คุยไปเรื่อยๆตามประสาเด็กหัวตลาด

๔๒.ดราม่าเรื่อง เวร ๒๔ ชั่วโมง



ดราม่าเรื่องของผมกับหมอตอนที่ ๔๒ เวร ๒๔ ชั่วโมง



ช่วงนี้ในโซเชี่ยลกำลังดราม่ากันหนักถึงกรณีที่น้องหมอเยาว์วัยคนหนึ่งป่วยตายและว่ากันว่าน้องต้องไปดูคนไข้ทั้งๆที่ยังคาสายน้ำเกลือ

รองปลัดกระทรวงหมอคนหนึ่งก็ออกมาให้ข่าวแบบปากพาไปเพลินไปจนเป็นประเด็นร้อนผมจะไม่ไปยุ่งเรื่องนั้นถือว่า โบราณว่าปลาหมอตายเพราะปากแต่ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนเป็น ตาหมอตายเพราะปาก

มีประเด็นอื่นที่น่าสนใจคือการที่กระทรวงหมอออกมายืนยันว่าไม่มีแพทย์ทำงานตลอด๒๔ ชั่วโมง

ประเด็นนี้น่าสนใจครับแพทย์กับพยาบาลต่างก็เป็นบุคลากรที่มีหน้าที่ให้บริการทางการแพทย์แต่ระบบการจัดเวรต่างกัน

พยาบาลจะจัดเวรปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยแบบวันละ๓ เวร เช้า ๘ ชั่วโมง บ่าย ๘ ชั่วโมง ดึก ๘ ชั่วโมง ไล่ไปตั้งแต่ ๐๘.๐๐น.วันนี้จนถึง ๐๘.๐๐ น.วันรุ่งขึ้น
ของพยาบาลนี่เขาไม่มีวันราชการ วันหยุดราชการนะครับจัดเวรไล่ไปเรื่อยๆหัวหน้าก็สับหลีกกระจายกันไปให้เฉลี่ยขึ้นเวรวันหยุดเท่าๆกัน การจัดเวรก็เช่นขึ้นเวรเช้า๒ วัน ต่อด้วยเวรบ่าย ๒ วัน เวรดึก ๒ วัน หยุด ๒ วันดังนั้นบางเดือนพยาบาลจะมีวันหยุดเป็นวันราชการ มีวันหยุดราชการเป็นวันทำงาน

ช่วงนี้เราจะเห็นข่าวว่าพยาบาลหลายๆแห่งถูกจับขึ้นเวรแบบโหนเช้าต่อดึก ดึกต่อบ่าย อะไรทำนองนั้นคือวันละ ๑๖ ชั่วโมง ให้พักระหว่างกลาง ๘ชั่วโมง บางคนอาจจะทำติดต่อกันไปเลย ๑๖ ชั่วโมง

สำหรับแพทย์การจัดเวรก็เป็นระบบเช้า ๘ ชั่วโมง บ่าย ๘ ชั่วโมง ดึก ๘ ชั่วโมงเหมือนกับพยาบาล
แต่ต่างจากพยาบาลที่ทุกวันราชการ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.ถือเป็นเวลาราชการที่ต้องมาปฏิบัติงานขาดไม่ได้(แต่หลายคนก็โกงได้อันนี้จะไม่พูดในที่นี่ตอนนี้นะครับ)

การจัดเวรก็จะแล้วแต่ระดับโรงพยาบาล ที่แน่ๆคือมีเวรห้องฉุกเฉินกับเวรผู้ป่วยในอย่างน้อย ๒ อย่าง
ในเวลาราชการแพทย์ทุกคนจะมีภารกิจหลักคือออกตรวจผู้ป่วยนอกดูแลคนไข้ในหอผู้ป่วย ดูแลคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินทำหัตถการเล็กใหญ่แล้วแต่โรงพยาบาลเช่นผ่าตัดเล็ก ทำคลอด ทำหมัน ผ่าตัดใหญ่ ฯลฯ



อยากให้มองในแง่มุมบวกนะครับ
หมอที่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐบาลมีสถานภาพเป็นข้าราชการเป็นพนักงานของรัฐเหมือนหน่วยงานอื่นๆ เวลาทำงานก็ควรจะเป็น ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.และหยุดทุกวันหยุดราชการ

