• Meine Hunde น้องหมาของฉัน
• Zeit zum Kochen ถึงเวลาเข้าครัว
• Gästebuch ฝากข้อความ
• Ausflüge ไปเที่ยวกันเถอะ
• Mein Liebling
• Unsere Geschichte เรื่องเก่า เก่า
• Tagebuch บันทึกไปเรื่อย

München München, wir fahren nach München (Teil 1) 29.03.09 Wir sind um 8:30 Uhr aufgestanden. Wir dachten, dass wir viel Zeit hätten, aber dann merkten wir, dass die Uhr auf Sommerzeit umgestellt wurde und wir eine Stunde verloren hatten. So mussten wir uns beeilen. Um 10:30 sind wir losgefahren. Wir haben nur eine Pause gemacht und dort gegessen. Während der Fahrt hat es angefangen zu regnen. Mit dem Wetter haben wir Pech gehabt. Leider hatte ich an diesem Tag auch sehr Bauchweh. Gegen 15 Uhr erreichten wir das Hotel. Danach wollten wir eigentlich noch in die Stadt gehen, aber da es sehr stark regnete und ich noch stärker Bauchweh hatte, mussten wir ein anderen Plan machen. Zuerst musste ich mich ein bisschen hinlegen. Nachdem ich aufgewacht bin, sind wir dann zum Münchener Airport gefahren, weil das nicht sehr weit vom Hotel war und es immer noch stark regnete. Ich dachte, was kann man denn am Flughafen machen ? Doch dann habe ich den riesigen Flughagen gesehen. Es war unglaublich schön und viele Einkaufsmöglichkeiten, sogar ein großer Edeka Markt. Um 19 Uhr fuhren wir zum Hotel zurück, aber das Restaurant im Hotel war geschlossen und so sind wir nebenan in die Pizzeria gegangen. Die Pizzeria war gemütlich und hatte eine schöne Atmosphäre. Das italienische Essen war sehr lecker und überhaupt nicht teuer. Das hat mir sehr gefallen. Danach sind wir zurück zum Hotel. Ich bin früh ins Bett gegangen, wegen meine starken Bauchschmerzen. Dann haben wir tief und lang geschlafen. Hoffentlich wird das Wetter morgen schön. ** ซิกิหยุดพักร้อน 2 อาทิตย์หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น เลยพาไปเที่ยวที่มิวนิก 3 วัน 2 คืน แต่โชคไม่เข้าข้าง ฝนตกตลอดเลย แถมหนาวอีกต่างหาก แล้วเก๋ก็ยังมาปวดท้องอีกในวันแรก เซ็งเลย กว่าจะไปถึงก็บ่ายแล้ว นอนพักตกเย็น ๆ ก็ไปดูสนามบินมิวนิกกัน เพราะมันไม่ไกลจากโรงแรมนัก แต่ก็อีกนั่นแหละ ฝนตก หมอกลง มองเครื่องบินก็ไม่ค่อยจะเห็น ไม่รู้ทำไมซิกิถึงอยากไปนักหนา ชอบดูจังเครื่องบินน่ะ แต่สนามบินเขาก็ใหญ่จริง ๆ นะ อาจจะเป็นเพราะพื้นที่กว้างก็ได้ เลยสร้างให้มันห่าง ๆ กัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปในตัวเมือง พ่อซิกิบอกให้ไปโน่นไปนี่เยอะแยะไปหมด จะดูสิว่าจะได้ไปกี่ที่กัน จริง ๆ ไม่ได้อยากเขียนเป็นภาษาเยอรมันนะ แต่เพราะว่าซิกิอยู่บ้านไง แล้วประจวบกับว่าตอนนี้ไปเรียนภาษาอีกแล้ว เลยโดนซิกิบังคับให้เขียน แต่เขาก็ช่วยตรวจให้นะ ว่าผิดตรงไหนบ้าง (ไม่อยากจะบอก ผิดเยอะมาก ๆ ไวยกรณ์น่ะไม่ได้เรื่องเลย) ยิ่งเรียนยิ่งถอยหลัง เซ็ง อยากตื่นมาแล้วพูดภาษาเขาได้เก่ง ๆ จังเลย   Create Date : 02 เมษายน 2552     Last Update : 2 เมษายน 2552 1:49:09 น. Counter : 733 Pageviews.   7 comment Share Tweet

