Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

“การดูแลสุขภาพ : ห่างไกลโรคข้อ - ปวดคอ ปวดหลัง และการปวดกล้ามเนื้อจากการทำงาน”

โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์เสก อักษรานุเคราะห์
ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย
ณ ห้องประชุมอาคาร 3 ชั้น 7
รุ่นที่ 1 วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2548
รุ่นที่ 2 วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2548
ระหว่างเวลา 8.45 - 12.00 น.
ในสภาวะปกติ กระดูกคนเราจะมีทั้งการสร้างและการทำลายเนื้อกระดูกพร้อม ๆ กันไปตลอดเวลา โดยที่อัตราการสร้างและการทำลายนี้จะมีพอ ๆ กัน จึงอยู่ในสมดุล และในสภาวะบางอย่างจะมีการกระตุ้นให้มีการทำลายเนื้อกระดูกมากขึ้นโดยที่การสร้างจะน้อยลง ก็จะเป็นปัจจัยให้กระดูกบางโดยเฉพาะในคนสูงอายุ จนสุดท้ายกระดูกนั้นจะหักง่าย ๆ ทรุดง่าย ๆ จุดที่พบได้บ่อยคือ ที่ข้อมือ สะโพก และกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลัง ประกอบด้วย กระดูกคอ ทรวงอก เอว และ ก้นกบ เรียงต่อกันจากคอลงมาถึงก้น
มีลักษณะแอ่น(คอ) โค้ง(ทรวงอก) แอ่น(เอว) โค้ง(ก้นกบ) ตามลำดับ หักลบกันแล้วจะเป็นเส้นตรง
1. กระดูกคอ เคลื่อนไหวได้ทุกทิศ คือ ก้ม เงย ตะแคงซ้าย ขวา หมุนซ้าย ขวา จึงทำให้สึกหรอและปวดได้ง่ายกว่าที่อื่น สาเหตุที่ทำให้คอสึก คือ การนั่ง นอน ทำงาน ในท่าที่ไม่ถูกต้อง
2. กระดูกทรวงอก เคลื่อนไหวก้มไม่ได้ ได้แต่เอนกับหมุนบิดซ้ายขวา จึงไม่ค่อยเสื่อม
3. กระดูกเอว เคลื่อนไหวได้มาก คือ ก้ม และ เงย
หมอนรองกระดูก
มีลักษณะประกบกันเฉย ๆ โดยมีตัวยึด 4 จุด ตัวที่ยึดนี้เรียกว่า ข้อ ตรงกลางหมอนรองกระดูกเป็นศูนย์รวมประสาท เส้นประสาทจะโผล่ออกมาตามข้อเพื่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หมอนรองกระดูกจะสึกไปเรื่อย ๆ ตามอายุ ถ้าตลอดชีวิตสึก 4 ซม. ถือว่าปกติ เช่นสูง 170 พอแก่อายุ 70-80 ปี
ความสูงลดลงเหลือ 166 ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ถ้าเตี้ยลงปีละ 1 ซม. ถือว่าเป็นโรคกระดูกผุ
หญิงวัย 55 ปีขึ้นไป กระดูกจะทรุดลงตามธรรมชาติ ตัวก็จะเตี้ยลง และพุงยื่น
เส้นประสาทคอ
มี 8 คู่ ถ้าเกิดกระดูกคอเสื่อมจะเป็นต้นเหตุของอาการปวดตามที่ต่าง ๆ โดยคู่ที่ 1 จะไปที่หัว
คู่ที่ 2 หลังหู กระบอกตา ขมับ คู่ที่ 3 ต้นคอ คู่ที่ 4 สะบัก คู่ที่ 5 บ่าและไหล่ คู่ที่ 6 ต้นแขน
คู่ที่ 7 ปลายแขน และคู่ที่ 8 มือ
เส้นประสาทเอว
