ซึ่งจากรูปข้างบน จะเห็นว่า router แต่ละตัวจะมีการ configure OSPF process id เพียง process id เดียวเท่านั้น (จริงๆ แล้ว router 1 ตัว สามารถมี ospf process id มากกว่า 1 process id ได้ครับ ซึ่งจะขออธิบายในตอนหลังๆ ครับ) โดย - router R1 จะใช้ OSPF process id 100 - router R2 จะใช้ OSPF process id 200 - router R3 จะใช้ OSPF process id 300
จะเห็นได้ว่า router R1, R2 และ R3 แม้จะใช้ process id แตกต่างกันก็จริง แต่เมื่อใช้ command show ip route บน router ทั้ง 3 ตัว จะพบว่า router ทั้ง 3 ตัวยังคงทำงานเป็นปกติ คือสามารถ เรียนรู้ route หรือ subnet ซึ่งกันและกันได้ทั้งหมด
ดังนั้นจากรูป จึงสรุปได้ว่า หาก router แต่ละตัวในเครือมีการใช้งาน OSPF process id เพียง 1 process แล้ว แม้ router ทุกตัวในเครือข่ายจะมี process id ที่ไม่เหมือนกันก็ตาม มันก็ยังสามารถแลกเปลี่ยน route (subnet) หรือเรียนรู้ route (subnet) ซึ่งกันและกันได้
เกิดคำถามต่อว่า ในเมื่อ OSPF process id ไม่มีผลต่อการเรียนรู้ route หรือ subnet แล้ว Cisco จะบังคับให้เราใส่ process id ในตอนที่เรา configure routing OSPF (command: router ospf ตามด้วย process id) ลงไปในทำไม
ตอบ OSPF process id จริงๆ แล้วไม่มีผลต่อการแลกเปลียน route หรือ subnet เพราะในระหว่างที่มันทำการแลกเปลี่ยน หรือเรียนรู้ route หรือ subnet กันนั้น มันไม่ได้เอาค่า process id แลกเปลี่ยนกันด้วย จึงไม่มีผลต่อการเรียนรู้ route แต่ OSPF process id จะมีผลกับตัวของมันเอง คือเอาไว้ใช้ในตัวเองเท่านั้น
เกิดคำถามต่อมา แล้ว OSPF process id เอามาใช้ในตัวเองยังไงล่ะ อันนี้ยาวครับ ผมจะเอาไปอธิบายในตอนต่อไปนะครับ รับรองว่ามันส์ครับ อธิบายให้เข้าใจและเห็นภาพได้แน่นอน (โปรดติดตามตอนต่อไป)
ลูกค้าที่เคยมารับการอบรม เช่น - Lao Telecom Company Ltd - CAT Telecom - TOT - True - dtac - CDG Group - SITA air transport communications and information technology (www.sita.aero/) - Infonet Thailand - MultiLink Co., Ltd - โรงพยาบาลไทยนครินทร์ - และเคยไปเป็นวิทยากรพิเศษที่ มหาวิทยลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