พระจันทร์สัญจร
Group Blog
ความเป็นมาของพระจันทร์สัญจร/ History of moving-moon
เนเธอร์แลนด์ กังหันดอกไม้
ทุ่งดอกทานตะวันบานสพรั่ง ที่ ลพบุรี
ปลายฝนต้นหนาว ที่ ภูสอยดาว
ทีลอซู มหัศจรรย์น้ำตกกลางหุบเขา
หมู่เกาะ สิมิลัน เพชรอันดามัน
Friendship Photo Club
เขมร หนึ่งในความทรงจำ
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
ทุ่งกระเจียว ดอกไม้งามประจำถิ่น
ป่าทุ่งเตียว - สระมรกต กระบี่
อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสุรินทร์ สวรรค์ของนักดำน้ำ
อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะลันตา
อุทยานแห่งชาติ อ่าวพังงา สัมผัสชีวิตป่าชายเลน
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก วิถีไทยริมชายน้ำ
เบิ่งเมืองลาว จากเวียงจันทร์ ถึง หลวงพระบาง
กราบหลวงพ่อโสธร แวะเที่ยวตลาดบ้านใหม่ เมืองแปดริ้ว
ซากุระบาน บนยอด ขุนแม่ยะ
ทะเลหมอก อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
เสน่ห์เมืองปาย
หมู่บ้านสันติชล ปาย แม่ฮ่องสอน
พระราชวัง เว้ วัดเทียนมู่ เวียดนาม
สุสานจักรพรรดิ ไคดิงห์ แวะชมอุโมงวินห์ม๊อก เวียดนาม
ฮอยอัน เมืองประวัติศาสตร์ ของเวียดนาม
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา
แลมอง สิงคโปร์
วัดจีน บางบัวทอง
อ่าวหวาย เกาะเสม็ด
เที่ยวเมืองสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์ ตลาดสามชุก
ทิวลิป ดอกไม้งาม
พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม
เกาะช้าง จังหวัดตราด
ปราสาทหิน พนมรุ้ง
พระราชวัง บางปะอิน อยุธยา
ไว้พระเก้าวัด พระนครศรีอยุธยา
เกาะค้างคาว ชลบุรี
วิหารโดม เมืองโคโลญจน์ เยอรมันนี
บาวาเรีย ถนนสายโรแมนติก ชมปราสาทนอยชวานซไตน์ เยอรมัน
ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา เยอรมันนี
เมืองนูเรมเบร์ก เยอรมัน
มิวนิค เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย เยอรมัน
เขาใหญ่ ผืนป่าหน้าฝนแสนงาม
วันว่างจากทำงาน ที่เมืองจีน
แม่ระมาด ตาก ไปบริจาคของให้เด็กๆ
บ้านสวนห้อม รีสอร์ทสงบที่วังน้ำเขียว
ชมวังเมืองหลวง พระที่นั่ง วิมานเมฆ
ตลาดน้ำ ตลิ่งชัน ชิมอาหาร ชมวิถีชีวิตริมคลองชักพระ
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม อิ่มอร่อยกับผลไม้พื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง
พระจันทร์ย่ำกรุง พาเที่ยววัดในบางกอก
โบสถ์ซานตาครูส โบราณสถานสมัยกรุงธนบุรี
ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำยามเย็นคลอเคล้าเสียงดนตรี
ตลาดน้ำ ดำเนินสะดวก มนต์เสน่ห์ของเมืองไทย ประทับใจชาวโลก
ตลาดน้ำอยุธยา คลองสระบัว ตลาดน้ำวัฒนธรรมและเวทีละครพื้นบ้าน
เจษฎา เทคนิค มิวเซียม (Jesada Technik Museum) พิพิธภัณฑ์รถโบราณ นครปฐม
มหัศจรรย์แห่งพรรณไม้ Central Chidlom
ทุ่งบัวตอง บานสะพรั่งที่ดอยหัวแม่คำ เชียงราย
วัดร่องขุ่น วัดไทยศิลปะร่วมสมัย โดยศิลปินชั้นครูของไทย
จิบชาร้อน ท่ามกลางอากาศเย็นๆ บนดอยแม่สลอง
Primo Posto ร้านกาแฟ แลนด์มาร์ค ของเขาใหญ่
หมู่บ้าน กาหลั่นป้า หมู่บ้านไทยลื้อ สิบสองปันนา
ปาลิโอ เขาใหญ่ ถนนคนเดินแห่งใหม่ ไกล้มรดกโลก
เดินชมเมืองเก่าภูเก็ต เสน่ห์แห่งชิโนโปรตุกีส
เดินเที่ยวแหลมพรหมเทพ หาดกะตะ บนเกาะภูเก็ต
หน้าหนาวที่หมู่เกาะพีพี
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อิ่มอร่อยกันอีกแล้ว
มาย โฮม ร้านอาหารและฟาร์มผักสด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารสุขภาพ
เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย งดงาม สบายตา
เกาะราชา มุกเม็ดงามของหมู่เกาะภูเก็ต
หมู่กาะสิมิลัน ไข่มุกเม็ดงามแห่งท้องอันดามัน
ภูเก็จโภชนา ร้านติ่มซำมือเช้าแสนอร่อย
ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำน้องใหม่ จ.อยุธยา
ปราสาทหินพิมาย ของดีเมืองโคราช
ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา
เสน่ห์หากากี ละครพื้นบ้านสนุกๆที่คลองสระบัว อยุธยา
ไกรทอง ระครพื้นบ้านสนุก ที่ตลาดน้ำคลองระบัว อยุธยา
ตลาดจั๊กจั่น หัวหิน ตลาดนัดวัยแนว
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่ ชะอำ
เพลินๆ ที่เพลินวาน หัวหิน
ไหว้พระพุธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่วัดวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
เชียงคาน ชุมชนเก่าริมแม่น้ำโขง
พักผ่อนสบายๆ ที่ รีสอร์ทสวยๆ ที่หัวหิน
เที่ยวโรงถ่าย ตำนานสมเด็จพระนเรศวร กาญจนบุรี
สบายๆ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว กาญจนบุรี
ไหว้พระตรุษจีนที่เยาวราช
เดินเล่น ในพระราชวังพญาไท จิบกาแฟอร่อยๆ
เกาะเกร็ด ชมวิถีชีวิตชาวมอญ นนทบุรี
เที่ยวเมืองน่านชมวัด ตอน ชมวัดภูมินทร์
เที่ยวเมืองน่านชมวัด ตอนชมวัดช้างค้ำ วัดหัวข่วง
เที่ยวเมืองน่านชมวัด ตอน เที่ยวชมวัดพระธาตุแช่แห้ง
พาเที่ยว วัดพระศรีมหาธาตุ เมืองลพบุรี
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ลพบุรี
ดาษดา แกลอรี่ ดอกไม้ เขาใหญ่
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี
บ้านรมควัน The soke house ร้านอาหารอิตาลี แสนโรแมนติกริมเขาใหญ่
หอวัฒนธรรม ไทยวน สระบุรี
Scenery Vintage Farm ชมฟาร์มแกะที่สวนผึ้ง
พระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
การเดินทางของวิตตอง
เกาะนามิ เกาหลีใต้
พระราชวังคย็องบก เกาหลีใต้
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกม.157 "มุมสงบ" -งานเลี้ยงของขนมหวาน
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกม.158 "วันเกิด" - ของขวัญวันเกิด
การปลูกดอกไฮยาซิน ทิวลิป ในกรุง แบบง่ายๆ
All Blogs
ไหว้พระเก้าวัด พระนครศรีอยุธยา
ไหว้พระเก้าวัด พระนครศรีอยุธยา
เนื่องจากวันเกิดรุ่นพี่ผู้หญิงที่ทำงาน เขาเลยให้พาไปไหว้พระเก้าวัดที่จังหวัดอยุธยา และอีกทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไร เพียง 45 นาทีก้ถึงแล้ว วันนี้เลยขอโอกาสนำรูปที่ถ่ายกับประวัติวัดย่อๆ มาเล่าสู่กันฟังคราฟ
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณ ปรากฏหลักฐานมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ "วัดกระษัตรา" โดยความหมายของวัดสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นวัดของพระมหากษัตริย์ในตำบล ที่ตั้งป้อมจำปาพล นอกพระนครฝั่ง ตะวันตก ส่วนด้านหลังวัดมีทุ่งกว้างเรียกว่า "ทุ่งประเชต" ซึ่งเป็นที่ตั้งกองทัพพม่าในการเข้าโจมตีกรุงศีอยุธยาหลายครั้ง ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.2310 นั้น วัดกษัตราธิราช เป็นบริเวณที่กองทัพพม่าใช้เป็นสถานที่ตั้งมั่นในการเข้า ตีพระนคร ภายหลังวัดถูกทำลายลงไปมากและทิ้งร้างในที่สุด
เมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งราชวงศ์จักรีแล้ว ในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ทองอิน) กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอในสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คงจะได้ทันทอดพระเนตรเห็นวัดกษัตราธิราช วัดสำคัญในสมัยนั้นถูกทำลายจนสิ้น ร้างไป จึงโปรดให้บูรณะโดยเริ่มบูรณะพร้อมกับวัดในกรุงเทพมหานคร เช่น วัดบพิตรภิมุข และวัดธรรมาราม ในอยุธยาด้วย ทำให้วัดกษัตราธิราชวรวิหารกลับมาเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาตั้งแต่นั้นมา ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ) ต้นราชสกุล อิศรางกูร ทรงมีศรัทธา ปฏิสังขรณ์พระอาราม ตั้งแต่พระอุโบสถ ตลอดจนเสนาสนะทั้งปวงเรื่อยมา
วัดเชิงท่า
วัดเชิงท่า เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมืองริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้องซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ที่ตั้งวัดนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมท้ายสนมและปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมืองมาขึ้นฝั่งที่วัดเชิงท่า ด้วยเหตุนี้จึงเรียกชื่อว่า วัดตีนท่าอีกด้วย
