คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะคะ No Tag still..! Please..

On the way to Khao Yai

1




2




3




4




5




6




7




8




9




10




11




12




13




14




15




16




17




18




19




20




21




22




23




24




25




26




27




28




29




30



All the way, we ate lots of BANANAS and corns ! ! !
That's the reason why this song is here! !

Try to listen some of this song I 've brought to you ,they're all CUTE !














 

Create Date : 07 ธันวาคม 2551    
Last Update : 7 ธันวาคม 2551 12:54:33 น.
Counter : 389 Pageviews.  

"พ่อ"

คิดถึงพ่อ


นึกถึงภาพวันเก่า...คราวยังเล็ก


พ่ออุ้มเด็กตัวน้อยนั่งข้างบนบ่า


พลางปลอบ...เจ้าอย่าหวั่นเลยขวัญตา


สองมือใหญ่นี้หนา...จะประคอง



หากมือแม่เป็นผ้าอุ่นละมุนนัก


มือพ่อจักเป็นเกราะคลุมคุ้มภัยผอง


หากลูกล้ม...เหนื่อยล้า...น้ำตานอง


พ่อทั้งป้อง...ปลุกให้ลุกบุกบั่นไป


อาจไม่เคยเอ่ยปาก “พ่อรักลูก”


แต่พันผูกเกลียวรักมั่นไม่หวั่นไหว


แววตาพ่ออาจไม่หวานซ่านฤทัย


แต่แววตานี้ห่วงใย...ไม่เว้นวัน


“พ่อ” คือ “พรหม” คือ “พระ” คุ้มอุ้มชีวิต


ลูกน้อมจิตกราบประนมก้มเกศี


เรียงอักษรเป็นกลอน...ร้อยแทนถ้อยวจี


ว่าลูกนี้ “รักพ่อ” ขอบูชา

เลือกคัดบางตอนจาก //www.sriwittayapaknam.ac.th





 

Create Date : 04 ธันวาคม 2551    
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 21:29:31 น.
Counter : 390 Pageviews.  

วันเดียวของทั้งปี




และแล้ววันที่พวกชาวบ้านชาวไร่ชาวนารอคอย
ก็เวียนมาบรรจบครบรอบปีอีกหนึ่งครั้ง
นั่นคืองานทอดกฐินประจำปีของวัดเจ้าแปดทรงไตรย์
พวกเค้าตระเตรียมข้าวของที่จะมาถวายวัด
แต่งตัวด้วยชุดเสื้อที่ดีที่สุดที่พวกเค้ามี
ในครอบครัวมีสมาชิกกี่คนก็ชักชวนกันมาตักตวงบุญ
ผู้คนดูหนาแน่นไปหมดทั้งศาลา


ปัจจัยมากบ้างน้อยบ้างตามแต่อัตภาพของตน
ปีนี้มีพ่อค้าเร่ขายของท่านหนึ่ง ที่เร่ขายของผ่านวัดเป็นประจำเกิดศรัทธา
และรับอาสาเป็นเจ้าภาพจัดผ้าป่ามาจากเมืองของเขา มาบวกกับของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดมาแต่ต้นตระกูล
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดชื่น
ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนที่เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
โปรยปรายลงมาเหมือนจะร่วมโมทนาบุญนั้นด้วย

<º))))><.•บุญมี ที่ใจ •.><((((º>



ด้วยจิตศรัทธาของพุทธศานิกชนทั้งหลาย
แม้มีทรัพย์น้อยนิดแต่แรงศรัทธาสูง
คนยากคนจน ชาวไร่ ชาวนา ที่แม้นาล่มแล้วล่มอีกเพราะน้ำท่วม
ที่เด็ดผักเด็ดหญ้าข้างบ้านเป็นเครื่องยังชีพไปวันๆ
หรืออย่างมากก็ไปตลาดนัดที่นัดกัันมาขายอาทิตย์ละสองครั้ง
ก็คงจะได้อาหารแปลกพิเศษมารับประทานกัน

<º))))><.•บุญมี ที่ใจ •.><((((º>



ยอดเงินกฐินปีนี้จึงค่อนข้างสูง ในสายตาของผู้สังเกตุการอย่างเรา
คะเนจากปริมาณชาวบ้านที่มาร่วมพิธี
คณะผ้าป่าของพ่อค้าเร่(บัสขนาดกลางหนึ่งคัน)
และชนกลุ่มน้อยอย่างพรรคพวกของจันทร์ไพลิน
ยอดเงินกฐินรวมออกมาได้ประมาณ "หกแสนกว่า"
นับว่าเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

