แหม่ม อลิษา กับจุดเปลี่ยนชีวิต จากนางเอกดังสู่แม่ค้าอาหารตามสั่ง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนดังนั่งเคลียร์โพสต์โดย คุณ starmaxchannel สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม เปิดใจทุกประเด็น แหม่ม อลิษา ขจรไชยกุล จากนางเอกดังสู่แม่ค้าอาหารตามสั่ง กับมุมมองดี ๆ ที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง ในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ หลายคนคงจะทราบข่าวชีวิตพลิกผันของนักแสดงที่เคยโด่งดังในอดีตอย่าง "แหม่ม อลิษา ขจรไชยกุล" กันมาบ้างแล้ว จากดาราสาวมากฝีมือที่ต้องโดนมรสุมชีวิตเนื่องจากโรคภัยมารุมเร้า กระหน่ำซ้ำด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้ามา บวกกับโรคซึมเศร้าเพราะอาการจิตตกในเรื่องน้ำหนักตัวร่วม 10 ปี ทำให้แหม่ม อลิษา ต้องผันตัวเองจากดาราคิวทอง มาเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง พร้อมกับคติประจำใจใหม่ที่เธอยึดมั่นว่า.. ตายก็ฝัง ยังอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป โดยทางรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่องสตาร์แม็กซ์ (29 กันยายน 2556) ก็ได้พาคุณแหม่ม อลิษา มาเปิดใจหมดเปลือกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่จุดสูงสุดในชีวิต จนกระทั่งจุดต่ำสุดในชีวิตของเธอ พร้อมข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้ว่า..เมื่อยามเธอตกอับ แล้วเพื่อน ๆ นักแสดงในวงการล่ะไปไหน วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน... ย้อนกลับไปถึงก้าวแรกในวงการบันเทิงของคุณแหม่ม อลิษา เธอเล่าว่า ตอนที่อายุ 13 ขวบ ก็เริ่มเดินสายประกวดนางงามในเวทีต่าง ๆ แล้ว เริ่มต้นเวทีแรกแบบไม่ได้จงใจ เพราะคุณน้าที่จัดประกวดต้องการให้เราขึ้นเวทีเพื่อแซม ๆ ให้เต็มเวทีเท่านั้น แต่เวทีแรกเธอก็สามารถคว้าถ้วยรางวัลมาได้เลย ซึ่งเธอมองว่าที่สามารถเอาชนะคนอื่น ๆ ได้นั้น เป็นเพราะรูปร่างและสรีระแบบลูกครึ่งของเธอ ที่ดูเป็นสาวกว่าคนอื่น ๆ แล้วลูกครึ่งพอแต่งหน้าแต่งตาก็จะดูคมกว่าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน หลังจากเวทีนั้นก็เดินสายประกวดหลายเวที มีถ้วยรางวัลนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
"เดินสายประกวดได้พักหนึ่ง ก็ไปเจอพี่จิ๋ม มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช รับสมัครนักแสดงในหนังสือเล่มหนึ่ง เลยเขียนจดหมายส่งไป แหม่มเขียนจดหมายสั้นมาก แค่แนะนำตัวบอกว่าสนใจที่จะร่วมงาน ให้ติดต่อกลับที่อยู่นี้ ไม่ได้พร่ำพรรณนาว่าชีวิตลำบากอะไร แต่ผ่านไปสักพักก็มีจดหมายติดต่อมา พี่จิ๋ม มยุรฉัตร บอกว่าอยากเห็นหน้าคนเขียนจดหมาย และเรียกให้แหม่มไปเล่นเรื่อง เบญจรงค์ 5 สี เป็นน้องคนสุดท้อง" คุณแหม่ม อลิษา กล่าว
เล่นละครได้สักระยะก็เกิดจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณแหม่ม อลิษา เมื่อเธอตกปากรับคำรับบท "แม่" ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเธอยังสาวยังสวยอยู่ ถึงแม้ว่าละครเรื่องนั้นเธอจะเล่นเป็นคุณแม่วัยรุ่นก็ตาม แต่เมื่อรับบทแม่แล้ว บทแม่เรื่องอื่น ๆ ก็มาเรื่อย ๆ จนหลายคนเลยมองว่า เธอเป็นนักแสดงที่ลงมาเป็นแม่เร็วมาก
"แหม่มถือว่าเป็นนางเอกหน้าลูกครึ่งคนแรก ๆ ในวงการบันเทิงเมืองไทยเลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีเท่าไร หลังจากนั้นพิมพ์หน้าลูกครึ่งก็ค่อนข้างฮิต ที่ดังตาม ๆ กันมาก็เป็น มาช่า วัฒนพานิช (สมัยก่อนโกยเงินเยอะเป็นว่าเล่นเลยใช่ไหม) โอ๊ย ไม่เยอะหรอกค่ะ เล่นตอนเดียวก็แค่ 500 บาท เดี๋ยวนี้ราคาก็คงประมาณ 1 หมื่น แหม่มไม่กล้าขึ้นราคา กลัวเขาไม่จ้าง ขนาดไม่ขึ้นราคา เขายังไม่จ้างแหม่มเลย (หัวเราะ)"