ประวัติวัดเชิงท่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง คงปรากฏเพียงตำนานเล่าสืบๆ กันมาว่า เศรษฐีผู้หนึ่งสร้างเรือนหอให้แก่บุตรสาวซึ่งหนีตามชายคนรักไปแล้วไม่ย้อนกลับ เศรษฐีผู้บิดาคอยบุตรสาวอยู่นานไม่เห็นกลับมาจึงได้ถวายเรือนหอนั้นให้แก่วัดที่ตนสร้างขึ้น จึงได้ชื่อว่า วัดคอยท่า
ปัจจุบันวัดเชิงท่าอยู่ในตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา และยังเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาตลอดมา สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้กำหนดให้วัดเชิงท่า เป็นแหล่งโบราณสถานของชาติ นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลายในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมหลายอย่าง สมควรที่จะใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาอารยธรรมโบราณ จึงได้กำหนดเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการขุดแต่งเพื่อออกแบบบูรณะวัดเชิงท่า เนื่องจากโบราณสถานมีสภาพทรุดโทรม อาคารหลายหลังถูกขุดเจาะทำลายเพื่อหาโบราณวัตถุรวมทั้งการเสื่อม
หมายเหตุ ขอขอบคุณข้อมูลวัดเชิงท่าจากเวปของวัด
วัดท่าการ้อง
วัดท่าการ้อง เป็นวัดโบราณมีมาแต่สมัยอยุธยา สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2092 ประมาณ 450 ปี เศษมาแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในปี พ.ศ. ใด สันนิษฐาว่าคงเป็นวัดที่ราษฎรสร้าง เพราะไม่ปรากฏรายชื่อพระอารามหลวงสมัยอยุธยา ตามบันทึกพระราชพงศาวดาร วัดท่าการ้องมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยามากมาย
· วัดท่าการ้องได้เป็นที่ฝึกฝนศิลปะแม่ไม้มวยไทยของนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งคือ นายขนมต้ม
· ในเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มีการบันทึกว่า ขุนไกร และสามเณรพลายแก้ว ได้มาอุปสมบทที่วัดท่าการ้อง ตอนที่ขุนแผนถูกจองจำ ณ กรุงศรีอยุธยา ณ วันอังคาร ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน เวลาบ่าย 4 โมง พม่ายิงปืนสูงวัดการ้องระดมเข้ามา ณ กรุงศรีอยุธยาแล้วเอาเพลิงจุดเชื้อที่รากกำแพงทรุดลง
· ในปี 2309 วัดท่าการ้องได้เคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่าค่ายหนึ่งก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา จนมีคำกล่าวว่า ".. นกกาจากวัดการ้อง บินไปเสียบอก ณ ยอดพระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุ ใจกลางกรุงศรีอยุธยา น้ำตาหลวงพ่อโต วันพนัญเชิง ไหลนองพระเนตร อันเป็นลางบอกเหตุสิ้นแล้วแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา
เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้ง สร้างวัดพนัญเชิงนั้น พระราชโอรส คือพระเจ้าธรรมิกราช โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นที่บริเวณเมืองเก่าชื่อเมืองอโยธยาศรีรามเทพนคร ทางหน้าประตูด้านทิศเหนือคือ พระเจดีย์สิงห์ล้อม ๕๒ ตัวที่แตกต่างไปจากเจดีย์ทั่วไป นับเป็นพระเจดีย์สิงห์แห่งเดียวในพระนครศรีอยุธยา ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา ในสมัยต่อมา พระมหากษัตริยได้ทรงบูรณะมาโดยตลอด โดยสังเกตจากร่องรอยการซ่อม และพื้นที่ของวัดที่อยู่ทางทิศตะวันออกของพระนครฯ
วัดธรรมิกราช
ตามคติโบราณถือว่าเป็นทิศมงคล ในสมัยสมเด็จพระไตรโลกนาถทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๕๓) ทรงบูรณะวัด และสร้างพระวิหารหลวง เพื่อฟังธรรมในวันธรรมสวนะ (วันพระ) สำหรับพระวิหารพระพุทธไสยยาสน์ (พระนอน) นั้น พระราชมเหสีของพระองค์ทรงมีพระราชธิดาประชวร ทรงอธิษฐานไว้เมื่อพระราชธิดาหายแล้วจึงสร้างพระวิหารถวาย น้ำพระพุทธมนต์ในพระวิหารนี้กล่าวกันว่ามี ความศักดิ์สิทธิ์มากมีประชาชนมาอธิษฐาน ขอไปใช้ตามความปรารถนาจำนวนมาก