มี 5 คู่ คือ คู่ที่ 1 เอว คู่ที่ 2 โคนขา คู่ที่ 3 หัวเข่า คู่ที่ 4 น่อง และคู่ที่ 5 เท้า
การปรับปรุงท่าทางในกิจวัตรประจำวัน
ท่านอน ต้องเหมือนกับคนยืนตรง เวลานอนให้ใช้หมอนหนุนคอ จงจำไว้หมอนมีไว้หนุนคอ
ไม่ใช่หนุนหัว หมอนที่ดีมีลักษณะตรงกลางบางกว่าซ้ายและขวา หากไม่มีหมอนจะใช้ผ้าขนหนูม้วนเป็นแท่ง แล้วรองหนุนคอให้พอดีก็ได้
นอนหงาย การนอนหงายจะทำให้หลังแอ่น วิธีแก้ต้องงอสะโพกและเข่า โดยมีหมอนรองใต้โคนขา หลังจะแบบเรียบติดที่นอน
นอนตะแคง เป็นท่านอนที่ดีที่สุด หลังจะตรง นอนตะแคงข้างใดก็ได้โดยกอดหมอนข้างใบใหญ่ ขาล่างเหยียดตรง ขาบนงอก่ายบนหมอนข้าง
-2-
นอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ไม่ดี ห้ามนอนท่านี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่น ทำให้ปวดหลังระดับเอวมากขึ้น กระดูกเอวและคอเสื่อม สำหรับเด็กถ้าต้องการให้หัวทุย ให้เด็กนอนคว่ำได้ 3 เดือน หลังจากนั้นค่อยหัดให้เด็กนอนหงาย หัวก็ยังทุยอยู่
การลุกจากที่นอนและการลงนอน ห้ามสปริงตัวลุกขึ้นมาตรง ๆ เพราะหลังจะสึกมาก ควรปฏิบัติดังนี้
• ถ้านอนหงายอยู่ให้งอเข่าขึ้นมาก่อน
• ตะแคงตัวในขณะเข่ายังงออยู่
• ใช้ข้อศอกและมือยันตัวขึ้นในขณะที่ห้อยเท้าทั้ง 2 ข้าง ลงจากเตียง
• ดันตัวขึ้นมาในท่านั่งตรงได้ โดยให้เท้าวางราบบนพื้น
• ในท่าลงนอนให้ทำสวนกับข้างบนนี้
การดูโทรทัศน์ หรืออ่านหนังสือ ห้ามนอนดู TV หรือนอนอ่านหนังสือ เพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกคอสึก นั่งจะดีกว่า
การนั่ง
• ควรนั่งเข้าให้สุดที่รองก้น
• หลังพิงสนิทกับพนักพิง หลังจะตรง
• เท้าวางบนพื้นได้เต็มเท้า
• ส่วนสำคัญของเก้าอี้
– สูงพอดีเท้าวางราบบนพื้นได้
- ที่นั่ง รองรับจากก้นถึงใต้เข่า
- พนักพิง เริ่มจากที่นั่งสูงถึงระดับสะบัก โดยทำมุม 110 องศากับที่นั่งรองก้น
โต๊ะทำงาน ควรจะลาดเอียงเทเข้าหาตัว แบบโต๊ะสถาปนิก คอจะได้ไม่ต้องก้มอ่านหนังสือ
ท่านั่งคอมพิวเตอร์และพิมพ์ดีด จอคอมพิวเตอร์ควรตั้งอยู่ตรงระดับหน้าเหมือนที่ตั้งโน้ตดนตรีและอยู่สูงพอดีระดับตา จะได้มองตรง ๆ ได้ ห่างประมาณ 2-3 ฟุต มีแผ่นกรองแสง คีย์บอร์ดควรอยู่ระดับเอว หรืออยู่เหนือตักเล็กน้อย ไม่ควรวางคีย์บอร์ดบนโต๊ะเพราะต้องยกไหล่ ทำให้ปวดไหล่
ท่านั่งของผู้บริหาร เก้าอี้ส่วนใหญ่ของผู้บริหารจะเอนไปข้างหลังได้ จึงจำเป็นต้องก้มคออยู่เสมอ ทำให้เหมือนกับนอนหมอนสูง วิธีแก้ ควรให้พนักพิงสูงขึ้นไปจนรองรับศรีษะได้ และควรจะให้บริเวณต้นคอนูนกว่าส่วนอื่น เพื่อรองรับกระดูกต้นคอด้วย หรือมิฉะนั้นให้นั่งเก้าอี้ที่เอนไม่ได้จะดีกว่า ลุกจากที่นั่ง ให้เขยิบก้นออกมาครึ่งหนึ่ง ก้าวเท้าออกไป มือยันที่ท้าวแขน แล้วลุกขึ้น
