::
shunji iwai, ผู้กำกับ love letter [1995]
ภาพอากาศที่แปรปรวน วันวานหมอกลงจัด อีกวัน แดดจ้าซะงั้น งงไปหมด
กลัวแผ่นดินไหวมากมายเลยช่วงนี้ เพราะมันเหมือนครบรอบแล้วนะเนี่ย
จากวันที่ 4 ถึงวันที่ 14 ปี 2014
นอกจากอากาศจะสลับกันหนาวร้อนคนละวันแล้ว
ก็แค่หายเงียบไปกับวังวนยุ่งเหยิงของงาน
แบบไม่มีอะไรเหนือกว่านั้น
หากก็ยังอยากบันทึกรวบยอด
วันที่ 4 อังคารสังหารเช่นเดิม
จำได้ว่ากว่าจะเลิกงานก็เกือบเที่ยงคืน
เหตุผลเพราะต้องปิดทุกเคสในเดือนที่ผ่านมา
เช้าวันพฤหัสต้องรีบเร่งมาก
เพราะวันนี้ต้องไปประชุมตอนบ่าย 2 ที่เมือง bell
แต่กว่าจะออกไปได้ก็เกือบบ่าย 2
เหตุเพราะมีสาวชาวลาวฉุกเฉินเข้ามา
ก็ได้แต่บอกว่า คงช่วยอะไรได้ไม่มาก
เพราะไม่ได้นัดล่วงหน้า
หากเพราะเป็น "เพื่อนบ้าน" เลย อืมมม ไม่เป็นไร
ไปถึงห้องประชุมตอนบ่าย 2.15
สารภาพว่าเหยียบโลด
ออกจากสาย 5 เข้า 710
โชคดีที่รถไม่ติดมาก
นั่งประชุมไปก็เล่น up กับ chatcha ไป
สงสัยสองสาวร่าเริงเกินเหตุ
คุณหมอส่งเสียงมาเลย
นักเรียนสองคนนั้นเล่นอะไรกัน
เลยอ้อมแอ้มปิดเครื่อง และนั่งฟังตาเป๋ง
คุณหมอคุยเรื่อง up ด้วย
และได้ยินเสียงสั่ง pitsi ให้สั่งซื้อให้คนไข้กลุ่มพิเศษ
ก่อนจะบอกทุกคนว่า
ต้องขอบใจฉันที่เอามาใช้ แล้วบอกให้ chatcha ใช้ด้วย
คุณหมอเลยได้เห็นว่ามันปรับใช้กับคนไข้ได้
แต่ประเด็นนี้ ฉันปฏิเสธก่อนเลยว่า
จะไม่รับผิดชอบนะ ให้คนอื่นดูแลไป
ก็จบหน้าที่เรื่อง up
พอหลังจากทีมหลักประชุมเสร็จ
ฉันก็บอกว่าขอไปลิตเติ้ลอินเดียก่อนนะ
นัดเพื่อนไว้ 5 โมงครึ่ง
แต่ความที่เป็นช่วงเลิกงาน
เลยเลือกไป local ขอเลี่ยง freeway
ซึ่งดีมาก เพราะขับตรงเส้นเดียวก็ถึงที่นัด
เพื่อนชาวอินเดียไปซื้อชุดแขก
นางบอกจะใส่ในงานแต่งงานของพี่ชาย
ก็พาไปร้านเดิม
แล้วก็พบความจริงว่า
หนก่อนที่ฉันมาซื้อชุดใส่เล่นกับมะเฟือง
ถูกฟันหัวแบะเลย
เพราะหนนี้ ซื้อ 2 ตัว 50 เหรียญ
ในขณะที่หนก่อน 50 เหรียญ ยังได้ไม่ถึงตัว
ก็เลยบอกคนขายว่า
ไม่เป็นไรหรอก มันแค่เป็นครั้งสุดท้าย
ที่ฉันจะกลับมาเท่านั้นเอง
คนขายบอก
อดีตคืออดีต มาเริ่มปัจจุบัน
สัญญา
เจอแขกกับกระต่ายคราวหน้า
ฉันจะตีหัวแขกก่อน
พอค่ำ ขับรถไปกินที่ร้านแคนคูน
