space
space
space
space

แด่...การตัดสินใจที่ไร้เหตุผลที่สุด


   อัญชลีเป็นเพื่อนผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย อัญชลีเป็นคนจังหวัดระนอง เข้ามาเรียนกรุงเทพฯตั้งแต่เด็กๆ เรียนจบม.6 จากโรงเรียนราชินี แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะเดียวกับผม อัญชลีเป็นคนไม่สวย ใส่แว่นหนา สูงราว165 ซม ผมยาว ผิวขาว ต้วมเตี้ยมๆน่ารัก อัญชลีเป็นคนมั่นใจตัวเองสูง ตอนเข้าปีหนึ่งรุ่นพี่ถามใครจะเป็นหัวหน้าชั้นปี ไม่มีใครรับอาสาเลยต้องจับฉลาก ผมลืมดูดวงมาก่อนจึงจับฉลากได้ภาระนี้มา ผมเลยเอาบ้างถามว่าใครจะรับเป็นเหรัญญิกชั้นปี นึกในใจเดี๋ยวตูได้สั่งให้จับฉลากบ้างแน่นอน แต่เปล่าอัญชลียกมืออาสาเป็นตำแหน่งนี้ ด้วยลอยยิ้มอันน่ารักของเธอ สร้างความประหลาดใจให้กับผมเป็นอย่างยิ่ง ต่อๆมาอัญชลีก็ช่วยทำหน้าที่นี่ได้อย่างดี เธอละเอียดเรื่องการใช้จ่าย แต่มีเหตุผลและหลักการ รับฟังเหตุผลของทุกคนทุกเรื่องและมีบทสรุปให้ทุกเรื่องเสมอ อัญชลีวางตัวได้น่ารักมากๆ เมื่ออยู่ในหมู่เพื่อนฝูงไม่มากไม่น้อย และมีน้ำใจมีไมตรีให้ทุกคนที่เป็นมิตร มีเพื่อนคณะอื่นมาชวนคุย อัญชลีก็วางตัวดีไม่เกินเลยไปกับใครจนเกินงาม คุยได้หมดแต่ไม่มีใครชนะใจเธอได้ซักคน อัญชลีจึงมีเพื่อนมากมายทั้งมหาวิทยาลัยรวมทั้งผมด้วย เรื่องเรียนอัญชลีก็ไม่เคยตกหล่น เรียนอย่างสม่ำเสมอ และคอยเตือนเพื่อนๆที่ชอบโดดเรียนรวมทั้งผมด้วย อัญชลีให้เพื่อนยืมสมุดไปถ่ายเอกสารเสมอเวลาใกล้สอบ แน่นอนผมก็ใช้บริการอยู่เสมอไม่เคยขาด