Koh Tao 04-06-08 วันนี้คอมฯ เป็นเด็กดี ไม่รวน เลยได้ฤกษ์อัพบล็อกเสียที ก่อนที่จะจำเรื่องราวไม่ได้ เพราะว่าคราวนี้ไม่ค่อยได้เขียนไดเลย 08-04-08 ปีนี้ได้กลับเมืองไทย 1 เดือนเต็ม ๆ ไม่ขาดไม่เกิน เนื่องจากได้ตั๋วถูก ก่อนไปก็นึกโปรแกรมที่อยากจะทำ อะไรที่อยากจะกิน แต่ทำไมไปถึง ไม่ค่อยได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เลยก็ไม่รู้ ไอ้ที่จะทำน่ะได้ทำเกือบหมดแหละ แต่ที่จะกินน่ะ ไปถึงจริง ๆ ดันนึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดีบ้าง และก็ตามเคยบินกลับไปก่อนซิ แต่คราวนี้ได้แค่ 4 วันเอง อุตสาห์ไม่ได้บอกย่ากับพ่อเอาไว้นะ แต่พอเจอกันจริง ๆ นึกว่าย่าจะตกใจ หรือดีใจ แต่ผิดคาด ย่านิ่งมากเลย เขาบอกว่าดีใจน่ะดีใจอยู่แล้ว แต่ตกใจไม่ตกใจหรอก เพราะรู้ว่าจะกลับช่วงนี้ แต่ไม่รู้ว่ามาถึงวันที่เท่าไหร่เท่านั้นเอง เป็นอันว่าไม่สนุกเลย 2 วันแรก นอนที่บ้านย่า แม่ก็มานอนด้วย ทำกับข้าวกินกัน 2 วันหลังไปนอนบ้านอา ผิดคาดอีกเหมือนกัน นึกว่าลูก ๆ จะดีใจ จะโดนข่วนให้เลือดซิป แต่ไม่เลย ปีกว่าจากไป น้องหมาจำไม่ได้ซะแล้ว เวอร์เกินไปเปล่านี่ จริง ๆ ยังจำกันได้อยู่ โดนกระโจนใส่เล็กน้อย กลัวว่าเก๋จะเสียใจมั้ง 13-04-08 เช้านี้ไปรับซิ แล้วเลยไปบ้านย่าเลย น้อง ๆ แล้วก็คนอื่น ๆ ตามมาทีหลัง ซิมาถึงก็สลบไปเลย ขนาดเขาตำพริกไทยกระเทียมเสียงครกดัง พี่แกยังหลับได้คิดดู ว่าคงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็เล่นไม่ยอมนอนเลยบนเครื่องนะ สมน้ำหน้า บ่าย ๆ ก็พาไปขับรถวนดูเขาเล่นน้ำกันเล็กน้อย แต่ไม่ได้ให้ลงไปเล่นด้วยนะ กลัวว่าจะเดี้ยงเสียก่อน มาถึงวันแรก อากาศก็ร้อน แถมเหนื่อยอีก พรุ่งนี้ก็ต้องไปเที่ยวอีก จากนั้นก็กลับบ้านอาตามระเบียบ 14-04-08 วันนี้แอมมารับที่บ้านแต่เช้า ซื้อทัวร์ที่หาดสนรีสอร์ท บางสะพานไว้ 3 วัน 2 คืน ขับรถไปกัน 2 ค้น ทริปนี้มีความสุขมาก ได้เที่ยวกับน้อง ๆ แล้วก็แม่ด้วย นาน ๆ จะรวมตัวกันได้แบบนี้ แต่เสียดาย มัวแต่สนุกกันเพลิน เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกันซะเท่าไหร่ แอมโอติดใจ อยากไปดำน้ำอีก ไม่ยากน้องจ๋า เก็บเงินกันไว้นะ เดี๋ยวคราวหน้าพี่กลับไป จะได้ไปเที่ยวกันอีก 17-04-08 แยกกับแอมโอเมื่อวาน แอมไปส่งที่สถานีรถไฟ เมื่อคืนเลยได้ไปนอนที่ชุมพร 1 คืน เพราะว่าซื้อตั๋วรถ-เรือไปเกาะเต่า โรงแรมที่ชุมพรก็ดีนะ อยู่เยื้อง ๆ กับ บ.ลมพระยาเลย เก๋ยังไม่เคยไปเกาะเต่าเลย ส่วนซิเคยไปมาแล้ว คราวนี้เก๋ไม่ได้จองที่พักไว้เหมือนทุกครั้ง ได้แต่หาข้อมูลว่าอยากจะไปพักที่หาดไหน แล้วก็ถาม ๆ คนที่เคยไปเ่ท่านั้นเอง ไปเร็ว ไปลงเรือ คนเต็มเรือเลย ขนาดไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์นะ พอไปถึงก็โดนรุมจากพี่ ๆ แท๊กซี่ทั้งหลาย ไอ้เราก็ทำฟอร์มเหมือนจองที่พักมาแล้วเลย เดินเตร่ไป 7-11 พอออกมาอ้าว แท๊กซี่หายกันไปเกือบหมดแล้ว มีพี่คนหนึ่งเข้ามาถาม เลยบอกว่าจะไปอ่าวโฉลก พี่แกเอาตั้งคนละ 100 แน่ะ แหมแค่ 2 กม. กว่า ๆ เอง เอาแพงจัง อ่านจากห้อง BP มา เขาจ่ายกันแค่คนละ 50 เอง พี่แกบอกว่า คนละ 50 มันต้อง 4 คนขึ้นไป เอาก็เอา ขี้เกียจต่อ ร้อน เซ็ง มากับซิทีไร เป็นต้องเสียเงินเยอะกว่าเดิมทุกทีสิน่า อยากจะเอาป้ายแขวนคอสามี ว่าเขาไม่ไ้ด้ร่ำรวยนะยะ พอไปถึงเราก็เดินดูที่พักกันแค่ 2-3 ที่เอง ก็มาลงที่เกาะเต่าทรอปิคาน่า คืนละแค่ 400 เอง ติดหาด ห้องพัดลม ดูห้องแล้วว่าโอเค สะอาดใช้ได้ สวนเขาก็กว้างดี สวยด้วย ชอบ ๆ ต้นไม้ใบใหญ่ ๆ เขียว ๆ เต็มไปหมด รูปนี้ถ่ายจากร้านอาหารหน้าที่พัก หลังจากหม่ำราดหน้าทะเลจานโตไปแล้ว ก็ไปเดินย่อยกันที่หาด ไม่มีโปรแกรมอะไรมาก มาคราวนี้กะว่าแค่กินกับนอนเท่านั้นเอง พอบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็นอนอ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่นกันที่ชาดหาด ชิว ๆ คนที่มาพักห้องติดกันก็เป็นคนเยอรมัน มาจากเบอร์ลิน ซิเลยได้เพื่อนคุยเลย มุมนี้จากร้านอาหารนิวเฮฟเว่น ร้านที่ใคร ๆ ก็บอกว่าไม่ควรพลาด โอเค วิวสวยดี แต่ถ้ามากลางวันคงจะสวยกว่านี้ ตอนที่แดดสะท้อนกับท้องทะเล สีมันคงจะสวย นี่มาเย็นไปแล้ว เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยสวยถูกใจเท่าไหร่ อาหารก็ไม่ค่อยโดนเท่าที่ควร คงเพราะสั่งไม่ได้ถูกแหละมั้ง นั่งปรึกษากันว่าจะทำอะไรกันต่อดี หมายถึงโปรแกรมของวันพรุ่งนี้นะ 18-04-08 เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน เช้ามาอากาศก็ครึ้ม ๆ เลยว่าจะเดินไปไหว้เสด็จพ่อ ร.5 ที่หาด จปร กัน ดูระยะทางแล้ว โอเค พอไหว เรียกแท๊กซี่ก็เสียดายเงิน เดินเล่นกันไปเรื่อย ๆ ดีกว่า เลยไม่ได้ทาครีมกันแดดไป โอ้แม่เจ้า ที่ไหนได้ เดินไปได้ครึ่งทาง แดดออกเปรี้ยงเลย ดันใส่เสื้อแขนกุดไปด้วย เล่นเอาตอนกลางคืนปวดแสบปวดร้อนไปหมด ซิซื้อเจลว่านหางจระเข้มาให้ทา ก็ไม่ดีขึ้นเลย หัวไหล่แดงมาก ๆ สรุปเดินไป-กลับ เกือบ 6 กม. ได้ คืนนี้สลบแต่หัวค่ำเลย ปล่อยซิโม้กับเพื่อนใหม่ข้างห้องไป 19-04-08 เช้านี้ยุ้ย,นุ่นกับฝ้าย จะเดินทางมาสมทบ เขาออกเดินทางกันตั้งแต่เมื่อคืน ไปขึ้นรถที่ถ.ข้าวสาร ของ บ.ลมพระยา โทรดันกันเรียบร้อย รถของที่พักมารับยุ้ยที่ท่าเรือก่อน แล้วค่อยแวะมารับเก๋ วันนี้เก๋จองที่พักไว้ 2 คืน แต่ไม่ใช่ที่อ่าวโฉลกนะ จองไว้ที่หาดโตนด หาดนี้ซิเขาเคยมากับเพื่อนเขา เมื่อตอนมาเรียนดำน้ำ เขาว่าสวย เก๋จองที่แบล็กทิปไว้ ไม่ได้ซื้อทัวร์อะไรกัน บ้านพักก็โอเคนะ เป็นหลัง ๆ ไม่ติดกัน พวกเราได้หลังด้านล่างหน่อย ดีไม่ต้องเดินขึ้นเขากันมาก หลังจากเก็บข้าวของก็ออกเดินทางไปจุดชมวิวกัน ไอ้เรานะ เริ่มเดินนำหน้า ผ่านไปได้แค่ 10 นาที น้อง ๆ เดินนำกันไปหมดแล้ว จะถอดใจก็ไม่ได้ เดี๋ยวหาว่าเราแก่ ไอเดียซินี่ไม่สร้างสรรค์เลย มีแต่เดิน กับเดิน แถมไม่ใช่เดินทางธรรมดานะ มันเดินขึ้นเขานี่นะสิ พอขึ้นมาได้ครึ่งทางก็เริ่มมีกำลังใจ เพราะเริ่มจะเห็นวิว ว่ามันสวย ดูถนนที่เดินกันสิ หาดนี้ถนนจะเป็นแบบนี้หมดเลย มิน่าล่ะ แท๊กซี่คิดคนละ 150 และแล้วเราก็มาถึงจุดชมวิวอันนี้ เป็นทั้งรีสอร์ทแล้วก็ร้านอาหารด้วย แต่จำชื่อไม่ได้น่ะ อีกรูปแล้วกัน หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สาว ๆ ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย ถ่ายรูปกันใหญ่ ไอ้เรามันแก่แล้ว นั่งดูวิวแทนแล้วกัน ขากลับโชคดีหน่อย รถของที่พักผ่านมาพอดี เลยได้นั่งมาด้วย ไม่ต้องเดิน แต่คุณค่ะ ไอ้ขาลงน่ะมันไม่เหนื่อยหรอก ไม่เหมือนขาขึ้น แต่เอาน่า ดีกว่าเดิน 20-04-08 เมื่อวานน้องที่รีิสอร์ทเขาแนะนำให้เช่าเรือของคนที่รีสอร์ทไปเที่ยวรอบเกาะ บวกลบคูณหารแล้ว ถูกกว่าซื้อทัวร์ต่อคน แต่ไม่เยอะนะ ถูกกว่านิดหน่อย แต่มันดีตรงที่เราไม่ต้องไปรวมทัวร์กับใคร ไปกันแค่กลุ่มเรา อยากอยู่ตรงไหนนานก็ได้ น้องเต้ยเป็นผู้คุมชีวิตของพวกเราเอาไว้วันนี้ พาหนะที่เราใช้บริการในวันนี้ จุดแรกที่พาไปดำ คืออ่าวหินวง สวยมาก ๆ ประทับใจกันทุกคน ตอนไปยังไม่มีทัวร์อื่นมาลง พวกเราเลยอยู่จุดนี้กันนานเลย จากนั้นก็ไปต่อที่อ่าวตรงประภาคาร อันนี้ไม่ดี คลื่นแรง เลยได้แต่กระโดดน้ำเล่นกัน สนุกดีเหมือนกัน ทำอย่างกับเป็นเด็ก ๆ แล้วเราก็ไปต่อกันที่อ่าวแมงโก้ แต่ทัวร์ลงเยอะ ลงไปในน้ำเจอแต่คน หิวด้วย เลยไปที่หาดทรายรีหาข้าวกินกันก่อน แล้วค่อยไปต่อกันที่ นางยวน เต้ยบอกว่า คนที่มาหาดทรายรี ต้องถ่ายรูปกับมะพร้าวต้นนี้ จะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว เอาซะหน่อย ก่อนถึงนางยวน ปลาเยอะดีเนอะ ที่อ่าวนางยวน เสียดายไม่ได้ขึ้นไปจุดชมวิว เพราะสาว ๆ หลังจากฟาดมื้อกลางวันกันแล้ว พอมาถึงนี่ก็เอาแต่หลับกัน พอตื่นมาเลยลงมติกันว่า ไม่ขึ้นแล้ว กลับไปดำน้ำอีกรอบที่อ่าวหินวงกันดีกว่า พอสาแก่ใจแล้ว ก็ให้น้องเต้ยพาไปดูที่หาดที่อ่าวลึก เพราะว่าอ่านจากหนังสือบอกว่าหาดสวย น้ำใส เลยกะว่าพรุ่งนี้พอยุ้ยกลับ เราจะไปพักต่อกันที่นี่ 21-04-08 เช้านี้หลังจากส่งยุ้ยกลับแล้ว รู้สึกหงอย ๆ ขึ้นมา เราให้แท๊กซี่ไปส่งที่อ่าวลึก ทางพอ ๆ กับโตนดเลย ที่หาดนี้เป็นหาดส่วนตัว มีที่พักอยู่ 3 เจ้า แท๊กซี่พาไปส่งที่พักตรงกลางหาด สอบถามราคา 450 ห้องพัดลม ถ้าจะเอาแอร์ก็ 1500 พัดลมก็ได้ค่ะถูกกว่ากันเยอะ ขอให้แค่หาดสวยถูกใจ น้ำใส ๆ ก็พอ ดูวิวขวาซะก่อน ฝั่งซ้าย โอ้ อยากอยู่ที่นี่อีกสักอาทิตย์หนึ่ง