เงื่อนงำของThe Watcher ในเดือนกันยายน ปี2001 ขณะปรากฏตัวเพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่องHardballในเทศกาลToronto Film Festivalที่แคนาดา คีอานู รีฟส์ กล่าวถึงThe Watcherงานชิ้นเก่าของเขา ที่ออกฉายตั้งแต่ปีก่อนอย่างโล่งอก "ถ้านี่คือเดือนกันยายน ก็หมายความว่าผมได้ทำทุกอย่างเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนั้นตามสัญญาทุกอย่างแล้ว ผมอยากบอกตามตรงว่า ตัวผมเองไม่เคยคิดว่าบทของหนังเรื่องนี้น่าสนใจเลย แต่เพื่อนคนหนึ่งปลอมลายเซ็นต์ผมลงในสัญญา แล้วที่มันเลวร้ายกว่านั้นคือ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าลายเซ็นต์อันนั้นไม่ใช่ของจริง ดังนั้นเพื่อจะไม่ต้องเป็นความในศาล ผมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเล่นหนังเรื่องนั้น" The Watcher เป็นหนังThrillerที่ออกฉายในเดือนกันยายน ปี2000 นำแสดงโดย James Spader, Keanu Reeves และ Marisa Tomei กำกับการแสดงโดย ผู้กำกับหน้าใหม่Joe Charbanic เขียนบทโดย Darcy Meyers และDavid Elliot เนื้อเรื่องกล่าวถึงฆาตกรต่อเนื่องในลอสแองเจลิส David Allen Griffin(คีอานู) ที่เลือกเหยื่อเป็นหญิงสาวที่อยู่คนเดียวแล้วจับตามองเหยื่อของเขาจนเข้าใจพวกเธอทุกอย่าง จากนั้น เดวิดจะเลือกวิธีฆ่าซึ่งมีทั้งการลอบเข้าไปในบ้าน หรือการหลอกล่อตีสนิทจนเธอชวนเขาไปยังที่พักของเธอ และเมื่อได้โอกาสเพียงครั้งเดียวฆาตกรก็สามารถปลิดชีวิตพวกเธอช้าๆ จนเหยื่อตายอย่างทรมาณ เดวิดเป็นคนฉลาดและมีจิตวิทยาสูง เขาจึงหลีกเลี่ยงการจับกุมได้ทุกครั้ง แม้ว่าเหยื่อคนล่าสุดของเดวิดจะเป็นภรรยาของตำรวจนักสืบJoel Campbell(เจมส์) เขาก็ยังทำได้สำเร็จ การสูญเสียภรรยา ทำให้ความมั่นใจของนักสืบแคมเบลสั่นคลอนและเสียขวัญจนต้องย้ายไปแผนกตำรวจที่ชิคาโก แล้วเข้ารับการบำบัดจิตใจจากจิตแพทย์สาวDr. Polly Beilman(มาริสา) แต่ฝันร้ายชื่อเดวิดไม่ยอมปล่อยแคมเบลไปง่ายๆและยังตามมาท้าทายเขาถึงชิคาโก เดวิดส่งรูปหญิงสาวที่ต้องตายเป็นรายต่อไปมาให้นักสืบแคมเบล นั่นทำให้ชิคาโกปั่นป่วนไปทั้งเมืองเพื่อตามหาหญิงสาวผู้โชคร้ายก่อนเวลาที่เดวิดจะฆ่าหล่อน The Watcherขึ้นอันดับ1ทันทีที่ออกฉาย เพราะความแรงของคีอานู รีฟส์หลังความสำเร็จของThe Matrix และยังมียอดรวมรายได้เป็นอันดับที่23ของตารางอันดับหนังThrillerทำเงินตลอดกาล(อันดับหนึ่งคือHannibal ติดตามด้วย2-5เป็นThe Silence of the Lambs , Basic Instinct , Seven และ Red Dragon ตามลำดับ) ตามหลักทั่วไป ผู้กำกับหน้าใหม่ที่ทำงานครั้งแรกแล้วติดอันดับหนึ่งในอเมริกาบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างJoe Charbanic ต้องมีงานวิ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกสิ่งไม่เป็นเช่นนั้น เพราะCharbanicดูเหมือนจะเริ่มต้นและจบไปพร้อมกับThe Watcher แองจีสืบค้นประวัติของJoe Charbanicแล้วพบว่า ไม่มีใครกล่าวถึงเขามากนัก ผลงานในอดีตนอกจากThe Watcherก็มีเพียงการเป็นโปรดิวเซอร์ของSeven Songs Seldom Seenในปี1992 กำกับMusic Videoเพลง"Do You Right"ของ311 และช่วยกำกับในThe Last Time I Committed Suicide ปี1997 ซึ่ง...เป็นเบาะแสเดียวที่จะโยงเขาเข้าหาคีอานู รีฟส์ คีอานูรับบทตัวละครสบทบในภาพยนตร์ชีวประวัติของนีล แคสสิดีเรื่องThe Last Time I Committed Suicideซึ่งมีชื่อของคาร์บานิคในเครดิตว่าsecond second assistant director(ผู้ช่วยผูกำกับคนที่สองของที่สอง...เอ๊ะ งง) หนังชีวประวัติเรื่องนี้ออกฉายวันที่ 20 June 1997 ดังนั้นการพบปะของทั้งคู่จึงเป็นช่วงท้องคลื่นลูกที่สองของคีอานู รีฟส์(...