Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 
อยากเพิ่มน้ำหนัก ทำอย่างไรดี?

คุณกฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหาร
คุณสมพัฒน์ จำรัสโรมรัน ที่ปรึกษาด้านการออกกำลังกาย

“คุณจิ๊บ” รู้สึกว่าตนเองผอมเกินไป และยอมรับว่าตนเอง รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ถ้าไม่หิวก็จะไม่กินเลย คุณจิ๊บมีลูก 1 คน อายุ 2 ปี และวุ่นวายกับการเลี้ยงลูกพอสมควร มีหลายครั้งที่สามีของเธอไม่กลับมารับประทานข้าวที่บ้าน เธอจึงไม่ทำอาหารให้ตนเอง และจะไม่รับประทานอะไรด้วย บางครั้งรู้สึกหมดแรงที่จะเลี้ยงลูก ขณะนี้คุณจิ๊บสูง 163 เซนติเมตร หนัก 43 กิโลกรัม จึงมาปรึกษาเพื่ออยากเพิ่มน้ำหนักตัวให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

อ้วนเกินไป ... เป็นปัญหา แต่ผอมเกินไป ... เป็นปัญหาด้วยหรือ? อาจจะเป็นได้ โดยเฉพาะถ้าความผอมมาจากการได้รับอาหารน้อยเกินไป

การรับประทานอาหารน้อยเกินไป โดยได้รับพลังงานไม่เพียงพอ กับความต้องการ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม จนอาจทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หงุดหงิด และไม่มีสมาธิ เมื่อใดที่ร่างกายติดเชื้อโรคก็จะไม่สบายง่ายหายยาก เพราะมีสารอาหารที่ต่อต้านเชื้อโรคเพิ่มภูมิคุ้มกันไม่พอ

สำหรับบางคนนั้น การเพิ่มน้ำหนักเป็นสิ่งที่ยากพอๆ กับผู้อื่นที่ต้องการลดน้ำหนักเลยทีเดียว

จากน้ำหนักและส่วนสูงของคุณจิ๊บ มีดัชนีมวลกายที่ 16 กิโลกรัม / เมตร2 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มน้ำหนักตัวน้อย (ค่าปกติคือ 18-23 กิโลกรัม / เมตร2 สำหรับคนเอเชีย)

คุณจิ๊บรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และไม่สม่ำเสมอทุกมื้อ จึงมีภาวะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารสูงวิธีเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปนั้นคงจะเป็นที่รู้กันดี ก็คือต้องกินให้ได้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายใช้ไป พลังงานที่ได้รับควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็น junk food ที่ให้สารอาหารต่ำ

“วิธีเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป คือต้องกินให้ได้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายใช้ไป พลังงานที่ได้รับควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็น junk food ที่ให้สารอาหารต่ำ”

การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ควรเลือกอาหารให้หลากหลายจากทุกหมวดหมู่
จะทำให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องเน้นว่าเป็นอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง อาจเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงที่ไม่ต้องกินในปริมาณมากๆ เช่น

ผลไม้แห้ง ผลไม้แช่อิ่ม ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด เนยถั่ว งา เป็นต้น หรืออาจใช้วิธีเติมนมผงลงในซุป น้ำสลัดข้น หรือแกงก็ได้เพื่อเพิ่มแคลอรี รับประทานอาหารทอด หรือผัดมันได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือควรใช้น้ำมันพืชเวลาประกอบอาหาร เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดจากโคเลสเตอรอล


วิธีเพิ่มน้ำหนักอื่นๆ ที่คุณอาจลอง ได้แก่
• ดื่มน้ำผลไม้ นม หรือน้ำปั่น มิลค์เชค (ไอศกรีมปั่นกับนม) แทนชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่อยากทำอาหารให้ตนเอง อาจใช้วิธีดื่มเป็นน้ำผลไม้ปั่นกับโยเกิร์ต นม หรือแม้กระทั่งไอศกรีมก็ได้

