คุยไปเรื่อยๆตามประสาเด็กหัวตลาด

๓.ดราม่าเรื่อง กว่าจะเป็นครูแพทย์

 

๓.ดราม่าเรื่อง ครูแพทย์ ตอน กว่าจะเป็นครูแพทย์

 

การเป็นครูแพทย์นี่ไม่เหมือนครูทั่วไปที่จบครุศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ แล้วมาเป็นครูคนที่จะเป็นครูแพทย์ได้นี่ต้องฝ่าด่านอะไรต่อมิอะไรเยอะพอสมควรในสมัยผมด่านแรกคือต้องเรียนให้จบแพทยศาสตร์บัณฑิตก่อน เมื่อจบแล้วก็ต้องสมัครขอทุนจากโรงเรียนแพทย์เพื่อไปเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางขั้นตอนนี้ก็ต้องแข่งกันเพราะโดยทั่วไปมักจะมีคนสมัครมากกว่าอัตราที่รับเสมอการพิจารณาคนรับทุนก็พิจารณาจากผลการเรียน ผลการทำงาน บุคลิกนิสัยใจคอเรียกว่าพิจารณากันหลายด้าน

เมื่อแต่ละภาควิชารับหมอจบใหม่เพื่อไปเรียนต่อเฉพาะทางในรุ่นก่อนหน้าผมนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทางคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ยังเป็นน้องใหม่จึงได้สิทธิพิเศษจากแพทยสภาให้ผู้ที่รับทุนเป็นครูแพทย์ของ ม.อ.ไปเรียนต่อได้เลยไม่ต้องทำงานชดใช้ทุนก่อน แล้วค่อยกลับมาทำงานใช้ทุนทบต้นเมื่อเรียนจบแล้วช่วงนั้นการไปเรียนต่อเฉพาะทางยังใช้เวลาเรียน ๓ ปี ใครรับทุนแล้วไปเรียนเลยก็ต้องกลับมาทำงานชดใช้ทุน๖ ปี บวกกับช่วงใช้ทุนเมื่อจบแพทย์ที่ค้างไว้ ๒ ปี รวมเป็น ๘ ปี

แต่มาถึงรุ่นผมไม่มีบทเฉพาะกาลนี้แล้วถ้าจะไปเรียนต่อต้องทำงานใช้ทุนให้ครบก่อน ๓ ปี แล้วจึงจะไปเรียนต่อได้แต่มีบางสาขาที่จัดเป็นสาขาขาดแคลนพิเศษเช่นรังสีรักษาพวกนี้ไปเรียนต่อได้เลยไม่ต้องใช้ทุนก่อนหรือบางสาขาเป็นสาขาขาดแคลนเช่นศัลยศาสตร์ทรวงอก ประสาทศัลยศาสตร์กลุ่มนี้ให้ทำงานใช้ทุนก่อน ๑ ปีแล้วไปเรียนต่อได้ ผมก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่ภาควิชาศัลยศาสตร์ม.อ. ๑ ปีแล้วไปเรียนต่อศัลยศาสตร์ทรวงอกเวลาจะไปเรียนต่อก็ต้องไปหาที่เรียนแล้วสมัครผมเลือกไปเรียนต่อที่ศิริราชซึ่งในสมัยนั้นมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ ม.อ.เมื่อไปสัมภาษณ์จึงผ่านฉลุย

การไปเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางไม่เหมือนการไปเรียนหนังสือแต่เป็นการไปทำหน้าที่แพทย์ประจำบ้านปฏิบัติงานแบบเข้มข้นเฉพาะสาขาที่เราเรียนช่วง ๓ ปีที่ศิริราชนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุด ยากลำบากที่สุดเลวร้ายที่สุดของการเป็นหมอเลยก็ว่าได้ จนพวกเราใช้คำพูดว่า....ใครที่ผ่านการเทรนศัลย์ที่ศิริราชครบ๓ ปีได้นี่นับว่าผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้วต่อไปจะไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว....