ต่อมาทางพิธีกรสืบทราบมาว่า คุณแหม่ม อลิษา สนิทสนมกับดาราสาวคนสวยอย่างแหม่ม วิชุดา พินดัม จึงได้พาคุณแหม่มวิชุดามาเซอร์ไพรส์ ซึ่งงานนี้เมื่อทั้งสองแหม่มได้เจอกันก็กอดกันกลม น้ำตาคลอเบ้าเลยล่ะ
โดยคุณแหม่มเล่าว่า เธอรู้จักกับแหม่ม วิชุดา เพราะเล่นเป็นลูกสาวในละครเรื่องคุณแม่เพื่อนรัก ซึ่งแหม่มเนี่ยเค้าดังจากโฆษณา ตอนแรก ๆ ที่เล่นละครด้วยกัน แหม่มยังเด็กไม่มีรถ เธอก็ขับรถไปส่งบ้านทุกวัน ไป ๆ มา ๆ จนกระทั่งหอบเสื้อผ้ามาอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนแหม่ม วิชุดา บอกว่า ที่บ้านก็จะเรียกพี่แหม่มว่าตัวใหญ่ เรียกเธอว่าตัวเล็ก ตอนเข้าวงการแรก ๆ พี่แหม่มช่วยอะไรเธอหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องการวางตัว เรื่องการใช้ชีวิต เพราะตอนนั้นเธอยังเด็ก มาเป็นดาราแบบไม่มีพ่อแม่มาคุม เลยได้พี่แหม่มมาช่วยสอนมาช่วยดูแล... ส่วนเรื่องที่ทำให้ห่างกัน คงเป็นเพราะเธอเริ่มโตขึ้น เริ่มมีแฟน แต่ที่บ้านและผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเธอก็ดื้อเลยย้ายออกมาอยู่ ก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย รวม ๆ เวลาแล้วก็ประมาณ 12 ปี
แหม่ม วิชุดา กล่าวต่อว่า ไม่ใช่เธอไม่ติดต่อพี่แหม่มนะ แต่พอได้เบอร์พี่แหม่มทีไร โทรไปทุกครั้งก็ไม่ใช่ เป็นแบบนี้ประมาณ 3 ครั้ง เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พอคราวนี้เธอได้ยินพี่ทีมงานโทรศัพท์บอกว่าจะติดต่อพี่แหม่มมาให้ออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ เธอก็ดีใจ ขอคุยโทรศัพท์ด้วยทันที พอได้ยินเสียงกันและกันก็ร้องไห้กันยกใหญ่ ทั้งดีใจ ทั้งคิดถึง
"ไม่ได้เจอพี่แหม่มเลย 12 ปี ข่าวที่ออกว่าพี่แหม่มไปขายอาหาร แหม่มก็ไม่รู้เลย รู้แค่ว่าพี่แหม่มตอนนี้ไปอยู่ศรีราชาแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่แหม่ม แหม่มคิดว่าเป็นปกติของชีวิตมนุษย์คนเรา พี่แหม่มเป็นคนทำมาหากิน ไม่อยู่นิ่ง ไม่อยู่เฉย... ตอนนี้เราสองคนเจอกันแล้ว มีเบอร์ติดต่อกันแล้ว หลังจากนี้คงจะเจอกันบ่อยขึ้นและคงจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นตามมา" แหม่ม วิชุดา กล่าว ด้านคุณแหม่ม อลิษา กล่าวเสริมว่า ในวงการบันเทิงการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ก็เหมือนการฝังตัวเอง และหลังจากที่เธอเปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ได้ขวนขวายหรือประกาศให้ใครรู้ว่าเปลี่ยน เลยดูเหมือนห่างหายไปจากวงการ ส่วนเมื่อลำบากก็ไม่กล้าโทรไปหาแหม่ม กลัวจะเป็นการรบกวนเขามากกว่า แต่ก็พูดถึงแหม่มบ่อย ๆ นะ เวลาดูทีวีเห็นเขาก็จะคิดเสมอว่า แหม่มเป็นคนเก่งและเป็นคนขยัน ดูทีไรก็ยิ้ม คิดถึงตลอด
เมื่อถามย้อนไปถึงสมัยที่เป็นดารารุ่น ๆ คุณแหม่มเล่าว่า ถ้าถามว่ารวยไหม ก็ไม่ได้เรียกว่ารวยมาก แต่คิดเอาไว้ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงแล้วว่า อยู่ที่นี่เธอต้องมีบ้าน มีรถให้ได้ พยายามจะทำเงินไปซื้อเป็นทรัพย์สินให้หมด แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งหลงระเริงไปกับการซื้อรถ เปลี่ยนรถบ่อยมาก เพราะเราเป็นคนชอบเรื่องนี้และเพื่อน ๆ รอบตัวก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน เลยตาม ๆ กันไป..