<º))))><.•บุญมี ที่ใจ •.><((((º>



แต่โบสถ์ทั้งหลังที่ต้องได้รับการซ่อมแซม...
การปรับเปลี่ยนสถานที่ให้เป็นวัดเพื่อการปฎิบัติธรรม...
และพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่การก่อสร้างยังค้างคาอยู่...
ปัจจัยหกแสนจึงกลายเป็นจำนวนน้อยนิด

<º))))><.•บุญมี ที่ใจ •.><((((º>

ทางวัดจึงยังต้องการปัจจัยเพิ่มอีกมาก
เม็ดเงินจำนวนน้อยนิดของเรามีค่ามากมายที่วัดนี้
มีเพื่อนบล็อกหลายคนหลังไมค์มา
เพื่อขอฝากเงินไปทำบุญด้วย
แต่ต้องขออภัยเพื่อนๆผู้มีจิตศรัทธาเป็นอย่างสูงนะคะ
จันทร์ไพลินไม่สะดวกเลยค่ะ
จึงกราบเรียนหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัด
เพื่อขอหมายเลขบัญชีมาให้เพื่อน
และผู้ที่เดินทางผ่านไปมาทางบล็อกของเรา
ได้ร่วมบริจาคตามกำลังศรัทธานะคะ


พระปลัดสมจิตร จิตตปสาโท
เลขบัญชีออมทรัพย์ 104-0-20769-3
ธนาคารกรุงไทยจำกัด สาขา เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา



การร่วมกันอนุโมทนา เป็นเสมือนการไล่จุดเทียน ที่มาแห่งแสงสว่าง
ยิ่งทำบ่อยทำมากก็ยิ่งได้มาก ใจที่เลื่อมใสในกุศลก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น
พวกเราญาติธรรมทั้งหลาย ที่ล้วนมุ่งในศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนา
จักพึงสำรวมในศีล กาย วาจา และใจ ให้พร้อมบริบูรณ์
แลได้ร่วมกันโมทนาตามกำลังและวาสนาแห่งตนแล้วไซร้
ด้วยจิตที่คิดดีแล้ว...ขอให้เป็นมหากุศล ถึงแก่พวกเราทั้งหลาย
ที่อยู่ในวัฏสงสารและทะเลแห่งทุกข์ จักเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย
ตนเองและครอบครัวปลอดภัยจากราชภัยทั้งปวง เป็นผู้พ้นจากความ"ไม่มี"
ประสพความสำเร็จในการประกอบอาชีพเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป
สำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ก็ขอให้ได้ดวงแก้ว
ขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้ทันองค์พระศร๊อารย์ นิพานะปัจจโญโหตุ

<º))))><.•บุญมี ที่ใจ •.><((((º>

"คลิกดู รายละเเอียดวัดเจ้าแปดทรงไตรย์"







 

Create Date : 22 ตุลาคม 2551    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 22:23:36 น.
Counter : 481 Pageviews.  

การทอดกฐินและอานิสงส์


อาจจะยาวไปสักหน่อยนะคะ พยายามคัดลอกแต่ที่คิดว่าน่ารู้มาให้อ่านกัน




ใกล้จะถึงกาลกฐินแล้ว
จึงขอยกบทความจากที่ต่างๆนำมารวมไว้ให้เพื่อนได้อ่าน
เพิ่มพูนความรู้และความศรัทธา
ท่านที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการทอดกฐินชัดแจ้งแล้ว
ก็ถือเสียว่าทบทวนความจำ หรือย้ำเตือนกันก็แล้วกันนะคะ
"ทุกลมหายใจเข้าออก ของนักสร้างบารมี
คือ บุญที่มุ่งมั่นสั่งสม ให้เป็นเสบียงเดินทางข้ามสังสารวัฏ
ดังนั้นบุญทุกอย่าง
จึงต้องเป็นทางมาแห่งมหากุศล ที่พร้อมใจกันทำเป็นหมู่คณะ
ถูกหลักวิชชา และถูกเนื้อนาบุญ อันประเสริฐ
เพื่อย่นย่อระยะทาง ในการไปสู่เป้าหมาย คือที่สุดแห่งธรรม"