แต่ พอเอาข้าวของเก็บ กำลังจะเปลี่ยนเสื้อ ซินั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงระเบียงด้านหน้าห้อง เก๋ได้ยินเสียงอะไรวิ่งอยู่ตรงผนัง หันไปมอง แม่เจ้า ตุ๊กแกค่ะ มันเป็นอะไรที่ไม่ถูกกับเก๋เลย กลัวมาก ๆ กรี๊ดซะเสียงดัง พอขยับตัว ตุ๊กแกก็ขยับตาม เก๋กลัวมันจะกระโดดมาเกาะ แถมพี่แกเกาะอยู่ตรงประตูทางออก แล้วอิฉันจะออกทางไหนล่ะ ซิก็ไม่กล้าเข้ามาช่วย ดันกลัวเหมือนกัน แต่แล้วซิก็ดันบอกให้กระโดดข้ามหน้าต่างออกมา นึกภาพออกไหมตรงประตูน่ะ มันติดกับเตียงนอน ตรงหัวนอนมันเป็นหน้าต่างใหญ่ ๆ เปิดอยู่ เก๋กระโดดขึ้นเตียงก้าวเดียวเอง แล้วก็กระโดดข้ามหน้าต่างออกไปแล้วไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น วิ่งเลยไปที่บ้านป้า เจ้าของที่พัก ให้เขาหาคนมาช่วยเอาออกไปด้วย รูปนี้ซิถ่าย เพราะเก๋ยังรออยู่ที่บ้านป้าโน่น ซิบอกว่าตอนลูกชายป้าเขามาจับนะ มันวิ่งไปทั่วห้องเลย แต่แล้วในที่สุดเขาก็จับได้ ดูสิ ว่าตัวใหญ่แค่ไหน เก๋เดินตามไปดูนึกว่าเขาจะเอาไปปล่อย แต่เขาดันฆ่ามันตายเลย เก๋นะรู้สึุกผิดมาก ๆ ได้แต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจนะ ตัวอื่น ๆ อย่าเข้ามาในห้องนะ ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน แต่ตุ๊กแกที่เกาะเต่าเยอะมาก ๆ มันเป็นสวนมะพร้าวเยอะ ตุ๊กแกก็เยอะ จริง ๆ ตั้งแต่คืนแรกที่มาที่เกาะเต่าแล้ว ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องทุกคืนแหละ แต่ที่พักก่อนหน้านี้ ห้องน้ำมันไม่โอเพ่นแอร์ไง พี่เขาเข้ามาไม่ได้น่ะ ทีนี้ตอนจะนอน ต้องเอามุ้งสอดเข้าใต้ที่นอนให้หมด กระเป๋าก็รูดซิปปิดหมด กลัวตื่นเช้ามาล้วงเข้าไป จะไปเจอกับตัวอะไร แต่ก็สนุกดี ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ดี ป้าแกบอกเปลี่ยนไปอยู่ห้องแอร์ก็ได้ แต่เก๋ว่าแพง หรือจะไปพักที่รีสอร์ทฝั่งขวาก็ได้ เป็นของลูกสาวแก หรือจะฝั่งซ้าย เป็นของลูกชาย แต่ห้องพักประมาณ 700 ขึ้น พัดลมนะ เก๋ไม่เปลี่ยน สงสารป้าแก ตกบ่ายเราก็เดินเล่นชายหาด อ่านหนังสือกัน ซิหลับไปได้แป๊ปนึง ก็ไปเล่นน้ำ มองผ่านเลนส์ เผื่อจะดูว่าซิผอมลงบ้าง แต่ก็ไม่เลย ร้านอาหารนี้เป็นร้านที่เรามาฝากท้องทุกมื้อ แต่เก๋เรียกได้ว่ามาสิงอยู่ที่เลยดีกว่า เพราะตื่นเช้ามาก็มานั่งอยู่ที่นี่ ทั้งนอนอ่านหนังสือ ทั้งนอนหลับ ตื่นมาก็กินข้าวกลางวัน บ่ายซิไปว่ายน้ำ เก๋ก็ยังอยู่มันตรงนี้ที่เดิม ชอบ ๆ สบายตา สบายใจ ไม่มีอะไรต้องคิด มองทะเลได้ทั้งวัน ไม่รู้จักเบื่อเลย น้ำที่นี่สวยจริง ๆ ที่นี่แหละ ทำให้เก๋รู้สึกอยากกลับมาที่เกาะเต่าอีก บอกซิแล้ว ไว้เราจะกลับมาพักที่นี่กันอีก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง สีแดงมาก ๆ เรานั่งกันอยู่ที่ร้านอาหาร ทะเลข้างนอกมืดมาก ๆ อยู่ดี ๆ ก็มีแสงสีแดงดวงกลม ๆ ตรงกลางทะเล เราก็เดากันว่าคงเป็นไฟของเรือมั้ง แต่แล้วแสงก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นฟ้า ได้ถึงบางอ้อว่าคือพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง แต่ว่าดวงโตมาก แดงมาก ๆ คนถ่ายรูปกันใหญ่เลย เก๋ถ่ายมาได้ดีสุดก็แค่นี้เองแหละ พอตกดึก พระจันทร์ก็ลอยขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ๆ แต่ทำให้เรามีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม เพราะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น รักซิจังเลย เกี่ยวกันไหมนี่ ฝากภาพสุดท้ายที่อ่าวลึก เกาะเต่าไว้แล้วกัน เราสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่กันอีก   Create Date : 04 มิถุนายน 2551     Last Update : 4 มิถุนายน 2551 22:57:14 น. Counter : 1190 Pageviews.   14 comment Share Tweet