แหะ ก็ถ้าเราจับกระแสของพี่คีเป็นคลื่นสามลูก ยอดคลื่นลูกแรกคือ"Bill & Ted's Excellent Adventures" ตามด้วยยอดลูกที่สองและสามคือSpeedกับThe Matrixไงคะ) ตำนานของหนังThe Watcher เล่าว่า หลังจากอ่านบทคร่าวๆคีอานูรับปากกับคาร์บานิคด้วยคำพูดหลายปีก่อนที่หนังจะเปิดกล้องว่าจะแสดงบทฆาตกรต่อเนื่องตัวนี้(อนุมานว่าน่าจะเป็นปี1996ที่ทั้งคู่พบกันในกองถ่าย) จนกระทั่งเมื่อโด่งดังจากยอดรายได้กับThe Matrix คีอานูผู้ที่ลืมทุกอย่างไปเกือบหมดแล้วก็ต้องตกใจกับลายเซ็นต์ท้ายสัญญาของตัวเอง(รึเปล่า?)ที่คาร์บานิคนำมาเป็นหลักฐาน ความฝันที่จะกำกับหนังครั้งแรกของJoe Charbanicเป็นจริงด้วยการนำลายเซ็นต์ของรีฟส์ไปกล่าวอ้างกับนายทุนแล้วหว่านล้อมนักแสดงรายอื่นให้มาร่วมหัวจมท้ายในโครงการนี้ ข่าววงในอ้างว่า แม้รีฟส์จะได้ผลประโยชน์จากหนังเรื่องนี้ด้วยการได้รายได้เป็นส่วนแบ่งแทนที่จะได้แค่ค่าตัวเหมือนนักแสดงหลักอีกสองคนในเรื่อง(James SpaderและMarisa Tomei)ที่ได้ค่าตัวไปเพียงคนละหนึ่งล้านดอลลาร์ รีฟส์ก็ยังไม่อยากเล่นหนังเรื่องนี้ แล้วพยายามหลายอย่างที่จะทำให้โปรเจ็กท์นี้จบไป แต่ด้วยกรณีศึกษาทางกฏหมายของคิม บาซิงเจอร์กับหนังเรื่องBoxing Helena(1993) คีอานู รีฟส์เปลี่ยนใจไม่นำการปลอมลายเซ็นต์นี้เข้าสู่ศาลแล้วยินยอมแสดงในThe Watcher พร้อมทั้งยอมรับเงื่อนไขที่จะไม่กล่าวถึงที่มาที่ทำให้เขารับบทนี้ในการทำการตลาดของภาพยนตร์ รวมทั้งในหนังตัวอย่างเป็นเวลารวมทั้งสิ้นสิบสองเดือน แต่คาร์บานิคก็ต้องเปลี่ยนแปลงบทและเขียนหลายอย่างเพิ่มขึ้นมากมาย เพื่อผลักดันโปรเจ็กท์นี้ไปให้ตลอดรอดฝั่ง(ในการนี้ คาร์บานิคอ้างว่า ครั้งแรกเขาวางความสัมพันธ์ของ เดวิดและแคมเบลไว้แบบ เกย์-เกย์ แต่เอเจ้นท์ของรีฟส์ยืนยันว่าหากฆาตกรคนนี้เป็นเกย์ พวกเขาไม่ยินยอมให้คีอานู รีฟส์เล่นอย่างแน่นอน นั่นทำให้โจเอล คาร์บานิคอ้างว่าหนังของเขาพังไม่เป็นท่า เพราะไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าทำไมเดวิดถึงผูกพันกับแคมเบลนัก) บทสรุปของThe Watcher สามารถพูดถึงได้ในหลายแง่มุม ถ้าพูดในแง่ความบันเทิง หนังเรื่องนี้ก็ไม่เลวร้ายนัก คาแรกเตอร์ของตัวเอกทั้งคู่มีแง่มุมที่น่าสนใจ แต่มันตีโจทก์ไม่แตกในเรื่องแรงจูงใจที่ฆาตกรเดวิดมีต่อนักสืบแคมเบล(ซึ่งอาจจะดีกว่าถ้ายินยอมให้ทั้งคู่เป็นเกย์ไปซะ) ในด้านเสียงตอบรับ แม้นักวิจารณ์หลายสำนักจะเมินหน้าแต่ก็มีผู้ชมหลายคนชื่นชอบ ส่วนในด้านบทเรียนชีวิต คีอานู รีฟส์คงต้องยอมรับความจริงว่าเพียงแค่ลวดลายรอยน้ำหมึกที่กล่าวอ้างว่าเป็นลายมือชื่อของตน ก็มีอิทธิพลไปถึงเงินทุนที่ใช้สร้างหนังในฮอลลีวูด สำหรับโจเอล คาร์บานิค ผลงานเรื่องThe Watcherได้สอนเขาแล้วว่า การทำความฝันให้เป็นจริงนั้น ไม่ง่ายเพียงแค่หลอกล่อให้ทุกอย่างเดินไปตามสตอรีบอร์ดที่ตนวางไว้ คีอานู รีฟส์นั้นเป็นคนใจบริสุทธิ์ โดยปกติเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่น แล้ววางใจคนที่เขาเชื่อถืออย่างไม่มีเงื่อนไข แต่โลกนี้ไม่ปลอดภัยอย่างที่คีอานูคิด ทุกคนล้วนมีเป้าหมายที่อาจมีเขาเป็นหนึ่งในเครื่องมือไปสู่ความฝัน แม้บทเรียนครั้งนี้จะสร้างความเสียหายกับชื่อเสียงของเขาเพียงเล็กน้อย แต่ก็สร้างรอยแผลในใจและการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่เขามีต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง หลังจากเรียนรู้ว่าการตกเป็นเหยื่อของคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนเจ็บปวดแค่ไหน คีอานูสร้างกำแพงระหว่างชีวิตส่วนตัวของเขาต่อสังคมหนาขึ้น แต่นั่นก็ยังไม่มากพอถ้าคีอานูไว้ใจคนผิด เมื่อเร็วๆนี้ แองจีได้ข่าวว่าไทเกอร์ เช็งเพื่อนรุ่นน้องชาวจีนที่กำลังเข้าสู่วงการสร้างหนังในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้นำเรื่องส่วนตัวของเขาไปเล่าไว้เป็นเรื่องก็อซซิปในบอร์ดของตนแล้วมีชาวจีนที่สนใจคีอานูเข้าไปพูดคุยเป็นจำนวนมาก แองจีไม่ทราบว่าไทเกอร์ เช็งสนิทสนมกับคีอานูมากแค่ไหน แต่โดยมารยาทแล้วเราไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไปโพสไว้ตามบอร์ดใดๆก็ตามโดยที่ตัวต้นเรื่องไม่รู้เห็น แม้คีอานูจะยอมให้ไทเกอร์ใช้ชื่อเสียงของเขาเป็นใบเบิกทางไปสู่อาชีพ แต่เขาคงไม่เห็นด้วยแน่ๆที่ไทเกอร์จะใช้เรื่องส่วนตัวที่ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่พูดต่อหน้าสื่อ มาสร้างกระแสในอินเตอร์เน็ตแบบนั้น แองจีก็ได้แต่หวังว่าคีอานูจะยังไม่รู้อะไรๆที่ไทเกอร์ทำ และเจ้าหนุ่มชาวจีนนั่น ควรจะ รู้จักหุบปากตัวเองลงสักที คงไม่มีใครอยากให้กำแพงระหว่างคีอานูกับสังคมสูงไปกว่านี้อีกแล้ว แม้แต่ตัวของคีอานู รีฟส์เองก็ตาม เครดิตและความรับผิดชอบ บทความนี้ ข้าพเจ้าangy_11เขียนขึ้นเองโดยมีข้อมูลจากสื่อต่างๆดังต่อไปนี้ -imdb Joe Charbanic //www.imdb.com/name/nm0152741/ -Trivia The Watcher //www.imdb.com/title/tt0204626/trivia -Keanu Forced To Do Film After Forgery //us.imdb.com/news/ni0064434/ -UK TV Show> Keanu's Millions -shenruihe> an internet chat with Tiger Chen (กระทู้ที่ถูกลบในซีเคคลับ) ทุกเรื่องที่พูดถึงเป็นเพียงทฤษฎีที่ข้าพเจ้าคิดเองโดยไม่ได้สอบถามคุณคีอานู รีฟส์ ขอสงวนความน่าเชื่อถือไว้ในระดับต่ำ และไม่ยินยอมให้ผู้ใดนำไปอ้างถึงในที่ใดทั้งสิ้น   Create Date : 16 กันยายน 2551     Last Update : 18 กันยายน 2551 10:07:24 น. Counter : 1694 Pageviews.   39 comment Share Tweet

Tribute Keanu Reeves : สดุดี สี่สิบสี่ปี คีอานู วันนี้ เมื่อ44 ปีที่แล้ว ในเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ครอบครัวของPatricia Taylor และSamuel Nowlin Reeves, Jr.ได้สมาชิกใหม่เป็นหนูน้อยเพศชายหน้าตาน่ารัก ทั้งคู่ตั้งชื่อแรกให้ลูกเป็นภาษาฮาวาย โดยใช้ธรรมเนียมการตั้งชื่อตามญาติของฝั่งบิดา พ่อหนูจึงได้ชื่อแรกว่าKeanu(pronounced /ki:'a:nu:/ ) และมีชื่อเต็มว่าKeanu Charles Reeves วัยเด็กของคีอานู แม้จะไม่แปลกประหลาดแต่ก็ไม่ปกติ ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุสิบสามปี หนูน้อยคีอานูเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการย้ายครอบครัวข้ามประเทศจากเลบานอนไปออสเตรเลีย ก่อนจะย้ายไปสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในเวลาต่อมา ผลของการย้ายโรงเรียนบ่อยครั้ง ทำให้คีอานูขาดเพื่อนสนิทและตามบทเรียนในชั้นไม่ทัน เขาจึงสนใจอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ หรือนักแสดงมากกว่าการเข้าวิทยาลัย เรื่องราวช่วงต้นๆของชีวิตคีอานู ยังมีการสูญเสียพ่อที่แท้จริงไปอย่างมีเงื่อนงำ การปรับตัวเข้ากับพ่อเลี้ยงคนใหม่สองครั้ง และการคลุกคลีกับศิลปินร็อคชื่อดังที่เป็นเพื่อนของมารดา ทั้งหมดหล่อหลอมให้เขามีพื้นฐานที่ต่างจากเด็กวัยเดียวกัน จนกลายเป็นความเฉพาะตัว ที่มีลักษณะ "คีนู้ คีนู" ดังที่หลายคนชอบล้อเลียน สำหรับสาธารณะ คีอานูเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 1982 เมื่อเริ่มอาชีพนักแสดงในรายการโทรทัศน์ของแคนาดา หลังจากย้ายไปทำงานในฮอลลีวูด เขาก็เริ่มโด่งดังขึ้น จนกระทั่งพบความสำเร็จเมื่อแสดงเป็นตัวละครเอกในภาพยนตร์สามเรื่องในช่วงทศวรรษที่90นั่นคือ Bill & Ted's Excellent Adventures(1990), Speed (1994)และThe Matrix (1999)ตามลำดับ ด้วยคุณภาพการผลิตและความสามารถของฮอลลีวูดที่นำภาพยนตร์ไปถึงผู้ชมได้ในวงกว้าง สิ่งแวดล้อมชีวิตของนักแสดงที่ชื่อคีอานู รีฟส์ก็เปลี่ยนไปจากวัยเด็กของเขาอย่างสิ้นเชิง กดตรงนี้หากท่านต้องการอ่านข้อความ"น้ำทวมทุ่ง" สื่อมวลชนแปลความสำเร็จของนักแสดงรายนี้ว่าเป็นผลมาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูดใจผู้ชม จึงมักประกาศว่าเขาเป็น"ขวัญใจสาว"หรือ"นักแสดงรูปหล่อแห่งฮอลลีวูด" แม้เขาจะปฏิเสธฉายาเหล่านี้แล้วกล่าวว่า ตัวจริงของเขาแตกต่างจากบทบาทในจอภาพยนตร์มาก และไม่มีส่วนใดใกล้เคียงกับฉายาเหล่านั้นเลย แต่ก็ไม่สามารถลบภาพของความเป็นดาราชายหน้าตาดีออกไปได้ คีอานูยืนยันคำพูดตัวเองในเรื่อง ไม่ต้องการขายรูปร่างหน้าตา ด้วยการปล่อยให้ช่างภาพปาปารัสซีถ่ายภาพในลักษณะ"ม็อมแม็ม"ของเขาไปเผยแพร่พร้อมคำบรรยายจิกกัดตามใจชอบ แซนดรา บุลล็อกผู้เป็นเพื่อนสนิทกล่าวถึงกรณีนี้ว่า"ชั้นไม่เคยพบใครปล่อยวางได้เท่าคีอานู เขาไม่เคยสนใจเลยเมื่อถูกพวกนั้นนินทาหรือป้ายสี เขาจะเป็นแบบว่า โอเค..ถ้าคุณอยากคิดแบบนั้น ก็ตามใจคุณเถิด" นับเป็นความพลิกล็อค เมื่อข้อบกพร่องเปลี่ยนเป็นความโดดเด่น สื่อมวลชนหลายค่ายมึนงงที่ ยิ่งบอกความจริงของการเป็นคนนอกกรอบของนักแสดงผู้นี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นคำตอบของเรื่องนี้ คือความจริงใจและใฝ่ดีของคีอานู รีฟส์ โดยปกติในธุรกิจการขายภาพพจน์ นักแสดงบางคนเลือกจะปกปิดความรู้สึกหรือข้อมูลด้านลบของตนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ คีอานูนั้นซื่อตรงกับใจตนเสมอ เขาชอบใส่เสื้อผ้าตามสบายมากกว่าตามแฟชัน เลือกงานแสดงตามใจตัวเองมากว่าความต้องการของนายทุน รักษามารยาทเมื่อต้องกล่าวถึงผู้อื่น และมีจิตใจเข้มแข็งยามที่ชีวิตเผชิญภาวะวิกฤต คุณสมบัติเหล่านี้อาจได้มาจากการฝึกฝนจิตใจมาตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่ครั้งที่ต้องเผชิญกับวิกฤตของความแตกแยกในครอบครัว แทนที่จะดำเนินชีวิตเสเพลแล้วโยนความผิดให้ผู้ปกครอง คีอานูคิดในทางบวก เขาไม่เคยโทษผู้ให้กำเนิดหรือโชคชะตา แต่ยอมรับความจริงด้วยใจสงบ ดังเห็นได้จากบทสัมภาษณ์ที่เขาคุยกับผู้สื่อข่าวของนิตยสารคลีโอแห่งสิงคโปร์ไว้ตั้งแต่ปี 1995 ขณะโด่งดังสุดขีดจากภาพยนตร์เรื่องSpeed ในการสนทนาครั้งนั้น เมื่อผู้สัมภาษณ์Margy Rochlinแห่งสิงคโปร์ถามว่า เขาคิดว่าตนเองเป็นคนไร้เดียงสาอย่างที่ผู้กำกับภาพยนตร์หลายคนกล่าวถึงหรือไม่ คีอานูตอบว่าเขาไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคนบริสุทธิ์แบบนั้น แม้ว่าการยอมรับดังกล่าวจะทำให้ภาพพจน์เขาดูดีขึ้นก็ตาม เขาคิดว่าธรรมชาติของเขาคือความสงสัย คีอานูเล่าให้มาร์กีฟังว่า เมื่อเขายังเล็กและใช้ชีวิตกับมารดา ทุกครั้งที่เธอห้ามไม่ให้เขาทำสิ่งใด เธอมักจะปวดหัวกับการหาเหตุผลอันเหมาะสมมาตอบลูกชายช่างถามอย่างเขาเสมอ เพราะเขาจะสงสัยแล้วถามเธอว่า"ทำไมล่ะครับ แม่" จนกว่าเธอจะบอกเหตุผลที่เขาไม่สามารถถามอะไรได้อีก การไม่ถูกปิดกั้นความคิด ทำให้เขาเปิดรับสิ่งใหม่ๆได้ง่ายกว่า ดังนั้นหากคุณสมบัตินี้จะเป็นประโยชน์กับการทำงาน เขาก็ขอมอบความดีนั้นให้แก่แม่ ผู้เลี้ยงเขามาด้วยความรัก ในประเด็นเกี่ยวกับการมีครอบครัว คีอานูเล่าว่าการแต่งงานและมีลูกเป็นสิ่งที่เขาต้องการเสมอ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใด เมื่อมาร์กีถามว่า การสูญเสียพ่อไปในวัยเด็กมีผลกับความคิดเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนที่จะมาเป็นเมียและลูกหรือไม่ คีอานูถอนหายใจยาวด้วยความเจ็บปวด แล้วยอมรับว่า "แน่นอนครับ หลายอย่างในตัวผมเป็นผลมาจากการกระทำของพ่อ ผมอยู่กับพ่อจนอายุหกขวบ จากนั้น, ก็,จะเห็นเขาต่อเมื่อผมกับน้องไปหาพ่อที่ฮาวายตอนโรงเรียนปิด จนกระทั่งผมพบเขาครั้งสุดท้ายตอนที่ผมอายุสิบสามปี ในคืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน พ่อชี้ให้ผมมองดวงดาวแล้วเล่าเรื่องการกำเนิดของโลก บอกผมว่า ทำไมโลกถึงเปรียบเหมือนกล่องใบหนึ่ง ผมได้แต่มองขึ้นไปบนฟ้า แล้วสงสัยว่าพ่ออยากจะบอกอะไรผมกันแน่" ภาษิตไทยกล่าวว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถ้าเทียบคีอานูเป็นม้า