เส้นทางสนธยา
เรืองที่ 24 เส้นทางสนธยา

หลายปีก่อนวัยรุ่นมีความนิยมการกระทำอย่างหนึ่ง ซึ่งคิดว่าปัจจุบันก็คงจะยังคงมีอยู่ตราบใดที่ความอยากรู้ยังคงฝังรากลึกอยู่ในตัวมนุษย์ ความนิยมนั่นก็คือการพิสูจน์สิ่งลึกลับ ผีหรือวิญญาณตามสถานที่ต่างๆ ทั้งบ้านร้าง วัดหรืออาคารสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะไม่พบเจออะไร
จะไปเจอได้ยังไง ก็เล่นร่ำน้ำเมาจนเป๋แถมพวกมาก อย่าว่าแต่ผีเลย คนด้วยกันเองก็เผ่นเหมือนกัน
เหตุการณ์ที่พี่ไปพบในครั้งนี้จะว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ว่าได้ เรื่องของเรื่องก็คือในระยะนั้นมีคำร่ำลือเกี่ยวกับวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งแถวๆย่านบางกรวย ว่ามีผี วิญญาณปรากฏตัวออกมาให้คนเห็น รยละเอียดไม่ได้บอกว่าเป็นผีอะไร แต่ที่แน่ๆก็คือวัยรุ่นแห่งกันไปพิสูจน์ที่วัดแห่งนั้นแทบทุกคืนจนชาวบ้านชาวช่องแทบไม่ได้หลับได้นอน
ก็นะเล่นขนพวกไปเต็มคันรถ แถมเปิดเพลงสนั่นชนิดทุเรียนร่วงจากต้น วัดก็เก่าอยู่แล้วยังปีนขึนไปกระโดดโลดเต้นจนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องออกมาตักเตือนและสั่งห้ามถึงได้เพลาๆกันลงไป
หากน้องบางคนชอบนอนดึก คงได้ฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับเรื่องผี พี่เองก็ได้ยินเรื่องราวของวัดนี้จากรายการที่ว่านี่เหมือนกัน เพียงแต่ผู้จัดให้ความเคารพต่อสถานที่มากกว่าผู้ฟังบางกลุ่มเท่านั้น เขาพยายามย้ำเตือนเสมอว่า วิญญาณจะปรากฏตัวออกมาก็ต่อเมื่ออยู่ในความสงบ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนสนใจกันเท่าไหร่
นอกเรื่องนอกราวมาไกล วกกลับเข้าเรื่องกันดีกว่า
ถนนเส้นบางกรวยไทรน้อยเมือ่หลายปีก่อนไม่ได้เจริญเหมือนสมัยนี้ เส้นทางเป็นเพียงถนนสองเลนพอที่จะให้รถวิ่งสวนกันไปมาได้เท่านั้นซ้ำสภาพรอบข้างก็ยังเป็นสวนผลไม้ แทบจะเรียกว่าเป็นป่าก็ได้ ขนาดขับรถผ่านเข้าไปเวลาเที่ยงอากาศยังเย็นสบายไม่ร้อนเลยสักนิดเพราะได้ร่มไม้ช่วยบัง
ถนนภายในนั้นเหมือนรังมด ถ้าจำทางไม่แม่นอย่าได้ขับเข้าไปเพราะอาจจะไปโผล่ในที่ประหลาดหรือกลางสวน ดีไม่ดีได้หลุดไปจอชมวิวริมฝั่งเจ้าพระยาได้เลย
เมื่อก่อนบ้านพี่อยู่แถบติวานนท์ซึ่งได้ชื่อว่ารถติดมหาศาล แท็กซี่ยังส่ายหัวไม่ยอมวิ่ง เวลาพี่จะไปโรงพยาบาลศิริราชก็มักจะใช้เส้นทางนี้เพราะวิ่งไหลลื่นไม่ขัดใจคนขับ ซึ่งทางที่ช็เป็นสายหลัก วิ่งตรงยาวตั้งแต่ท่าอิฐ(อันนี้ไม่แน่ใจ)ไปจนถึงทางออกแถวๆตากสินเลย
มีอยู่วันหนึ่งพี่ได้เล่าเรื่องวิญญาณในวัดนี้ให้แม่ฟัง แม่อยากจะไปดูเหมือนกันแต่ในฐานะที่เป็นวัดเก่าแก่มากกว่าเรื่องผีเรื่องสาง ก็พยายามหาเส้นทางที่จะไป ถามชาวบ้านก็แล้ว ถามคนรู้จักที่เคยไปก็แล้ว วิ่งวนไปวนมาหลายรอบก็ไม่เคยเจอจนกระทั่งเกือบจะล้มความตั้งใจอยู่แล้ว แต่มันเหมือนถึงเวลาที่จะได้พบ เพราะพวกเราหลุดเข้าไปเจอวัดนั้นจนได้