  อัญชลีมีความแน่วแน่อยากทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ มีอยู่ปิดเทอมหนึ่งรุ่นพี่คนหนึ่งมาชวนอัญชลีให้ไปวัดธรรมกายฯ รุ่นพี่คนนี้มาพูดยาวมากผมนั่งก็แล้วหลับก็แล้ว ตื่นมาพี่คนนี้ยังพูดไม่จบเลย แต่อัญชลีกลับนั่งฟังอย่างสนใจ และซักถามพี่คนนี้อย่างมีเหตุผล แต่อัญชลีก็ไม่ได้แสดงออกให้เห็นเลยว่าเธอจะเชื่อแบบไม่มีเหตุผล ขนาดเรื่องความเลื่อมใสเธอยังพยายามจะใช้เหตุผลเลย จนสุดท้ายเธอบอกผมว่าเธอจะไปวัดธรรมกายตามคำแนะนำของพี่คนนี้ ไปอยู่วัด 5 วัน อัญชลีชวนผมไปด้วย ผมบอกผมเป็นนักเรียนวัดมา 6 ปีแล้วไม่เป็นไรผมใกล้วัดอยู่แล้ว อัญชลีบอกใกล้แต่ตัวแต่ใจไกลมากจะไปไม๊ ผมบอกเอางี้แล้วกันผมไปเป็นเพื่อนแล้วกลับเลย วันที่ 5 ก็ไปปิดท้ายอีกวันแล้วกัน อัญชลีทำหน้าเหนื่อยหน่ายแต่ไม่พูดอะไร คืนก่อนเดินทางเพื่อนๆนัดกันไปนั่งเล่นหอเพื่อน ผมก็สนุกใหญ่เลย  เตะบอลกันถึงสองทุ่ม อาบน้ำเล่นไพ่กันต่อ แต่ไม่กินเหล้าพวกผมเด็กดี เล่นจนถึงตี 4 ถึงได้นอน แล้วไงละทีนี้พอ 7.00 น ได้เวลานัดอัญชลีมาตะโกนเรียกอยู่ด้านล่าง ผมสะดุ้งสุดตัวโผล่หัวอันยุ่งเหยิงออกนอกหน้าต่าง อัญชลีเห็นแล้วแทนที่จะไม่พอใจ ที่ผมยังไม่แต่งตัว อัญชลีกลับยิ้มๆส่วยหน้าทำท่าน่ารักในแบบของอัญชลี แล้วบอกว่าไม่รอละนะไปก่อน ผมก็ไปนอนต่อตื่นมางงๆนึกว่าฝันไป กว่าจะจำความได้ก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว รู้สึกผิดที่รับปากแล้วไม่ได้ไปตามนัด เวลาก็ผ่านไปจนถึงวันที่ห้า ผมตัดสินใจไปวัดธรรมกายในเช้าวันนั้น ไปลำบากน่าดูไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อนรถเมล์ก็แน่น นั่งรถไปบ่นไปว่าทำไมมันลำบากแบบนี้ ไปถึงต้องนั่งมอไซด์เข้าไปอีก นึกในใจจะเจออัญชลี หรือเปล่าก็ไม่รู้ ลำบากขนาดนี้ อัญชลีหนีกลับไปแล้วมั๊ง เข้าไปถึงวัดคนเยอะมากๆไม่รู้มาจากไหนเยอะขนาดนี้ คนเยอะจริงๆแต่ระบบการจัดการเขาสุดยอดมากๆ เยอะแต่ไม่วุ่นวายทุกอย่างมีระบบ โชคดีเจอรุ่นพี่คนที่ทำให้ต้องมาลำบากแบบนี้พอดี รุ่นพี่บอกอัญชลี อยู่จุดโน้นเดินไปเลี้ยวขวา ตรงไปเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวาอีกตรงไปสุดเลี้ยวขวาอีกทีก็เจอ ผมขอบคุณรุ่นพี่คนนั้นแล้วก็ชวนพี่คนนี้เดินไปด้วยกัน ใครจะไปจำไหวไกลขนาดนั้น มาวัดนี้แล้วเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี๊ยะ พอเจออัญชลีเธอกำลังกวาดพื้นอยู่ ท่าทางสดใส และดูสง่างามมาย ไม่เคยเห็นคนกวาดถนนที่ดูดีขนาดนี้มาก่อนเลย อัญชลีทำท่าเหมือนไม่แปลกใจที่เจอผม พาผมเดินชมรอบๆวัด อธิบายระบบของวัดให้ผมฟังและชวนไปไหว้หลวงพ่อ กินข้าว ล้างจาน เก็บของแล้วลากลับทุกอริยาบทเธอทำได้อย่างจริงใจและดูเป็นธรรมชาติ ผมซะอีกที่ดูอึดอัดๆยังไงชอบกล อัญชลีพาผมกลับ ก่อนกลับแวะสระน้ำและให้ผมช่วยถ่ายรูปให้อัญชลี 1 ใบ กำลังได้แดดพอดีผมบอกผมขอรูปนี้ 1 ใบ ต่อมาอัญชลีก็ให้ผมตามขอ ในรูปอัญชลี ดูดีมากๆหรือผมถ่ายเก่งก็ไม่รู้ ตอนนั่งรถขากลับเธอสรุปสิ่งที่ได้เห็นตลอดห้าวันให้ผมฟังอย่างมีเหตุผล และสิ่งที่ผมห่วงว่าอัญชลีจะงมงายก็หมดไป เพราะอัญชลีแสดงให้เห็นแล้วว่า มีเหตุผลพอที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ต่อมาปีแล้วปีเล่าอัญชลีก็ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มากไม่น้อย

