พรายทะเล
เรื่องที่ 19 พรายทะเล

ครั้งก่อนพี่เคยเล่าเรื่องสยองที่เจอบนหาดสมิหลา และได้พูดว่าจะเล่าถึงเรื่องน่ากลัวที่ได้เจอบนเกาะหนู เกาะแมว เกาะคู่แฝดอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของจังหวัดสงขลาที่ใครไปแล้วจะต้องแวะไปชม เช่นเดียวกันกับการได้ไปถ่ายรูปคู่กับเงือกที่แหลมสมิหลา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากความคึกคะนองของพวกพี่ ซึ่งตอนนั้นเป็นนักศึกษาปีที่สองและมองหาสถานที่รับน้องแบบสนุกมากว่าคิดเรื่องอื่น หลังจากประชุมอย่างเคร่งเครียด หมดค่าขนมไปหลายสิบ ในที่สุดพวกเราก็สรุปกันว่าจะเหมาเรือประมงที่รู้จักกันออกไปวิ่งวนรอบเกาะหนู เกาะแมวและพักบนเกาะหนึ่งคืน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราก็ยกขบวนกันไปที่ท่าเรือและเริ่มต้นออกเดินทาง
ทะเลเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนสวยและสะอาดกว่าสมัยนี้มาก แม้เกาะทั้งสองจะอยู่ไม่ไกลจากแผ่นดินเท่าไหร่นัก แต่น้ำก็ลึกและค่อนข้างใส เล่ากันว่าในสมัยโบราณช่วงต่อระหว่างเกาะหนูและเกาะแมวจะเป็นแอ่งน้ำวนซึ่งเรียกว่า วัง มีฉลามมากมายหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ แต่ต่อมาพอความเจริญเข้ามาสู่ ฉลามเหล่านั้นก็ถอยไปอยู่ในทะเลลึก ตอนที่พี่ไปจึงมีแต่ฝูงปลากกระบอกที่กระโดดเล่นน้ำแข่งกับเรือกับแมงกะพรุนตัวโตเป็นเมตรแหวกว่ายผ่านหัวเรือไป
อาศัยความที่รู้จักกันประกอบกับไต้ก๋งเรือเป็นคนใจดีมาก ท่านอนุญาตให้พวกเราไปยืนดูฝูงปลาที่บริเวณหัวเรือได้แต่ห้ามก้าวออกไปยืนค้ำแม่ย่านาง ไต้ก๋งบอกว่าเกาะทั้งสองนี้เป็นเกาะขนาดเล็กไม่มีน้ำจืด และมีหาดทรายเล็กๆตรงบริเวณท้ายเกาะหนูที่เดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่สามารถใช้เป็นที่หลบภัยอะไรได้ แต่ถ้าพวกเราจะไปกางเต็นท์ค้างกันแค่คืนเดียวก็คงจะพออยู่ได้ แต่ต้องระวังอย่าไปทำอะไรไม่ดีบนเกาะ เช่นพูดจาหยาบคายหรือกล่าวอะไรที่เป็นการลบหลู่ ซึ่งพวกพี่ก็รับคำกันเป็นอย่างดี เพราะในสมัยก่อนแม้จะเป็นช่วงวัยรุ่น พวกพี่ก็แค่สนุกคะนองกันไปตามเรื่องเท่านั้น ไม่มีการทำอะไรที่เสื่อมเสียอย่างเด็ดขาด หลังจากวิ่งวนรอบเกาะแล้วไต้ก๋งก็ปล่อยพวกพี่ไว้บนหาดทรายซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว เมื่อทำการลำเลียงเสบียงอาหารและน้ำดื่มเสร็จเรียบร้อยเรือก็วิ่งออกไปโดยจะกลับมารับอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
การรับน้องเป็นไปอย่างสนุกสนาน ไม่มีการเล่นแบบรุนแรงหรือแปลกพิสดารอย่างสมัยนี้ หลังจากเดินสำรวจรอบเกาะเท่าที่จะทำได้แล้วพวกเราก็ลงมือทำอาหารค่ำซึ่งก็เป็นพวกปิ้งย่าง เครื่องดื่มก็เป็นพวกน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นก็เริ่มการละเล่นรอบกองไฟกัน และกิจกรรมสุดฮิตตลอดกาลนั่นก็คือ เล่าเรื่องผี