เขาก็เป็นม้าพันธุ์ดีที่ยิ่งวิ่งยิ่งแรง เพราะไม่เคยลดความจริงใจและใฝ่ดีลงไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปเลย คีอานูยังคงลักษณะถ่อมตน อ่อนน้อม เชื่อมั่นในตนเองและให้เกียรติผู้อื่นไว้อย่างสม่ำเสมอ แม้ต้องเผชิญกับความยั่วยุของอบายมุข และความท้าทายในการดำรงชีวิตภายใต้การจับตามองของคนทั่วไป ในด้านการทำงาน แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิจารณ์และเจ้าของคอลัมน์บันเทิงบางส่วน คีอานูยังอยู่ในแถวหน้าของฮอลลีวูดมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยจำนวนผลงานมากกว่าสี่สิบเรื่องใน25ปี นั่นย่อมแสดงว่าเขาไม่ได้มีดีเฉพาะผิวเต่งตึง มัดกล้ามแข็งแกร่งหรือใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ แต่เขาสามารถถ่ายทอดบุคลิกของตัวละครหลากหลายให้โลดแล่นอยู่ในจินตนาการของผู้ชมแม้พวกเขาจะออกจากโรงภาพยนตร์ไปแล้วก็ตาม สำหรับเคล็ดลับความสำเร็จในการทำงาน คีอานูคิดว่า นอกจากการรักษาวินัยแล้วก็อยู่ที่การเลือกบทตามสัณชาติญาณ เขามักเลือกแสดงบทที่เป็นเรื่องของคนทั่วไปที่เผชิญกับจุดหักเหในชีวิตแล้วเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านมันไป ส่วนความเห็นของแฟนๆภาพยนตร์ที่เป็นผู้ชาย พวกเขายกย่องคีอานูว่าเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจผ่านจอหนังมาถึงผู้ชมอย่างทรงพลัง แตกต่างไปจากความเห็นของแฟนภาพยนตร์ที่เป็นผู้หญิง ที่ไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่าทำไมพวกเธอจึงหลงไหลนักแสดงรายนี้ แต่สามารถเล่าเรื่องมากมายที่ทำให้พวกเธอพร้อมพลีใจ(หรือกาย)ให้คีอานู รีฟส์ แหล่งข่าวรายหนึ่งสรุปแรงดึงดูดของคีอานูต่อสาวๆว่า "คีอานูมีธรรมชาติบางอย่างที่ทำให้กล่องเล็กๆในหัวใจผู้หญิงเปิดขึ้น กล่องเล็กใบนั้นบรรจุไว้ด้วยความนุ่มนวล อ่อนหวาน เปราะบาง เป็นความรักตัวเล็กๆ ขนฟูๆ เหมือนลูกแมวตัวน้อย คีอานูทำให้ผู้หญิงรู้สึกอยากเข้าไปลูบไล้เขา โอบกอดด้วยความรักแล้วก็ป้อนนมให้เขากิน" (......มิน่า....พี่เขา ..ถึงไม่เคยขาด...นมจากเต้า) ในปี2008นี้ คีอานู ชาร์ลส์ รีฟส์ จะอายุครบ44 ปี ในฐานะผู้ติดตามผลงานของเขา และเจ้าของเว็บบล็อก keanuthailand ประจำ bloggang angy_11 ขอส่งความปราถนาดีผ่านไซเบอร์สเปซ ขอให้เขามีสุขภาพดี สมองแจ่มใส มีงานทำเฉพาะยามที่อยาก มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ เรียนรู้สิ่งใหม่ พบอุปสรรคเพียงเล็กน้อย และค่อยๆเดินตามความฝันที่จะเป็นนักแสดงที่ดี (และมีครอบครัวอบอุ่น) สมความตั้งใจทุกประการ   Create Date : 02 กันยายน 2551     Last Update : 3 กันยายน 2551 10:53:54 น. Counter : 4210 Pageviews.   33 comment Share Tweet

สิ่งที่เกือบจะเป็นของขวัญวันเกิดคีอานู เมื่อเร็วๆนี้Louis BrielศิลปินภาพPortraitแห่งเมืองVirginia ได้เปิดเผยในบล็อกของตนเกี่ยวกับของขวัญวันเกิดที่เขาตั้งใจมอบให้คีอานู รีฟส์ แต่สูญหายไปเพราะมีใครบางคนเก็บของขวัญชิ้นนั้นไว้ แทนที่จะมอบให้เจ้าของที่แท้จริง ย้อนกลับไปในเช้าวันอาทิตย์ของหน้าร้อนปี2004 หลุยส์มีโอกาสสนทนากับคีอานูที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ความรู้สึกที่ได้รับจากการสนทนาครั้งนั้น ทำให้ศิลปินผู้หลงไหลการวาดภาพPortraitอย่างหลุยส์ เกิดความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดความคิดของเขาที่เกี่ยวกับคีอานูไว้ในผืนผ้าใบ หลุยส์จึงเสนอตัว ขอวาดภาพเหมือนคีอานู และจะมอบภาพนั้นเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดปีที่สี่สิบของดาราหนุ่ม ที่จะเวียนมาถึงในไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่คีอานูตอบว่าตารางงานของตนยุ่งมาก คงไม่อาจหาเวลามานั่งเป็นแบบให้วาดภาพได้ หลุยส์ไม่มีข้อเสนออื่นเพื่อแก้ไขปัญหานั้น ทั้งคู่จึงลาจากกันโดยไม่มีกำหนดนัดหมายใดๆ หลังจากวันที่ได้พบคีอานู หลุยส์ยังคงครุ่นคิดถึงโปรเจ็กท์นี้และไม่สามารถลบมันออกไปจากใจได้ เขาลงมือวาดภาพของนักแสดงชื่อดังโดยอ้างอิงต้นแบบจากรูปภาพและวิดิโอคลิปของคีอานูในอินเตอร์เน็ต แล้วใส่ความรู้สึกที่ตนเองคิดเกี่ยวกับคีอานู อ้างอิงจากความรู้สึกที่เขาได้รับจากการสนทนากันในเช้าวันนั้น ในที่สุดผลงานชิ้นนี้ก็สำเร็จตามกำหนด พร้อมส่งให้เป็นของขวัญวันเกิด ตามที่หลุยส์ตั้งใจไว้ Keanu Reeves 2004 40” X 30” Acrylic/canvas anGy's mouthing : Click HereIf you wanna read My comment about this painting การตีความคีอานู ของศิลปินรายนี้ วังเวงชอบกล ท่ากอดอกแน่นแต่จ้องตาเป๋งแล้วอมยิ้มแบบนี้ แสดงว่านายหลุยส์แกฟันธงว่า คีอานูเป็นคนจริงใจแต่ไม่อยากใกล้ชิดผู้อื่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ส่วนบรรยากาศมาคุสีน้ำตาล ที่รายล้อมตัวเขาอยู่ เหมือนจะบอกว่า เขาเป็นพวกติดดินแต่เร้นลับ หลุยส์ติดต่อไปที่Creative Artists Agencyซึ่งเป็นต้นสังกัดของดาราหนุ่ม เมื่อCAAตอบกลับมาว่า ยินดีจะเป็นตัวแทนส่งของขวัญของหลุยส์ให้ถึงมือคีอานู รีฟส์ ศิลปินผู้นี้,รีบนำภาพบรรจุลงกล่อง แล้วส่งไปที่ออฟฟิศของCAAโดยด่วน หลุยส์จำได้แม้กระทั่งวันที่ภาพออกจากมือเขาไปว่าคือวันที่26สิงหาคม2004 เขาต้องการให้มันไปถึงคีอานู ก่อนวันที่ 2 กันยายน ซึ่งจะทำให้มันเป็น"ของขวัญวันเกิดเนื่องในโอกาสอายุครบสี่สิบปีแด่ คีอานู รีฟส์" ตามที่ตนตั้งใจไว้ หลังจากนั้นในเดือนพฤจิกายนของปีเดียวกัน หลุยส์ก็ได้รับการยืนยันว่าภาพเขียนของเขาได้ส่งไปถึงมือคีอานูเรียบร้อยแล้วภายในไม่กี่วัน หลังจากอฟฟิศของCAAได้รับกล่องบรรจุภาพ สิ่งที่ติดค้างในใจหลุยส์ มีเพียงว่าคีอานู รีฟส์ไม่เคยส่งข้อความใดๆกลับมาหาเขา แต่ช่างวาดภาพก็ปลอบใจตนเองว่า"ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ละ" สองปีต่อมา ในซัมเมอร์ของปี2006 หลุยส์พบคีอานูโดยบังเอิญอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งเดิม จึงเข้าไปทักทายและถามถึงภาพเขียนชิ้นนั้น ปฏิกริยาของคีอานูทำให้ศิลปินรู้ว่า ดาราหนุ่มไม่ทราบอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกี่ยวกับภาพวาดหรือของขวัญใดๆที่หลุยส์อ้างถึง แต่ก็ยังรักษามารยาทและความสุภาพในการสนทนาไว้เช่นเดิม หลุยส์เชื่อว่า เขาถูกใครบางคนโกหก ผลงานของเขาอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้ แต่ไม่ใช่ที่ผนังบ้านของคีอานู รีฟส์ หลุยส์เชื่อสายตาตนเองว่าเขาเห็นความประหลาดใจอันซื่อสัตย์ปรากฏบนใบหน้าของคีอานู ขณะสนทนากันเรื่องของขวัญวันเกิดชิ้นนั้น สถานที่แรกซึ่งต้องรับผิดชอบ ย่อมเป็นที่Creative Artists Agency แต่ก็ไม่มีใครบอกเขาได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เขาทวงถาม จนกระทั่งหลุยส์ตั้งทนายให้ทำหนังสือแจ้งไปยังCAAว่าพร้อมจะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาล ปริศนาของภาพวาดชิ้นนั้นจึงปรากฏขึ้น โดยCreative Artists Agencyแจ้งว่า ได้พบภาพแล้ว และกำลังส่งมันคืนให้แก่หลุยส์ คนของCAAอ้างว่า เมื่อหลายปีที่แล้วขณะได้รับมอบรูปนี้มา พวกเขากำลังวุ่นวายจากการย้ายสถานที่ของสำนักงานจากWilshire Boulevardไปที่Century City ที่มาที่ไปของภาพนี้ จึงสูญหายไประหว่างการขนย้ายของ แต่เนื่องจากเป็นภาพที่สวยงาม ผู้บริหารจึงแขวนมันไว้ในห้องหนึ่งของสำนักงานใหม่ของCreative Artists Agency และในเมื่อมีผู้อ้างความเป็นเจ้าของภาพนี้ ทางCAAจึงขอส่งภาพคืนหลุยส์ และหวังว่าเรื่องราวจะจบลงโดยสงบ ปัจจุบัน ภาพนี้ยังอยู่กับLouis Briel, ศิลปินผู้วาด ผู้ซึ่งหวังว่าสักวัน เขาจะมีโอกาสมอบมันให้แก่คีอานู รีฟส์ ด้วยมือของเขาเอง อุทาหรณ์เรื่องนี้สอนว่า หากนึกอยากมอบของขวัญวันเกิดให้ใคร ต้องมอบให้ด้วยตัวเราเอง แต่ในเมื่อโอกาสพบคีอานู รีฟส์ในวันเกิดของเขา มีโอกาสน้อยยิ่งกว่าน้อยที่สุด แองจีแนะนำว่า ท่านควรซื้อ DVD Street Kingsของแท้ดีกว่าฮ่ะ info : Eng Sound 449฿/////////////Thai Dub 259฿ เศษตังค์เล็กน้อย และความหวังดีอันยิ่งใหญ่ของคุณ ต้องไปถึงมือเขาแน่ๆ Credit : //ipaintyou.blogspot.com/2008/08/keanu-reeves-2004-40-x-30-acryliccanvas.html Advertising Area : DVD Street Kings ระบบภาพ : Widescreen ระบบเสียง : ENGLISH: Dolby Digital 5.1, THAI: Dolby Digital 5.1 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว โดยมี แคททาลิสท์ เป็นผู้แทนจำหน่าย ในราคา 379.00-449.00 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 18/09/2008 สนใจสั่งจองผ่านboomerangshop เชิญคลิกที่นี่ //www.boomerangshop.com/web/productdetail.aspx?pid=223087 ประกาศความรับผิดชอบ : -ข้าพเจ้า angy_11 ไม่มีส่วนได้เสียกับรายได้ของแผ่นดีวิดีดังกล่าว เป็นเพียงผู้ชี้ทางสำหรับผู้สนใจเท่านั้น หากท่านจะทำธุรกรรมออนไลน์ใดๆ กรุณาศึกษาข้อตกลงกับผู้ขายด้วยตนเอง   Create Date : 26 สิงหาคม 2551     Last Update : 26 สิงหาคม 2551 10:12:40 น. Counter : 1626 Pageviews.   34 comment Share Tweet

Keanu is Beautiful Inside ก่อนจะเล่าเรื่องอื่น ขอแจ้งความเคลื่อนไหวของคุณชายก่อนนะฮะ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ปะปาร๊าสซีนิวยอร์กจับภาพพี่คีขณะนั่งคุยเรื่องบทหนังอยู่ข้างBowery Hotel กับผู้กำกับชาวแคนาดา Rob Fitl ภาพที่ถ่ายมา คีอานูก็ยังอยู่ในสภาพยับเยินยู่ยี่เช่นเดิมล่ะค่ะ(แสดงว่า...เมียไม่ได้มาด้วย) ในบรรดานักแสดงชายแห่งฮอลลีวูด คีอานู รีฟส์นับเป็นคนที่ไม่ใส่ใจการแต่งตัวมากที่สุด จะว่า, เขาไม่รู้ว่าใส่เสื้อผ้าแบบไหน แล้วมหาชนชื่นชอบ ก็คงไม่ได้ บางครั้งแองจีคิดว่า เขาจงใจจะทำภาพพจน์ให้ขัดสายตาแบบนี้เพื่อทำให้คนทั่วไปไม่อยากเห็นรูปประเภทแอบถ่ายของเขามากกว่า เมื่อไม่มีใครอยากดู ช่างภาพก็ขายภาพได้ราคาต่ำ เขาก็ไม่โดนพวกนั้นกวนใจมากเกินไป ตามหลักdemand-supply อะไรแบบนั้น นอกจากเรื่องการแต่งตัวอันเลวร้าย คีอานูยังไม่ชอบพูดเรื่องของตนเองให้สื่อมวลชนฟังด้วย ข้อมูลที่เขาเล่าในสื่อต่างๆส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เตรียมไว้แล้วจากบริษัทการตลาดขณะปล่อยผลงานของเขาสู่สาธารณะ เราจึงได้ยินซ้ำซากในเรื่องที่ว่า เขาไม่ชอบเข้าอินเตอร์เน็ต ไม่ใช้ของเล่นไฮเทค ชอบนอนโรงแรม และยังไม่มีคนรู้ใจ อะไรทำนองนี้อยู่เสมอ แต่สี่เท้ายังรู้พลาดฉันใด คีอานูก็ไม่รอดพ้นตาเหยี่ยวของบรรดาแฟนๆไปได้ ฉันนั้น เมื่อเร็วๆนี้ แองจีก็เพิ่งจะทราบว่า พระเอกสุดโลว์เทคคนนี้ มีดีมากกว่าที่พวกเราคิดกันนะคะ เรื่องแรกคือ ความสามารถด้านเทคโนโลยี เดิมนั้น คีอานูชอบบอกทุกคนว่า เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกอุปกรณ์สื่อสารราคาแพงหรอก ดังนั้น เมื่อเห็นภาพเห็นพี่คีทำโทรศัพท์มือถือของตนตกกระจายขณะนั่งกินกาแฟอยู่ที่หน้าโรงแรมCovent Garden เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะท่องเที่ยวอยู่ที่ลอนดอนและพักในโรงแรมแห่งนี้ แองจีจึงคิดว่าแกคงตกใจไม่น้อย แล้วก็ไม่มีปัญญาทำอย่างอื่น นอกจากเก็บชิ้นส่วนใส่ถุง เอาไว้ให้ช่างประกอบกลับดังเดิม แต่ ไม่ใช่ ฮ่ะ คีอานูเก็บทุกชิ้นส่วนของโทรศัพท์ที่ตกลงพื้น แล้ววางแต่ละชิ้นเข้าที่อย่างใจเย็น หลังจากนั้น ก็ตรวจสภาพของมันคร่าวๆด้วยตัวเอง อยากเห็นความรีแล็กซ์กับตาตนเอง เชิญคลิกชมคลิป เรื่องถัดมาคือ ความเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน แหล่งข่าวจากห้องชุมนุมแม่บ้าน(maid)ของโรงแรมCovent Gardenแจ้งว่า คีอานูกลายเป็นขวัญใจmaidของโรงแรมดังกล่าว จนสาวๆอยากแย่งกันไปทำห้องให้คุณพระเอก โดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากความเป็นคนดังหรือหน้าตาดีของเขา เพราะโรงแรมห้าดาวประจำเมืองลันดั้นแห่งนี้ ได้ต้อนรับแขกเกรดAมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เนื่องจากห้องของคีอานูนั้น ทำความสะอาดง่ายมาก ด้วยการที่แขกผู้เข้าพักไม่ได้ทำห้องรกรุงรัง แต่เก็บขยะแยกประเภทแล้วห่อปากถุงไว้อย่างเรียบร้อย ที่สำคัญ คีอานูยังจัดระเบียบเครื่องนอนหลังลุกจากเตียงแล้วด้วย ....ว้าววววว.... เป็นพัฒนาการที่เหลือเชื่อมากๆ สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่จะดูแลที่อยู่ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่เคยประกาศว่าชอบใช้โรงแรมเพราะมีรูมเซอร์วิสดูแลทุกอย่าง แต่เดี๋ยวนี้ เขากลับช่วยเหล่าmaidดูแลห้อง ทั้งๆที่ลูกค้าที่จ่ายเงินมากมายและมีชื่อเสียงแบบเขา ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นสักนิด ไม่เสียแรงที่ ลอว์เร้นท์ ฟิชเบิร์นเคยบอกใครๆว่า "คีอานูไม่ได้ดูดีแค่เพียงรูปกายภายนอก แต่เขามีความงดงามที่ส่องประกายจากภายใน แฟนๆของเขาทั่วโลกรู้เรื่องนี้ดี ผมไม่เคยพบใครมีจิตใจดีอย่างเขามาก่อน และผมเชื่อว่า นั่นเป็นคุณสมบัติที่ทุกคนสามารถสัมผัส และจดจำเขาได้เสมอ" แองจีเห็นด้วยกับลอว์เร้นท์ ฟิชเบิร์น 100% ค่ะ   Create Date : 19 สิงหาคม 2551     Last Update : 19 สิงหาคม 2551 11:29:24 น. Counter : 3260 Pageviews.   57 comment Share Tweet

คีอ๊ะนูสีลูกกวาด ปะปาร๊าสซี่แห่งแอลเอ๋ ต้องตกตะลึงเป็นแน่แท้ เมื่อซุ่มกล้องอยู่ข้างถนน ยามบ่ายวันอาทิตย์ แล้วพบ จ้าววิทยายุทธแห่งชุดโมโนโทน สวมเสื้อผ้ารับซัมเมอร์ ด้วยสีสันน่ากิน เช่น...เน้ โอ้..มาย..ลอร์ด คุณป้อคุณแม่ ช่วยขยี้ตาให้หนูแองจี โหน่ย นั่น.......เค้าครึ้มอกครึ้มใจ..อะไรขึ้นมาเนียะ ดู ดิ๊ ...เดิน..เชิ้บ..เชิ้บ เชิ้บ แต่แล้ว, เขาก็สังเกตเห็นตากล้องของเราจนได้ ฟิ้วววววววววววววววว หมดสนุกเลย อะเมื่อเหยื่อรู้ตัว รายการแคนดิดคาเมร่า ก็ต้องจบ สิ คระ ของแถม วิดิโอคลิป เหตุการ์ณเมื่อวันที่12 สิงหาคม 2008 ขณะพี่คีไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนชื่อRobert Longoและภรรยา ณ ภัตตาคาร"OrSo" แถวWest Hollywood ในภาพ คีอานูค่อนข้างเครียดเมื่อเห็นฝูงปาป้าฯ ขณะพูดโทรศัพท์ก็ชำเลืองมองตาขุ่น แล้วก็สูบบุหรี่แก้เครียด(...นิสัยแบบนี้ อันตรายนะคะพี่คี ขา ...ท่องคำว่า ขันติ ไว้สิคะ..) หลังออกจากร้านอาหาร นักข่าวยิงคำถามกันสนั่น เพื่อสร้างความรำคาญให้นักแสดงหนุ่ม มีบางคนถามถึงกรณีโชว์เปลือยของเขากับไชนาโชว ที่ชายฝั่งริเวียราเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วย คีอานูผู้ใส่แว่นกันแดดอันใหญ่ ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น (รู้สึกเหมือน เขาลำบากใจกับคำถามพวกนี้ เพราะหันหลังให้กล้องแล้วเอามือเสยผม ซึ่งมักจะทำเป็นประจำเวลาที่แกรู้สึก ว่า "เวร...เอ๊ย" อะไรแบบนั้น) แต่เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง คีอานูพยายามแสดงสีหน้าไร้ความรู้สึก(และใช้มือซุกกระเป๋าไว้ เพื่อป้องกันนิ้วกลางแผลงฤทธ์) เป็นโชคดี ที่มีระฆังช่วยไว้ทันเวลา เมื่อเพื่อนของเขาขับรถExplorerสีแดงมารับตรงจุดที่ยืนอยู่นั้น คีอานูรีบก้าวขึ้นรถ แล้วออกไปจากสถานการ์ณอย่างรวดเร็ว   Create Date : 14 สิงหาคม 2551     Last Update : 14 สิงหาคม 2551 17:01:43 น. Counter : 1294 Pageviews.   23 comment Share Tweet

• ไร้ระเบียบ
• ข่าว
• บทความ
• งาน
• คลิป
• ไม่เกี่ยวกับเขา

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com