ช่วงที่เป็นแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ปี ๑ไม่ว่าใครจะเรียนสาขาใดก็ตามทุกคนต้องมาเวียนไปปฏิบัติงานในสาขาต่างๆสาขาละ ๑เดือนก่อน เพื่อให้มีพื้นฐานทางศัลยศาสตร์ครบทุกด้านตั้งแต่หัวจรดเท้าภายนกยันภายใน

เมื่อขึ้นปี ๒-๓ก็จะแยกย้ายกันไปตามแต่ละสาขาของตน เราไม่มีชั่วโมงเลคเชอร์ทฤษฎีต่างๆต้องหาตำราอ่านเอาเอง ตำราที่อ่านมีทั้งที่เป็นตำราที่เรียกว่า standardtextbook มีทั้งตำราเสริมเฉพาะเรื่อง มีทั้งวารสารทางการแพทย์ในสาขานั้นสารพัดค่ายทั้งจากสหรัฐอเมริกาจากยุโรป

การทำงานของแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ทรวงอกนั้นแต่ละวันเริ่มตั้งแต่ตี๕ ดูคนไข้ในไอซียูจนเสร็จเรียบร้อย ก็ไปดูคนไข้ที่หอผู้ป่วยต่อจนถึง ๘โมงต้องรีบกินข้าวให้อิ่ม เข้าส้วมให้เรียบร้อย ๘ โมงครึ่งเริ่มเคสผ่าตัดเวลาสำหรับมื้อเที่ยงไม่แน่นอนบางวันไม่ได้กินช่วงระหว่างต่อเคสก็ซัดกาแฟเข้มๆไม่ให้หลับตอนช่วยผ่าตัด เสร็จผ่าตัดช่วงเย็นก็ต้องดูคนไข้หลังผ่าตัดในไอซียูให้เรียบร้อยจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วก็จะออกไปดูคนไข้ที่หอผู้ป่วยเพื่อเตรียมผ่าตัดวันรุ่งขึ้นแล้วก็ตระเวนไปดูคนไข้ที่มีการปรึกษามาจากภาควิชาอื่นๆทั่วโรงพยาบาลกว่าจะเสร็จก็ประมาณ ๑ ทุ่มก็ต้องรีบกินมื้อเย็นเพื่อที่จะกลับไปอยู่เวรเฝ้าไอซียูต่อ รุ่นผมมีกัน ๒คนก็ผลัดกันอยู่เวรวันเว้นวัน

เวลาอยู่เวรที่ไอซียูพอถึง ๒ ทุ่มตรงต้องโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์กับอาจารย์กัมพลประจวบเหมาะซึ่งเป็นปรมาจารย์ของพวกเราว่าคนไข้แต่ละเตียงเป็นอย่างไรบ้างบางครั้งคนไข้หลังผ่าตัดมีปัญหาก็ต้องนำไปผ่าตัดฉุกเฉินหรือไม่ก็ต้องนั่งเฝ้าคนไข้ที่อาการไม่ปกติทั้งคืน บ่อยครั้งที่เข้าไปงีบในห้องเวรพยาบาลโทรศัพท์เข้าไปตาม พอวางหูก็หลับต่อ พอถึงตี ๕ ก็กลับมาสู่วงจรเดิมอีกใช้ชีวิตแบบนี้ ๒ ปีเต็มๆ แทบจะไม่มีแรงอ่านหนังสือเลยชีวิตอยู่ได้ด้วยกาแฟวันละหลายแก้ว เพื่อให้ถ่างตาอ่านหนังสือได้

พอเป็นแพทย์ประจำบ้านปี ๓ ปลายปีก็จะมีการสอบอ้อ! ช่วงปี ๑ ขึ้นปี ๒ และปี ๒ ขึ้นปี ๓ นี่เราไม่มีการสอบนะครับปลายปี ๓ นี่เป็นการสอบใหญ่ของเราที่เรียกว่าสอบบอร์ด การสอบมีทั้งข้อเขียนและสอบปากเปล่าสอบข้อเขียนมี ๒ ภาค ภาคความรู้พื้นฐานทางศัลยศาสตร์ภาคความรู้เฉพาะทางศัลยศาสตร์ทรวงอกและพยาธิวิทยาสอบปากเปล่าก็เป็นการสอบกับกรรมการ ๔ คน จะเป็นการถามตอบเกี่ยวกับคนไข้ เป็นอะไรที่โหดสุดๆเพราะต้องเดาใจอาจารย์ที่เป็นกรรมการว่าอยากได้คำตอบแบบไหน