ลืมบอกไป ตอนที่ย่างกุ้งหอยปูปลา พี่ได้นำอาหารจำนวนหนึ่งไปวางไว้ที่หาดทรายพร้อมกับบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าทะเลและผู้คุ้มครองทั้งหลายตามธรรมเนียมของบ้าน เพื่อนๆก็ออกแนวงงแต่ไม่ได้ใส่ใจถามอะไรกันมากนัก จากนั้นก็กลับมาเล่นกันต่อกระทั่งเวลาผ่านไปค่อนข้างดึก หลายคนเริ่มง่วงก็แยกย้ายกันไปนอน ส่วนที่ยังถึกก็หาเรื่องน่ากลัวมาเล่าอย่างสนุกสนาน บางทีก็มีการหยอกล้อน้องผู้หญิงให้ส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดเล่นเพื่อเพิ่มบรรยากาศจนหัวหน้าห้องเตือนนั่นแหละถึงได้เลิกกัน
จำได้ว่าวันนั้นเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าก็ค่อนข้างใสไม่มีเมฆ พวกที่ยังไม่นอนก็ยืนชมดาวกันริมหาด บ้างก็มองออกไปในท้องทะเลที่มืดมิดแล้ววิจารณ์ถึงเรื่องน่ากลัวรวมไปถึงเรื่องแขนคนที่พวกเราเคยเจอกันบนหาดสมิหลา คุยกันไปได้สักพักเพื่อนหนึ่งก็จ้องไปที่ทะเลเขม็งแล้วพูด
“เฮ้ย ช่วยเพื่อนดูหน่อยสิว่านั่นมันอะไร”
เขาสะกิดเพื่อนที่ยืนข้างๆพร้อมกับชี้มือไปข้างหน้า พวกพี่มองตามแล้วก็ถามอย่างงงๆ ตอนแรกก็ย้อนกลับไปว่าไม่เห็นมีอะไรแต่เพื่อนคนนั้นมันสั่นหน้าและยังคงชี้ตรงไปในทะเล พวกพี่เลยพยายามมอง และอ้าปากค้างเมื่อเห็นแสงอะไรบางอย่างกำลังสะท้อนแสงจันทร์ ระยิบระยับบนผิวน้ำ ตอนแรกก็สรุปกันตามประสาชาววิทยาศาสตร์ว่า มันคงเป็นไฟโตแพลงตอน แต่การเคลื่อนที่ที่แปลกประหลาดของมันที่รวมกันเป็นกลุ่มและวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเราทำให้พวกพี่เริ่มไม่แน่ใจ ตอนนั้นเองที่ลมทะเลก็หยุดไปซะเฉยๆแต่กลับมีกลิ่นคาวจัดโชยมาจากกลุ่มแสงที่เลื่อนเข้ามาใกล้ พวกที่ยืนชมดาวเริ่มใจคอไม่ดี และยิ่งใจเสียหนักขึ้นเมื่อเจ้าแสงระยิบระยับนั้นรวมตัวกัน แถมวิ่งตัดคลื่นในแนวเฉียงมุ่งหน้าตรงมาหาพวกเราเหมือนจงใจ
ทำยังไงน่ะเหรอ
เผ่นสิคะ ใครจะไปยืนดูไหว
พวกพี่เผ่นแน่บไปยืนบนที่สูงและจ้องตรงไปที่กลุ่มแสงระยิบเขม็ง ภาพที่เห็นแทบทำให้พวกเราเข่าอ่อน เพราะกลุ่มแสงนั่นมันเลื่อนไปเลื่อนมาในแนวขวาง ตรงกันข้ามกับกระแสคลื่น ดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตมากกว่า