วันนั้นน้องสาวพี่ขับรถกลับจากศิริราชตามปรกติ รถก็วิ่งตามเส้นทางเดิม อยู่ๆเขาหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในทางเล็กๆที่เราไม่รู้จัก พี่ถามว่าเข้ามาทำไมเขาก็ตอบว่าเห็นคนชี้บอกก็เลยเลี้ยวตาม เจ้าตัวเองยังงงว่าเลี้ยวทำไมเพราะเขาเป็นคนที่มั่นใจในการขับรถมาก ขนาดหลับยังพารถวิ่งได้ = =”
กำลังมองหาที่กลับรถเพื่อเข้าสู่เส้นทางเดิม จู่ๆแม่ที่กำลังช่วยมองทางก็อุทาน
นั่นวัดอะไร
พวกพี่หันไปมองพร้อมกันเป็นจังหวะเดียวกับที่รถวิ่งเข้าไปจอดตรงลานกว้างพอดี ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาประมาณบ่ายสามหรือสี่ ท้องฟ้าแจ่มใสมาก น้องสาวพี่เดินไปถามชาวบ้านแถวนั้นก็ต้องขนลุกซู่เพราะคำตอบที่ได้มาก็คือ
วัดมะนาว
ใช่ค่ะ วัดที่เราเพียรพยายามหามาหลายวัน บทจะเจอก็เจอกันแบบไม่คาดฝัน น้องสาวพี่มองไปรอบๆแล้วทำท่าขนลุกในขณะที่พี่รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ส่วนแม่ไม่พูดอะไร ท่านเดินขึ้นไปบนทางศิลาเก่าๆทันที
ตอนนั้นเองอยู่ๆท้องฟ้าก็มืดครึ้มลง กระแสลมพัดวูบลงมาจนต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่ได้อุปานหรือคิดเข้าข้างตัวเพราะพี่กลับมองภาพเหล่านั้นเหมือนมีคนยืนอยู่เต็ม เสียงลมกระทบใบไม้ดังซู่ซ่า ฟังคล้ายเสียงโห่ร้องของทหาร
เหตุการณ์เกิดขึ้นแค่ชั่วอึดใจ แต่สำหรับพี่มันนานหลายนาที แม่เดินวนรอบวัดแล้วกลับลงมา จากนั้นก็ชวนขึ้นรถแล้วหใกลับบ้ายเลยโดยห้ามทุกคนมองกลับไปทางด้านหลัง
แหม เจอขนาดนั้นถึงไม่บอกลูกก็ไม่กล้ามองหรอกค่ะ
เราหลุดจากเส้นทางนั้นออกไปจนถึงถนนรัตนาธิเบศน์ พี่เลยถามแม่ว่าที่นั่นมีอะไร แม่บอกหลายอย่างเพราะที่นั่นเป็นสถานที่เก่าแก่เป็นทางเดินทัพของทหารโบราณ พี่ออกแนวงง น้องสาวเลยอธิบายว่าตอนไปถามชาวบ้าน เขาเล่าให้ฟังว่าสถานที่บริเวณนั้นเคยเป็นที่พักทัพตั้งแต่สมัยอยุธยาตอยปลายเรื่อยไปจนถึงสมัยพระเจ้าตาก ถ้าสังเกตให้ดีวัดในแถบนั้นส่วนมากมักจะมีชื่อเกี่ยวข้องกับกองทัพเช่นวัดบางอ้อยช้าง วัดทับทัน(อันนี้ไม่แน่ใจ) ส่วนวัดมะนาวที่เราจากมานั้นเป็นที่พักทัพหลังจากการสงคราม เพราะข้างๆมีแม่น้ำไหลผ่านเหมาะแก่การตั้งค่าย และแน่นอนว่าย่อมมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายที่นี่ด้วยเหมือนกัน
หรือนั่นคือเสียงโห่ร้องที่พี่รู้สึก
หลังจากนั้นอีกสองสามวันพวกพี่พยายามหาทางกลับเข้าไปในวัดนั้นอีกครั้ง แต่ทำยังไงก็หาไม่เจอแม้จะวิ่งไปในเส้นทางเดิมก็ตาม
หรือจะเป็นอย่างที่แม่บอก
เราจะเจอก็ต่อเมื่อถึงเวลา
เราจะเห็นก็ต่อเมื่อพวกเขา ต้องการ

*/*/*/*/*/*
















Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 11:15:30 น.
Counter : 446 Pageviews.

1 comments
  
โม้
โดย: กู IP: 203.144.180.65, 64.255.180.158 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:3:47:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี