แปลนิยาย : 1 อาเบะ โนะ เซอิเม

ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่า อมเมียวจิภาษาไทยฉบับนี้ คงมีข้อผิดพลาดมากมาย เพราะไม่ได้แปลมาจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นโดยตรงหรอกค่ะ (สระบัวอ่านไม่ออกค่ะ - -“) แต่แปลจากบทแปลฉบับร่างภาษาอังกฤษ ที่มีคนแปลไว้ในอินเตอร์เนทอีกที เหตุเกิดจากความบังเอิญและกูเกิ้ลทำพิษ วันหนึ่งหาข้อมูลเกี่ยวกับอมเมียวจิอยู่ ก็ไปเจอต้นฉบับร่างภาษาอังกฤษนี้เข้า เมื่อลองเซฟมาอ่าน ก็เกิดอาการคันไม้คันมืออยากแปลเล่น

ส่วนตัวชอบซีรีย์ชุดนี้ของ ยูเมะมาคุระ บาคุ อยู่แล้ว ทั้งที่เป็นนิยาย และที่ดัดแปลงเป็นการ์ตูนเล่ม และภาพยนตร์ ค่าที่เต็มไปด้วยผีสางวิญญาณ แถมยังแทรกความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรม พิธีกรรม กับประวัติศาสตร์ต่างๆ ของญี่ปุ่นโบราณไว้เพียบ ในหนังหรือการ์ตูนเล่ม อาจจะหลวมๆ หน่อย แต่ในนิยายจะมีมากกว่า มาก จนหลายคนอาจคิดว่าน่าเบื่อเลยหละ

อีกอย่างที่ประทับใจสุดๆ เกี่ยวกับอมเมียวจิของบาคุก็คือ สาเกกับปลาย่าง ที่มาของชื่อกรุ๊ปบล็อคประหลาดๆ นี่แหละค่ะ ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะในเรื่องมีผู้ชายสองคนมานั่งกินสาเกกับปลาย่าง พลางถกเถียงกันเรื่องภูติผีอยู่ที่นอกชานมันเกือบทุกบทไปน่ะสิคะ XD ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า เซอิเมกับฮิโรมาสะ ก็เหมือนสาเกกับปลาย่างนั่นแหละ แยกกันกินก็อร่อย แต่กินแกล้มกันจะอร่อยที่สุด เหมือนจะ “เพราะเรานั้นคู่กัน” อยู่หน่อยๆ อิอิอิ

แถมยังมีคนใจดี ช่วยมาอ่านเบต้าให้อีกต่างหาก (คนที่ชื่อเหมือนวัวอ่ะ :>) ไหนๆ ก็ไหนๆ ทำบล็อคใหม่เอามาแปะเสียเลย

อ่ะ... นั่นเป็นที่มาของบทแปลงูๆ ปลาๆ อันนี้ค่ะ เรียกว่า อ่านเอาสนุก เจอที่ผิดที่พิลึกตรงไหน ขอบอกว่าเป็นข้อผิดพลาดของเราแต่ผู้เดียว ถ้าเห็นแล้วทนไม่ได้ก็แวะบอกกันบ้าง ไม่ว่าจะผิดจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น หรือดูแล้วภาษาไทยมันแปลกๆ จะได้นำไปปรับแก้ให้มันดูเป็นผู้เป็นคนกว่านี้ค่ะ ^_^

ส่วนลิงค์ข้างล่างนี้ คือฉบับร่างภาษาอังกฤษที่ไปเจอมาค่ะ ต้องขอยกความดีความชอบทั้งหมดในการถอดความจากภาษาญี่ปุ่นที่ยากโค-ตะ-ระออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้แก่นักแปลท่านนี้ทั้งหมดค่ะ
//www.hnoiyika.com/treki/KEMdraft2.doc

จะขอเริ่มเรื่องของเราแล้วนะคะ

หมายเหตุ – คอนจากุโมโนงาตาริ ควรแปลว่าอะไรดี ใครก็ได้วานบอก...