พอสอบผ่านก็กลับไปเป็นครูแพทย์แต่ก่อนจะเป็นครูแพทย์เต็มตัวรุ่นผมนี่ถูกจับไปอบรมแพทยศาสตร์ศึกษา ๑ สัปดาห์เพื่อให้รู้ซึ้งถึงความเป็นครูแพทย์ก่อน บรรดาครูแพทย์ทั้งหลายที่ผมเอาเรื่องมาเล่าแต่ละคนผ่านศึกนี้มาแล้วทั้งนั้นเพียงแต่ครูแพทย์แต่ละสาขาจะผ่านความหนักเบาไม่เท่ากันขึ้นกับสาขาที่เรียนและสถาบันที่ไปเรียนต่อแต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีอะไรที่แตกต่างกันออกไป

 




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 23 กรกฎาคม 2562 17:57:50 น.   
Counter : 744 Pageviews.  

๒.ดราม่าเรื่อง consult ศัลย์

 

๒.ดราม่าเรื่อง ครูแพทย์ ตอน consult ศัลย์

การทำงานเป็นครูแพทย์ภารกิจของเราจะมี ๔ ด้านคือด้านการเรียนการสอน ด้านการบริการ ด้านการวิจัยและด้านส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ผมนี่มุ่งด้านที่ ๔มากเป็นพิเศษชีวิตนี้เลยจับฉ่ายมาก

ด้านบริการจะประกอบด้วยการออกตรวจผู้ป่วยนอกการดูแลผู้ป่วยใน หมอผ่าตัดก็มีการผ่าตัดพ่วงเข้าไปอีกและต้องมีการอยู่เวรรับปรึกษาหรือที่เราเรียกกันติดปากว่ารับ consult เรามักจะแซ็ว (คำนี้ราชบัณฑิตกำหนดให้เขียน...แซ็ว...มีไม้ไต่คู้อ่านเสียงสั้น ไม่ใช่...แซว...นะครับ แปลว่ากระเซ้าเย้าแหย่) แซ็วกันว่าคนไข้แต่ละคนนี่พกดวงมาด้วยบางคนดวงดีมาก บางคนดวงดีน้อย บางคนก็ดวงซวยเพราะสัปดาห์หนึ่งมีครูแพทย์ที่เป็นหมอผ่าตัดออกตรวจ ๕ วัน ดันมาผิดวันแล้วยังถูกส่งเข้าห้องตรวจผิดห้อง เลยเจอครูแพทย์ที่ฝีมือผ่าตัดไม่ดี ผ่าตัดคนไข้ทีไรเป็นต้องมีภาวะแทรกซ้อนฮิๆๆ

การปรึกษาครูแพทย์ที่เป็นหมอผ่าตัดจากครูแพทย์สาขาอื่นๆนี่ก็เคยเป็นประเด็นมาแล้วบางสาขามีตัวให้ consult น้อยเลือกไม่ได้อย่างเช่นสาขาศัลยศาสตร์ทรวงอก มีครูแพทย์ด้านนี้แค่ ๒ คน คือผมกับอาจารย์ผมแต่ไม่ว่าจะ consult มาวันไหน จะเป็นคนไข้ผมหรือคนไข้อาจารย์ผมก็เป็นคนผ่าทั้งนั้น หมดสิทธิเลือก แต่อย่างศัลยศาสตร์ทั่วไปนี่มีครูแพทย์ร่วม๑๐ คน สลับกันเป็นเวรรับ consult มาถึงที่ภาควิชาศัลยศาสตร์ตรงกับเวรใครคนนั้นก็ไปรับconsult เป็นเจ้าของไข้