แต่ในชีวิตจริงมิใช่เช่นนั้น
หมอจะมีงานประจำที่ต้องทำแบบไม่มีวันหยุดคือการตรวจผู้ป่วยในหอผู้ป่วยตามความรับผิดชอบของตนหรือที่เรียกกันว่าราวน์วอร์ด
ปกติเราจะแบ่งกันรับผิดชอบผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหรือที่เรียกว่าวอร์ดอาจจะแบ่งกันคนละวอร์ด หรืออาจจะแบ่งกันตามเวรรับผู้ป่วยคือถ้าผู้ป่วยเข้ามานอนในเวลารับผิดชอบของหมอคนไหนหมอคนนั้นก็ต้องดูแลไปจนกว่าผู้ป่วยจะหายกลับบ้านหรือส่งต่อไปรักษายังแผนกอื่นหรือโรงพยาบาลอื่น หรือตาย

ดังนั้นในแต่ละวัน หมอจะต้องมาราวน์วอร์ดดูแลผู้ป่วยในความรับผิดชอบและทำงานอื่นๆตามตารางเช่นออกตรวจผู้ป่วยนอกหรือโอพีดี เข้าห้องผ่าตัด ฯลฯ
โดยทั่วไปก่อนที่จะไปออกตรวจโอพีดี หรือเข้าห้องผ่าตัดหมอจะไปราวน์วอร์ดเพื่อสั่งการรักษาผู้ป่วยที่นอนอยู่ก่อนและต้องไปราวน์วอร์ดตั้งแต่เช้า บางคนไปตั้งแต่ ๖ โมงเช้าเพื่อดูแลผู้ป่วยให้ทันไปออกตรวจผู้ป่วยนอกเวลา ๐๙.๐๐ น. หรือเข้าห้องผ่าตัดถ้ามีคนไข้หนักก็อาจจะต้องไปราวน์วอร์ดทั้งเช้าและเย็น

วันไหนที่อยู่เวรนอกเวลาราชการหากว่ามีผู้ป่วยยุ่งมากอาจจะอดหลับอดนอน ทำให้ตื่นสายตื่นมาก็ต้องรีบไปทำงานโดยไม่ได้ราวน์วอร์ดก็ต้องไปราวน์วอร์ดช่วงเย็น
เวลาอยู่เวรถึงจะอดนอนก็ไม่ได้หมายความว่าวันรุ่งขึ้นจะได้หยุด
วันหยุดราชการมีโปรแกรมจะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนก็ต้องไปราวน์วอร์ดให้เสร็จก่อนจึงจะไปได้
จึงอยากให้เข้าใจลักษณะงานของหมอบ้างครับ

ปล. ที่ว่ามานี่หมายถึงหมอดีๆทั่วๆไปนะครับแต่หมอบางคนบางกลุ่มที่เช้าเปิดคลินิก เที่ยงเปิดคลินิก เย็นเปิดคลินิกนั่นก็คงเป็นอีกแบบ
วันไหนไปโรงพยาบาลแล้วเป็นคิวหมอคนนั้นออกตรวจ ถึงเวลาแล้วยังไม่มาก็ลองเวียนไปดูหน้าคลินิกเลยครับว่ายังตรวจคนไข้ที่คลินิกอยู่หรือเปล่า ฮิิๆๆ

10 สิงหาคม 2016 22:25




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2560 9:35:05 น.   
Counter : 644 Pageviews.  

๔๑.ดราม่าเรื่อง พฤติกรรมบริการ



ดราม่าเรื่องของผมกับหมอ ตอนที่ ๔๑ พฤติกรรมบริการ

เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๙ผมเคยเขียนเล่าถึงการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะหมอว่าหมอดีๆเขามีตารางการทำงานแต่ละวันอย่างไรเพื่อให้คนที่บ่นว่าไปโรงพยาบาลแล้วต้องรอหมอนานมากเกิดความเข้าใจว่า มีสาเหตุจากอะไรได้บ้างโดยไม่พูดถึงหมอที่อู้งานหรือใช้เวลาราชการอยู่ที่คลินิกส่วนตัว