Paris Paris, wir fahren nach Paris. (Teil 4) 24-05-07 ตั้งนาฬิกาปลุกกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า กะจะให้ซิไปคนเดียวซะแล้ววันนี้ เพราะเมื่อคืนไม่ได้หลับได้นอน เจอเสียงกรนของซิเข้าไป ขนาดหนีไปนอนอีกเตียง เอาหมอนปิดหูก็แล้ว เสียงกรนยังแทรกเข้าไปในหูอยู่เลย ไอ้เราก็เข้าใจแหละน่ะ ว่าคงเหนื่อยเดินเยอะ แต่เก๋ก็เหนื่อยเหมือนกัน อยากนอนเหมือนกัน กว่าจะได้นอนก็รุ่งสาง ซิมาปลุกเลยบอกให้ไปขึ้นหอคนเดียว เดี๋ยวตอนบ่ายไปเจอกันที่ห้างเลย แต่พอมองหน้าเขาแล้วอดสงสารไม่ได้ ลุกก็ได้ว่ะ เฮ้อ เก็บของเช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเลย วันนี้มีเวลาไม่มาก ต้องกลับแล้ว มาถึงหอไอเฟลตอน 9 โมง คนมารอต่อคิวกันแล้ว แต่แถวก็ยังไม่ยาวมาก พอไหว ซินี่ความอดทนในการรอคอยไม่เคยมี บ่นหงุดหงิดอยู่ได้ จริง ๆ ไม่อยากรอก็ไม่ต้องขึ้นก็ได้นี่หว่า ไม่มีใครบังคับ จะบ่นทำไมไม่รู้ เราซื้อบัตรขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ราคา 11.50 ต่อคน ได้ขึ้นเป็นรอบที่ 2 ของวันนี้ ดีจัง ไปเปลี่ยนลิฟท์ที่ชั้น 2 ขึ้นต่อไปที่ชั้น 3 พอขึ้นมาถึงชั้นนี้ โอ้แม่เจ้า สูงจัง ขาสั่นเล็กน้อย แรก ๆ ก็ไม่ค่อยกล้าไปยืนชมวิวเท่าไหร่ กลัว แต่พอสักพักโอเค จะกลัวอะไรนักหนา มันไม่ตรงลงไปหรอก เขากันเอาไว้อย่างดี ยังจะกลัวอีก แต่มันสูงง่ะ วันนี้แดดดี แต่ก็ยังมีหมอกลงอยู่ ทำให้มองวิวไม่ค่อยแจ่มเท่าที่หวัง เห็นประตูชัยด้วยล่ะ แม่น้ำแซนน์ หมอกก็ยังลงอยู่ ทำให้เห็นไม่ได้ไกลกว่านี้เท่าที่ควร ถ่ายรูปก็แล้ว ชมความงามให้หายอยากกันก็แล้ว เราก็ต้องอำลาเจ้าหอนี่สักที ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าจะมีโอกาสมาเห็นกับตาตัวเอง ตอนอยู่ข้างบนหอไอเฟล ซิถามว่า "เก๋เมื่อ 5 ปีก่อน เคยคิดไหมว่าจะได้มาปารีส แล้วยืนอยู่บนหอไอเฟล" ใช่ ไม่เคยคิดหรอก ใครจะไปคิดว่า เจ้าหอไอเฟล ที่มีแต่เหล็กนี้ จะเป็นสถานที่ ที่ทำให้คนทั่วโลกอยากมาเห็น เพราะตอนนี้สร้างหอนี้ คนฝรั่งเศสเขายังไม่ได้สนใจกับมันเลย ยังคิดจะรื้อทิ้งหลังจากเสร็จงานนิทรรศการซะอีกเนอะ หุ่นกุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) วิศวกรและสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นปรมาจารย์ในด้านการก่อสร้างด้วยเหล็ก เป็นผู้ออกแบบสร้างหอไอเฟล เป็นคนแรกของโลกที่ใช้เหล็กกล้าในการก่อสร้างงานศิลป์ หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน พอลงมาด้านล่าง เห็นคนรอต่อคิว ดูเอาเองว่าเยอะขนาดไหน ดีนะนี่ที่มาตั้งแต่ 9 โมง เรานั่งเมโทรไปเดินเล่นที่ห้าง La Fayette ที่ใคร ๆ ก็บอกว่า ต้องไปให้ได้นะ แวะไปกินกลางวันที่นั่น แต่ไม่ได้เดินดูของอะไรมากมาย เพราะเริ่มจะมีน้ำโหกับซิ เวลาจะเดินดูที่เที่ยว พี่แกเดินได้เป็นวัน ๆ ลากเราไปเดินจนเท้าพอง พี่แกเดินได้ แต่เวลาเดินช็อปปิ้ง แค่ 10 นาที จะตายขึ้นมาทันที หมดอารมณ์เดิน ได้แค่ถ่ายรูปนิดหน่อย เวลาก็ยังเหลืออยู่อีกตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ กว่าจะถึงเวลาขึ้นรถไฟ ไม่เดินแล้วจะไปไหน พี่ท่านบอกว่าไปนั่งกินกาแฟแล้วกัน 2 ชั่วโมงนี่น่ะนะ เลยบอกให้ต่างคนต่างไป เจอกันที่สถานีรถไฟเลยแล้วกัน เท่านั้นแหละ หน้าหงิกทันที พาลให้อารมณ์เสีย ไม่ดงไม่เดินมันแล้ว กลับก็กลับ แล้วเป็นไง ไปนั่งบื้อกันที่ร้านกาแฟ ไม่มีอะไรทำกัน หนังสือก็ไม่มีอ่าน เซ็งจะตาย เลยได้ปะทะคารมกันเล็กน้อย ทิ้งท้ายไว้ที่ปารีส ดูสิอะไรก็ดีหมด มาเสียท่ากันตอนจะกลับนี่แหละ พอไปถึงสถานีรถไฟ เขาแจ้งว่ารถไฟจะมาช้า 25 นาที ก็ยืนรอกันไป จากนั้นก็แจ้งใหม่ว่า ล่าช้า 40 นาที ที่นั่งก็ไม่มี เพราะเขาปิดบางส่วนทำการก่อสร้าง เลยไม่มีที่นั่ง ยืนกันจนขาแข็ง เที่ยวขากลับนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่บนรถไฟ ขึ้นรถได้ หม่ำขนมปังกันเสร็จ ก็หลับทันที ซิปลุกอีกทีถึง Strasbourg แล้ว พ่อกับแม่ก็มารอกันนานแล้วด้วย นั่งรถกลับพ่อก็ถามใหญ่ ไปเที่ยวสนุกไหม บลา บลา บลา