จากwww.kalyanamitra
"บุญกฐิน" นับเป็นหนึ่งในบุญใหญ่ประจำปีที่ทุกคนเฝ้ารอคอย
ดังจะเห็นได้จากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ตั้งแต่ต้นปี มีหลายท่านขอจองทำบุญกฐินล่วงหน้า
บางท่าน ๑ ปี บางท่าน ๒ ปี และมีบางท่าน ขอทำบุญกฐินล่วงหน้าถึง ๑๐ ปี
จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า บุญกฐิน เป็นบุญใหญ่
ที่ใครๆ ล้วนปรารถนา หวังจะได้เป็น ประธานกอง สักครั้งในชีวิต
นำมาซึ่งความปลื้มใจ สู่ผู้เป็นเจ้าของบุญไป อีกนานแสนนาน
บุญกฐินจึงเป็นประวัติศาสตร์การ สร้างบารมี อันงดงาม ที่ควรแก่การจด จารจารึก
ซึ่งหากได้มีโอกาส ไปเยี่ยมชม บ้านผู้มีบุญหลายท่าน
จะสังเกตได้ว่า มักจะมีภาพหนึ่ง ถูกขยายใส่กรอบสวยงาม
แสดงถึงความปีติ ภาคภูมิใจในบุญใหญ่
นั่นคือ ภาพที่ท่านเหล่านั้น ได้ประคอง ผ้าไตร
ด้วยสีหน้า และรอยยิ้ม ที่เปี่ยมสุข
และในปีนี้ภาพดังกล่าว ได้เวียนมาบรรจบ ให้ชื่นใจกันอีกครั้ง

กฐินทาน มีความพิเศษ แตกต่าง จากการทำทานอย่างอื่น
ตรงที่ทาน อย่างอื่น ทายกทายิกา เป็นผู้ทูลขอถวาย
แต่กฐินทานถือ เป็นพระบรมพุทธานุญาตโดยตรง
เป็นมหากุศล ที่ทำได้ยาก เพราะปีหนึ่งทำได้เพียง ครั้งเดียวเท่านั้น
อีกทั้งยังเป็น บุญใหญ่ที่ทั้งผู้ให้ และผู้รับ ได้บุญด้วยกัน ทั้งสองฝ่าย
มีอานิสงส์ ทบเท่าทับทวี ผู้มีปัญญาสว่างไสว จึงไม่ยอมพลาดโอกาสสำคัญ
ที่จะรับเป็นประธาน กองกฐินประจำปีนี้

การถวายผ้าไตร มีอานิสงส์อย่างจะนับจะประมาณมิได้ ดังเช่น
เรื่องราว ที่บันทึกไว้ ในพระไตรปิฎก
ผู้ถวายผ้าไตรจีวร แด่สงฆ์ด้วยจิต เลื่อมใส
อานิสงส์ย่อมส่งผลให้เสวยผลบุญ อยู่แต่ในสุคติภูมิไปทุกภพทุกชาติ
หากเป็นผู้ชายภพชาติสุดท้ายจะได้มีสิทธิบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา
คือพระพุทธเจ้าทรงบวชให้และมีผ้าไตรจีวรเกิดทันเองไม่ต้องไปหา
หากเป็นหญิงก็จะได้ชุดลดามหาปสาธ

จึงขอกราบ อนุโมทนาบุญ กับผู้มีหัวใจได้สร้าง มหาทานบารมี ในครั้งนี้ จะยังคงงดงาม ในดวงใจ ผู้คนไปอีก นานนับพันปี ให้อนุชน คนรุ่นหลังได้ยึดถือ เป็นแบบอย่าง

ว่าครั้งหนึ่ง... เคยมียุคสมัย ของผู้คนที่สร้าง ความดีกันอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง อาจหาญ ร่าเริงในการสร้างบุญ เฉกเช่นสมัยพุทธกาล
-+-+-+-+-+-+-+-


ต่อไปขอยกตัวอย่างคำเทศน์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ท่านได้พูดถึงเรื่องการทอดกฐิน ผ้าป่าไว้ดังนี้


"ความจริง ผ้าป่า กับกฐิน เป็น สังฆทาน ด้วยกันทั้งคู่
แต่ทว่าอานิสงส์การทอดกฐิน ได้มากกว่าเพราะกฐินมีเวลาจำกัด
จะทอดตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒
แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้
พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท
พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมมุตตระ
ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นมหาทุกขตะคำว่ามหาทุกขตะนี้จนมาก(เรื่องนี้รายละเอียดอยู่ด้านล่างค่ะ)
เป็นทาสของท่านคหบดี ท่านเอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ของตนนำไปแลกกับด้ายหนึ่งกลุ่ม เข็มหนึ่งเล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย
เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า
การทอดกฐินครั้งหนึ่ง จะปรารถนาพุทธภูมิ ก็ได้
จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้
แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดอานิสงส์จะให้ผลท่านผู้นั้น
เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา
แล้วลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๕๐๐ ชาติ
เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ
เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็น คหบดี ๕๐๐ ชาติ
แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วมในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันจะหมดกก็ปรากฏว่าท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน

ส่วน ผ้าป่า ก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง
แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่า
ผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผู้รับมีอานิสงส์แต่เพียงแค่ใช้
เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า
แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง
ผู้ถาม องค์กฐิน ที่แท้จริง เป็นอย่างไรคะ........?
หลวงพ่อ องค์กฐิน จริง ๆ คือผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลา กรานกฐินจริง ๆ เรากรานได้แต่ผ้า
การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จะถวายทั้งไตรก็ได้ ถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดนี้ (วัดท่าซุง) จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคนได้อานิสงส์เท่ากันหมด"
-+-+-+-+-+-+-+-




อานิสงส์การทอดกฐิน และตำนานกล่าวไว้ว่า

อานิสงส์ในภพนี้

๑. ได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาไว้ ให้ดำรงค์เสถียรภาพอยู่ตลอดกาลนาน

๒. ได้เพิ่มกำลังกายใจให้แก่พระสงฆ์ผู้เป็นศาสนทายาท สืบอายุพระพุทธศาสนาต่อไป

๓. ได้ถวายอุปการะ อุปถัมภ์บำรุงแก่พระภิกษุสามเณรเป็นมหากุศลอันสำคัญยิ่ง

๔. ได้สร้างต้นเหตุของความสุขไว้

๕. ได้สร้างรากเหง้าแห่งสมบัติทั้งหลายไว้

๖. ได้สร้างเสบียงสำหรับเดินทางอันกันดาลในวัฏฏสงสารไว้

๗. ได้สร้างเกาะสร้างที่พึ่งที่อาศัยอันเกษมแก่ตัวเอง

๘. ได้สร้างเครื่องยึดเหนี่ยวแห่งใจไว้

๙. ได้สร้างเครื่องช่วยให้พ้นจากความทุกข์นานาประการ

๑๐. ได้สร้างกำลังใจอันยิ่งใหญ่ไว้ เพื่อเตรียมตัวก่อนตาย

๑๑. ได้จำกัดมลทินคือ มัจฉริยะออกไปจากขันธสันดาน

๑๒. ได้บำเพ็ญสิริมงคลให้แก่ตน

๑๓. ได้สร้างสมบัติทิพย์ไว้ให้แก่ตน

๑๔. เป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนทั้งหลาย

๑๕. มีจิตใจผ่องใสเบิกบาน

๑๖. ได้บริจาคทานทั้งสองอย่างควบกันไปคือ อามิสทาน และธรรมทาน

๑๗. ให้ได้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ เป็นทาน

๑๘. ได้ฝังทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา คือทำทรัพย์ภายนอกให้เป็นทรัพย์ภายใน ซึ่งเรียกว่าอริยทรัพย์ คือทรัพย์อันประเสริฐ ๗ ประการ ได้แก่ ศรัทธา ศีล หิริ โอตัปปะ เสตะ จาคะ ปัญญา

๑๙. ชื่อว่ายึดถือไว้ได้ซึ่งประโยชน์ ๒ คือ ประโยชน์ภพนี้ ๑ ประโยชน์ภพหน้า ๑


อานิสงส์ในภพหน้า

๑. อทฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค เป็นคนมั่งคั่งสมบูรณ์มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก

๒. อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก เป็นคนสวยน่าดู น่าเลื่อมใส

๓. สสฺสุสา มีบุตรภรรยา บ่าวไพร่ เป็นคนว่าง่ายสอนง่าย

๔. อตฺถ ปริปุรา มีประโยชน์เต็มเปี่ยมในเวลาจะตายและตายไปแล้ว

๕.ได้ประสบพบเห็นแต่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ล้วนแต่ดีๆ

๖. โภคาภโย ไม่มีภัยแก่โภคทรัพย์

๗. กิตฺติสทฺโท มีชื่อเสียงดี

๘. สุคติปรายโน มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

๙. เป็นพลวปัจจัยให้ได้สมบัติ ๓ ประการคือ มนุษย์สมบัติ ๑ สวรรค์สมบัติ ๑ นิพพานสมบัติ