นั่งขับรถยนต์
• เลื่อนที่นั่งให้ใกล้พวงมาลัย เมื่อเวลาเหยียบครัชเต็มที่ เข่าควรสูงกว่าสะโพก
• หลังควรมีหมอนรองถ้าที่นั่งลึกเกินไปและพนักพิงไม่ควรเอนเกิน 100 องศา
• ถ้าที่นั่งนุ่มและนั่งแล้วก้นจมลงในเบาะ ต้องมีเบาะเสริมก้นด้วย
• การเข้านั่งรถยนต์ ให้เปิดประตู หันหลังให้เบาะนั่ง ลงนั่งตรง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ หมุนตัวไปข้างหน้าพร้อมยกเท้าเข้ามาในรถทีละข้าง
• การลงจากรถยนต์ ให้ทำย้อนทาง
การดันหรือผลักรถ หันหลังใช้ก้นดัน
การฉุดลาก หันหลังให้วัตถุที่จะฉุดลาก
ไอจาม ห้ามก้มหลังขณะไอจามเด็ดขาด เพราะเวลาไอจามจะมีแรงกระแทกมาก ให้ยืดหลังให้ตรง ใช้มือหนึ่งกดหลังไว้ อีกมือหนึ่งปิดปาก แล้วค่อยไอ หรือจาม
แปรงฟัน ให้นั่งแปรง ห้ามก้มหลังแปรงฟัน
อาบน้ำ ให้นั่งอาบ เวลาถูขาให้ยกขาขึ้นมาถู โดยไม่ต้องก้ม
การยืนนาน ๆ ควรมีตั่งรองเท้า สูงประมาณครึ่งน่อง เพื่อยกเท้าขึ้นพักสลับข้างกัน ทั้งนี้เพราะเวลางอสะโพกและเข่า กระดูกสันหลังจะตั้งตรงไม่แอ่นหรืองอ ทำให้ยืนได้นานโดยไม่ปวดหลัง และช่วยพักขาเวลาเมื่อยขา เปลี่ยนสลับขาบนตั่งได้
ท่าบริหาร
เป็นการป้องกันไม่ให้กระดูกเสื่อมเร็ว โดยมีหลักการคือทำอย่างไรให้กล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งแรงเท่า ๆ กัน และออกแรงอย่างไรให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำท่าละ 10 รอบ ถ้าเกินจะทำให้กล้ามเนื้อเปลี้ย
มี 6 ท่า ดังนี้
1. กล้ามเนื้อหน้าท้อง
1.1 นอนหงาย งอเข่า 2 ข้าง มือสอดใต้คอ ยกหัวนิดนึงพร้อมเหยียดขาตรง นับ 1-5
1.2 นอนหงายขาซ้ายไขว่ห้าง มือสอดใต้คอ ยกข้อศอกและลำตัวขวาเข้าหาขาซ้ายที่
ไขว่ห้างอยู่ นับ 1-5 ทำทั้งซ้ายและขวา -3-
1.3 ยกขาลอยเหยียดตรง 1 ข้าง บิดสะโพก (ยักสะโพก) นับ 1-5 ทำทั้ง 2 ข้าง
1.4 ขมิบก้น นอนหงายกอดอก ขมิบก้นให้ก้นสูงขึ้นเล็กน้อย หลังแนบพื้น นับ 1-5
2. กล้ามเนื้อหลัง นอนหงายงอเข่า 2 ข้าง มือสอดใต้เข่า ดึงเข่าชิดหน้าอก นับ 1-5
3. กล้ามเนื้องอสะโพก ทำแบบท่ากล้ามเนื้อหลัง แต่งอเข่าข้างเดียว นับ 1-5 ทำทั้ง 2 ข้าง
4. กล้ามเนื้อเหยียดสะโพก นอนหงาย งอเข่าข้างหนึ่งไว้แล้วใช้ส้นเท้าอีกข้างหนึ่งกดเข่าที่งออยู่แล้วดันเอนมาจนชิดพื้น นับ 1-5 ทำสลับกัน
5. กล้ามเนื้อโคนขา นั่งกับพื้นงอเข่าข้างหนึ่ง ขาอีกข้างเหยียดตรง เอามือแตะปลายเท้าที่เหยียดตรง นับ 1-5 ทำทั้ง 2 ข้าง