เมื่อวานผมเห็นพรรคพวกผมที่รักใคร่กันเหมือนเป็นลูกเป็นหลานออกมาระบายถึงการไปรับบริการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเหตุการณ์ที่เขาเล่ามา ๓ เรื่องที่เขาและครอบครัวประสบมาภายในเวลาไม่ถึง ๒ เดือนผมพยายามเปิดใจให้กว้าง ไม่มองแบบมีอคติว่าเป็นเรื่องที่เกิดกับคนใกล้ตัวเพื่อจะอธิบายถึงสาเหตุของเรื่องเหล่านั้นแต่สุดท้ายผมก็มองว่าเป็นพฤติกรรมบริการส่วนบุคคลที่สะท้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารงานของผู้นำหน่วยงานนั้นที่ไม่สอดส่องพฤติกรรมบริการของเจ้าหน้าที่

ผมเองก็ไม่อาจจะนับว่าเป็นหมอที่มีพฤติกรรมบริการดีเพราะช่วงที่ผมเป็นหมออยู่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้วผมได้ชื่อว่าเป็นหมอที่ทะเลาะกับคนไข้เยอะมากแต่ที่ผมทะเลาะล้วนแล้วแต่เกิดจากความต้องการอะไรมากเกินขอบเขตของผู้มารับบริการหลายคนมองว่าเสียเงินซื้อบริการแล้วต้องได้รับบริการตามที่ตนต้องการเหมือนเวลาเสียเงินให้หญิงบริการตามซ่องตามอโคจรสถานทั้งหลายเช่นไม่เป็นอะไรแต่มาตรวจเพื่อให้หมอออกใบรับรองแพทย์เอาไปลางานแต่ได้ค่าจ้างหรือเป็นโรคที่ไม่ฉุกเฉินแต่มาตรวจนอกเวลาราชการที่ห้องฉุกเฉินหรือ ER เพราะสะดวกดีมาตอนไหนก็ได้เจอหมอ

เรามักจะได้ยินคำพูดว่า“หมอไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้”อันที่จริงหมอก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธในการรักษาคนไข้บางประเภทเช่นคนเมาที่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจรักษาหากไม่ได้มีอะไรที่เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตเราก็ปล่อยให้หายเมาก่อนแล้วค่อยมาตรวจหรือคนไข้ที่แสดงอารมณ์แบบคุมสติไม่ได้จนสื่อสารกันไม่ได้เราก็รอให้สงบสติอารมณ์ได้ก่อนค่อยมาว่ากันแต่หมอไม่มีสิทธิปฏิเสธการตรวจรักษาคนไข้เพียงเพราะว่าคนไข้มีกลิ่นเหม็นเราเจอบ่อยไปที่คนไข้มาด้วยอาการคออักเสบ อ้าปากให้ตรวจหมอแทบจะเป็นลมหรือคนไข้ที่เป็นแผลเน่าเฟะสารพัดเป็นหน้าที่ของหมอที่จะต้องหาทางป้องกันตนเองจากกลิ่นเหล่านั้น ไม่ใช่ไม่ตรวจ

การตรวจวินิจฉัยคนไข้เราจะถูกสอนว่าจะต้องประกอบด้วยการซักประวัติอย่างละเอียดซึ่งประกอบด้วยอาการนำที่เป็นสาเหตุให้คนไข้มาพบหมอ อาการปัจจุบันอื่นๆตลอดจนประวัติการเจ็บป่วยในอดีต แล้วจึงจะไปสู่การตรวจร่างกายการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ

ในกรณีที่คนไข้สามารถพูดจาสื่อสารกับเราได้เราก็ซักจากตัวคนไข้เอง แต่ในกรณีที่คนไข้หมดสติหรือไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบข้อซักถามอะไรได้มาก หมอก็ต้องซักประวัติจากคนใกล้ตัวที่รู้เรื่องการเจ็บป่วยของคนไข้ในครั้งนี้มากที่สุด
หมอส่วนใหญ่จะหงุดหงิดกับการที่คนไข้หรือญาติพยายามชักนำให้หมอเห็นว่าคนไข้เป็นโรคอะไรทำนองว่าอย่ามารู้ดีกว่าหมอ เป็นหมอเองหรือไง ทั้งที่เรามีคำกล่าวว่า
“hearhoof beats, think about horse” หรือแปลเป็นไทยว่าถ้าได้ยินเสียงกีบม้าควบมาให้นึกถึงม้าประวัติชักนำของคนไข้อาจจะทำให้เราไม่หลงทางคิดถึงโรคบางอย่างการที่คนไข้มีประวัติว่าไปกินอาหารในงานเลี้ยงกัน แล้วมีหลายคนปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว เราก็ต้องคิดว่าทุกคนมีอาการของอาหารเป็นพิษ ไม่ใช่คนหนึ่งอาหารเป็นพิษคนหนึ่งเป็นนิ่ว อีกคนหนึ่งเป็นไส้ติ่งอักเสบสิ่งเหล่านี้มันเป็นศาสตร์และศิลป์ของการเป็นแพทย์ครั้งหนึ่งเราจึงเรียกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าใบประกอบโรคศิลป์

ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นหมอเวรช่วงหนึ่งคือการเป็นหมอเวรห้องฉุกเฉินหรือER เพราะเราจะเป็นด่านหน้าด่านแรกที่คนไข้อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินมาเจอเราจะต้องมีการจำแนกความรุนแรงของคนไข้เพื่อจัดลำดับในการตรวจรักษาพวกแรกคือพวกที่มีการบาดเจ็บรุนแรงหมดสติหรือเสียเลือดมากหรือมีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด รองลงไปก็เป็นพวกบาดเจ็บปานกลางหรือมีอาการปวดท้องเฉียบพลัน
แต่พวกที่เป็นยาดำที่หมอเวร
ER เกลียดมากคือคนไข้ที่เป็นโรคที่ไม่ฉุกเฉินแต่นึกอยากจะมาโรงพยาบาลตอนไหนก็มา เช่นเป็นไข้มาหลายวัน ปวดศีรษะมาหลายวันเพราะพวกนี้คือกลุ่มที่มาบั่นทอนพละกำลังของหมอและบุคลากรอื่นๆใน ER

ช่วงที่ผมยังทำงานในโรงพยาบาลของรัฐตอนนั้นเรายังไม่มีพนักงานเวชกิจฉุกเฉินงาน ER หรือแม้แต่การไปรับผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุเราใช้หมอกับพยาบาลทั้งนั้น

แต่เท่าที่ผมดูเรื่องสมรรถนะของพนักงานเวชกิจฉุกเฉินในยุคปัจจุบันเราก็ไม่ได้ให้ปฏิบัติหน้าที่คัดกรองผู้ป่วยที่ ER นะ

ผมไม่รู้ว่ากรณีของโรงพยาบาลแห่งนั้นพฤติกรรมบริการที่ไม่สวยเหมือนไม่ได้บริการคนไข้ด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล คือเป็นนิสัยหรือสันดานของแต่ละคนหรือว่ามีสาเหตุมาจากการจัดการระบบที่ไม่ดี เพราะขาดการบริหารจัดการที่ดีของผู้บังคับบัญชาจนทำให้บุคลากรเกิดความเหนื่อยล้าเบื่อหน่ายต่อการให้บริการคนไข้

แปลกนะตอนผมเด็กๆใครต่อใครก็บอกว่าเจ็บไข้ไม่สบายอย่าไปเข้าโรงฆ่าสัตว์แล้วพากันไปโรงพยาบาลจังหวัดข้างเคียง หรือโรงพยาบาลของคริสตจักรที่อยู่ต่างอำเภอผ่านมา ๕๐ ปี ชาวบ้านก็ยังคงพูดเหมือนเดิม




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2560 9:33:21 น.   
Counter : 288 Pageviews.  

๔๐.ดราม่าเรื่อง ไตวาย



ดราม่าเรื่องของผมกับหมอ ตอนที่ ๔๐ ไตวาย


ว่างเว้นจากการเขียนเรื่องราวของหมอเสียหลายวันเพราะมีภารกิจอื่นๆติดพันมากมาย วันนี้ว่างเลยคิดว่าจะเอาอะไรมาเล่าสู่กันฟังดีเก็บข้าวของบนโต๊ะเจอนามบัตรเก่าเมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการแผนงานสนับสนุนระบบบริการโรคไตวายเอาเรื่องไตวายมาขายดีกว่า ถึงแม้จะไม่ใช่หมอโรคไต แต่คิดว่ามีพื้นฐานที่จะเล่าสู่กันฟังได้บ้างพอสมควร