สิ่งที่ทำให้พวกพี่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับกลับไม่ใช่แสงนั้นค่ะ แต่เป็นเงาของใครบางคนที่ยืดยาวออกมาจากซอกหินบนเกาะ มันทอดไปตามพื้นยาวไปจนถึงหาดทราย กลุ่มแสงหยุดการเคลื่อนที่และถอยออกไปทันที พวกเราได้ยินเสียง ตูม เหมือนอะไรบางอย่างกระโดดลงน้ำและทุกอย่างก็เงียบสงบลง เงาที่เห็นหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือพวกพี่ยืนกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเช้า พอเรือมารับ พวกเรารีบขนของทุกอย่างขึ้นไปอย่างรวดเร็วและเร่งให้กลับเข้าฝั่ง ไต้ก๋งพอเห็นท่าทางแบบนั้นก็คงพอจะเดาเรื่องถูก แกเรียกหัวหน้ากลุ่มเข้าไปถาม ซึ่งเขาก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง พี่เห็นไต้ก๋งยิ้มและบอกว่ากลุ่มแสงที่เราเห็นนั้นคือ พรายทะเล มันจะมาเป็นกลุ่มก้อนแล้วลากคนลงไปในน้ำกดให้จมจากนั้นก็กินเลือดจนหมดตัว พวกชาวทะเลจะกลัวผีพวกนี้มาก ดังนั้นจึงมีกฎห้ามพูดคำหยาบหรือขานรับชื่อตัวเองเวลาอยู่กลางทะเล
พวกเราฟังเรื่องราวของไต้ก๋งด้วยความกลัว นี่ถ้าแกเล่าให้ฟังก่อนหน้าก็คงจะไม่เชื่อแน่ๆ พอคนอื่นรู้ก็พากันกลัวไปด้วย พอเรือถึงฝั่งปุ๊บต่างก็รีบแยกย้ายกันกลับทันที ส่วนพวกเราชาวรุ่นพี่ก็ต้องจัดแจงธุระที่เหลือซึ่งกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายกว่าเลยไปหาอะไรกินกัน ระหว่างที่คุยถึงเหตุการณ์ระทึกที่ผ่านมาเพื่อนคนหนึ่งก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหันมามองหน้าพวกเราแล้วโพล่งขึ้นมาว่า
แล้วเงาที่เราเห็นนั่นล่ะ คืออะไร
บางคนอาจจะแย้งว่าเป็นเงาที่เกิดขึ้นจากการก่อกองไฟและใครบางคนแกล้งทำ แต่ลองนึกภาพดูนะคะ กองไฟอยู่ด้านข้างทางซ้ายมือ แถมห่างกันพอสมควร ถ้าเงาจากกองไฟก็ต้องเห็นเป็นทางยาวมาจากทางด้านข้าง แต่เงานี้ทอดยาวมาจากทางด้านบน ถ้าเกิดจากคนแกล้งคงอยู่ในมุมสูงเหนือหัวเลยล่ะค่ะ
มีบางคนกล่าวว่าถ้าเจอวิญญาณบ่อยแบบนี้น่าจะพกกล้องติดตัวไปด้วยเลย เผื่อจะถ่ายได้และนำมาพิสูจน์ พี่คิดว่าถ้าวิญญาณเป็นอรูปคงดูดกลืนแสงจนทำให้ถ่ายไม่ติด แล้วอีกอย่างช่วงเวลาที่เจอวิญญาณแต่ละครั้งจะสั้นมาก แทบจะเรียกได้ว่าแค่พริบตา ไม่มีทางดึงกล้องมาบันทึกภาพได้ทันหรอก
เหมือนกับที่คุณไม่มีทางบันทึกภาพเสี้ยววินาทีแรกของการเกิดอุบัติเหตุได้ ฉันใด ก็ฉันนั้นแหละค่ะ
*/*/*/*/*/*













Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 6:51:57 น.
Counter : 609 Pageviews.

2 comments
  
น่ากลัวมาก
โดย: สุภมาส รอดรัตน์ IP: 58.9.100.173 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:10:33:32 น.
  
พรายทะเล เคยได้ยินแต่เหมือนเป็นเรื่องหลอกเด็ก สมัยเด็กๆนะคะ
แต่ไม่เคยได้ยินใครเล่าว่าได้พบเห็นจริงๆเลยค่ะ

น่ากลัวเนาะ
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:15:59:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี