คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะคะ No Tag still..! Please..

ใครได้คะแนนเท่าไหร่ : คะแนนบุญ-บาป







เก็บตกมาจากเว็ป "พลังจิต"ค่ะ
น่าสนใจดี เลยเอามาฝากค่ะ

ต้องได้บุญแค่ไหน
จึงจะได้ผ่านพ้นอบาย....



คะแนนบุญ


ขายสินค้าคุณภาพดีราคาต่ำ 1 ครั้ง 0.3บุญ

เก็บกวาดขยะถนน คูคลอง 1 ครั้ง 0.4บุญ

บริจาคเงินช่วยงานศพ 10 บาท 0.7บุญ

การบำเหน็จ ลงโทษยุติธรรม 1 ครั้ง 0.7บุญ

เก็บทรัพย์ได้คืนเจ้าของ 10 บาท 1 บุญ

บริจาคเงินแก่คนยากไร้ 10 บาท 0.7บุญ

ครูสอนคุณธรรม ทำความดี 1 ครั้ง 1 บุญ

ถูกหยามไม่โกรธ 1 ครั้ง 1 บุญ

บริการให้ความสะดวก 1 ครั้ง 1 บุญ

เก็บหล่นธัญญาหาร 10 เม็ด 1 บุญ

ปล่อยนกปล่อยปลา 1 ชีวิต 1 บุญ

ให้สัจจะทำตามสัญญา 1 ครั้ง 1 บุญ

พิมพ์แจกหนังสือธรรม 1 เล่ม 3 บุญ

ยกย่องครูอาจารย์ 1 ครั้ง 1 บุญ

ผู้น้อยรับใช้ผู้ใหญ่ 3 บุญ

เสียภาษีครบถ้วน 1 ครั้ง 3 บุญ

บริจาคยารักษาโรค 1 ครั้ง 3 บุญ

รับใช้พ่อแม่ 1 ครั้ง 4 บุญ

ไม่รับสินบน ทำตามหน้าที่ 1 ครั้ง 8 บุญ

ขุดลอกระบายคูคลอง 1 ครั้ง 9 บุญ

ระงับคดี 1 ครั้ง 10 บุญ

แสดงละครแนวสร้างสรรค์คุณธรรม 1 ครั้ง 10 บุญ

อดกลั้นตัณหาราคะ 1 ครั้ง 10 บุญ

กินเจ 100 บุญ

พี่น้องรักใคร่ไม่แก่งแย่ง 100 บุญ

ไม่ยอมคบชู้เมื่อมีโอกาส 1 ครั้ง 100 บุญ

มีสามีภรรยาคนเดียวตลอดชีพ 1,000 บุญ

ทำลายซ่องโสเภณี 1 แห่ง 1,000 บุญ

ซื่อสัตย์สุจริต 5,000 บุญ

สละชีวิตเพื่อชาติ 5,000 บุญ

บริจาคที่ดินเพื่อประโยชน์ต่อสังคม 1 ฟุต 9,800 บุญ

บำเบ็ญธรรมะจริงจัง 10,000 บุญ

หญิงครองม่ายไม่ด่างพร้อยตลอดชีพ 10,000 บุญ

ดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ กตัญญูตลอดชีวิต 100,000 บุญ

คะแนนปาป

ทิ้งขยะลงบนถนนคูคลอง 1 ครั้ง 0.4บาป

ล่ายิงสัตว์ 0.5บาป

ไม่เหลียวแลพ่อแม่ 1 วัน 0.5บาป

ค้างหนี้ไม่ชำระ 10 บาท 0.6บาป

รับทรัพย์อันมีชอบ,ฉ้อโกง 10 บาท 1 บาป

พูดเท็จ,ผิดนัด 1 ครั้ง 1 บาป

ปากร้ายด่าคน นินทาคน 1 บาป

ทิ้งข้าว 10 เม็ด 1 บาป

ลบหลู่ครูอาจารย์ 1 ครั้ง 1 บาป

เที่ยวขีดเขียนที่สาธารณะ 1 ครั้ง 1 บาป

ฆ่ากุ้งปลาเป็นอาหาร 10 ชีวิต 1 บาป

เก็บทรัพย์ได้ไม่คืนเจ้าของ 10 บาท 1 บาป

โกรธเคืองพ่อแม่ 1 ครั้ง 1 บาป

สามีทะเลาะกับภรรยา 1 ครั้ง 2 บาป

โกรธไม่หาย 3 บาป

ภรรยาบ่นว่าสามี 1 ครั้ง 3 บาป

ลงโทษไม่ยุติธรรม 1 ครั้ง 3 บาป

ส่งเสริมคนชั่ว 1 ครั้ง 4 บาป

พูดล้อเลียนผู้มีปมด้อย 1 คำ 5 บาป

ปลอมปนสินค้า ขายยาปลอมยาเสื่อม 1 ครั้ง 5 บาป

เล่นพนัน 1 ครั้ง 5 บาป

ไม่ยอมเสียภาษี 1 ครั้ง 8 บาป

ขัดคำสั่งพ่อแม่ 1 ครั้ง 10 บาป

คบชู้ 1 ครั้ง 100 บาป

ยุให้เกิดเรื่องราว 1 เรื่อง 100 บาป

แสดงละครพาเสื่อมศีลธรรม,ลามก 1 ครั้ง 100 บาป

เที่ยวซ่อง 1 ครั้ง 100 บาป

พี่น้องโกรธเคืองกัน 100 บาป

ปิดกั้นทางสัญจรน้ำหรือบก 400 บาป

ตั้งซ่องโสเภณี 1 แห่ง 1,000 บาป

ก่อความวุ่นวายแก่บ้านเมือง 1 ครั้ง 1,000 บาป

ทำแท้ง 1 ครั้ง 1,000 บาป

แย่งสามี-ภรรยาผู้อื่น 1 ครั้ง 1,000 บาป

ฆ่าตัวตาย 1,000 บาป

สร้างหนังสือลามก 1 เรื่อง 3,000 บาป

สร้างความด่างพร้อย

แก่หญิงม่าย 1 คน10,000 บาป

ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้าน 10,000 บาป

ภรรยาข่มเหงไม่นับถือสามี 15,000 บาป

ข่มขื่นหญิง 1 ครั้ง 15,000 บาป

หลงเมียน้อย ข่มเหงเมียหลวง 15,000 บาป

ใช้เวทมนต์ คาถาทำร้ายคน 20,000 บาป

รับสินบนรังแกคน 20,000 บาป

เนรคุณผู้มีพระคุณ 20,000 บาป

ฆ่าชิงทรัพย์ 1 ครั้ง 25,000 บาป

ตัดไม่ทำลายป่า ตกเดรัจฉานภูมิ 30,000 บาป

ขายชาติ ตกอเวจีตลอดกาล 50,000 บาป

ผู้ใดสะสมสร้างบุญ-บาป เมื่อหักล้างกัน ถ้ามีบาปมากกว่าบุญได้เกิดเป็นเดรัจฉานตามกรรมแห่งตน ถ้ามีบุญมากกว่าบาป แต่ไม่ถึง 3,000 บุญ จักได้เกิดเป็นมนุษย์อีก ถ้ามีบุญมากกว่าบาป ตั้งแต่ 3,000 บุญขึ้นไปจักได้เป็นเทพชั้นล่าง จำนวนบุญมากกว่า 10,000 บุญขึ้นไป จักได้เป็นเทพชั้นกลาง จำนวนบุญมากกว่า 15,000 บุญขึ้นไป จักได้เป็นเทพชั้นสูง จำนวนบุญมากกว่า 100,000 บุญขึ้นไปจักได้เป็นพุทธะ,เทพเจ้า ณ สุขาวดีแดนสุขสันต์




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:17:25 น.
Counter : 594 Pageviews.  

รักเธอ...เอนไซม์ (ต่อจ้าาา)



วันนี้จันทร์ไพลินว่าง.....
มานั่งอ่านหนังสือให้ฟังต่ออีก..หน่อยนะคะ
จากหนังสือสองเล่มตัดเฉพาะตอนที่สนใจมาค่ะ



มนุษย์กินฝืนกฎธรรมชาติ

1. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่ต้อง
หุง ต้ม ปิ้ง เผาอาหารก่อนกิน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
เอนไซม์ในอาหารจึงถูกทำลาย
สัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็พลอยต้องกินอาหารต้มสุกตามนายไปด้วย
2. ธรรมชาติกำหนดให้
มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชผักเป็นหลัก
เห็นได้จากฟันมีไว้กินพืช
ไม่มีฟันซี่ใหญ่หรือเขี้ยวเพื่อไว้กัดหรือฉีกเนื้อ
ขากรรไกรเล็ก มีลำไส้ค่อนข้างยาว
ลำไส้สัตว์ที่กินเนื้อจะมีลำไส้สั้น
ดังนั้นมนุษย์กินเนื้อจึงฝืนธรรมชาติ
3. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำมันที่ผ่านการกลั่นกรองเป็นอาหาร
4. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำตาลทรายซึ่งเป็นอาหารที่ตายแล้ว
และเป็นยาเสพติดอันดับ 1 เป็นอาหารประจำวัน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
5. โดยธรรมชาติสัตว์เมื่อเลยระยะหย่านม
จะเลิกกินนม แต่มนุษย์ยังคงกินนม
และกินจนโต จนแก่




ขอเรียงลำดับเหตุการณ์ใหม่จะเป็นดังนี้

1. การกินอาหารที่ปรุงสำเร็จ
ทำให้ ->
2. อาหารที่กินเป็นอาหารตาย
เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย
ทำให้ ->
3. ร่างกายต้องสร้างเอนไซม์
ย่อยอาหารเพิ่มขึ้นมาก
เพื่อชดเชยเอนไซม์ที่ควรจะได้จากอาหาร
ทำให้ ->
4. เมตาบอลิค เอนไซม์ต้องเปลี่ยนโฉม
ไปทำหน้าที่ย่อยอาหาร
และจำนวนที่สะสมในร่างกายก็ลดลง
ทำให้ ->
5. ร่างกายขาดความสามารถ
ในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ที่บกพร่อง
ระบบภูมิคุ้มกันโรคลดต่ำ
ทำให้ ->
6. แก่เร็วสุขภาพเสื่อม
เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ทำให้ ->
7. ตายเร็วในวัยที่ยังไม่สมควร




สาเหตุการผลิตเอนไซม์บกพร่องที่พบบ่อยๆคือ

* ขาดการออกกำลังกายและอยู่ในที่สิ่งแวดล้อมมีมลภาวะ
* มีความเครียดทั้งทางร่างกาย หรือ ทางจิตใจ
* ดื่มสุรา อาหาร หรือน้ำไม่สะอาด
* กินอาหารปรุงสำเร็จซึ่งเอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย




ปู่ ย่า ตา ยาย มีอายุยืนยาวอยู่กันมาได้
เพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด
อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง
ไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก




การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
ทำให้มีการใช้ปุ๋ยเคมีมาก
และใช้ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก
ทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสื่อมโทรม
เป็นผลให้พืชผัก
มีสารอาหารที่ไม่บริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน
การเก็บพืชผักผลไม้ก่อนกำหนด
ทำให้ลดคุณค่าของอาหารลงไปอีก
รวมทั้งรสชาติของผลไม้จะผิดไป
การเลือกพืชเพื่อเพาะปลูกไว้จำหน่าย
ก็เลือกแต่พืชที่มีพันธุ์ทนแมลง
ทนกับการขนส่งระยะไกล
มากกว่าจะเลือกพืช
เพื่อให้คนบริโภคได้คุณค่าทางอาหาร




การวิจัยในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483)
ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA)
ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์
เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์
และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค
เอนไซม์ก็จะผลิตได้น้อย
เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
แท้ที่จริงเกิดจากพื้นฐานของการขาดเอนไซม์




ในน้ำลายของคนเราเมื่อวัยหนุ่มสาว (21-31 ปี)
มีมากกว่าคนชรา (61-100 ปี) ถึง 30 เท่า
ไม่มีปัญหาการย่อยอาหาร
แต่เมื่อแก่ตัวลงกลับกินไม่ได้
เพราะเอนไซม์ย่อยอาหารเจือจางลง
ทำให้อาการผิดปกติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น




การหุงต้ม การเตรียมอาหาร
และการเก็บอาหารเป็นต้นเหตุ
ที่ทำลายเอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหาร
ทำให้อาหารที่กินไม่มีเอนไซม์
ร่างกายต้องผลิตออกมาเองจำนวนมาก
การใช้รังสีเพื่อถนอมอาหาร
การใส่สารกันเสีย การบรรจุกระป๋อง
การใช้แก๊สบ่มผลไม้ ฯลฯ
ล้วนทำให้เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย




ทารกกินนมแม่
ได้เอนไซม์จากอาหาร (นมแม่)สมบูรณ์
นมผง นมสดที่ใช้ความร้อนทำลายเชื้อโรค
นมข้นหวานเป็นอาหาร (ของเด็กทารก)
ที่ไม่มีเอนไซม์เหลืออยู่
เป็นต้นเหตุให้มีอาหารที่ย่อยไม่หมด
ไปหมักหมมในลำไส้ใหญ่
เกิดสารพิษซึมเข้าสู่กระแสโลหิต
ทำให้เด็กเจ็บป่วยง่าย




มีตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์
อยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก
อาหาร ที่มนุษย์กินทุกชนิดจะมีตัวห้าม
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของพืชและสัตว์
ที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้เอนไซม์ย่อย
และทำร้ายตัวมันเอง
หรือเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อม
บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
หรือได้พาเอนไซม์ไปส่งถึงจุดมุ่งหมาย
เมื่อเอนไซม์ขาดตัวควบคุมหรือขาดตัวห้าม
เอนไซม์ก็จะเริ่มทำงานตามหน้าที่
และบทบาทของมันอย่างสบาย




อาหารประเภทถั่วชนิดต่างๆ เมล็ดพืช
ยอดผักหรือผลไม้ที่ยังอ่อน
จะเป็นกลุ่มที่มีตัวห้าม
การทำงานของเอนไซม์อยู่มาก
ดังนั้นการกินถั่วดิบๆ จึงทำให้เกิดอันตราย
เพราะได้รับตัวห้ามเข้าไปมาก
จนยับยั้งการทำงาน
หรืออาจทำลายเอนไซม์ของร่างกายได้อีกด้วย




ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีมากพอเพียง
มนุษย์อาจอายุยืนถึง 120ปี
เพราะเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัว
ได้ตามกำหนดของโปรแกรมในนาฬิกาชีวิต
ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีระดับต่ำ
โอกาสที่จะป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆเกิดได้ง่ายมาก




อายุมากขึ้น
เอนไซม์ผลิตได้น้อยลง,คุณภาพต่ำ
การขาดเอนไซม์ย่อยอาหารมีได้หลายสาเหตุ
แต่การขาดชนิดเดียวที่ตับอ่อนไม่สามารถแก้ไขได้
คือ การขาดเอนไซม์เนื่องจากมีอายุมากขึ้น
หนุ่มสาวอายุ 21-31 ปี
มีเอนไซม์อไมเลสในน้ำลายมากกว่า
กลุ่มผู้สูงอายุ 69-100 ปี ถึง 30เท่า
อายุมากขึ้น เอนไซม์ผลิตน้อยลงมาก
แต่ความต้องการใช้ยังคงเหมือนเดิม
การขาดแคลนเมื่ออายุมากขึ้น
จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้




สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเอนไซม์ คือ

1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างเอนไซม์ขึ้นมาใช้เอง
ด้วยความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกัน
2. เอนไซม์ เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์
ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ
ถ้าย่อยได้ไม่ดี ถึงกินอาหารแสนดีก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
3. เอนไซม์ควบคุม
และเร่งปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด
ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมี
จะเกิดช้าจนชีวิตไม่สามารถรอได้