เพราะตั้งแต่ประชุมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย
มาถึงเช้าวันศุกร์ที่ 7 จนถึงวันอังคารที่ 11
คือการก้มหน้ากับตัวหนังสือยิบยับ
หากในความแห้งโหยโรยแรงวันจันทร์
คนที่อยู่ในใจไม่เคยร้างไกล
ส่งข้อความสั้น ๆ มาถึง
ทราบข่าวแผ่นดินไหว เป็นอย่างไรบ้างครับ
take care นะ
คิดถึงมากนะช้าง
ใจเราไม่เคยไกลกันเลย
เช้าวันพุธที่ 12 มีนาคม
เป็นวันแรกที่เปลี่ยนเวลาแล้วเหมือนหมดแรง
และต้องขอกลับไปนอนหลังตื่นแล้ว
จริง ๆ ก็ง่วงมาตั้งแต่วันจันทร์-อังคาร
แต่ไม่มีสิทธิ์นอนต่อเพราะงานรออยู่
แต่วันพุธก็ไม่ได้นอนนานมาก
เพราะตื่นมาทำงานแล้วก็ใช้ช่วงพักเที่ยงแวะไปหาพี่เจี๊ยบ
ให้ช่วยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถที่ละเลยมานาน
ไปถึงก็คุยกับพี่เจี๊ยบเรื่อง MH370 ที่หายไป
คุยในฐานะพี่เจี๊ยบเป็นทหารอากาศเก่านั่นเอง
ระหว่างคุย
พี่เจี๊ยบก็นึกได้ว่าซื้อขนมตาลมาฝาก
เลยนั่งกินขนมตาลแบบสำราญใจมาก
พอเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จ
บอกพี่เจี๊ยบว่า
ต้องคิดเงินนะ ไม่งั้นจะงอนแล้ว
พี่เจี๊ยบเลยคิด 25 เหรียญ
แอบแซวพี่เจี๊ยบว่า อย่างนี้เมื่อไหร่จะรวยคะพี่
ความที่พี่เจี๊ยบคิดเงินแบบน่าตกใจ
เลยบอกพี่เจี๊ยบว่า
งั้นไปกินก๋วยเตี๋ยวกันค่ะ หนูเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวนะ
เลยแวะไปร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงพยาบาลไคเซอร์
ผ่านจุดที่รับโอนเงิน
แอบแวะไปถามอัตราแลกเปลี่ยน
พอรู้ว่า 31.60 ก็เลยโอนเงิน 2,000
เพราะเดี๋ยวนี้ ธนาคารในอเมริกา
การจะฝากเงินสดเข้าบัญชีตัวเองแท้ ๆ ยังต้องแสดงไอดี
และถ้ามันมากมายก็ยิ่งต้องกรอกฟอร์มระบุที่มา
งงกับรัฐบาลอยู่เหมือนกัน
แต่ช่างเหอะ
โอนมาเข้าบัญชีธนาคารไทยก็ได้ฟระ
ขากลับ พี่เจี๊ยบขอแวะอู่ของคนเวียดนาม
ระหว่างรอพี่เจี๊ยบ
คนที่รอรถทำ smog check ถามว่า
ยูจะนั่งมั้ย นั่งได้นะ
พอเห็นเขาลุกยืนก็เลยจำต้องนั่ง
นั่งเพราะกลับเขาจะเก้อที่เสนอน้ำใจแล้วถูกบอกปัด
นั่งอ่านหนังสือรอแล้วก็คุยกับคนที่ลุกให้นั่ง
คุยเรื่องรถแหละ
พอพี่เจี๊ยบเสร็จธุระก็เลยกลับไปส่งพี่เจี๊ยบที่บ้าน
แล้วก็แวะกลับไปนั่งทำงานต่อ