หน้าที่หลักของไตคือการกรองแยกของเสียในเลือดออกมาส่วนที่เป็นเลือดดีก็จะไหลเวียนกลับไปตามระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายส่วนของเสียที่ไตแยกออกมาจะถูกขับออกมาพร้อมกับน้ำเป็นปัสสาวะ คนปกติจะมีไต ๒ ข้างหากการทำงานของไตปกติการสูญเสียไตข้างหนึ่งเหลือทำงานเป็นปกติเพียงข้างเดียวยังเพียงพอต่อการทำหน้าที่กรองแยกของเสียออกจากเลือด

การสูญเสียการทำงานของไตจะแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ

๑.ภาวะไตวายเฉียบพลัน มักจะเกิดจากอุบัติเหตุเสียเลือดมากจนเกิดภาวะช็อคนานๆหรือเกิดจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงในกระแสโลหิต คนไข้กลุ่มนี้ไตอาจจะกลับมาทำงานเป็นปกติหรืออาจจะกลายเป็นไตวายเรื้อรังก็ได้

๒.ภาวะไตวายเรื้อรัง อาการจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปสาเหตุก็จากมีความผิดปกติของหลอดเลือดเช่นเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงหรือเกิดจากมีการอุดกั้นระบบทางเดินปัสสาวะเรื้อรังเช่นเป็นนิ่วในไตหรือเกิดจากโรคภูมิแพ้ที่ส่งผลต่อไตโดยตรง

อาการสำคัญของภาวะไตวายไม่ว่าจะเป็นแบบเฉียบพลันหรือแบบเรื้อรังคือปัสสาวะน้อยกว่าปกติร่างกายขับน้ำออกไม่ได้เกิดอาการบวมน้ำอาจจะถึงขั้นหัวใจวายจากการมีน้ำเกินร่างกายขับของเสียไม่ได้จึงเกิดสภาวะเลือดเป็นกรดจากของเสีย

การรักษาภาวะไตวายเรียกชื่อรวมๆกันว่า“การบำบัดทดแทนไต” ซึ่งมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้และความเหมาะสมในการใช้ได้แก่

๑.การผ่าตัดปลูกถ่ายไตหรือ kidneytransplantation (KT) วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ที่เป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายการทำงานของไตไม่มีทางกลับมาเป็นปกติได้อีกแล้ว การปลูกถ่ายไตก็ใช้ไตจากผู้บริจาคมาปลูกถ่ายให้คนไข้

๒.การล้างไตผ่านทางช่องท้องหรือ peritonealdialysis (PD) เป็นวิธีบำบัดทดแทนไตที่เหมาะสำหรับคนไข้ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้หรือมีคนดูแลเพราะเป็นการล้างไตที่คนไข้ทำเองที่บ้านคนไข้และญาติไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังศูนย์ฟอกไตหลักการของการล้างไตทางช่องท้องคือใช้เยื่อบุช่องท้องทำหน้าที่กรองของเสียแทนไตจะมีการเจาะผนังช่องท้องของคนไข้แล้ววางสายสวนเข้าในช่องท้องเวลาล้างไตก็ใส่น้ำยาล้างท้องเข้าทางสายสวนประมาณ ๒ ลิตรแล้วคาไว้เพื่อให้น้ำยาทำปฏิกิริยาดูดของเสียผ่านเยื่อบุช่องท้องจากนั้นก็ปล่อยน้ำยาที่มีของเสียคืนกลับเข้าถุง

๓.การล้างไตด้วยเครื่องไตเทียมหรือ hemodialysis(HD) เป็นการล้างไตที่ต้องมีเครื่องมือพิเศษเรียกว่าเครื่องไตเทียมเครื่องไตเทียมจะดูดเลือดคนไข้ออกมากรองของเสียด้วยน้ำยาและตัวกรองแล้วดันเลือดดีที่ผ่านการกรองแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายระหว่างการฟอกไตคนไข้จะต้องนอนเฉยๆเป็นเวลาประมาณ ๔ ชั่วโมงและต้องไปทำการล้างไตที่โรงพยาบาลหรือศูนย์ล้างไต ใช้ได้กับคนไข้ทั้งที่เป็นภาวะไตวายแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง

๔.การบำบัดทดแทนไตแบบต่อเนื่องหรือ continuousrenal replacement therapy (CRRT) เป็นการล้างไตด้วยเครื่องมือพิเศษคล้ายHD แต่การล้างไตจะเป็นการดูดเลือดออกมากรองด้วยน้ำยาและตัวกรองแบบต่อเนื่องตลอดเวลามีข้อบ่งใช้ในกรณีที่คนไข้มีภาวะไตวายแบบเฉียบพลันที่มีปัญหาเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตความดันโลหิตไม่คงที่หากใช้วิธี HD ที่มีการดึงเลือดปริมาณมากออกมาผ่านเครื่องไตเทียมจะทำให้คนไข้เกิดภาวะช็อคได้

