรอย่างนี้”

“อย่าทำเป็นเล่นไป เซอิเม มันเป็นอย่างนี้มาจะสิบวันแล้วนะ แล้วถ้าพระจักรพรรดิเกิดได้ยินเข้าล่ะก็ พระองค์อาจจะกลัวจนถึงขนาดคิดย้ายเมืองหลวงเชียวนะ” เซอิเมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ใบหน้าปรากฏแววจริงจังขึ้นโดยมิคาดฝัน

“เอาหละ แล้วตกลงว่าไงล่ะ ฮิโรมาสะ...?” จู่ๆ เซอิเมก็พูดขึ้น

“ตกลงอะไรว่าไง?”

“บอกมาได้แล้ว ท่านไม่ได้มีอะไรที่ท่านอยากจะบอกข้าหรอกเหรอ?”

“นี่ท่านดูออกด้วย?”

“มันเห็นชัดยังกะเขียนไว้บนหน้าท่านอย่างนั้นแน่ะ ก็เพราะท่านเป็นคนดี ฮิโรมาสะ” เซอิเมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า แต่ฮิโรมาสะกลับทำหน้าตาเครียดขรึม

“เรื่องมันมีอยู่ว่าอย่างนี้นะเซอิเม...” ฮิโรมาสะเริ่ม

“กลางดึกเมื่อห้าวันก่อน เกนโจ เครื่องดนตรีที่พระจักรพรรดิทรงโปรดปรานโดนขโมยไป”

“โอ้”

เซอิเมถือถ้วยในมือและเอนกายไปข้างหน้า เกนโจเป็นชื่อของบิวะตัวหนึ่ง ในบรรดาเครื่องดนตรีต่างๆ ชิ้นที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจะได้รับการตั้งชื่อเฉพาะตัว เดิมทีมันอยู่ในกรุสมบัติที่จักรพรรดิไดโกนำมาจากประเทศจีน

“ไม่มีใครเห็นว่ามันโดนขโมยไปได้ยังไง หรือว่าใครขโมยไป”

“น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยทีเดียว”

แต่เซอิเมกลับพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่เป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนฮิโรมาสะจะหลุดอะไรออกมาได้อีกหน่อย

“แล้วเมื่อคืนนี้ ข้าก็ได้ยินเสียงของเกนโจ”







To be continue


หมายเหตุ **

1) วิสเทอเรีย หรือ ฟูจิ เป็นไม้เลื้อยออกดอกเป็นช่อ เป็นไม้พื้นเมืองของอเมริกา และเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) ดอกมีตั้งแต่สีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ชมพู และขาว
ข้อมูลเพิ่มเติม -- //en.wikipedia.org/wiki/Wisteria

2) บิวะ หรือลูทญี่ปุ่น เป็นเครื่องสายสำหรับดีด ใกล้เคียงกับปีปาของจีน
ข้อมูลเพิ่มเติม -- //en.wikipedia.org/wiki/Biwa

3) บทกลอนของ มิบุ โนะ ทาดามิ และ ไทระ โนะ คาเนโมริ เป็นบทกลอนทังกะที่รวบรวมอยู่ใน “โองุระ เฮียะขุนิน อิชชุ” หรือรวมบทกลอนเอก 100 บท ซึ่งคัดเลือกและรวบรวมโดย ฟูจิวาระ โนะ เทอิกะกวีเอกคนหนึ่งในยุคนั้น โดยครอบคลุมงานของกวีเอกและนักเขียนมีชื่อตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันบทกลอนเหล่านี้เขียนอยู่บน “คารุตะ” เรียกว่า “เฮียะขุ นิน อิชชุ คารุตะ” ซึ่งเป็นการละเล่นที่คนญี่ปุ่นทั่วไปรู้จักดี บทกลอนเหล่านี้ ยังสอนในโรงเรียนด้วย

4) ทังกะ ฉันทลักษณ์เบื้องต้นแบบหนึ่งของบทกวีญี่ปุ่น ใน ทังกะ หนึ่งบทจะมี 31 คำ หรือแบ่งออกเป็น 5 บาท โดยแต่ละบาทจะมีคำ 5-7-5-7-7 คำตามลำดับ 17 คำแรกของ ทังกะ จะเรียกรวมว่า คามิ-โนะ-คุ และ 14 คำหลัง จะเรียกว่า ชิโมะ-โนะ-คุ ทั้งนี้ บางครั้งอาจจะมีคำในแต่ละบทเป็น 30 หรือ 32 คำก็ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม -- //en.wikipedia.org/wiki/Tanga_%28poetry%29



Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 17:08:56 น. 0 comments
Counter : 639 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กหญิงสระบัว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เด็กหญิงสระบัว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.