เหตุที่ต้องขยันมากมาย
เพราะวันพฤหัสต้องออก field trip อีก
เช้าวันพฤหัส
นั่งทำงานที่ออฟฟิศจนถึง 10.45
ขับรถออกไปรับ sue แบบกะว่า 15 นาทีถึง
เพราะออฟฟิศฉันห่างออกไปแค่ 6 ไมล์
ปรากฏว่าพอเข้าสาย 5 north ก่อนจะออก los feliz
รถติดมหาศาล
เลยออกก่อน 1 exit คือ glendale
ปรากฏว่า เฮ้ยยย ติดมากด้วยอะ
งงแล้วงานนี้ แต่ก็ทน ๆ ไปจนถึง
ขอโทษ sue ที่มาสายไป 15 นาที
sue บอก ไม่แปลกใจหรอก
เพราะวันนี้ เขาเคลื่อนขบวนมาฝังศพตำรวจที่ตายในหน้าที่น่ะ
ฉันก็ อ้าว เหรอ ฝังแล้วเหรอ
เป็นตำรวจแอลเอเชื้อชาติเกาหลี
ที่โดนรถบรรทุกขับเบียดตกเหว
เลย อืมมม ถึงว่ารถติด
ออกจากจุดแรกแล้วขับไปตามถนน los feliz
ใช้คุณนายจำปูนให้ช่วยหาทางซอกแซกให้
ก็เลยไปรับ anna ได้ทันเวลา
จากนั้นก็ไปตรวจงานจุดแรก
ใช้เวลาไม่นานก็ลงชื่อ "ผ่าน" ให้
แล้วก็ตรงไปเข้าสาย 101 ต่อด้วย 10
ไปออก atlantic เพราะสาขาที่ 2 อยู่แถวนั้น
ใช้เวลาไม่นานก็หมดแรง
พอดีพักเที่ยง คือพักบ่ายครึ่งแล้ว
เลยตัดสินใจแวะกินอาหารจีน
sue แนะนำร้านเหลาจีนแบบราคารถเข็น
อาหารสด อร่อย และถูกมากมาย
3 คน อาหาร 5 อย่าง และข้าว 1 โถ
รวมทริปและอาหาร จ่ายไป 36 เหรียญ
จากนั้นก็แวะไปเบเกอรี่เพื่อซื้อทาร์ตไข่
ชอบ ๆ ๆ แม้จะไม่อร่อยเท่า 85 ดีกรี แต่ก็กินได้
จากนั้นก็โทรไปจุดที่ 3 บอกว่า
กำลังจะเข้าไปที่สำนักงานนะ
ผู้จัดการแผนกบอกว่ายังไม่พร้อมเลย
ดูเวลาแล้วก็ อืมมม นะ เข้าใจเลย
ก็เลยแกล้งบอก sue กับ anna ว่า
เดี๋ยวสาขา 3 ฉันจะไปให้เองในวันเสาร์นะ
เพราะวันเสาร์ ฉันต้องไปที่ bronson พอดี
สองสาวเลยดีใจใหญ่ รีบบอกว่า
ได้ ได้ งั้นเราไปเดิน outlet กันนะ
anna อยากได้กางเกงยีนส์ของ guess
ฉันดูเวลา และระยะทางแล้วก็
อืมมม ได้สิ ปะ เดี๋ยวพาไป ถือเป็นโบนัสที่ช่วยทำงานดี
ไปถึง outlet เจอร้านแรก H & M ก็แวะแล้ว
ฉันได้เสื้อมา 10 ตัว ราคา 245 เหรียญ
แต่พอกลับถึงบ้าน พบว่า
พนักงานคิดเงินซ้ำ ชาร์จเกินมา 1 ตัว 30 เหรียญ
เลยโทรไปที่ร้าน
พนักงานบอก
ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนเงินกลับให้ในเครดิตการ์ด
ก็จบ
แต่พอเช้าวันศุกร์
นั่งทำงานอยู่ anna เดินมาเคาะห้องบอกว่า
ที่ซื้อกางเกงยีนส์ที่ guess เมื่อวาน
ตัวนึง เค้าลืมเอาหมุดแม่เหล็กอีกด้านออก
เหลือด้านที่เป็นเข็มยึด
ฉันเลยบอกว่า ก็ต้องกลับไปให้เขาดึงออกใช่ไหม
anna ว่า ก็ต้องอย่างนั้น
ฉันดูแล้วก็ อืมม ดึงเองไม่ออกแน่
เลย โอเค เดี๋ยวเลิกงานวันนี้จะพากลับไป
เหตุเพราะ anna ขับรถไม่ได้
นางเพิ่งผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหารมา
เวลามาทำงานก็เรียกรถที่ซิตี้บริการให้ฟรีนั่งมา
รถไปรับถึงหน้าบ้าน ส่งถึงที่ทำงาน
จ่ายแค่ทิป 2 เหรียญ 50 เท่านั้น
เกิดเหตุเช่นนี้ ฉันก็เลยไปให้ได้
คุยกันแล้วก็ฮา ๆ ว่าพวกเรานี่
ซื้อของทีไรไม่ค่อยตรวจดูอะไรหรอกนะ
แต่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ลืม และทำแบบเดิมอีก
พูดถึง H & M แล้วนึกถึง office depot
เมื่อวันไหนสักวันจำไม่ได้
โทนเนอร์หมดก็เลยแวะไปซื้อตอนออกไปทำงาน
เพราะถ้าสั่งออนไลน์จะได้รับไม่ทันงานที่ต้องพิมพ์
พอไปถึงก็ซื้อ 2 อัน ราคา 188 เหรียญ
ยื่นเงิน ยื่นบัตรสะสมแต้มแบบ cash back
พนักงานดูเอ๋อ ๆ หน่อย แต่ไม่ได้สนใจอะไร
พอเดินกลับไปที่รถก็
อ้าว ... ไม่ได้สแกนบัตรสะสมแต้มให้นี่หว่า
เลยเดินกลับเข้าไปอีก
ไปบอกพนักงานตรงแคชเชียร์
นางเป็นชาวจีนก็ตอบว่า
แก้ไขไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ สแกนไม่ได้ว่างั้นเถอะ
ฉันก็บอกว่า ยากตรงไหน
แค่ทำการรับสินค้าคืน
แล้วก็ขายใหม่ แล้วสแกนบัตรสะสมแต้มเข้าไป
นางก็ยืนยันแบบเดิม
ฉันก็บอกว่า งั้นขอพบกับผู้จัดการละกัน
นางบอก
นางไปตามไม่ได้ เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นเข้ามาไม่เจอ
ฉันบอกว่า โอเค กดโทรตาม
จะกดจาก small talk ที่เสียบรูหูอยู่นั่นก็ได้
หรือกดโทร หรือประกาศเรียกก็ได้
นางบอก เอ่อ ยูถามตลอด เลยไม่ได้โทร
ฉันมองหน้านางแบบสายตาเริ่มนิ่ง ๆ แล้ว
ไปเปิดกล้องวงจรปิดกันเถอะ
แล้วจะเห็นว่าฉันพูดอยู่ 2 ประโยคนั่นแหละ
ยูเป็นพนักงานที่พูดมากต่างหาก
สรุป ผู้จัดการมาก็จัดการแก้ไขให้ง่าย ๆ
ฉันเลยคุยกับผู้จัดการว่า
น่าจะเลือกพนักงานที่มารยาทดีกว่านี้นะ
ผู้จัดการก็ขอโทษและบอกว่า
นางสองคนนี้ (คนที่คิดเงินคนแรก กับคนที่กวนทีนฉัน) ทำผิดประจำ
ฉันก็ อ้าว แล้วทำไมยังให้อยู่แคชเชียร์ล่ะ
เฮ้อ ...