Yumemakura Baku’s Ommyouji


I. Abe no Seimei

ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องของบุรุษผู้น่าพิศวงผู้หนึ่งให้ท่านฟัง

หรือจะให้พูดอีกที มันเป็นเรื่องราวของบุรุษผู้คล้ายกับเมฆที่ล่องลอยในสายลมผ่านห้วงนภาว่างเปล่ายามราตรี

ซึ่งแม้ว่าขณะที่มองดูมัน ท่านจะไม่เห็นว่ารูปร่างของเมฆนั้นแปรเปลี่ยนไปเช่นไร แต่แน่นอนว่ารูปร่างของมันเปลี่ยนไปแล้ว และแน่นอนอีกเช่นกันว่ามันยังเป็นเมฆก้อนเดิม

นี่เป็นเรื่องราวของบุรุษผู้คล้ายดั่งเมฆนั้น

นามของเขาคือ อาเบะ โนะ เซอิเม

เขาเป็น อมเมียวจิ

เขาเกิดราวปีที่ 21 ของศักราช เองหงิ ในรัชสมัยของพระจักรพรรดิ ไดโง แต่วันเกิดของเขาไม่ได้สำคัญนักในเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ในทางตรงกันข้าม อาจจะทำให้เรื่องสนุกยิ่งขึ้นด้วยซ้ำหากเราจะไม่กล่าวถึง

ข้าพเจ้าไม่อาจตัดสินใจได้

จึงคิดจะปล่อยให้ปากกาพาไป เล่าเรื่องราวไปเรื่อยๆ การกระทำเช่นนั้นดูจะเหมาะกว่าสำหรับการเล่าเรื่องของบุรุษผู้นี้

ในยุคเฮอัน

ช่วงเวลาที่ผู้คนเชื่อในการดำรงอยู่ของสิ่งแปลกประหลาดทั้งหลาย ช่วงเวลาที่ปีศาจและภูตผีวิญญาณอยู่ร่วมกับผู้คนอย่างลับๆ ไม่ใช่ในป่าเขาหรือดินแดนห่างไกล หากแต่ในนครหลวง ในบางคราว ก็ถึงกับใต้ชายคาเดียวกัน

อมเมียวจิ

หากจะอธิบายง่ายๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นนักพยากรณ์ หรือพ่อมด หรือนักบวช แต่คำอธิบายเหล่านี้ไม่มีอันใดตรงนัก

อมเมียวจิจะศึกษาการแปรเปลี่ยนของดวงดาว และการแปรเปลี่ยนของผู้คน

พวกเขายังวิเคราะห์ทิศมงคลและอัปมงคล พยากรณ์โชคลาง แม้กระทั่งสามารถสังหารคนด้วยเวทย์มนต์

พวกเขามีอำนาจที่เกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับโชคชะตา ดวงวิญญาณ ปีศาจและสิ่งอื่นๆ ประเภทเดียวกัน อำนาจที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และสามารถควบคุมเรื่องราวลึกลับเหล่านั้นได้

อมเมียวจิ ยังเป็นหนึ่งในส่วนการทำงานของราชสำนัก ถึงกับมีกรมดูแลเกี่ยวกับลัทธิเต๋าโดยเฉพาะ เซอิเมเองนั้นเป็นถึงข้าราชสำนักสังกัดอยู่ในระดับสี่

ระดับที่หนึ่งคือ อัครมหาเสนาบดี ระดับที่สองคือเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวา (อุไดจิน และ สะไดจิน) ส่วนระดับที่สามคือ ไดนากอง และ จูนากอง

เห็นได้ชัดว่าเขามีอิทธิพลมากพอตัวในราชสำนัก

มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับ อาเบะ โนะ เซอิเม เขียนเล่าไว้ใน เรื่องเล่าของปัจจุบันและอดีต (Konjaku Monogatari) เช่นว่า เซอิเมฝึกเป็นอมเมียวจิตั้งแต่ยังเล็กกับปรมาจารย์อมเมียวจิที่ชื่อ คาโมะ โนะ ทาดายูกิ

ตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็มีพรสวรรค์หลายอย่างซึ่งเหมาะกับการเป็นอมเมียวจิ ดูเหมือนเขาจะเป็นอัจฉริยะในด้านนี้

ใน เรื่องเล่าของปัจจุบันและอดีต เล่าว่า เมื่อครั้งเซอิเมยังเป็นเด็กหนุ่ม คืนหนึ่งทาดายูกิอาจารย์ของเขาออกเดินทางไปยังเมืองด้านล่าง เมืองด้านล่างในที่นี้ก็หมายถึงทิศใต้ของเมืองนั้นเอง เป็นได้ว่าทาดายูกิอาจออกจากเขตพระราชฐานทางประตูซุซาคุ ลงมาตามถนนซุซาคุไปทางประตูราโช ซึ่งเป็นทิศใต้ที่สุดของนครหลวง มันคงจะประมาณแปด ริ จากใจกลางวังหลวงถึงประตูราโช

เขาเดินทางด้วยรถลาก จะเป็นรถลากลักษณะใดนั้นไม่ได้มีบันทึกไว้ แต่ที่แน่นอนคือมันเป็นรถเทียมวัว ไม่ได้มีบันทึกไว้เช่นกันว่าทำไมเขาจึงเดินทางไปยังเมืองด้านล่าง แต่มันก็ดูเหมาะสมกับคำบรรยายที่บอกไว้ว่า เขากำลัง “คิดคำนึง” ถึงท่านหญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย เซอิเมเป็นหนึ่งในผู้อารักขาของเขา

ทาดายูกินั้นนั่งอยู่ในรถลาก ส่วนผู้อารักขาจะเดินเท้า ผู้ติดตามในขบวนก็มีเพียงสองสามคน คือคนจูงวัว คนถือโคม ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือเด็กหนุ่มเซอิเม อายุของเขาไม่ได้บอกไว้ แต่หากเราจะจินตนาการ ก็เป็นได้ว่าตอนนั้นเขาเพิ่งจะย่างวัยรุ่น ผู้อารักขาคนอื่นๆ แต่งกายด้วยชุด ฮิตะตาเระ อย่างเรียบร้อยงดงาม แต่เซอิเมนั้นเดินเท้าเปล่า และสวมเสื้อผ้าเก่าที่คนอื่นให้มา

กระนั้นเขาก็ยังดูแตกต่าง หลายเสียงบอกว่าเขาดูเคร่งขรึม หลักแหลมและมั่นใจ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คงไม่มีใครดูโดดเด่นหากต้องสวมเสื้อผ้ามือสองเก่าปอนเช่นนั้นเป็นแน่ แน่นอนภายนอกเขาอาจจะดูเหมือนเด็กฝึกงานรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่นๆ หากมีใบหน้าหมดจดกว่า แน่นอนว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่บางคราวสามารถกล่าววาจาที่น่าประหลาดใจได้เหมือนกับผู้ใหญ่

บางครั้งบางคราว ทาดายูกิก็จะเห็นประกายเฉลียวฉลาดลึกล้ำที่ไม่แสดงให้คนอื่นเห็นในดวงตาของเด็กหนุ่ม แต่เขาเพิ่งจะได้สังเกตอย่างจริงจังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ด้วยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ ทำให้ทาดายูกิเห็นแววฉายชัดในตัวเซอิเม

กลับเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า

รถเทียมวัวแล่นเรื่อยเลาะริมนครหลวง ทาดายูกิเอกเขนกอยู่ภายในอย่างสบายอารมณ์ เซอิเมเดินอยู่ข้างๆ รถ ตอนเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาด

พวกมันเป็น มิโมอิฮาสุ โอโซโรชิกิ โอนิโดโมะ หรือขบวนอสูรที่กำลังเดินจากฟ้าลงมาที่ขบวนรถ เมื่อดูจากปฏิกิริยาของผู้ติดตามคนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นฝูงปีศาจที่กำลังใกล้เข้ามาเลย

เซอิเมเปิดหน้าต่างที่ข้างรถในทันที

“ท่านทาดายูกิ...”

เขาปลุกอาจารย์ที่กำลังหลับไหล และรีบรายงานสิ่งที่เขาเห็น ทาดายูกิ ซึ่งตอนนี้ตื่นเต็มตา โผล่ศีรษะออกจากหน้าต่างและมองขึ้นไป เห็นพวกปีศาจกำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ

“หยุดรถ!” ทาดายูกิตะโกนบอกผู้ติดตาม

“รีบเอารถไปซ่อนในเงามืด แล้วก็อย่าหายใจหรือขยับตัวเป็นอันขาด อย่าส่งเสียงอะไรแม้แต่นิดเดียว”

ทาดายูกิร่ายเขตอาคมที่ทรงอานุภาพ ยังผลให้ขบวนรถของเขาหายไปจากสายตาของพวกปีศาจ และพวกมันก็เดินผ่านไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทาดายูกิจะเรียกหาเซอิเมไว้ข้างกายเสมอ

ว่ากันว่าเขาถ่ายทอดวิชาอาคมของเขาให้ศิษย์รักคนนี้จนหมดสิ้น

หรือที่กล่าวไว้ในเรื่องเล่าของปัจจุบันและอดีตว่า “คาเมะ โนะ มิสุ โอะ อุทซุสุ งะ โกโตะฉิ” ซึ่งหมายถึง น้ำ อันเป็นสิ่งควบคุมพลังเวทย์ในลัทธิเต๋า ที่อยู่ในแจกัน หรือ คาเมะ ของ คาโมะ โนะ ทาดายูกิ ได้ถูกเทใส่แจกันของ อาเบะ โนะ เซอิเม จนหมดสิ้นทุกหยาดหยด

ว่ากันอีกว่า หลังจากทาดายูกิถึงแก่กรรมไปแล้ว เซอิเมก็มาปลูกบ้านอาศัยอยู่ทางทิศเหนือของถนน ทซึจิมิคาโดะ ซึ่งเป็นทิศใต้ของถนนโทอินตะวันตก

หากมองจากท้องพระโรงชิชินกลางวังหลวงแล้วละก็ บ้านนี้จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือเป็นทิศอัปมงคลอันเป็นทางเข้าออกของปีศาจ

การป้องกันถึงสองชั้น คือวัดเอ็นเรียะขุที่ตั้งอยู่บนภูเขาฮิเออิทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครเฮอันเคียว และคฤหาสน์ของอมเมียวจิ อาเบะ โนะ เซอิเม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวังหลวงนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะผังเมืองของนครเฮอันเคียว นอกจากจะวางไว้อย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังออกแบบขึ้นเพื่อคุ้มครององค์จักรพรรดิ คัมมุ จากวิญญาณแค้นของเจ้าชาย ซาวาระ ผู้ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร ฟูจิวาระ โนะ ทาเนทซึงุ วิญญาณแค้นของเจ้าชายทำให้พระจักรพรรดิต้องย้ายนครหลวงจาก นางาโอกะ หลังจากก่อตั้งได้เพียงสิบปี และมาตั้งใหม่ที่เฮอันเคียวแห่งนี้

อย่างไรก็ดี นั่นมันก่อนที่เซอิเมจะเกิด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้...

Tbc...



Create Date : 05 กันยายน 2549
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 17:08:42 น. 2 comments
Counter : 897 Pageviews.

 
ตอนต่อไปล่ะ ตอนต่อไป


โดย: มม IP: 58.9.76.160 วันที่: 7 กันยายน 2549 เวลา:23:47:30 น.  

 


โดย: เปิ้ล IP: 203.113.57.39 วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:16:29:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กหญิงสระบัว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เด็กหญิงสระบัว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.