โดยสรุปการบำบัดทดแทนไตสำหรับภาวะไตวายเฉียบพลันได้แก่HD และ CRRT ส่วนภาวะไตวายเรื้อรังได้แก่PD, HD, CRRT และ KT

เราคงไปโม้ต่อกับเพื่อนได้แล้วนะครับว่าถ้าเป็นไตวายเขารักษากันอย่างไรบ้าง  




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2560 19:11:35 น.   
Counter : 353 Pageviews.  

๓๙.ดราม่าเรื่อง หัตถการพยาบาล

 

ดราม่าเรื่องของผมกับหมอ ตอนที่ ๓๙ หัตถการพยาบาล

 

หลายคนอาจจะคิดว่าหมอทำโน่นทำนี่ที่เป็นหัตถการเกี่ยวกับการรักษาเก่งกว่าพยาบาลซึ่งผมคิดว่าไม่ถูกต้องทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ

ผมจะเล่าให้ฟังแล้วลองใช้วิจารณญาณตัดสินเอานะครับว่าอะไรเป็นอะไรแต่สิ่งที่ผมเล่านี่ผมเอาจากประสบการณ์ของผมเองที่ไม่ใช่เด็กเรียนไม่ใช่เด็กขยันนะครับ

ผมพยายามนึกทบทวนว่าตลอดระยะเวลาที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์๘ ปี ซึ่งเรียนมากกว่าคนอื่นตั้ง ๒ ปีนะครับ(น่าจะเห็นน่าจะเจออะไรมาเยอะ)เราไม่มีการสอนวิชาหัตถการพื้นฐานให้นักเรียนแพทย์ในห้องเลคเชอร์เราไม่เคยเรียนว่าการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อแต่ละตำแหน่งฉีดอย่างไรเราไม่มีการสอนว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดฉีดอย่างไรเราไม่มีการสอนว่าการฉีดยาเข้าในชั้นไขมันใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้าในผิวหนังทำอย่างไรเราไม่มีการสอนว่าการเจาะเลือดเจาะอย่างไร

เรารู้จักการเจาะเลือดตอนอยู่ชั้นปรีคลินิกเรียนวิชาชีวเคมีวิทยา(biochemistry)มีการทำแล็บเพื่อหาองค์ประกอบของเลือด ต้องใช้เลือดที่เจาะออกมาสดๆเราต้องผลัดกันเจาะเลือดเพื่อน การเจาะก็ไม่ได้มีการสอนเชิงทฤษฎีใดๆอาจารย์ที่คุมแล็บชีวเคมีก็จะบอกเราว่าเอาสายยางรัดเหนือศอกนะแล้วเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดไปบนผิวหนังที่เห็นเส้นเลือดปูดๆเอาเข็มสวมเข้ากับไซริงจ์อย่าให้สัมผัสกับอะไรมันจะสกปรกติดเชื้อโรคจากนั้นก็เจาะลงไปที่เส้นเลือดปูดๆนั่นแหละแล้วดูดเลือดออกมาก็ลองผิดลองถูกกับเส้นเลือดของเพื่อนกันไป

พอเราเรียนวิชาภูมิคุ้มกันวิทยาเราต้องฉีดสารบางอย่างเพื่อดูปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันของร่างกายเช่นทำทูเบอร์คูลินเทสต์เพื่อดูว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อวัณโรคหรือเปล่าเราต้องฉีดน้ำยาทดสอบเข้าที่ชั้นผิวหนังที่ท้องแขน ก็ฉีดกันเองแบบไม่รู้ทฤษฎี

ตอนที่อยู่ชั้นคลินิกเมื่อผ่านกองอายุรศาสตร์นักเรียนแพทย์ทุกคนจะต้องมีเวรไปเจาะเลือดคนไข้เพื่อส่งตรวจทุกเช้าแต่เอาเข้าจริงเรามักจะตื่นไม่ทันพยาบาลประจำหอผู้ป่วยมักจะเจาะเรียบร้อยก่อนเราไปถึงหอผู้ป่วยช่วงที่เป็นแพทย์ใช้ทุนเขามีระเบียบว่าการให้ยาเคมีบำบัดต้องให้โดยหมอเท่านั้นสำหรับผมก็ขอใช้บริการเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เป็นพยาบาลให้ช่วยแทงเส้นไว้ให้ผมผสมยาเสร็จก็เอาไปต่อให้คนไข้ได้เลย ไม่ต้องแทงเส้นเอง