4. เอนไซม์ แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะตัว
และทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะ
กับสารตั้งต้นที่ถูกกำหนดเท่านั้น
เอนไซม์ชนิดย่อยแป้งจะไม่ย่อยโปรตีน
เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง
5. เอนไซม์ถูกทำลายโดยง่าย
ที่ความร้อนสูงเกิน 118 องศาฟาเรนไฮด์
หรือ เอนไซม์เปราะบางมาก
6. การแช่แข็ง ไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์
7. การขาดเอนไซม์ส่วนใหญ่เกิดขึ้น
เพราะไม่รักษาสุขภาพของตนเอง
บางกรณีเกิดจากปัญหากรรมพันธุ์
8. เอนไซม์ ที่มีระดับต่ำ
ในร่างกายสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่างๆ
(ถ้าเอนไซม์ต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็เกิดขึ้นมากตาม)




วิตามินหรือเกลือแร่สำคัญๆ
ถ้าไม่มีเอนไซม์ วิตามินก็คือเศษผงธรรมดา
เซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์
ต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี
ถ้าไม่มีเอนไซม์ ชีวิตจึงดำรงอยู่ไม่ได้
วิตามิน เกลือแร่ คือ ตัวร่วมกับเอนไซม์ (Coenzyme)
โดยตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีเอนไซม์ร่วมด้วย
วิตามินและเกลือแร่ก็เปล่าประโยชน์
เอนไซม์เป็นผู้สร้างเซลล์
สร้างอวัยวะ สร้างร่างกาย และสร้างชีวิต

จาก "อนาเดอะเนเจอร์"




เคยสังเกตไหมคะว่า
เวลาเราตัดเถาตำลึง
สักครู่หนึ่งจะมียางใสๆไหลออกมา
หรือเวลาปอกแอปเปิ้ล
สักพักเนื้อแอบเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
นั่นคือกลไกการรักษาพยาบาล
และการเยียวยาตัวเอง
เพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อที่เหลืออยู่
ถูกทำลายหรือเน่าเสีย
สิ่งที่ทั้งตำลึงและแอปเปิ้ลขับออกมานั่นคือ...
เอนไซม์




หรือเวลาที่เราตักข้าวเข้าปาก
เคี้ยวได้สักพักก็จะรู้สึกหวาน
ทั้งๆที่ข้าวนั้น ออกจะจืดในตอนแรก
นั่นเพราะเอนไซม์ในปากของเราชื่อ
PTYALIN หรือ AMYLASE
เปลี่ยนข้าวหรือแป้งในปากให้เป็นกลูโคส
ร่างกายของเราต้องการกลูโคสไปเลี้ยงสมอง
เพื่อให้สมองและประสาททำงานได้
นี่คือความสำคัญของเอนไซม์ที่เราพอจะเห็น




เอนไซม์มีหน้าที่กระตุ้นหรือเริ่มต้น (CATALYST)
ให้วงจรหรือระบบต่างๆของชีวิตทำงาน

เพื่อจุดประสงค์สองประการ
* ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตนั้น
หรือถ้าอันตรายเกิดขึ้นแล้ว
ก็ป้องกันไม่ให้อันตรายนั้นลุกลามหรือร้ายแรงยิ่งขึ้น
* เอนไซม์จะทำหน้าที่ส่งเสริม
หรือบำรุงให้ระบบต่างๆของชีวิต
ทำงานได้ดีหรือง่ายขึ้น




เราสามารถเสริมเอนไซม์ให้ร่างกายได้อย่างไร

ด้วยอาหารค่ะ
แต่ทว่าเมื่อเราเคี้ยวอาหาร
เอนไซม์ในอาหารจะถูกทำลาย
หรือเปลี่ยนสภาพด้วยเอนไซม์
ตั้งแต่ในปากเรื่อยไปถึงกระเพาะอาหาร

จึงแนะนำให้คั้นเอาแต่น้ำทำเป็นน้ำดื่ม
เอนไซม์ในอาหารจะผ่านปาก ลำคอ
ถึงกระเพาะ ไปสู่ลำไส้ โดยไม่ต้องถูกย่อย
และสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปใช้ได้ทันที




อย่างไรก็ตาม
เราต้องรู้จักธรรมชาติของเอนไซม์กันเสียก่อน
เอนไซม์ถูกทำลายได้ง่ายมากเมื่อ

* ถูกความร้อน การต้ม ผัด นึ่ง ลวก
ทำให้เอนไซม์ในผักตายหมด
* ถูกกระแสไฟฟ้าหรือกระแสแม่เหล็ก
ถ้าคุณใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า เอนไซม์จะตายหมด
แต่ถ้าใช้เครื่องแยกกาก (Juicer)
ซึ่งแยกกากไปทาง น้ำไปทาง จะใช้ได้
* ถูกเอนไซม์ตัวอื่นๆทำลาย

จาก "ชีวจิต"








 

Create Date : 12 มีนาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:19:00 น.
Counter : 380 Pageviews.  

รักเธอ...เอนไซม์


ประโยชน์ของเอนไซม์จากผักและผลไม้

น้ำเอนไซม์
คือน้ำที่คั้นจากผักผลไม้
มีประโยชน์
ในการช่วยกระตุ้น
ให้ระบบต่าง ๆ
ในร่างกายของเรา
ให้ทำงานเป็นปกติ
และช่วยเสริมสร้างการทำงาน
ของเอนไซม์ในร่างกายที่มีอยู่เดิม
ให้ทำงานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพมากขึ้น





โดยเอนไซม์ในผักผลไม้แต่ละชนิด
จะมีคุณประโยชน์แตกต่างกัน

* แครอท
ช่วยล้างไขมันและการทำงานของตับ

* ขึ้นฉ่ายหรือเซเลอรี่
ช่วยในการทำให้เลือดสะอาดขึ้น
/เผาผลาญคอเลสเตอรอล

* มะระ
ช่วยในการฟอกเลือดและการทำงานของไต

* กระเทียม
ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค

* แคนตาลูปและแตงโม
ช่วยในการทำงานของไต







* ลูกใต้ใบ
ช่วยในการทำงานของตับและไต

* ตำลึง
ช่วยในการสมานแผลในกระเพาะอาหาร

* สับปะรด
ช่วยสมานแผนในกระเพาะอาหาร

* ฝรั่ง
มีส่วนสำคัญในการต่อต้านสารก่อมะเร็งในร่างกาย





* รากบัวหลวง
ช่วยในการหายใจ
และการทำงานของปอด
ช่วยให้กระบวนการเผาผลาญอาหาร
และพลังงานทำได้ดีขึ้น

* กระเทียม
ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค






วิธีการทำน้ำเอนไซม์
1. เพียงนำผลไม้ที่ต้องการ
มาสับหรือตำในครก
(ในกรณีที่ไม่มีเครื่องแยกกาก)
2. กรองผ่านผ้าขาวบาง
3. จะได้น้ำเอนไซม์
ตามกรรมวิธีธรรมชาติ

น้ำเอนไซม์ มีประโยชน์ต่อร่างกาย
แต่มีข้อจำกัดในการดื่มเช่นเดียวกัน
ไม่ควรผสมน้ำเอนไซม์หลายชนิดเข้าด้วยกัน
เพราะเอนไซม์แต่ละชนิด
จะมีฤทธิ์กดหรือทำลายกันได้
ควรดื่มคราวละชนิดเท่านั้น






วิธีการรับประทาน
หลังจากคั้นน้ำเอนไซม์เสร็จ
ควรดื่มทันที
หรือไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 30 นาที
และไม่ควรเติมวัตถุปรุงแต่งอื่น ๆ
ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
เพราะจะทำลายคุณค่าที่อยู่ในเอนไซม์ได้
อีกทั้งควรดื่มน้ำเอนไซม์ให้หลากหลายชนิดสลับกันไป
เพราะน้ำเอนไซม์แต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน


ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากนั่งอ่านหนังสือให้ฟัง
ชอบมั๊ยคะ วันหลังว่างๆ จะมาอ่านให้อีกนะคะ


เนื้อเพลงมีว่ายังไง....อย่าไปสนใจเลยค่ะ
จังหวะและทำนอง...น่ารักดี...แค่นั้น




 

Create Date : 09 มีนาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:20:57 น.
Counter : 417 Pageviews.  

