ของขวัญวันเกิดจากใจ
ชายหนุ่มต้องการซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนสาว ทั้งคู่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อถุงมือให้เธอซักคู่ และแนบจดหมายที่เขาคิดว่าน่าจะเหมาะสม โรแมนติก แต่ไม่ส่วนตัวจนเกินไปนัก เขาไปซื้อของขวัญกับน้องสาวของแฟนที่ห้างสรรพสินค้า เลือกได้ถุงมือสีขาวหนึ่งคู่ ขณะที่น้องสาวแฟนเลือกซื้อกางเกงใน 2 ตัวให้ตัวเอง ขณะที่ห่อของขวัญนั้น พนักงานได้ห่อของสลับกัน น้องแฟนได้ถุงมือ และ แฟนสาวได้กางเกงใน 2 ตัวแทน ชายหนุ่มไม่ได้เช็คของขวัญ หลังจากที่ห่อของเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการส่งให้แฟน พร้อมทั้งจดหมายข้อความดังต่อไปนี้ ผมเลือกของสิ่งนี้ เพราะสังเกตว่าคุณไม่ชอบใส่มันเวลาเราออกไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้องสาวของคุณแล้วละก็ ผมก็คงเลือกแบบที่ยาวกว่านี้ ที่มีกระดุม แต่น้องสาวคุณใส่แบบสั้นอย่างนี้และถอดได้ง่ายกว่า อันที่จริงมีสีให้เลือกมากมาย แต่คนขายที่เป็นผู้หญิงโชว์ของเธอให้ผมดู เธอบอกว่าเธอได้ใส่มาตั้ง 3 อาทิตย์แล้ว ยังไม่เปื่อยแต่อย่างใด ผมก็เลยให้เธอลองใส่ของคุณให้ผมดู เธอดูสวยจริง ๆ ......ผมอยากเป็นคนใส่ให้คุณคนแรกมาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามือของผมจะได้สัมผัสสิ่งนั้นก่อนที่จะได้เห็น และเมื่อใดก็ตามที่คุณถอดมันออก อย่าลืมเป่ามันซะก่อนที่จะเก็บ เพระว่ามันจะชื้น และจะทำให้คุณคันขณะสวมใส่ .......คุณลองคิดดูสิว่า ผมจะ จูบ มันสักกี่ครั้ง ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ผมหวังว่าคงเห็นคุณใส่มันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้นะครับ ด้วยรักอย่างยิ่ง
แล้วแต่จะเมตตา
ซิก-โอ็ต-หนุ่ม สามสหายซึ่งเป็นเพื่อนกันมานาน แต่อัตคัดขัดสนอย่างหนัก เพราะ ไม่ได้เกิดมาบนกองทอง พ่อแม่พี่น้องล้วนคนเดินดินกินข้าวแกง สามสหายหมดหน ทางทำมาหากินอะไรกันแล้ว จึงตกลงกันไปขอพึ่งเจ้าแม่ที่สิงสถิตอยู่บนต้นตะเคียนใหญ่ ทั้งสามได้ขอให้เจ้าแม่เป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยรวบรวมเงินคนละ 80 บาทเท่าๆกัน จะไปซื้อล็อตเตอรี่หมายเลขเดียวกัน 3 คู่ ถ้าหากเจ้าแม่จะเมตตาปรานี ขอได้โปรด ให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 สักครั้งเถิด ทั้งสามสัญญากับเจ้าแม่ว่าจะแบ่งเงินรางวัล ส่วนหนึ่งให้เจ้าแม่เป็นจำนวนเท่าที่เจ้าแม่ปรารถนา ปรากฏว่า เจ้าแม่ช่วยสามสหายจริงๆ ล็อตเตอรี่ทั้งสามรวมเงินกันนั้น ถูกรางวัลที่ 1 สามสหายรีบไปรับเงินรางวัลเงินสดมาหาร 3 แบ่งเท่าๆกัน ถึงคราวที่จะต้องแบ่งเงินที่ได้มาให้เจ้าแม่ ทั้งสามพร้อมใจกันไปที่ใต้ต้นตะเคียนใหญ่ แต่ละคนคิดหาทางอันชาญฉลาดที่จะแบ่งเงินให้เจ้าแม่ตามสัญญา ซิก สหายคนแรกหาทางแบ่งเงินให้เจ้าแม่อย่างมีเหตุผล เขาเขียนวงกลมรอบตัวเขา แล้วยกมือประนมท่วมหัวบอกกล่าวกับเจ้าแม่ว่า เจ้าแม่ตะเคียนทองผู้มีเมตตาโปรด ให้ลูกช้างถูกหวยรางวัลที่ 1 ลูกช้างไม่ลืมสัญญาจะมาแบ่งเงินให้เจ้าแม่ในวันนี้ที่ เจ้าแม่ต้องการ ลูกจะโปรยเงินทั้งหมดขึ้นไปในอากาศ เจ้าแม่โปรดส่วนแบ่งเท่าใดก็ ขอให้เงินนั้น ตกพ้นจากวงกลมที่ลูกขีดเอาไว้ ลูกขอรับแต่เฉพาะเงินที่ตกอยู่ภายใน วงกลมที่ลูกช้างยืนอยู่เท่านั้น แล้วเขาก็ทำตามสัญญา มีเงินตกนอกวงกลมบ้าง ในวงกลมบ้าง เขาเอาเป็นของตน เองแต่เฉพาะที่ตกอยู่ในวงกลมเท่านั้น โอ็ต สหายคนที่สอง ขีดเส้นตรงแล้วไปยืนอยู่บนกลางเส้นนั้น พนมมือบอกกล่าว กับเจ้าแม่ ลูกช้างขีดเส้นไว้แล้ว และจะโปรยเงินไปในอากาศเหมือนเพื่อนของลูกช้าง ถ้าเงินตกลงมาข้างซ้ายตรงต้นตะเคียนที่เจ้าแม่สิงสถิตอยู่ ลูกช้างก็จะมอบเงินนั้น ให้เจ้าแม่ ลูกช้างขอรับแต่เฉพาะเงินที่ตกอยู่ข้างขวาด้านนอกนี้เท่านั้น แล้วเขาก็ทำตามที่ได้พูดไว้ หนุ่ม สหายคนที่สามยกมือพนมต่อหน้าเจ้าแม่ตะเคียนทอง เจ้าแม่ตะเคียนทอง ผู้มีเมตตา ลูกช้างรู้ว่าเจ้าแม่สิงสถิตอยู่บนต้นตะเคียนนี้ ลูกจะโปรยเงินขึ้นไปใน อากาศเหมือนกับเพื่อนๆของลูกช้าง ถ้าเจ้าแม่ประสงค์ส่วนแบ่งเท่าไรหรือจะรับไว้ ทั้งหมด ขอเจ้าแม่จงเอาไปตามต้องการเถิด ลูกช้างขอรับเงินเพียงเท่าที่ตกถึง พื้นดินเท่านั้น
ผู้ชายคนแรกและผู้ชายคนสุดท้าย
ข้อแตกต่างระหว่างการเป็นผู้ชายคนแรกและผู้ชายคนสุดท้ายของผู้หญิง - กับผู้ชายคนแรก "เราเสียตัวให้คนที่เรารัก ผิดตรงไหน" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ผู้หญิงผิดพลั้งไปบ้าง คุณยกโทษให้ไม่ได้เชียวหรือ? ใจแคบ" (แล้วก็มีความเห็นผู้หญิงกับพวกผู้ชายใต้กระโปรงตามมาอีกโขยงใหญ่ๆ) - กับผู้ชายคนแรก "เรารักกัน ครอบครัวมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "เงินค่าสินสอดน่ะต้องมีค่ะเพื่อทดแทนค่าน้ำนม งานแต่งงานก็ต้องจัดให้สมควร ไม่ให้พ่อแม่ต้องขายหน้า" (รับลูกสาวเค้ามาเลี้ยงดูแทนแล้วยังต้องจ่ายค่าน้ำนมให้อีก...พิลึก?) - กับผู้ชายคนแรก "เสียตัวตรงไหนก็ได้ โรงแรมม่านรูด บ้านเพื่อน" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ต้องซื้อบ้านเดี่ยวให้เพื่อความสุขและหน้าตาของครอบครัว" (แต่ฉันไม่ทำความสะอาดบ้านเองนะ) - กับผู้ชายคนแรก "บางทีเค้าก็ลำบากเรื่องเงินทอง เราก็ช่วยๆไป" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "เงินเดือนสามีต้องให้เมียเก็บสิ" - กับผู้ชายคนแรก "ไปเที่ยวด้วยกันก็ต้องช่วยเค้าออกเงินสิคะ จะเอาเปรียบผู้ชายได้ไง" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ผู้หญิงที่เก็บเงินตัวเอง ใช้เงินสามีคือผู้หญิงฉลาด", "เดี๋ยวนี้เค้าไม่กัดก้อนกินเกลือด้วยกันแล้วค่ะ" - กับผู้ชายคนแรก "ถึงเขาทำเลวกับเรายังไง เราก็ยังรัก ยังไม่ลืมเขา" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "สามีก็ดีกับเรามากนะคะ แต่ทำไมยังลืมแฟนคนเก่าไม่ได้ก็ไม่รู้" - กับผู้ชายคนแรก "อยู่หอเดียวกัน เราช่วยทำอาหารให้เค้ากิน จัดห้องให้เค้า เป็นความประทับใจที่ไม่ลืม" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ผู้ชายเดี๋ยวนี้ยังต้องให้ผู้หญิงทำงานบ้านให้อีกเหรอ กดขี่ทางเพศ" - กับผู้ชายคนแรก "คุยกระจุ๋งกระจิ๋งกันทั้งคืนไม่มีเบื่อเลยค่ะ!" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ทำไมผู้ชายไม่ยอมฟังเวลาที่ผู้หญิงอยากระบาย" - กับผู้ชายคนแรก "ฐานะไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าเค้ารักเรารึเปล่าต่างหาก" กับผู้ชายคนสุดท้าย "สามีไม่รักความก้าวหน้า ทำงานเท่าไหร่รายได้ก็ยังย่ำเท้าอยู่ที่เดิม" - กับผู้ชายคนแรก "เราสองคนยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบ เลยต้องไปทำแท้ง เราผิดด้วยหรือ" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "สามีต้องช่วยเลี้ยงลูกสิ เป็นหน้าที่ของสามีที่จะขวนขวายให้ลูกได้เรียนสูงๆ มีอนาคต) - กับผู้ชายคนแรก "ผู้หญิงเดี๋ยวนี้มีงานทำ มีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่เกาะผู้ชายกินหรอก" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "ผู้หญิงที่ได้อยู่บ้านเฉยๆให้สามีเลี้ยงน่ะ มีบุญที่สุดแล้ว ผู้หญิงไทยหลายๆคนฝันอย่างคุณ ยังไม่ได้เลย" - กับผู้ชายคนแรก "เค้าก็เจ้าชู้นะ ผ่านผู้หญิงมาเยอะ ทำยังไงจะให้เค้าจบลงที่เราได้คะ" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "สามีก็เป็นคนดี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ ไม่นึกเลยว่าจะมาเสียคนมีเมียน้อยเอาเมื่อแก่ เลวที่สุดเลยค่ะ" (หลังจากนี้ก็จะมีสาวๆมาช่วยรุมด่าอีกโขยงใหญ่ๆ) - กับผู้ชายคนแรก "เค้าก็มีคนมาชอบเยอะนะคะ แต่เราก็แย่งมาได้ ภูมิใจค่ะ" | กับผู้ชายคนสุดท้าย "สามีเป็นหัวหน้างานค่ะ บุคลิกดี มีลูกน้องสาวๆมารุมชอบ แย่ที่สุด ทั้งนังผู้หญิง อั้ยผู้ชาย" สรุป : ผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชายคนแรกกันแทบทุกคน, ผู้ชายทุกคนอยากเป็นผู้ชายคนแรกของผู้หญิงแต่ใช่ว่าจะได้จริงๆกันเสียทุกคน, ผู้ชายบางคนได้เป็นผู้ชายคนแรกของผู้หญิงหลายคน แต่ผู้ชายคนสุดท้ายบางคนไม่เคยได้เป็นผู้ชายคนแรกของผู้หญิงเลยสักคน...
คำเตื่อนเรื่องการใช้แปลงสีฟันเก่า
"แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ในแปรงสีฟัน จะเดินทางเข้าสู่กระแสเลือด" เดลิเมล์- ผู้เชี่ยวชาญเตือนแทนที่จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง แต่แปรงสีฟันอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากกว่าที่คิด ในหนังสือเล่มใหม่ เหตุใดแปรงสีฟันจึงอาจฆ่าคุณได้? เจมส์ ซอง นักเคมีจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐฯ ระบุว่าแปรงสีฟันที่ใช้งานนานเกินไป ถือเป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายในครัวเรือน และว่าปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ และการติดเชื้อเรื้อรัง อาจเกี่ยวพันกับแปรงสีฟันที่ไม่ถูกสุขอนามัย ตามทฤษฎีของซองนั้น ดูเหมือนแบคทีเรียจำนวนมากจะซุกซ่อนอยู่ในแปรงสีฟัน และแบคทีเรียเหล่านี้เดินทางเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้โดยตรงผ่านรอยแผลเล็กๆ ที่เหงือก แบคทีเรียเหล่านี้บางส่วนเกี่ยวข้องกับการอุดตันของเส้นเลือด แนวคิดนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผลการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ พบว่าแปรงสีฟันทั่วๆ ไปเป็นแหล่งอาศัยของเชื้อโรคประมาณ 10 ล้านตัว ซึ่งรวมถึงแบคทีเรียอันตรายอย่าง staphylococci, streptococcus, E. coli และ candida ขณะเดียวกัน สมาคมทันตกรรมแห่งอังกฤษ (บีดีเอ) สำทับว่าอันตรายยิ่งร้ายแรงขึ้นหากมีการใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น พบ!! เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซีในแปรงสีฟัน ดร. ทาเร็ก ไอดริส ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมตกแต่งจากฮาร์เลย์ สตรีท ขานรับว่ามีการตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซีในแปรงสีฟัน และสปอร์ของไวรัสตับอักเสบบีสามารถอยู่รอดได้นานหลายเดือน นอกจากนั้น แปรงสีฟันเปียกชื้นยังเป็นแหล่งกบดานสมบูรณ์แบบของแบคทีเรียร้ายหลายชนิด เกือบจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่แปรงสีฟันถือเป็นวัตถุอันตรายในบ้าน เราไม่ควรทิ้งแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำแล้วใช้แล้วใช้อีกโดยไม่ล้างให้สะอาดเสียก่อน ไอดริสเสริม นอกจากนั้น หลายคนยังทิ้งแปรงสีฟันไว้ในแก้วเดียวกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคติดต่อถึงกันหากแปรงสีฟันสัมผัสกัน ความเสี่ยงที่แบคทีเรียในช่องปากจะเข้าสู่กระแสเลือดถูกตอกย้ำจากงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเชื้อแบคทีเรีย porphy-romonas gingivalis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปริทันต์ ปรากฏอยู่ในเส้นเลือดที่อุดตันรุนแรง การศึกษาของศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ ระบุว่าแบคทีเรียในช่องปากของอาสาสมัครที่เป็นโรคหัวใจ ไปปรากฏอยู่ในหลอดเลือดหัวใจเช่นเดียวกัน แบคทีเรียนี้ยังเกี่ยวข้องกับการคลอดก่อนกำหนด และการที่ทารกมีน้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำ ไอดริสเสริมว่า การสะสมของแบคทีเรียร้ายในระบบเลือด อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเขาเชื่อว่า ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า เราอาจต้องฆ่าเชื้อแปรงสีฟันกันเป็นประจำ หรือใช้แปรงสีฟันแบบใช้แล้วทิ้ง ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน ไม่ควรใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น ขอคำแนะนำเรื่องการแปรงฟันจากทันตแพทย์ งดใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง เนื่องจากจะทำให้เหงือกเป็นแผล และกลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด และหาปลอกใส่แปรงสีฟันหากต้องเก็บไว้ในห้องน้ำ เป็นต้น
เคยโง่แล้วอยากฉลาดไหม
เคยโง่มะ โง่ที่คิดว่า.....ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น โง่ที่คิดว่า.....ใครบางคนให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าคนอื่น โง่ที่คิดว่า.....คนที่เรารัก เค้าจะรักเราคนเดียว โง่ที่คิดว่า.....คนที่เราดีใจเมื่ออยู่ใกล้เค้า จะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด โง่ที่คิดว่า.....คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพราะเป็นห่วงเราจริงๆโง่ที่คิดว่า.....การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รัก ที่รักกันจริงๆ โง่ที่คิดว่า.....เรามีความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากจนเค้าขาดเราไม่ได้ โง่ที่คิดว่า.....เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุด เค้าจะอยู่กับเราเสมอ อยากฉลาดมะ ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....ความพยายามบางครั้งมันก้อเป็นแค่ความพยายาม ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....อย่าหวังว่าใครจะเห็นเราสำคัญมากไปกว่าตัวเค้าเอง ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....คนที่เรารัก....บางทีเค้าก็มีคนที่เค้ารัก ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....คนที่เราอยู่ใกล้เค้าแล้วมีความสุข อาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพียงเพราะเค้าชอบพูดคำหวานกับใครๆเสมอ...ก็แค่นั้น ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....การโกหกเกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าใคร ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไม่เคยรักเรา ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า.....เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุดอาจเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เค้าหมดรักเราแล้ว