พระราชพงศาวดารว่าเมื่อสิ้นรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าสามกรมต่างรวบรวมผู้คนเพื่อจะชิงราชสมบัติ พระธรรมโคดมวัดธรรมิกราช และพระราชาคณะวัดกุฏีดาว วัดพุทไธสวรรย์ วัดรามรามาวาส ไปเทศน์โปรดให้เจ้าทั้งสามกรมให้สามัคคีกันและให้กระทำสัตย์สาบาล
ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอุทุมพรทรงผนวชที่วัดนี้พร้อมด้วยมหาดเล็กชื่อนายหง โดยตั้งพระทัยว่าถ้าบ้านเมืองเกิดศึกจะออกไปช่วยรบ ต่อมาเมื่อทัพข้าศึกยกมาถึงตำบลภูเขาทอง นายหงลาสิกขาก่อนออกรบและแตกพ่ายไปเข้ากับพระยาตาก (สิน) เมื่อกู้อิสรภาพแล้วต่อมาได้รับพระราชทานเป็นพระยาเพชรพิชัยจนต่อสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ บุตรของพระยาเพชรพิชัยที่รับราชการต่อมาก็เป็นพระยาเพชรพิชัยสืบมา
วัดพนัญเชิง
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 14 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2497 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง
วัดมงคลบพิตร
วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัด พระศรีสรรเพชญ์ ภายในประดิษฐานพระมงคล- บพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปบุสำริดองค์ใหญ่องค์หนึ่ง
ในประเทศไทย เดิมอยู่ทางทิศตะวันออกนอก พระราชวัง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงโปรดฯให้ชลอมาไว้ทางด้านตะวันตก ที่ซึ่งประดิษฐาน ในปัจจุบันและโปรดฯ ให้ก่อ มณฑปสวมไว้
ครั้นถึง แผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าเสือยอดมณฑปเกิด ไฟไหม้เพราะอสุนีบาต ทำให้ส่วนบนของ พระมงคลบพิตรเสียหาย จึงโปรดฯ ให้ก่อสร้างใหม่ แปลงเป็นวิหารแทน เมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 วิหาร-พระมงคลบพิตรได้ถูกไฟไหม้ พระวิหารและ องค์พระพุทธรูปได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ฝีมือ ไม่งดงามอ่อนช้อยเหมือนของเก่า
วัดโลกยสุธาราม
วัดโลกยสุธารามตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ทางด้านหลังพระราชวังหลวง และโรงเรียนประตูชัย ใกล้กับวัดวรโพธิ์ และวัดวรเชษฐาราม
วัดโลกยสุธาราม สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง เนื่องจากวัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ลักษณะสมัยอยุธยาตอนกลาง ก่ออิฐถือปูน พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน มีความยาว ๔๒ เมตร และสูง ๘ เมตร
พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ได้รับการขุดแต่งโดยโรงงานสุรา ร่วมกับกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗ และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ คุณหญิงระเบียบ ธำรงนาวาสวัสดิ์ และครอบครัว ได้บูรณะพระพุทธไสยาสน์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ นาย ธำรง และ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
วัดหน้าพระเมรุ
วัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมคลองสระบัว (ริมแม่น้ำลพบุรีเก่า) เดิมชื่อว่า "วัดพระเมรุราชิการาม" เป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าทำลายในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เนื่องจากพม่าไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่นั่น จึงยังคงสภาพดี