6. กล้ามเนื้อน่อง ยืนหันหน้าเข้าหาโต๊ะ เอามือยันโต๊ะ งอเข่าหน้าไปข้างหน้า ขาหลังเหยียดตรง แอ่นตัวไปข้างหน้า นับ 1-5 ทำสลับข้าง
สรุปประเด็นสำคัญช่วงคำถามคำตอบ
ที่นอน ควรนุ่มพอควร เวลานอนไม่จมมาก จมแค่ 1-2 ซม. ควรเป็นที่นอนที่ใช้ใยกากมะพร้าวจะดีที่สุดเพราะโปร่ง อากาศผ่านได้ ราคาแพงประมาณ 8,000-10,000 บาท ยี่ห้อที่ดีเช่น สายรุ้ง ของศรีมหาราชา ปัจจุบัน ปิดกิจการ
เก้าอี้เหล็กไฟฟ้า ตัวละแสน เป็นกระแสแม่เหล็ก มีรังสีแม่เหล็ก เบต้า หรือแกรมม่า ทำให้เกิดมะเร็ง ใช้นวดกล้ามเนื้อไม่ได้ผล เป็นการหลอกลวง
สายไฟฟ้าแรงสูง คนที่อยู่ใต้ไฟฟ้าแรงสูงในรัศมี 60 เมตร มีสถิติเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดสูง ต้องเกิน 100 เมตร ขึ้นไปจึงจะปลอดภัย
การเล่นกอล์ฟ การบาดเจ็บจะเกิดจากการไดร์ฟ 99% อีก 1% บาดเจ็บจากสนาม การไดร์ฟกอล์ฟปกติไม่มีปัญหากับกระดูกสันหลัง แต่ถ้าไดร์ฟติดต่อกันโดยไม่หยุด เช่นมีเครื่องตั้งกอล์ฟ หรือบางราย
ตีโดนอิฐ ดิน ไหปลาร้าหักได้ คนที่ผ่าตัดกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทสามารถเล่นกอล์ฟได้โดยใส่เสื้อพิเศษป้องกัน คนที่ผ่าตัดหมอนรองกระดูกที่ต้นคอโดยเอากระดูกเชิงกรานมาต่อ ข้อกระดูกคอจะหายไป 1 ข้อ และเชื่อมกระดูกแล้ว สามารถออกกำลังกายได้
การเสื่อมของกระดูก จะเกิดขึ้นมากในขณะที่เราอยู่เฉย ๆ เช่น นอน นั่ง เพราะกินเวลานาน
แต่ถ้าเคลื่อนไหวการเสื่อมจะน้อยกว่าเพราะกินเวลาน้อย
โยคะ การฝึกโยคะมีผลดีต่อการฝึกลมหายใจและได้สมาธิ แต่ ไม่ถือเป็นการออกกำลังกาย และบางท่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เสี่ยงอันตรายต่อกระดูกเพราะเกินกว่าธรรมชาติ เช่น การทรงตัวบนพื้นด้วยศรีษะ การแอ่นหลัง ทำให้กระดูกหลังเสื่อมมาก -4-
ไท้เก๊ก เป็นการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจารย์เคยทำวิจัยเกี่ยวกับ ชี่กง (คือการออกกำลังกายตามมโนภาพ เช่น วาดมโนภาพว่ายกของหนัก น้ำหนักเท่าไรก็ได้แล้วแต่จะนึก) โดยใช้คน 30 คน เป็นเวลา 3 เดือน ได้ผลคือเหงื่อออกและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นมาก นอกจากนี้อาจารย์
มีโครงการจะทำวิจัยกับคนกลุ่มใหญ่ขึ้น โดยเน้นผลในเรื่องหัวใจ ความดันโลหิต และชีพจร
เก้าอี้ไฟฟ้านวดทั้งตัว ไม่มีประโยชน์เสียเงินเปล่า เพราะนวดทั้งตัว แต่เราต้องการเฉพาะจุด
และไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ แต่รักษาที่ปลายเหตุ เช่นเดียวกับบริการของหมอนวด นวดวันนี้สบาย พรุ่งนี้ปวดอีกแล้ว ควรรักษาที่ต้นเหตุด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
การดึงคอ คือการดึงเอ็นที่ยึดอยู่ให้ห่างออก คนที่ข้อต่อกระดูกหลังยุบรักษาโดยการดึงคอได้
การดึงคอ มีข้อห้าม 3 กรณีคือ กระดูกหัก กระดูกเชื่อมต่อกันหมด หรือเป็นโรครูมาตอยด์ ทั้งนี้ต้องให้แพทย์ผู้ชำนาญวินิจฉัยก่อนว่าไม่ได้เป็น 3 โรคที่กล่าว และควรกระทำโดยผู้ชำนาญการจึงจะปลอดภัย
จ็อกกิ้งและเต้นแอโรบิค เป็นการออกกำลังกายที่หนัก และมีผลต่อกระดูกมาก ทำให้ข้อเสื่อม
ได้ง่ายกว่าการเดิน ยกตัวอย่าง การเดิน น้ำหนักขาที่เราวางบนพื้นเท่ากับน้ำหนักขา เช่น ขาหนัก 10 กก. เวลาเดินจะเกิดแรงกระแทกเท่ากับ 10 กก. แต่ถ้าวิ่ง น้ำหนักตัว 60 กก. วิ่ง 3 กม./ชม. ขณะวิ่งไปข้างหน้า
2 ขาจะลอยจากพื้นแรงกระแทกจะคูณ 3 เท่ากับ 180 กก. การวิ่งทำให้กระดูกเสื่อมมากกว่าการเดิน ถ้าอยากถนอมกระดูกและข้อให้เดินดีกว่า การวิ่งมีข้อดีทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง แต่มีข้อเสียคือขาพังเข่าพัง ขณะวิ่งห้ามหยุดทันทีเพราะเลือดจะตกไปที่ขาทำให้หัวใจวายได้ แม้แต่บิดาแห่งจ็อคกิ้งก็ยังหัวใจวายคาที่ ดังนั้นในการออกกำลังกายต้องเลือกท่าบริหาร พื้นลู่วิ่งและรองเท้าที่เหมาะสม
การออกกำลังกาย ต้องคำนึงถึงวัยและความเหมาะสมกับตัวเรา ในวัยหนุ่มสาวออกกำลังกาย
โดยการวิ่งได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ๆ ต้องเปลี่ยนให้เบาลง เป็นว่ายน้ำ เดิน พออายุ 80-90 ปี แค่ยืนแกว่งแขน หรือรำมวยจีนก็พอ ขอให้คำนึงถึงสายกลางเพื่อสุขภาพ
นั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่งพับเพียบหรือขัดสมาธิ นั่งอย่างไรก็ได้ที่ทำให้เกิดสมาธิดีที่สุด
ควรนั่งเก้าอี้ดีที่สุด
การรักษาโดยหมอแผนโบราณที่ดึงกระดูกปุ๊บแล้วเข้าที่ มีความเสี่ยงสูงและไม่มีใครรับรองผล
ที่ดึงแล้วหายก็มี แต่ที่ดึงแล้วเป็นอัมพาต หรือกระดูกหักก็มี
ท่าออกกำลังกายโดยการก้มเอามือแตะเท้า เป็นท่าที่อันตราย ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อม
นิ้ว ห้ามหักหรืองอ ให้ดึงได้อย่างเดียวคือดึงตรง ๆ จะเกิดเสียงดังเป๊าะ ในข้อนิ้วจะลดแรงกดดันทำให้สบายขึ้น
การนั่งซักผ้านาน ๆ จะทำให้ปวดหลัง ควรนั่งเก้าอี้และวางกาละมังผ้าบนโต๊ะ หรือยืนซักจะทำให้ไม่ปวดหลัง
การหยิบของที่พื้น ห้ามก้มเด็ดขาด ให้ย่อเข่าลงแล้วหยิบ ถ้าของหนักให้ย่อเข่าแล้วหยิบของมาอุ้มไว้กับอกแล้วลุกขึ้น
-------------------------------------




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551    
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 16:20:43 น.
Counter : 1019 Pageviews.  

น้ำผักผลไม้สูตรพิเศษจากในวัง

เอาแค่ดื่มแล้ว ระบบภายในร่างกาย ขับถ่ายได้คล่องขึ้นก็คุ้มแล้วเนอะ
> > >>> น้ำผักผลไม้สูตรในวัง [ในหลวงเสวยทุกวัน]
> > >>>
> > >>> เป็นสูตรน้ำผักผลไม้ที่ได้จากข้าหลวงประจำเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ นะคะ
> > >>>
> > >>> เป็นสูตรที่ในวังกำลังนิยมกันมาก ในหลวงเสวยทุกวัน
> > >>> ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใส
> > >>> โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคมะเร็งจะดีมากค่ะ
> > >>> มีคนแถวบ้านเป็นมะเร็งอายุประมาณ 80 กว่าแล้วค่ะ ต้องให้คีโม
> > >>> แต่ปรากฏว่าพอรับประทานน้ำผลไม้สูตรนี้ไปเป็นเวลาประมาณไม่ถึง 1 เดือน
> > >>> ปรากฏว่ามีผมงอกขึ้น และแข็งแรงขึ้นมาก จนหมอตกใจ
> > >>> ลองนำไปปั่นทานกันดูนะคะน่าจะดีต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย
> > >>>
> > >>> ส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วยค่ะ
> > >>>
> > >>> สูตรน้ำผักผลไม้
> > >>> 1. แอปเปิ้ล 1 ผล
> > >>> 2. แครอท 1 ลูก
> > >>> 3. ผักสลัด(ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
> > >>> 4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
> > >>> 5. มะนาว 1 ลูก
> > >>> 6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว (ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
> > >>> 7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
> > >>> 8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
> > >>> 9. ฝรั่ง 1 ผล
> > >>> 10.มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
> > >>> 11.น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
> > >>>
> > >>> นำทุกอย่างมาปั่นรวมกันค่ะ สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร
> > >>> ในกรณีที่เป็นคนป่วย
> > >>> ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉย ๆ
> > >>> สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วันค่ะ
> > >>>
> > >>> ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ ^^




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551    
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 16:14:09 น.
Counter : 445 Pageviews.  