    จบปีสี่ผมไม่จบตามเพื่อนๆต้องเรียนอีกปี ตอนนั้นเริ่มเจออัญชลีน้อยลง อัญชลีโทรมาหาบางครั้ง โทรมาปรึกษาว่าแม่แนะนำให้รู้จักลูกเพื่อนแม่ อายุราว30 กว่าๆ แต่ท่าทางจริงใจและมาชอบอัญชลี เอาไงดีผมก็ให้คำปรึกษาไปและคิดว่าเรื่องไม่น่าจะไปไหนเร็วนัก อัญชลีก็เพิ่งจบได้ยังไม่ถึงปีเลย งานก็เพิ่งได้อัญชลีคงไม่ตัดสินใจอะไรรวดเร็ว อายุ20ต้นๆยังมีเวลาคิดเรื่องแต่งงานอีกนาน มีอยู่คืนหนึ่งตอนสามทุ่มอัญชลีมาที่บ้านผม มาขอรูปที่ให้ผมไว้คืน ที่จริงอัญชลีโทรมาบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าฟิลม์หาย อัญชลีต้องการรูปนั้นเพื่อไปทำซ้ำอีกชุด แต่ไม่คิดว่าอัญชลีจะมาเอาถึงบ้านและมากับลูกเพื่อนแม่ ผมเก็บรูปนั้นไว้รวมกับรูปอื่นๆแต่ทำไมไม่ทราบ ผมกลับโกหกอัญชลีว่าหารูปไม่เจอ เธอก็ไม่ว่าอะไรถามผมว่าสบายดีหรือแล้วก็ลากลับไป เมื่อก่อนมือถือไม่มี มีก็แพงไม่มีเงินซื้อจะคุยกันได้ต้องรอกลับบ้าน เลยไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก
   เช้าวันหนึ่งข่าวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพื่อนผมที่เป็นคนใต้เป็นเพื่อนสนิทของอัญชลี มาบอกผมว่าอัญชลีฝากบอกว่าตัดสินใจแต่งงานกับลูกเพื่อนแม่ แต่งแล้วก็ย้ายกลับไปช่วยงานสะพานปลาของแม่ที่ระนอง ผมฟังแล้วหัวหมุนงงอยู่กว่า 1 ชม ไม่ใช่อาการของคนอกหักนะครับ แต่ผมไม่เข้าใจการตัดสินใจของอัญชลีในเรื่องนี้ อายุก็เพิ่ง 22 เรียนก็เพิ่งจบปีกว่าๆ แต่งงานกับคนที่เพิ่งรู้จักมาแค่ปีเดียว แถมทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ อัญชลีแต่งแล้วกลับไปทำงานที่บ้าน สามีอยู่กรุงเทพฯ แต่อัญชลีอยู่ระนอง เดี๋ยวมีลูกแล้วก็ต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน เรียนมาแทบตายวัยที่ควรจะพบสิ่งที่ท้าทายและเก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆมากมายในโลกนี้ แต่อัญชลีกลับตัดสินใจอะไรแคบๆแบบนี้  มันจะดียังไงละทีนี้ วันนั้นฝนตกหนักมากถึงเวลาจะผ่านมากว่า 10 ปีผมจำได้ ผมนั่งอยู่ในซุ้มที่ผมนั่งคุยกับอัญชลี บ่อยๆ พยายามหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้ ผมนั่งอยู่กว่า 3 ชมคนเดียวคิดแล้วคิดอีก นั่งก็แล้วนอนก็แล้วคิดจนปวดหัวไปหมด ถ้าอัญชลีอยู่ด้วยก็ดีเพราะปกติมีอะไรที่ยากๆ อัญชลีจะช่วยคิดช่วยแก้ได้เสมอๆ แต่วันที่ฝนตกหนักในซุ่มเดิมๆ ขาดเพียงอัญชลี ผมไม่สามารถคิดหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้ได้ ผมเลยเดินตากฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกลับหอเพื่อน และกัดฟันสรุปว่า...นี่คือการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลที่สุด



Create Date : 01 กันยายน 2548
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2561 22:06:13 น. 0 comments
Counter : 862 Pageviews.

k.j
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]






space
space
[Add k.j's blog to your web]
space
space
space
space
space