• รับประทานอาหารมื้อย่อยๆ เพิ่มขึ้น การทำเช่นนี้จะทำให้ได้รับสารอาหาร
ได้ง่ายกว่าที่จะรับประทานอาหารเป็นมื้อใหญ่ๆ 3 มื้อ

• ดื่มน้ำหลังอาหาร 30 นาที การจำกัดน้ำขณะรับประทานอาหารจะทำให้รับอาหารได้มากขึ้น

• เอนจอยอาหารมื้อดึก

• อาจลองดื่มอาหารเสริมสำเร็จรูปที่เอามาชงกับน้ำหรือน้ำผลไม้ก็ได้ ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือนักกำหนดอาหาร เพื่อเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมกับความต้องการ

บางคนอาจไม่มีความรู้สึกหิวเลย ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า ความเครียด ความซึมเศร้า ยาบางชนิด อากาศร้อนจัด หรือหลายๆ สาเหตุรวมกันซึ่งส่งผลไปที่สมองส่วนรับรู้ถึงความหิว และสมองส่วนนี้จะส่งสัญญาณว่า “ไม่หิว” ทั้งๆ ที่ถึงเวลาที่คุณควรจะหิวแล้ว

ดังนั้นแม้ไม่หิวก็ต้องลองรับประทานให้ตรงเวลามื้ออาหาร อาจจะเริ่มจากอาหารปริมาณน้อยๆ ก่อน เมื่อร่างกายคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารตรงเวลามากขึ้นค่อยปรับเพิ่มปริมาณอาหารมากขึ้น

คุณจิ๊บเหนื่อยล้า และมีความเครียดในการเลี้ยงดูลูกเล็ก และอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย จึงอยากแนะนำให้จัดการกับภาวะต่างๆ เหล่านี้ อาจหาญาติพี่น้องมาช่วยดูแลลูกบ้าง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เมื่อรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ดี ก็จะทำให้มีความสุขกับการรับประทานอาหาร และจะรับอาหารได้มากขึ้น และอาจลองวิธีเรียกน้ำย่อยต่อไปนี้
• เลือกอาหารที่มีสีสัน กลิ่นหอม น่ารับประทาน

• ดื่มไวน์ 1 แก้ว ก่อนอาหาร แอลกอฮอล์มักช่วยเรียกน้ำย่อย (แต่ถ้าใครไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ต้องเริ่มเลย เลี่ยงวิธีนี้ก็ได้ค่ะ)

• ชวนเพื่อนฝูงมารับประทานอาหารที่บ้านด้วยกัน การรับประทานร่วมกับผู้อื่น มักทำให้การรับประทานนั้นสนุกและรับประทานได้มากขึ้น

• ซื้ออาหารที่ชอบมาเก็บไว้ที่บ้าน สำหรับมื้ออาหารปกติหรือมื้อว่าง

• เปลี่ยนบรรยากาศไปรับประทานอาหารที่อื่นของบ้าน เช่น ปูเสื่อที่สนาม ทำเป็นปิกนิคกับลูก หรือเปลี่ยนไปนั่งรับประทานอาหารในห้องรับแขก บางครั้งการเปลี่ยนสถานที่อาจช่วยได้บ้าง

• ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ้าง เช่น เลือกร้านอาหารที่มีบริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก็เรียกน้ำย่อยได้ดีไม่เบา

• พาลูกออกไปเดินเล่นก่อนมื้ออาหาร จะช่วยเรียกน้ำย่อยได้

• ตั้งเวลานาฬิกา เพื่อเตือนว่าถึงเวลาของมื้ออาหารแล้ว

• มื้ออาหารควรเป็นบรรยากาศที่สบาย เลี่ยงการสนทนาในเรื่องที่อาจเกิดการทะเลาะกันได้ โดยเฉพาะถ้าความเครียดเป็นปัญหาของคุณอยู่แล้ว