พระองค์อินทร์ ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างวัดหน้าพระเมรุเมื่อ พ.ศ. 2046 เดิมชื่อ วัดเมรุราชิการาม อยู่ริมสระบัว ตรงข้ามพระราชวังหลวง ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ทรงตั้งพลับพลาระหว่างวัดหน้าพระเมรุและวัดหัสดาวาสเป็นที่ทำสัญญาสงบศึกกับ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง สถาปัตยกรรมของวัดอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้นคือ พระอุโบสถไม่มี หน้าต่างแต่เจาะช่องไว้เป็นลูกกรง พระประธานเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรง เครื่องปราง มารวิชัย งดงามเป็นที่ยิ่ง หน้าบันไม้สักลงรักปิดทองสลักรูปพระนารายณ์ทรงครุฑหยุดเศียรนาคหน้าราหูล้อมรอบด้วยหมู่เทพพนม 26 องค์ ตรงอาสนสงฆ์มีจารึกเป็นกาพย์สุภาพและกาพย์ยานี
วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคลเดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าพระยาไทย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก จากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน) ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ วัดนี้ตามข้อมูลประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าพระเจ้าอู่ทองทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1900 สำหรับเป็นสำนักของพระสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา คณะสงฆ์ที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยเรียกนามนิกายในภาษาไทยว่า คณะป่าแก้ว วัดนี้จึงได้ชื่อว่า วัดคณะป่าแก้ว ต่อมาเรียกให้สั้นลงว่า วัดป่าแก้ว ต่อมาคนเลื่อมใสบวชเรียนพระสงฆ์นิกายนี้ พระราชาธิบดีจึงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน์มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับ พระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระมีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายซ้าย หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดเจ้าพระยาไทย
สันนิษฐานว่ามาจากที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงสร้างวัดป่าแก้วขึ้น ณ บริเวณที่ซึ่งได้ถวายพระเพลิงพระศพของเจ้าแก้วเจ้าไทยหรืออาจมาจากการที่วัดนี้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชฝ่ายขวา ซึ่งในสมัยโบราณเรียกพระสงฆ์ว่า เจ้าไทย ฉะนั้นเจ้าพระยาไทยจึงหมายถึงตำแหน่งพระสังฆราชในปี พ.ศ. 2135 เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า พระเจดีย์ชัยมงคล แต่ราษฎรเรียกว่า พระเจดีย์ใหญ่ ฉะนั้นนานวันเข้าวัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น วัดใหญ่ชัยมงคล วัดนี้ร้างไปเมื่อคราวเสียกรุงครั้งสุดท้าย
สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณ ข้อมูลดีๆ ของวัดต่างตามเวป ต่างๆที่ผมไปรวบรวมมาให้อ่าน จนครบเก้าวัด การที่จะไปไหว้ให้ครบเก้าวัด ไม่ควรนำรถไปเองครับ เพราะจะเสียเวลาในการขับ การหาที่จอด ควรไปถึงอยุธยาแล้วให้เหมารถตุ๊กตุ๊ก ทั้งวันเลย ประมาณ 500 บาท ( ต่อรองกันได้ ) เขาจะชำนาญทางและพาไปคบทั้งเก้าวัด ไปถึงกันแต่เช้าละกัน
Create Date : 18 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 14:06:47 น.
3 comments
Counter : 2235 Pageviews.
Share
Tweet
อนุโมทนาบุญโตยเน้อ
โดย:
ถุงก๊อปแก๊ป
วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:15:34:46 น.
นึกว่าจะไม่มีวัดโปรดของเราซะแล้ว
ทายสิวัดอะไรเอ่ย
แวะมาอิ่มบุญด้วยคนจ้า
โดย:
อุ้มสี
วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:1:54:54 น.
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ
โดย: ปราณ (
ปุราณ
) วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:49:09 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พระจันทร์สัญจร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
ขอบคุณ ทุกๆ คอมเม้น คราฟฟฟ
Friends' blogs
ค่ำคืนหน้าหนาว
ปุราณ
อุ้มสี
wheel we go
กาแฟเย็นใส่นมเยอะๆ
plenaka
Thais handwerk
Webmaster - BlogGang
[Add พระจันทร์สัญจร's blog to your web]
Links
พระจันทร์สัญจร hi5
รูปสวย. multiply พระจันทร์สัญจร
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.