เลยบอกพ่อว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเล่าให้ฟัง พ่อเลยถึงบางอ้อ "ฉันลืมดูหน้าเธอไป หมดสภาพเลยนะ" สรุปเที่ยวทริปนี้ ก็ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ได้เห็นความสวยงาม และยิ่งใหญ่ แถมประวัติของสถานที่ต่าง ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้มีประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้น ได้เห็นความวุ่นวายของเมืองหลวง ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เช้า ๆ เวลาขึ้นเมโทร จะแน่นมาก คนเบียดเสียดกัน เพื่อจะไปทำงาน ชีวิตวุ่นวายดี แต่ในความวุ่นวายนี้ ก็มีสิ่งสวยงาม และสถาปัตยกรรมแทรกอยู่ทุก ๆ ที่ ที่เราเดินผ่านกันไป ปารีส เป็นเมืองสำหรับสถาปัตยกรรม และศิลปินจริง ๆ แต่สำหรับเก๋ ปารีสก็เป็นได้แค่สิ่งประทับใจ ที่ครั้งหนึ่งเราได้ไปเยือน แต่ถ้าต้องไปอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ แบบนี้คงไม่เอาหรอก อยู่บนเขาบนดอยเหมือนที่บ้านตอนนี้ดีกว่า เงียบดี ลาก่อนปารีส   Create Date : 03 มิถุนายน 2550     Last Update : 3 มิถุนายน 2550 21:20:50 น. Counter : 1000 Pageviews.   21 comment Share Tweet

Paris Paris, wir fahren nach Paris. (Teil 3) 23-05-07 อากาศวันนี้ไม่เป็นใจเท่าที่ควร เรียกว่าหนาวก็ได้ แดดก็ไม่มี ทำให้นึกว่าจะได้ขึ้นหอไอเฟลกันไหม คิดว่าสาย ๆ แดดคงออก เรานั่งเมโทรไปถึง Trocadero ในตอนสาย ทำให้ได้เห็นความใหญ่โตของ Trocadero เป็นตึกที่มีปีกโค้ง 2 ข้าง หันหน้าสู่แม่น้ำแซนน์และหอไอเฟล จากตรงนี้เราถ่ายรูปหอไอเฟลได้สวยดี ถ่ายจากมุมด้านหน้าของ Trocadero เดินไปถึงหอไอเฟลแล้วก็ต้องถอนหายใจ ที่คนรอต่อคิวเยอะมาก ๆ บวกกับอากาศก็ไม่แจ่มใส ขึ้นไปคงถ่ายรูปไม่สวย มองเห็นวิวไม่ดีแน่ ๆ แล้วที่สำคัญไม่รู้ต้องรอต่อคิวอีกกี่ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้น ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ก่อนกลับเรารีบตื่นแต่เช้า ค่อยมาขึ้นหอแล้วกัน แอบหวังว่าอากาศพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ ว่าแล้วก็กลับหลังหัน ไปเดินตามหาเทพีเสรีภาพกันดีกว่า แต่จากตรงนี้เราต้องเดินกันไปจนถึง Pont de Grenelle ซึ่งไกลพอสมควร เรียกว่าความอดทนเกือบจะหมดไป ดีที่ว่าระหว่างทางมีต้นไม้ร่มรื่น บรรยากาศเป็นใจให้เดินชมนกชมไม้กันไปได้ พอให้ลืม ๆ ความเมื่อย ภาพจากทางเดินด้านข้างแม่น้ำแซนน์ ดูสิหมอกด้านบนเยอะ ถ่ายภาพได้ไม่ชัด ดีนะที่ไม่ขึ้นไปน่ะ ระหว่างทางเดินไป Pont de Grenelle มีต้นไม้ร่มรื่นตลอดแนวเลย แล้วก็เป็นแม่น้ำทั้ง 2 ด้าน ได้บรรยากาศกันจริง ๆ ถ่ายชัด ๆ ได้แต่ข้างหลังเอง ด้านหน้าต้องถ่ายจากทางเดินถนน แต่ก็ไม่ชัดอยู่ดี เห็นในระยะไกล เลยไม่เอามาลง เรานั่งเมโทรไปต่อกันที่ Monmartre ชมความงามของโบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่ง มีโดมสีขาวเป็นเอกลักษณ์ เรียวกว่า Basilica of The Sacre of Coeur ไม่ผิดหวังจริง ๆ แต่กว่าจะได้เห็น ก็ใช่ว่าจะง่าย ๆ นะ นั่งเมโทรมาลงที่สถานี Abbesses แล้วต้องเดินบันไดขึ้นไปด้านบน เพราะว่าโบสถ์อยู่ด้านบนของเขา ระหว่างทางก็แวะกินพิซซ่ากันก่อน (มาฝรั่งเศส แต่กินพิซซ่า นึกว่ามาเที่ยวอิตาลีมั้ง) แต่เชื่อไหม โหดมาก ๆ โค้ก 1 แก้วราคา 3.5 ยูโร คงไม่ได้กินเงินเก๋หรอก สั่งแต่พิซซ่า หม่ำเสร็จออกไปเดินซื้อโค้กที่ร้านค้าด้านนอก 1 ขวด 2 ยูโร ถูกกว่าเห็น ๆ ความงกบังเกิด กว่าจะเดินขึ้นไปถึงโบสถ์ก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน กินอิ่ม ๆ แล้วเดินขนาดนี้ แต่พอได้เห็นก็ต้องคาค้าง กับความสวยงามและยิ่งใหญ่ จากด้านหน้าโบสถ์ เราสามารถมองเห็นเมืองปารีสด้านล่างได้ เราเดินเข้าไปสำรวจด้านในของโบสถ์ แต่เขาห้ามถ่ายรูป แล้วก็ต้องเงียบมาก ๆ หลังจากตื่นตาตื่นใจกันแล้ว เราเดินย้อนไปด้านหลังของโบสถ์ ไปทาง Place du