ประโยชน์และโทษของช็อกโกแลต




ใครที่ชอบกินช็อกโกแลตบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์และโทษของช็อกโกแลตมาฝากกัน...

ในอดีตนักเคมีเคยพบว่าช็อกโกแลตมี เฟนิลไธลามิน, ธีโอโบรไมน์ และกาเฟอีน ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ในช็อกโกแลตยังให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินเอ ดี เค และธาตุเหล็กค่อนข้างสูง หากกินมากเกินไป อาจส่งปัญหาด้านสุขภาพทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น

แต่เมื่อไม่นานมานี้มีการค้นพบสารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลต หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจหรือแม้กระทั่งมะเร็งบางชนิด และยังพบว่ายังมีสรรพคุณช่วยให้คลายเครียด เนื่องจากมีสารไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อเอ็นโดรฟินออกมา ช่วยทำให้รู้สึกอารมณ์ดี

ดังนั้น ชาวยุโรปส่วนใหญ่เชื่อว่าการกินช็อกโกแลตจะทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไข้รักษาอาการอาหารไม่ย่อยและช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่นอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรกินช็อกโกแลตในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดี




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 20:53:31 น.
Counter : 363 Pageviews.  

ติดเชื้อเพราะเล็บปลอม

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกประกาศเตือนผู้หญิงให้หลีกเลี่ยงการติดเล็บปลอม เนื่องจากเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค อาจเกิดเชื้อราและแบคทีเรียระหว่างชั้นเล็บ

หากติดเชื้อแบคทีเรียจะรู้สึกปวดบริเวณเล็บ มีผื่นแดงระคายเคือง และฝีหนองทั้งในเล็บและรอบๆ เล็บ ส่วนการติดเชื้อราที่เล็บจะไม่มีอาการคันหรือเจ็บ แต่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีขาวขุ่นใต้เล็บลุกลามจากปลายไปสู่โคนเล็บ หากแผ่นแข็งหนามากจะทำให้เล็บที่ขึ้นใหม่ขรุขระและไม่ติดกับผิวจนกระทั่งเล็บหลุด

เมื่อมีอาการติดเชื้อควรถอดเล็บปลอมออกแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่เวลาอาบน้ำ หากยังไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งอาทิตย์ควรปรึกษาแพทย์




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 15:20:29 น.
Counter : 411 Pageviews.  

การใช้สายตาอย่างถูกต้อง

• อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และถือหนังสือห่างจากดวงตาประมาณ 1 ฟุต ไม่ควรอ่านหนังสือเป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ ควรพักสายตาประมาณ 30-45 นาที เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา

• ดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และควรนั่งห่างจากจอโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่าของขนาดโทรทัศน์

• ไม่ควรจ้องมองพระอาทิตย์เป็นเวลานานๆ

• ควรสวมแว่นตาทุกครั้งที่ต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด หรือขับขี่รถยนต์

• หลีกเลี่ยงการมองหรือจ้องคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตาไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ

• เวลาที่เศษผงเข้าตา ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด แต่ให้คุณล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือหยอดน้ำยาล้างตาแทน

• ทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ควรสวมใส่แว่นตาว่ายน้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันคลอรีนหรือเศษผงเข้าตา

• ควรระมัดระวังการละเล่นหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา

• เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยตา ไม่ควรกดนวดดวงตา หรือกรอกดวงตาไปมา แต่ควรหลับตาประมาณ 20 -30 นาที

• ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา ยาหยอดตา ร่วมกับผู้อื่น

• ควรปิดไฟนอน เพื่อเป็นการพักสายตา

• ในกรณีที่สารเคมีเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด แล้วไปพบจักษุแพทย์โดยด่วน

• ควรไปตรวจวัดสายตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง

วิธีที่แนะนำไม่ยากเลย ลองนำไปปฏิบัติตามดู จะได้มีสายตาที่ดี.




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2551    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 21:20:04 น.
Counter : 345 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.