คราวนี้มีประเด็นตรงที่ครูแพทย์บางคนมีสายสัมพันธ์ส่วนตัวก็จะรู้กันว่าหมอผ่าตัดที่ซี้กันรับ consult วันไหนก็จะเลือกส่งใบconsult เคสที่น่าสนใจวันนั้นครูแพทย์ที่เป็นหมอผ่าตัดคนนี้ก็จะมีคนไข้ให้ผ่าตัดหลากหลายมากข้อดีคือสามารถนำผลงานไปรวบรวมเขียนขอตำแหน่งวิชาการได้ง่ายส่วนครูแพทย์คนอื่นก็จะมีแต่เคสสัพเพเหระไม่น่าสนใจเอาไปเขียนขอตำแหน่งวิชาการก็ไม่ได้

ถ้าจำเรื่องที่ผมเล่าถึงครูแพทย์หมอผ่าตัดที่มีสมญานามว่าNice นั่นก็เป็นคนหนึ่งที่มีเคสดีๆเคสน่าสนใจอยู่ในความรับผิดชอบเยอะมากเพราะมีบุคลิกชวนให้ครูแพทย์สาขาอื่นส่งใบ consult เป็นกรณีพิเศษนอกจากนี้ Nice ยังมีคู่ซี้พิเศษที่คอยส่งเคสให้อีกจนครั้งหนึ่งครูแพทย์ที่เป็นหมอผ่าตัด ๒ เกลอ ถึงกับเอ่ยปากว่า.....เล่น consultกันมาตั้งแต่ในมุ้งแบบนี้กูก็แย่สิ ทำแต่ Lymph node biopsy (คือการผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองส่งตรวจทางพยาธิวิทยาซึ่งถือเป็นการผ่าตัดจิ๊บจ๊อยมาก เอาไว้สำหรับ extern หัดผ่าตัด)กูก็ได้วุฒิบัตรศัลยศาสตร์มาเหมือนกันนะ เคสใหญ่ๆ เคสยากๆกูก็ทำเป็น......

เห็นมั๊ยละครับว่าเส้นทางครูแพทย์นี่มิใช่โรยด้วยดอกกุหลาบนะครับบางครั้งเหยียบไปเจอหนามกุหลาบเต็มตรีนเลย กะอีแค่เรื่องการ consult ยังต้องมีลูกเล่นสารพัด




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 23 กรกฎาคม 2562 17:57:31 น.   
Counter : 331 Pageviews.  

๑.ดราม่าเรื่อง Nice

 

๑.ดราม่าเรื่อง ครูแพทย์ ตอน nice

Nice ภาษาอังกฤษแปลว่า ดี, สุภาพในยุคโน้นมีครูแพทย์แผนกผ่าตัดคนหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนสุภาพเป็นมิตรกับคนทั่วไปมาก เป็นผู้ที่มากด้วยน้ำใจ จะพูดจะจาก็เสียงเบาๆไม่กระโชกโฮกฮากแต่คนเรานั้นสำนวนบู๊ลิ้มของโก้วเล้งกล่าวไว้ว่า.....รู้หน้า มิอาจรู้ใจ

วันหนึ่งมีครูแพทย์แผนกสูติ-นรีเวชคนหนึ่งนำคนไข้ไปผ่าตัดมดลูกปรากฏว่าคนไข้รายนั้นไม่ง่ายเหมือนที่คิด เพราะคนไข้เคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อนเมื่อผ่าเข้าช่องท้องจึงเต็มไปด้วยพังผืด อ้อ!คำนี้ราชบัณฑิตท่านให้ใช้ได้อีกอย่างว่า พั้งผืด ไอ้ที่ชอบเรียกกันว่า ผังผืดคำนั้นไม่มีในสารบบคำไทยของราชบัณฑิตนะครับ

ระหว่างที่ผ่าตัดเลาะพังผืดเพื่อจะให้เห็นมดลูกชัดๆ ความซวยมาบังเกิดเพราะเจ้ากรรไกร Metzenbaum ที่ใช้ตัดเนื้อเยื่อมันดันตัดทะลุเข้าไปในลำไส้ที่มาเกาะแน่นอยู่กับพังผืด

เจอแบบนี้ก็ต้องปรึกษาหมอผ่าตัดวันนั้นเวรหมอผ่าตัดเป็นครูแพทย์จอม nice ครูแพทย์หมอสูติฯยิ้มแล้วคิดว่าสบายแล้วพี่แกคงมาช่วยอย่างดีเยี่ยม แต่รายการนี้คดีพลิก เพราะพอครูแพทย์จอมnice แกเข้ามาในห้องผ่าตัดแกกลับพูดจาเหน็บแนมและบ่นไม่หยุดหาว่าครูแพทย์หมอสูติฯเตรียมคนไข้ไม่ดีและไม่มีการแจ้งหมอผ่าตัดล่วงหน้า แล้วก็ทำผ่าตัดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวผิดจากกิตติศัพท์ที่ร่ำลือกันมาว่าเป็นคน nice มีน้ำใจ

ปกติแล้วเวลาที่สูติ-นรีแพทย์จะทำผ่าตัดมดลูกผ่าตัดรังไข่ในผู้ป่วยเนื้องอกขนาดใหญ่หรือเป็นมะเร็งจะมีการเตรียมผ่าตัดมากกว่าคนไข้ทั่วไป เช่นมีการสวนอุจจาระเพื่อว่าหากมีการทะลุเข้าลำไส้จะเกิดการปนเปื้อนน้อยอาจจะมีการแจ้งหมอผ่าตัดให้ทราบล่วงหน้าในบางรายอาจจะต้องปรึกษาหมอผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะให้ส่องกล้องใส่สายสวนท่อไตคาไว้เพื่อที่เวลาผ่าตัดไปบริเวณนั้นจะได้ไม่ไปโดน แต่ก็มีบ่อยครั้งที่การผ่าตัดรายธรรมดาๆไม่น่าจะมีอะไรก็ไม่ได้เตรียมแบบที่เล่ามาแต่พอผ่าไปแล้วเจอตอเหมือนคนไข้รายนี้ก็ต้องปรึกษาหมอผ่าตัดแบบฉุกเฉิน

เราก็มาวิเคราะห์กันว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมคดีจึงพลิก เราก็ไม่รู้สาเหตุจริงๆแต่เดาว่าเป็นเพราะวันนั้นครูแพทย์หมอสูติฯทำผ่าตัดคนไข้รายนี้ช่วงบ่ายตอนที่เกิดเรื่องแล้วตามครูแพทย์หมอผ่าตัดเป็นช่วงเย็นที่แกกำลังจะไปคลินิกแกคงรู้สึกเกรงใจคนไข้ที่คลินิกแกที่นั่งรอเต็มร้านจะรอนาน

จากเหตุการณ์วันนั้นพวกเราก็สรุปว่าครูแพทย์หมอผ่าตัดจอมnice เป็นพวก.....ซ่อนดาบในรอยยิ้ม ถ้าสำนวนไทยเราก็เห็นจะเป็น.....ปากปราศรัยหัวใจเชือดคอ อะไรทำนองนั้น พร้อมกับตั้งสมญานามแกในก๊วนเราว่า.....Nice ปัจจุบันผมไม่ได้ข่าวคราวแกเลย ไม่ทราบไปทำอะไรที่ไหน




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2560   
Last Update : 23 กรกฎาคม 2562 17:57:39 น.   
Counter : 192 Pageviews.  


เด็กหัวตลาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เรียนจบหมอ เคยผ่านการเป็นอาจารย์ แล้วลาออกไปเป็นหมอจนๆ เพราะไม่ชอบใช้วิชาชีพหากิน
ปัจจุบันเลิกรักษาคน หันไปบริหารเงิน คอยดูคนอื่นรักษาคนไข้แทน
รับผิดชอบการจัดชุดสิทธิประโยชน์สำหรับโรคเรื้อรัง
และโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงของผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง ๓๐ บาท)
สนใจเรื่องราวประวัติตระกูล และประวัติศาสตร์บ้านเกิด ณ หัวตลาด หรือตลาดจีนเมืองตานี เป็นพิเศษ
[Add เด็กหัวตลาด's blog to your web]