รู้แบบนี้แล้วคุณๆคนไข้ทั้งหลายยังจะเรียกร้องให้หมอไปฉีดยาให้เจาะเลือดให้อีกหรือเปล่าครับพยาบาลนั่นเขาเรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติเลยนะครับว่าการฉีดยาต้องทำอย่างไรการเจาะเลือดต้องทำอย่างไร

แต่หมอรุ่นใหม่นี่น่าจะดีขึ้นเพราะมีหุ่นจำลองให้ฝึกฝนเยอะมากและมีการสอบ OSCE ซึ่งเป็นการสอบภาคปฏิบัติของการทำหัตถการต่างๆด้วย




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 7 สิงหาคม 2562 15:57:09 น.   
Counter : 208 Pageviews.  

๓๘.ดราม่าเรื่อง ทำฟัน



ดราม่าเรื่องของผมกับหมอ ตอนที่ ๓๘ ทำฟัน


ผมไม่แน่ใจว่าหมอคนอื่นจะเป็นเหมือนผมหรือเปล่าผมเป็นหมอผ่าตัดที่ผ่าคนอื่นมาเยอะมากตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งผ่าตัดเล็กผ่าตัดใหญ่แต่ผมเองเป็นคนกลัวเข็มกลัวมีด และที่กลัวมากที่สุดเห็นจะเป็นการทำฟัน

ผมเป็นคนมีปัญหากับหมอฟันมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อ๔๐ กว่าปีที่แล้วผมมีญาติดองเป็นหมอฟันปริญญาคนเดียวในปัตตานีผมจำได้แม่นเลยว่าฟันน้ำนมผมโยก พ่อพาไปหาอาที่เป็นหมอฟันไปถึงแกก็บอกว่าไหนอ้าปากให้อาดูหน่อยพออ้าแกก็เอามือจับฟันที่โยกแล้วดึงเป๊าะหลุดติดมือออกมาดื้อๆเลยผมเลยกลัวหมอฟันจับใจเลยตั้งแต่นั้น

ช่วงที่ผมอายุ ๑๑ ปีฟันแท้ซี่หน้าผุผมทำเป็นใจกล้าไปหาอาโดยชวนเพื่อนไปเป็นเพื่อนคนหนึ่งอาบอกว่าต้องอุดขึ้นนั่งเก้าอี้เลยเดี๋ยวอาจัดการให้พอผมขึ้นนั่งอาก็เริ่มกรอฟันพร้อมกับแซวไปว่าเดี๋ยวนี้เป็นหนุ่มแล้วนะสงสัยกลัวสาวไม่มองเพราะฟันผุเลยมาหาอาให้อุดให้ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่าเสียวจี๊ดขึ้นหัวจะร้องก็ร้องไม่ได้เพราะอ้าปากกว้างอยู่จนอาอุดฟันให้เรียบร้อย ผมลุกจากเก้าอี้ทำฟันไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องทำฟันผมรู้สึกเวียนหัวหน้ามืดจะเป็นลม ผมบอกอาว่าไม่ไหวแล้วจะเป็นลมแล้วล้มตัวลงนอนอาเอาแอมโมเนียมาให้ดมหัวเราะชอบใจบอกว่าไอ้เจ้านี่เหมือนพ่อเลยตอนหนุ่มๆมาให้อาถอนฟันก็เป็นลม ฮิๆๆ

ตอนเป็นนักเรียนแพทย์ปี ๑ ช่วงปิดเทอมพ่อให้ผมไปหาเพื่อนพ่อที่เป็นหมอฟันที่ศิริราชเพื่อจัดการสุขภาพฟันทั้งปากเป็นงานใหญ่เลยเพราะผมโดนทั้งถอน ทั้งอุด และรักษารากฟัน ผมก็กลัวมากเช่นเคยแต่เพื่อนพ่อแกเป็นคนช่างคุยเวลาแกทำฟันเราไม่ว่าจะฉีดยาชา จะถอน จะกรอ จะอุดแกก็ชวนคุยเพื่อให้เราลืมว่ากำลังทำฟันที่ตลกคือแกชอบตั้งคำถามโน่นนี่นั่นแต่ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะอ้าปากให้แกกรอฟันอยู่พอทำเสร็จก็เลยต้องมาตอบคำถามแกจนลืมเป็นลม ฮิๆๆ

