อธิบาย OSPF Stub Area, Totally Stubby Area, NSSA และ Totally NSSA แบบสรุป
ก่อนจะกล่าวถึงชนิดของ Area ต่างๆ ใน OSPF ผมขอปูพื้นสำหรับคำว่า LSA ในนิดนึงก่อนนะครับ
LSA (Link State Advertisement) ใน OSPF คืออะไร? routing protocol แต่ละชนิดจะมีวิธีการ update route (subnet หรือ network id) ที่แตกต่างกันไป
สำหรับ OSPF แล้ว จะมีวิธีการ update route หรือการประกาศ route ผ่านทาง OSPF packet ที่มีชื่อว่า LSA ครับ โดย LSA จะมีด้วยกันหลายชนิด หรือหลาย type ซึ่งจะมีตั้งแต่ LSA type 1 ถึง LSA type 11 ดังภาพข้างล่างครับ
แต่จากประสบการณ์การทำงานของผมแล้ว LSA type ที่เราๆ ท่านๆ จะพบแน่ๆ ในชิวิตประจำวันกับ network ที่เป็น OSPF Domain สำหรับ IPv4 จะมีดังนี้คือ LSA type 1, 2, 3, 4, 5 และ 7 ครับ
ซึ่ง LSA ที่ผมจะกล่าวถึงในบทความนี้อย่างจริงๆ จังๆ นั้น ผมจะขอกล่าวถึงแค่ LSA type 3, 5, และ 7 เท่านั้นนะครับ เพราะ 3 type นี้จะเกี่ยวข้องกับชนิดของ OSPF Area ตามหัวข้อของบทความนี้ครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มเนื้อหาในหัวข้อนี้กัน เวลามีการ redistribute route อื่นเข้ามาใน OSPF Domain ปกติจะเป็น LSA Type 5 (External route) ซึ่ง route ภายนอก OSPF Domain ตามหลักการของ OSPF แล้วจะตีความว่ามีจำนวน route มาก จึงมีการกำหนดชนิดของ Area ขึ้นมาคือ
- Stub Area เป็น Area ที่จะรับแต่ route ที่เป็น LSA type 3 (route จาก Area อื่น แต่เป็น route ที่อยู่ใน OSPF Domain เดียวกัน) แต่จะไม่รับ route ที่เป็น External route (route ใน LSA type 5) โดย ABR ของ Stub Area จะทำการแปลง External route ใน LSA type 5 ที่รับมาจาก Backbone Area (Area 0) ให้กลายเป็น Default route แล้วทำการประกาศ Default route นี้เข้าไปใน Stub Area ของตน
- Totally Stubby Area จะเป็น Area ที่คล้ายๆ Stub Area แต่จะไม่รับ route ทั้ง External route (LSA type 5) และ route ใน LSA type 3 ซึ่ง ABR ของ Totally Stubby Area จะเป็นผู้ที่ทำการแปลง route ที่ถูกประกาศมาใน LSA ทั้งสอง ที่รับมาจาก Backbone Area ให้กลายเป็น Default Route ทั้งหมด แล้วประกาศ Default route นี้เข้าไปใน Totally Stubby Area ของตน
- NSSA (Not So Stubby Area) เกิดมาจาก Stub Area มีข้อจำกัดเช่น ห้ามมี ASBR ใน Area (คือ ห้าม Stub Area รับ External Route หรือ LSA type 5) แต่เนื่องด้วยความจำเป็นบางอย่างจึงทำให้เราต้องทำ Stub Area แบบฝืนหลักการของ Stub Area ดังนั้น OSPF จึงมี Area อีกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อลองรับเงื่อนไขนี้ นั่นก็คือ NSSA ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็คือ ไม่ใช่ Stub Area ซะทีเดียว โดย NSSA จะคล้ายๆ กับ Stub Area แต่จะสามารถมี ASBR ภายใน NSSA Area ได้ โดย ASBR ที่อยู่ใน NSSA Area จะรับ external route เข้ามาจากการ redistribute external route จากภายนอก OSPF Domain เข้ามาใน NSSA Area และ ASBR จะทำการแปลง External route ให้กลายเป็น route ที่อยู่ใน LSA type 7 (เพราะ NSSA Area และ Stub Area ห้ามมี External route (LSA type 5) นั่นเอง) และจาก NSSA ที่มีหลักการคล้ายๆ กับ Stub Area คือห้ามมี LSA type 5 