Tertre ตรงนี้มีสีสันก็ตรงเป็นแหล่งวาดภาพเหมือน อยากจะใช้บริการอยู่หรอก แต่วาดรูปหนึ่ง ก็ตกคนละ 50 ยูโร ถ้า 2 คนใน 1 รูปคิดแค่ 80 แต่ละเจ้าก็ราคาก็ไม่แตกต่างกัน ว่าแล้วก็รอกลับเมืองไทยปีหน้า ไปนั่งให้เขาวาดตรงสะพานพุทธดีกว่า ถูกกว่ากันเยอะแยะ มีให้เห็นอยู่ทั่วไป คนยืนดูเยอะนะ แต่คนให้เงินมีไม่กี่คนเอง ซิออกความเห็นว่ากว่าจะรอถึงเย็น เพื่อที่จะถ่ายรูปโบสถ์ตอนที่เปิดไฟแล้ว เรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ไม่รู้จะทำอะไรกันแล้ว กลับไปพักเอาแรงกันก่อน จริง ๆ เมโทรก็สะดวกดีอยู่หรอก อยู่ไม่ไกลโรงแรมด้วย แต่มันก็ต้องเดินเยอะเหมือนกัน จากการเปลี่ยนสายหนึ่งไปอีกสายหนึ่ง บางทีก็ต้องเดินกันยาวเลย จากเมโทรถึงโรงแรม ออกจากโรงแรมไปเมโทร บวก ๆ กันไปก็ขาลากเหมือนกันนะนี่ ฝ่าเท้านี้ระบบแล้ว นี่ขนาดว่าหารองเท้าที่มันเหมาะแก่การเดินแล้วนะ เฮ้อ เดิน ๆ มากับทัวร์ก็คงจะสบายกว่านี้ แต่ก็ไม่ชอบอีกแหละ เพราะทัวร์มีเวลาจำกัด ไม่ชอบ มื้อเย็นนี้โรงแรมแนะนำร้านอาหารใหม่ให้อีก บอกว่าร้านนี้มีเมนูเป็นภาษาเยอรมัน เราก็จัดแจงไปกันทันที อิ่มอร่อยกันแล้ว เราก็นั่งเมโทรไปที่ Monmartre เหมือนเดิม อยากจะบอกว่าความงามทั้งตอนกลางวัน กับกลางคืนสวยไม่แพ้กันเลย แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนจะขึ้นไปดูโบสถ์ แวะถ่ายรูปกันที่ Moulin Rouge กันก่อน ตรงนี้ผับบาร์เยอะจัง โชคดีนะที่เมโทรมีทั่วไปหมด ทำให้เรามุดขึ้น-ลง ได้อย่างสะดวก ลงตรงนี้ ไปโผล่ตรงนั้น คุ้มค่าตั๋วดีจริง ๆ สวยไหมล่ะ ถูกใจเก๋จริง ๆ กลับบ้านมาแม่ถามว่าชอบที่ไหนที่สุด ก็บอกว่าทุกที่ที่ได้ไปเห็นนะ แต่ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นที่นี่แหละ สวยถูกใจ แถมบรรยากาศตอนกลางคืนดีจริง ๆ นั่งตรงนี้ มองเห็นเมืองปารีสด้านล่าง สวยดี ไฟเต็มระยิบระยับเต็มไปหมดด้านล่าง สว่างไสวไปทั้งเมือง คนมานั่งกันที่นี่เยอะมาก จับคู่กันบ้าง เป็นกลุ่มกันบ้าง ลานด้านหน้ามีโชว์ให้ดูด้วย มีทั้งวงดนตรีมาเล่นกันเอง มีคนมาเต้นโชว์ แล้วก็ยังมีเต้นกับกระบองไฟด้วย เสียงคนปรบมือดังกันเชียว แต่ไม่รู้บรรดาศิลปินที่มาโชว์จะได้เงินกันไปสักเท่าไหร่เนอะ เก๋กับซิอยู่กันได้ไม่นาน ก็ต้องกลับ เพราะดึกมากแล้วเกือบจะเที่ยงคืนอีกแล้ว แถมเหนื่อยสะสม ไม่ไหว กลับดีกว่า รถไฟเที่ยวนี้ ยังมีคนเยอะอยู่เลย แถมยังมีศิลปินบนรถด้วยนะ ซิกัดฟันให้ไป 1 ยูโร ลงทุนสุด ๆ   Create Date : 03 มิถุนายน 2550     Last Update : 3 มิถุนายน 2550 21:18:40 น. Counter : 1437 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Paris Paris, wir fahren nach Paris. (Teil 2) 22-05-07 วันนี้เราไปเดินตามรอยเท้าออสการ์กับอังเดรกันที่ที่พระราชวังแวร์ซาย(Château de Versailles) ฝันเอาไว้นานแล้วว่าอยากจะเห็น ตั้งแต่อ่านกุหลาบแวร์ซาย ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นจริง ๆ ยกความดีความชอบให้ซิแล้วกันงานนี้ แต่เอ ซิบอกว่าไอ้ตั๋วที่เราซื้อมามันใช้ไม่ได้ตรงนี้ เราต้องซื้อตั๋วเพิ่มใหม่ ก็เสียกันไปอีกคนละ 5.25 ยูโร ไป-กลับ โดยใช้บริการรถไฟสายสีเหลือง (RER) นั่งกันไปจนถึงพระราชวัง บนรถไฟมีแต่นักท่องเที่ยวกันทั้งนั้น หลายภาษากันมาก โชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่ วังแวร์ซายวันนี้กำลังซ่อมแซมอยู่หลายส่วน ทำให้ภาพที่ถ่ายด้านนอก จะมองเห็นนั่งร้านเต็มไปหมด เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพเท่าไหร่ ดูสิ นี่ขนาดมาเช้าแล้วนะ คนรอต่อคิวซื้อบัตรผ่านเยอะจริง ๆ เฮ้อ เสียบัตรผ่านคนละ 13.5 ยูโร ก็จะได้ Audio บรรยายส่วนต่าง ๆ ตามห้องในพระราชวัง มีหลายภาษาให้เลือก แต่ไม่ว่าจะภาษาไหน เก๋ก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก ได้ยินแต่หลุยส์ ๆ ๆ ๆ ไม่เป็นไร ประวัติไม่เน้น เน้นชมความงาม ภาพวาดตามห้องต่าง