ยกตัวอย่าง ตำนานเรื่องติณณบาลเทพบุตร

มี เรื่องเล่าว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ ครั้งพระศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า บุรุษชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งเป็นคนเข็ญใจไร้ที่พึ่ง ไปอาศัยสิริธรรมเศรษฐีผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์ นับได้ 80 โกฏิ โดยยอมตนเป็นคนรับใช้ อาศัยอยู่กินหลับนอนในบ้านท่านเศรษฐี ๆ ถามว่า "เธอมีความรู้อะไรบ้าง?" เขาตอบอย่างอ่อนน้อมว่า "กระผมไม่มีความรู้เลยขอรับ" ท่านเศรษฐีจึงถามว่า "ถ้าอย่างนั้นเธอจะรักษาไร่หญ้าให้เราได้ไหม? เราจะให้อาหารวันละหม้อ" เพราะความที่เขายากจน บุรุษนั้นจึงตอบตกลงทันที แล้วก็เข้าประจำหน้าที่ของตน และมีชื่อว่า ติณบาล เพราะรักษาหญ้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป

วันหนึ่งเป็นวันว่างงาน เขาจึงคิดว่า "ตัวเรานี้เป็นคนยากจนเช่นนี้เพราะไม่เคยทำบุญอันใดไว้ในชาติก่อนเลย มาชาตินี้จึงตกอยู่ในฐานะผู้รับใช้คนอื่นไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีสมบัติติดตัวแม้แต่น้อย" เมื่อคิดดังนี้แล้วเขาจึงแบ่งอาหารที่ท่านเศรษฐีให้ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งถวายแก่พระสงฆ์ผู้เที่ยวบิณฑบาต อีกส่วนหนึ่งเอาไว้สำหรับตนเองรับประทาน ด้วยเดชกุศลผลบุญอันนั้น ทำให้ท่านเศรษฐีเกิดสงสารเขา แล้วให้อาหารเพิ่มอีกเป็น 2 ส่วน เขาได้แบ่งอาหารเป็น 3 ส่วน ถวายแก่พระสงฆ์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งให้แก่คนจนทั้งหลาย ส่วนที่สามเอาไว้บริโภคสำหรับตนเอง เขาทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลาช้านาน

ต่อมาเป็นวันออกพรรษา เหล่าชนผู้มีศรัทธาต่างพากันทำบุญกฐินเป็นการใหญ่ แม้ท่านเศรษฐีผู้เป็นนายของเขาก็เตรียมจะถวายกฐิน จึงประกาศให้ประชาชนทั้งหลายทราบโดยทั่วกันว่า สิริธรรมเศรษฐีจะได้ทำบุญกฐิน เมื่อติณบาลได้ยินก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นในใจทันทีว่า กฐินทานนี้แหละจะเป็นทานอันประเสริฐ เขาเข้าไปหาท่านเศรษฐีแล้วถามว่า "กฐินทานมีอานิสงฆ์อย่างไรบ้าง?" เศรษฐีตอบว่า "มีอานิสงฆ์มากมายหนักหนาสมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสโถมนาการ สรรเสริญว่าเป็นทานอันประเสริฐ"

เมื่อเขาได้ทราบดังนี้แล้ว ก็มีความโสมนัสปลาบปลื้มเป็นอันมาก จึงพูดกับเศรษฐีว่า "ผมมีความประสงค์ที่จะร่วมอนุโมทนาในการบำเพ็ญทานครั้งนี้ด้วย ท่านจะเริ่มงานเมื่อไรขอรับ?" ท่านเศรษฐีตอบว่า "เราจะเริ่มงานเมื่องครบ 7 วัน นับจากวันนี้ไป" ติณบาลได้ฟังดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก ได้กลับไปยังที่อยู่ของตน แล้วเกิคความคิดว่า เราไม่มีอะไรเลยแม้ผ้าผืนเดียว เราจะทำบุญร่วมกับท่านเศรษฐีได้อย่างไร เขาครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ยิ่งคิดไปก็ยิ่งอัดอั้นตันปัญญา หาสิ่งที่จะร่วมอนุโมทนากฐินกับท่านเศรษฐีไม่ได้ ในที่สุดเขาได้เปลื้องผ้านุ่งของตนออกพับให้ดี แล้วเย็บใบไม้นุ่งแทน แล้วเอาผ้านั้นไปเร่ขายในตลาด ชาว ตลาดทั้งหลายเห็นอาการเช่นนั้น ก็พากันหัวเราะกันออกลั่นไปเขาชูมือขึ้นแถลงว่า "ท่านทั้งหลายหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ายากจนไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าจะนุ่งผ้าทิพย์" ครั้นพูดชี้แจงแก่ประชาชนชาวตลาดดังนี้แล้ว เขาได้ออกเดินเร่ขายผ้าเรื่อยไป ในที่สุด เขาได้ขายผ้านั้นในราคา 5 มาสก (1 บาท) แล้วนำไปมอบให้ท่านเศรษฐีๆ ได้ใช้ซื้อด้ายสำหรับเย็บไตรจีวร ในกาลครั้งนั้นได้เกิดโกลาหลทั่วไปในหมู่ชน ตลอดถึงเทวดาในฉกามาพจรสวรรค์

ฝ่ายพระเจ้าพาราณสีทรงทราบเหตุ จึงรับสั่งให้นำติณบาลเข้าเฝ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าเฝ้าเพราะละอาย พระองค์จึงได้ตรัสถามความเป็นไปของเขาโดยตลอดแล้ว ทรงให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่เขา นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเรือน ทรัพย์สมบัติ ช้าง ม้า วัว ควาย ทาสี ทาสา เป็นอันมากแล้วโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีในเมืองพาราณสี มีชื่อว่า ติณบาลเศรษฐี จำเดิมแต่บัดนั้นเป็นไป

ครั้งต่อกาลนานมา ติณบาลเศรษฐีเมื่อดำรงชีวิตอยู่พอสมควรแก่อายุขัยแล้ว ก็ตายไปเกิดเป็นเทพบุตรในดาวดึงส์พิภพ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานแก้ว สูงได้ 5 โยชน์ มีนางเทพอัปสรหมื่นหนึ่งเป็นบริวาร ส่วนสิริธรรมเศรษฐี ครั้นตายจากโลกมนุษย์แล้วได้ไปเกิดในดาวดึงส์สวรรค์ มีนางฟ้าเป็นบริวาร เช่นเดียวกันกับติณบาลเศรษฐี

พระภิกษุญาณสํวโร วัดสันมะเหม้า





"(19 ตุลาคมเชิญชวนไปทอดกฐินที่วัดนี้ค่ะ วัดจะได้มีเงินซ่อมหลังคาโบสถ์และสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม)" คลิกเลย






 

Create Date : 12 ตุลาคม 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 9:44:09 น.
Counter : 607 Pageviews.  

บุญ มีที่ใจ







อยู่มาวันหนึ่ง บ่ายวันนั้นเราไปไกลถึงอำเภอเสนา อยุธยา
ผ่านไปเห็นชื่อวัดนี้เข้า"วัดเจ้าแปดทรงไตรย์"
ชื่อแปลกดี นึกอยากเข้าไปเที่ยวชม กะจะถ่ายรูปสักหน่อย เผื่อจะสวย
แล้วเหตุก็เกิด เมื่อได้สนทนาสั้นๆกับพระภิกษุรูปหนึ่ง
แล้วศรัทธาก็เกิดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

.....^_______^.....

ยิ่งเมื่อได้เห็นโบสถ์โบราณหลังนั้น รู้สึกเสียดายความงดงาม
แบบไร้จริตมารยา ยิ่งได้ไปเห็นจารึกชื่อของผู้มีจิตศรัทธาในสมัยนั้น
จารไว้ด้วยดินสอพองบนบานประตูและหน้าต่างทุกๆบานในโบสถ์หลังนั้น

.....^_______^.....

อาคารที่ไม่ได้ใช้งานได้เพราะกระเบื้องมุงหลังคาผุกร่อนไปทั้งหลัง

.....^_______^.....

วัดไม่มีเงินซ่อมแซม...
ทั้งโครงการเก่าเดิมก็ยังไปไม่ถึงไหน(เจดีย์ธรรมสถาน)
เพราะทางวัดต้องการแปรเปลี่ยนให้เป็นวัดสำหรับปฏิบัติธรรม

















































๑๐





๑๑






๑๒






๑๓





๑๔





๑๕





๑๖





๑๗





๑๘





๑๙





๒๐











free hit counter html





 

Create Date : 28 กันยายน 2551    
Last Update : 16 เมษายน 2552 19:39:47 น.
Counter : 1056 Pageviews.  

1  2  3  4  

จันทร์ไพลิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




********
********


ขอขอบคุณcodeและรูปสวยๆ
กรอบและlineน่ารักมากมาย
จาก
คุณ Kungguenter,
คุณLosocat,
คุณยายกุ๊กไก่,
และป้าเก๋า ชมพรค่ะ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จันทร์ไพลิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.