ดังนั้น ABR ของ NSSA area เมื่อรับ route จาก Backbone Area (Area0) เข้ามาจะรับแต่ route ใน LSA type 3 เท่านั้น ส่วน route ที่อยู่ใน LSA type 5 ที่เข้ามาจะถูกแปลงเป็น default route ด้วยการ configure อย่าง manual บน ABR แล้ว ABR จึงประกาศ Default route นี้เข้าไปใน NSSA area ของตนเอง ตัวอย่างการ configure ให้ ABR ของ NSSA ประกาศ default route เข้าไปใน NSSA Area router ospf 10 area 1 nssa default-information-originate
-Totally NSSA ก็คือ NSSA area ที่ไม่รับทั้ง route ที่อยู่ใน LSA type 3 และ LSA type 5 นั่นเอง ดังนั้น ABR ของ Totally NSSA area จะเป็นผู้ที่แปลงทั้ง route ที่อยู่ทั้งใน LSA type 3 และ LSA type 5 ให้กลายเป็น default route แล้วประกาศเข้าไปใน Totally NSSA ให้อย่างอัตโนมัติครับ ไม่ต้อง manual configure การประกาศ default route เหมือนอย่าง NSSA ธรรมดา เปรียบเทียบ Stub area กับ NSSA area ความเหมือนกันของ Stub area กับ NSSA area - Area ทั้งสองแบบ เป็น area ที่รับมาแต่ LSA type 3 จาก Backbone area เท่านั้น แต่จะไม่รับ LSA type 5 จาก Backbone area โดย ABR จะเป็นผู้คัดกรองให้ - เหมาะกับ area ที่มี router รุ่นเล็กๆ หรือ router ที่มี performance ต่ำๆ ความแตกต่างกันของ Stub area กับ NSSA area - Stub area ห้ามมี ASBR อยู่ในภายใน area แต่ NSSA area สามารถมี ASBR อยู่ใน area ได้ - Stub area จะไม่มี LSA type 7 แต่ NSSA area จะมี LSA type 7 - ABR ของ Stub area จะสร้าง หรือ generate default route แล้วประกาศเข้าสู่ area ของตนเองอย่างอัตโนมัติ แต่ ABR ของ NSSA area จะไม่สร้าง หรือ ไม่ generate default route อย่างอัตโนมัติเหมือนอย่าง Stub area แต่ network administrator จะต้องเป็นผู้ configure default route เองอย่าง manual
เปรียบเทียบ Totally Stubby area กับ Totally NSSA area ความเหมือนกันของ Totally Stubby area กับ Totally NSSA area - Area ทั้งสองแบบ เป็น area ที่ไม่รับทั้ง LSA type 3 และ LSA type 5 จาก Backbone area โดย ABR จะเป็นผู้คัดกรองให้ - เหมาะกับ area ที่มี router รุ่นเล็กๆ หรือ router ที่มี performance ต่ำๆ ความแตกต่างกันของ Totally Stubby area กับ Totally NSSA area - Totally Stubby area ห้ามมี ASBR อยู่ในภายใน area แต่ Tatally NSSA area สามารถมี ASBR อยู่ใน area ได้ - Totally Stubby area จะไม่มี LSA type 7 แต่ Totally NSSA area จะมี LSA type 7
ถาม แล้วจะใช้ Stubby area, Totally Stubby, NSSA area และ Totally NSSA area นี้เมื่อไหร่? ตอบ ก็ใช้เมื่อ area นั้นๆ มีแต่ router รุ่นเล็กๆ ที่มี performance ต่ำๆ ครับ เช่น มี Memory หรือ RAM น้อย ไม่สามารถรองรับ route จำนวนมากได้ เพราะ area เหล่านี้จะทำการแปลง route จำนวนมากให้กลายเป็น Default route เพียง route เดียว ทำให้ไม่กิน Memory ของ router
และที่เน้นคือ area เหล่านี้ควรจะมีทางออกทางเดียว หรือมี ABR ตัวเดียวครับ เพราะ ABR จะเป็นผู้โยน Default route เข้าไปใน area ของมัน โดยท่านสามารถสังเกตประกอบได้จากภาพข้างล่าง
สำหรับภาพ OSPF LSA ที่จะสอน จะเป็นภาพในตำนานที่ผมได้สรุป และรวบรวมดังภาพข้างล่างครับ