ๆ สวยงามจริง ๆ แต่เอาโดยรวม ไม่ค่อยเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เท่าไหร่ ดูอลังการณ์มากจากด้านนอก ด้านในไม่ค่อยถูกใจเก๋เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีอะไรให้เห็นมากมาย ส่วนมากจะเป็นภาพวาดมากกว่า ส่วนของสวน เสียดายที่ไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์ เขาเลยไม่เปิดน้ำพุ ไม่ได้เดินลงไปดูในสวนเท่าไหร่ เพราะว่าปวดขากันแล้ว แถมอากาศเริ่มเย็น ๆ เนื่องจากมีฝนตกนิดหน่อย สวนด้านข้าง เห็นแล้วก็นึกถึงออสการ์ อยากอ่านอีกจังเลย เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ไหนดีล่ะ ฝากมื้อกลางวันกับพี่ Mac. อีกตามเคย ก่อนจะนั่งรถไฟกับไปที่ notre dame ไปชมความงามของวิหารแคทอริคที่ มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นไงล่ะ วิหารแคทอริคที่งดงาม งามจริง ๆ ด้วย ตื่นตาดีจัง ด้านในวิหาร ลวดลายและสีสันของกระจก สวยดีจริง ๆ อันนี้ใช่ที่เขาเรียกว่า Rose Window หรือเปล่า สวยดี ตามหากันจนเจอ แต่เชื่อไหมคุณขา อยู่ด้านหน้าแท้ ๆ แต่กว่าจะหาได้กินเวลาไปเหมือนกัน เดินผ่านเฉยเลย ตรงนี้เรียกว่าสะดือปารีส ใช้วัดระยะทางจากปารีสไปเมืองต่าง ๆ ได้จากจุดนี้ Point Zero มีความเชื่อกันว่า ถ้าหาเจอ แล้วให้อธิฐานแล้วจะสมหวัง ส่วนมากเขาอธิฐานให้ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่เก๋ดันอธิฐานอย่างอื่นแทน จะสมหวังไหมนี่ จากจุดนี้เราแวะชมความงามทั้งด้านนอก และด้านในโบสถ์อยู่นานพอควร ก็จะเดินกลับไปให้ถึงสะพาน Pont Neuf ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ นะ เดินกันอีกแล้ว เดินไปก็ท่องไป นึกถึงมื้อเย็นไว้เก๋ วันนี้เราจะกินอาหารอร่อยกัน ทำให้มีแรงฮึดขึ้นมาอีก แดดร่มลมตก ได้ดูสะพานเก่าเป็นที่สมใจซิแล้ว เราก็กลับโรงแรมพักผ่อนกันหน่อย เพราะคืนนี้เราจะท่องราตรีกัน อย่านึกว่าเที่ยวผับอะไรพวกนี้นะ เราแค่อยากไปเก็บภาพถ่ายสถานที่ต่าง ๆ ในตอนกลางคืนเท่านั้นเอง โรงแรมแนะนำว่าร้านนี้อร่อย ซิเลยสั่งอาหารชุดมาให้ ผลสุดท้ายปวดท้อง เนื่องจากกินจนจุก นั่งกินกันนานมาก รอให้ข้างนอกมืดก่อน เขาจะได้เปิดไฟกัน ออกจากร้านมาก็เดินกันไปเรื่อย ๆ หาเมโทรกัน ก็เจอกับนี่เลย Opera เป็นโรงละครแห่งชาติ เลยได้มาฝากอีก 1 รูป จากตรงนี้เราตัดสินใจว่าเราจะไปถ่ายรูปหอไอเฟลกันก่อน เรานั่งเมโทรไปจนถึง Trocadero พอเดินขึ้นจากเมโทรมานิดเดียวเอง ก็จะได้ยินเสียงผู้คนเจี้ยวจ้าวกันใหญ่ ซิปิดตาเก๋จากตรงนี้ไปจุดถึงหัวมุมตึก พอเปิดตาเท่านั้นหละ ตาโตเลย ปากค้างนิดหน่อย โห เออ สวยดีว่ะ เปิดไฟแล้วสวยดี นี่น่ะเหรอ หอไอเฟล คนเยอะมาก กว่าจะหามุมถ่ายรูปได้ ต้องคอยหลบผู้คน จากนั้นเราก็วิ่งเข้าเมโทรเพื่อไปต่อกันที่ประตูชัย เพราะเริ่มดึกแล้ว ไม่รู้รถหมดกันกี่โมง หรือว่าวิ่งกันทั้งคืน เกือบจะเที่ยงคืนแล้วด้วย ไปถึงประตูชัย ถ่ายรูปได้แค่ 3-4 รูป ก็วิ่งกลับ ลงเมโทร ไปโผล่ที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ไม่ค่อยเห็นคนเลยตอนนี้ เงียบมาก ๆ รีบถ่ายรูป รีบวิ่งกลับ นั่งรถไฟกลับโรงแรม บรรยากาศในเมโทรตอนกลางคืน ดึก ๆ แบบนี้ น่ากลัวเหมือนกันนะ ดูไม่ค่อยปลอดภัยเลย เพราะบางสถานีเวลาเปลี่ยนรถ ต้องเดินไกลมาก แถมเวลาไม่มีคนเดินด้วย นี่น่ากลัวนะ ยิ่งเจอพวกขอเงินเยอะด้วย เดี้ยง พึ่งพาทุกวันเลย ซิบอกว่าอย่าเผลอลบรูปในกล้องน่ะ เพราะกว่าจะได้มาแต่ล่ะรูปไม่ใช่ง่าย ๆ เลย หมดแรง นอนดีกว่า   Create Date : 03 มิถุนายน 2550     Last Update : 3 มิถุนายน 2550 21:16:51 น. Counter : 926 Pageviews.   2 comment Share Tweet

• vivianyoong
• DesperateMommy
• Kleine junge Hexe !
• Amber n the Gang
• Picike
• asita
• gadeja
• Febie
• Jingjo72
• Webmaster - BlogGang

• ลองดู (พจนานุกรม)
• บ้านพี่หมูแดง
• เวปของเก๋
• Facebook
• BlogGang.com