ช่วงที่ผมเป็นแพทย์ประจำบ้านปี ๓กำลังรอสอบบอร์ด ฟันกรามที่อุดไว้เกิดหลุด ผมเกรงว่ามันจะอักเสบปวดจนอ่านหนังสือสอบไม่รู้เรื่อง จึงไปหาหมอฟันที่ศิริราชเป็นหมอฟันผู้หญิงอาวุโสแกดูแล้วบอกว่าเดี๋ยวอุดให้ แต่ดูแล้วรูใหญ่และลึกต้องฉีดยาชาเวลากรอจะได้ไม่เสียวมากช่วงที่ฉีดยาดชาช่วงที่กรอผมกลัวจนตัวเกร็งผมบีบพนักวางแขนเก้าอี้ทำฟันแน่นจนแกแซวว่าหมอปล่อยมือบ้างก็ได้เดี๋ยวเก้าอี้พี่จะหักตอนที่แกถามว่าหมอมาเรียนต่อด้านไหนผมแทบจะไม่กล้าตอบแกเลยว่าเรียนเป็นหมอผ่าตัด ฮิๆๆ

จนเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ผมมีอาการปวดฟันจับดูรู้สึกว่าฟันกรามโยกผมจึงไปหาหมอฟันที่คลินิกใกล้บ้านหมอบอกว่าต้องถอนและเนื่องจากเป็นฟันกรามซี่ที่เกี่ยวฟันปลอมอยู่ฟันปลอมซี่นั้นจะใช้ไม่ได้ต้องทำใหม่แนะนำให้ทำครอบฟันแล้วนัดให้ผมไปถอนฟันกับหมอผู้เชี่ยวชาญ หลังจากนั้น ๓ วันผมก็ไปถอนฟัน หมอที่ถอนฟันให้เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาไม่ยิ้ม ผมชักเสียวแต่เอาเข้าจริงแกทำนิ่มนวลมากก่อนฉีดยาชามีการใช้สำลีชุบยาชามาอัดบริเวณที่จะฉีดยาให้รู้สึกชานิดๆก่อนเวลาฉีดยาชาจึงไม่เจ็บ ตอนถอนแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย

หลังจากถอนฟันซี่ที่เป็นปัญหาแล้วผมก็ต้องเตรียมทำครอบฟันด้วยการรักษารากฟันซี่ที่จะเป็นฐานครอบหลังจากที่ผมผ่านพ้นการถอนฟันครั้งนี้การกรอฟันการรักษารากฟันจึงไม่เป็นปัญหาของผมอีกต่อไป

จากนั้นผมก็ไปพบหมอฟันทุก ๖ เดือนจะขุดหินปูนจะอุดผมไม่กลัวแล้ว

ตอนนี้ผมเพิ่งถึงบางอ้อว่าผมนี่โง่มานานที่กลัวการทำฟันจนฟันจนเหงือกมีปัญหา สิ่งที่ผมควรจะกลัวคือค่าทำฟันมากกว่า ครั้งหลังสุดที่ถอนรักษารากฟันและครอบฟันนี่ผมโดนไปครึ่งแสนเลย




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2560 19:06:58 น.   
Counter : 254 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

เด็กหัวตลาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เรียนจบหมอ เคยผ่านการเป็นอาจารย์ แล้วลาออกไปเป็นหมอจนๆ เพราะไม่ชอบใช้วิชาชีพหากิน
ปัจจุบันเลิกรักษาคน หันไปบริหารเงิน คอยดูคนอื่นรักษาคนไข้แทน
รับผิดชอบการจัดชุดสิทธิประโยชน์สำหรับโรคเรื้อรัง
และโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงของผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง ๓๐ บาท)
สนใจเรื่องราวประวัติตระกูล และประวัติศาสตร์บ้านเกิด ณ หัวตลาด หรือตลาดจีนเมืองตานี เป็นพิเศษ
[Add เด็กหัวตลาด's blog to your web]