• เมื่อใดที่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง

จากน้ำหนักตัวคุณจิ๊บควรได้รับพลังงานวันละ 1,700-1,800 แคลอรี เพื่อให้เพิ่มน้ำหนัก ตัวอย่างเมนู 1,800 แคลอรี

เช้า
ขนมปัง 2 แผ่น,ทาเนยถั่ว หรือเนยงาดำ 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำผลไม้ 1 กล่อง

ว่างเช้า
น้ำเต้าหู้ ใส่งาดำบด 1 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำผลไม้-โยเกิร์ตปั่น (smoothie) 1 แก้ว

กลางวัน
ข้าวผัดหมู 1 จาน หรือสปาเกตตี้ผัดฉ่าทะเล, น้ำผลไม้ปั่น หรือ นมเย็น 1 แก้ว

ว่างบ่าย
อาหารเสริมชงกับน้ำ 1 แก้ว (เช่น ไอโซคาล นูเทรน เป็นต้น)หรือถั่ว 1 กำมือ

เย็น
ข้าว 2 ทัพพี ,ปลาทอด 1 ชิ้น, ต้มยำกุ้งน้ำข้น, ผลไม้ 1 จาน ถ้าไม่อยากรับประทานให้ชงอาหารเสริม หรือทำน้ำปั่นดื่มแทน

คาดว่าถ้าคุณจิ๊บหาวิธีจัดการกับความเครียดของตน และรับประทานอาหารตามที่แนะนำไปอาจรับประทานอาหารเสริมร่วมด้วย จะทำให้คุณจิ๊บมีแรงเลี้ยงลูก มีกำลังใจที่ดี และสนุกกับชีวิตและกับการรับประทานอาหารอย่างแน่นอน ในโปรแกรมเดียวกันนี้คุณจิ๊บก็จำเป็นต้องเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและถูกต้อง

จุดประสงค์ของการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว (lean body mass) ดังนั้นการออกกำลังกายจะเน้น resistance training เป็นหลัก คือการใช้อุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ที่มีน้ำหนักให้เกิดแรงต้าน เช่น ดัมเบลล์ บาร์เบลล์ต่างๆ ส่วนการออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะไม่เน้นมากในการเพิ่มน้ำหนัก ขอแนะนำว่าถ้าจะได้ผลในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้ออย่างเห็นได้ชัด อาจเข้าฟิตเนสที่มีผู้ให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์สำหรับ resistance training สำหรับแต่ละส่วนของร่างกาย

โปรแกรมการออกกำลังกาย :

Warm-up :
• เริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายโดยการเดิน หรือเดินเร็ว ประมาณ 5-10 นาที
• ตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อมัดหลักๆ หรือส่วนที่จะใช้ในการออกกำลังกายต่อไป โดยแต่ละส่วนให้ทำการยืดค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที
• หรืออาจจะใช้วิธีการยกน้ำหนักเบาๆ ออกกำลังกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ส่วนละประมาณ 12-15 ครั้งต่อเซต ไม่เกิน 2 เซต

Resistance Training :
• ควรเริ่มออกกำลังทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดหลัก โดยเริ่มจากกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปหามัดเล็ก โดยเริ่มจากกลุ่มของกล้ามเนื้อขา หลัง อก ท้อง และแขน
• น้ำหนักที่ใช้ควรจะสามารถยกได้เต็มที่ 10-12 ครั้ง ในหนึ่งเซต
• ยก 2-3 เซต ในแต่ละท่า
• โดยในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อสามารถออกกำลังกายได้ 2 ท่า
• ในแต่ละครั้งที่ออกกำลังกายให้ใช้อุปกรณ์ หรือท่าออกกำลังกายประมาณ 8-10 ท่า
• ควรจะต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์

Cool-down :
• เน้นการยืดกล้ามเนื้อในส่วนที่ใช้ในการออกกำลังกายเป็นหลัก
• โดยทำการยืดค้างไว้ 15 -45 วินาที ในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อ



Create Date : 04 สิงหาคม 2551
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 14:42:48 น. 0 comments
Counter : 289 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.