รูป OSPF LSA ในตำนานนี้ แม้จะทำให้เรารู้ว่า มันจะต้องเปลี่ยนจาก LSA type ไหน เป็น type ไหน แต่มันก็จะสร้างคำถามมากมายให้กับเราว่า:
- ทำไม routing update ของ OSPF ถึงต้องมีหลาย type แล้วแต่ละ type มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร - ทำไมต้องกั้น type 1 กับ type 2 และส่งออกเป็น type 3 แทน - ทำไมมี type 5 แล้วต้อง ผลิต type 4 ตามมาด้วย - ทำไม field ที่ชื่อว่า advertise router ID สำหรับ LSA บาง type จึงต้องเปลี่ยน Advertising Router ID เมื่อมีการประกาศข้าม ABR (มันเกี่ยวกับ metric)
สิ่งเหล่านี้มีคำตอบทั้งหมด แต่การจะหาเอกสารอ่านนั้นค่อนข้างยาก ผมจึงมีแผนว่า ถ้ามีเวลา จะเขียนเป้นหนังสือหนึ่งเล่ม เกี่ยวกับ OSPF โดยเฉพาะครับ แต่ยังไม่สามารถ confirm ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะงานเขียน มันก็คือ ศิลปะ แขนงหนึ่ง ต้องใช้ สติ และความปราณีต
เหตุใดเราจึงจำเป็นต้องรู้ และเข้าใจในเรื่องของ OSPF LSA type? การ configure ให้มันใช้งานได้ ไม่ใช่เรื่องยาก หา configuration ตัวอย่างมาทำเป็น template ท่านก็จะสามารถ configure ให้มันทำงานได้แล้ว แต่เวลามีปัญหา แล้วตัวตรวจสอบ หรือวิเคราะห์ปัญหานี่สิ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เรา configure นั่นคือ หากท่านไม่มีความเข้าใจใน OSPF LSA type แล้ว ท่านก็ต้องตกอยู่ในสภาพวะ กังวล หาก "OSPF network มีการ failure"
Guide ให้หน่อย เพื่อเป็นแนวทางไปศึกษาเองเพิ่มเติมได้ง่ายครับ LSA จะทำหน้าที่เป็น routing update ใน OSPF protocol โดย LSA แต่ละ type จะรับผิดชอบในการ update route แต่ละประเภทแตกต่างกันไป หากถ้าเราดู route ที่อยู่ใน routing table ก็จะพบ OSPF route ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เช่น O, O IA, O E1, O E2, O N1, O N2 ซึ่งมันจะเกี่ยวข้องกับ LSA type ต่างๆ รวมไปถึงเรื่อง metric ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจ LSA แต่ละ type ก็เท่ากับว่า เราจะรู้ว่า route ที่หายไป น่าจะเกิดจาก LSA type ไหนมีปัญหา หรือไม่ได้ถูก update มา โดยเอาไปเทียบกับ network diagram ที่มีอยู่ และนำไปตรวจสอบเทียบกับ LSDB (Link-State Database) ต่อไป ก็จะสามารถคาดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรครับ
อย่างไรก็แล้วแต่ ผมจะสอนสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียดในวิชา ROUTE ดัง link ข้างล่าง แต่หากท่านใดสนใจจะเรียนแต่ OSPF อย่างเดียวแบบ 2 วัน ซึ่งยังไม่เคยเปิดสอน ท่านก็สามารถลงชื่อแจ้งไว้ได้ครับ และเมื่อมีจำนวนคนมากพอ ผมจะเปิดสอนเฉพาะ OSPF อย่างเดียว 2 วัน ให้เป็นกรณีพิเศษครับ
สำหรับ Lab OSPF บน GNS3 ผมได้ทำเอาไว้ให้ท่านได้ download ตาม link ใต้ภาพนะครับ
ขอเชิญทุกท่านที่สนใจเข้าไป download Lab GNS3 ที่ผมได้ทำเอาไว้ได้เลยครับ มี pre-configuration ให้หมดแล้วทั้ง Normal Area, Stub Area, Totally Stub Area, NSSA Area และ Totally NSSA Area (ท่านต้องใช้ IOS 3745 นะครับ)
Link Download: OSPF Lab by KOChaiwat
Link Download: IOS 3745
Create Date : 02 มิถุนายน 2556 |
| |
|
Last Update : 30 สิงหาคม 2558 23:42:53 น. |
| |
Counter : 21567 Pageviews. |
| |
|
|