อยากทำผมทรงนี้จัง

อากาศเริ่มร้อนขึ้นๆ
ผมยาวสวยอย่างที่เคยชอบ
ชักกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ
อยากตัดให้สั้นๆ
ก็รู้สึกเสียดายยยย
ลองยีๆม้วนๆแบบนี้ดูมั่ง
คงจะพอช่วยให้คลายร้อนลงได้มั่ง




ด้านหน้าสวยยยโดนใจมากกก
แต่ด้านหลัง ดูมันจะยุ่งๆไปหน่อยน๊าา
รึว่าจะตัดบ็อบสั้นๆไปซะเลย
จะได้หมดเรื่อง
ดูแลง่ายๆหน่อย
คงหายร้อนได้แน่ๆ


ต้องขอนุญาตอัพอะไรสั้นๆบ่อยนี้ดนึงนะคะ
ถนอมกายและสายตาค่ะ





See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you
See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you

Baby I don't know why ya treatin me so bad
You said you love me, no one above me
And I was all you had
And though my heart is eating for ya
I can't stop crying
I don't know how
I allow you to treat me this way and still i stay

See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you
See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you

Baby I don't know why ya wanna do me wrong
See when I'm home, I'm all alone
And you are always gone
And boy, you kno I really love you
I can't deny
I can't see how you could bring me to so many tears
after all these years

See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you
See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you
Oohhhhh
I trusted you, I trusted you
So sad, so sad
what love will make you do
all the things that we accept
be the things that we regret
too all of my ladies (ladies) feel me
c'mon sing wit me
See, when I get the strength to leave
You always tell me that you need me
And I'm weak cause I believe you
And I'm mad because I love you
So I stop and think that maybe
You can learn to appreciate me
Then it all remains the same that
You ain't never gonna change
(never gonna change, never gonna change)
See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you
See my days are cold without you
But I'm hurtin while im with you
And though my heart can't take no more
I keep on running back to you

Baby why you hurt me leave me and desert me
Boy I gave you all my heart
And all you do is tear it up
Looking out my window
Knowing that I should go
Even when I pack my bags
This something always hold me back




 

Create Date : 30 มกราคม 2552    
Last Update : 30 มกราคม 2552 21:34:01 น.
Counter : 327 Pageviews.  

ขอเชิญทุกท่านมารับของขวัญค่ะMerry X'mas&Happy New Year


ใกล้จะเปลี่ยนปีกันอีกแล้ว พวกเราคิดจะทำอะไรใหม่ๆกันบ้าง
ก็ขอให้สำเร็จด้วยความตั้งใจดี
ถ้าสิ่งเดิมที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว ก็ขอให้ดียิ่งๆขึ้นไป
จันทร์ไพลินและครอบครัว ขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคน
ได้ทุกสิ่งสมดังที่ปรารถนาค่ะ

พวกเราก็จะพยายามประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ และที่ควรค่ะ
และด้วยสิ่งทั้งหลายที่ได้ทำมาดีแล้วนั้น ขอได้เป็นอานิสสงส์ให้
ข้าพเจ้าและครอบครัวได้รับความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม
และอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดไปเทอญ


คลิกรับของขวัญชิ้นที่หนึ่งค่ะ




คลิกรับของขวัญชิ้นที่สองค่ะ




คลิกรับของขวัญชิ้นที่สามค่ะ





 

Create Date : 24 ธันวาคม 2551    
Last Update : 28 ธันวาคม 2551 21:06:33 น.
Counter : 522 Pageviews.  

1  2  3  4  


จันทร์ไพลิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




********
********


ขอขอบคุณcodeและรูปสวยๆ
กรอบและlineน่ารักมากมาย
จาก
คุณ Kungguenter,
คุณLosocat,
คุณยายกุ๊กไก่,
และป้าเก๋า ชมพรค่ะ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จันทร์ไพลิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.