แต่จุดเปลี่ยนชะตาชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือนั้น เป็นเพราะเธอจับธุรกิจส่งออกสินค้าแฮนด์เมด ในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ บวกกับการลงทุนแบบไม่รอบคอบ ก็ทำให้เธอค่อย ๆ ขาดทุน และค่อย ๆ มีหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าของเธอ แค่โดนตีกลับสองล็อตก็ขาดทุนไปร่วม ๆ ล้านบาทแล้ว ความฝันที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง นั่งแท่นเป็นผู้บริหารบนโต๊ะหรู ๆ เลยต้องพับเก็บใส่กระเป๋าตั้งแต่บัดนั้น..
"มันเคว้งคว้างมาก แหม่มเป็นหนี้ 10 กว่าล้าน ใช้หนี้เองคนเดียวทั้งหมด คนที่ร่วมหุ้นเขาไม่ช่วยเลย บ้านก็ขายทอดตลาด มีรถกี่คัน ๆ ก็ขายทอดตลาดไปหมด ทำอย่างไรก็ได้ให้หนี้เหลือน้อยที่สุด" คุณแหม่ม กล่าว
หลังจากมรสุมชีวิตในเรื่องธุรกิจได้ถาโถมเข้ามา ทำให้คุณแหม่ม อลิษา เครียดจัด ประกอบกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นคนกระดูกใหญ่ โครงร่างใหญ่ ทำให้เธอจิตตกเรื่องน้ำหนักตัว เลยกินยาลดความอ้วนขนาดหนัก แต่กลับโยโย่ ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนซึมเศร้าเนื่องจากกังวลเรื่องน้ำหนักตลอดมา
"วงการบันเทิงในเมืองไทย ถ้าอ้วนก็ไม่ได้งาน เป็นดาราต้องตัวเล็ก ไม่เหมือนต่างประเทศที่ดูกันด้วยฝีมือ พอตนน้ำหนักขึ้น ก็พยายามลดน้ำหนักให้ผอม แต่ทำได้เพียงช่วงหนึ่ง ก็ต้องมารับบทแม่ บทแม่พระเอก-นางเอก ถ้าผอมไปก็ไม่ได้อีก เลยต้องกิน ทำให้ร่างกายมันโยโย่ พอคราวนี้เมื่ออ้วนก็จิตตก เวลาไปกองถ่ายก็มีคนพูดว่า กินอีกแล้วไม่กลัวอ้วนเหรอ เขาไม่ได้ถามเลยว่าวันนี้เรากินข้าวมาหรือยัง หรือบางทีไปฟิตติ้งก็จะได้ยินคำว่า อ้วนขึ้นต้องใช้ผ้าเยอะ ทำให้เราไม่มั่นใจ กังวลเรื่องน้ำหนักจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้าพบจิตแพทย์" คุณแหม่ม อลิษา กล่าว
คุณแหม่ม กล่าวอีกว่า ตอนนี้ยอมรับในน้ำหนักตัวเองได้แล้ว แต่ก็พยายามให้ตัวเล็กลงกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อไม่ให้คนว่าเราอ้วน แต่เพื่อสุขภาพของเธอเองด้วย
หลังจากโดนพายุปัญหากระหน่ำทั้งเรื่องโรคภัยและเรื่องหนี้สิน คุณแหม่มจึงตัดสินใจกลับบ้านที่ศรีราชาอยู่ปีหนึ่งก่อนจะกลับมาสู้ชีวิตที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง เริ่มต้นโดยการขายสลัดผัก ขายสับปะรดภูแล ขายน้ำปั่น ขายขนมหวาน ขายสารพัด จนสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่ขายอาหารตามสั่ง ซึ่งเธอวางแผงตั้งขายที่หน้าคอนโดฯ ในเมืองทองธานีที่เธออาศัยอยู่
"เลือกทำเลนี้เพราะออกจากคอนโดฯ มาแล้วก็เจอเลย ไม่ต้องเสียค่ารถ ลูกค้าส่วนมากก็เป็นขาประจำ ทุกคนก็รู้นะว่าแหม่มเป็นดารา บางคนก็บอกว่ายังสวยเหมือนเดิมนะ (หัวเราะ) สำหรับฝีมือเรื่องการทำอาหารแหม่มได้มาจากที่บ้าน และแหม่มก็เป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว หากใครจะแวะไปร้านแหม่มก็ไปหาไปพูดคุยกันได้ แหม่มขายอยู่ที่ตึก P2 มีชื่อร้านเพื่อน ๆ ทำให้ชื่อว่า ยัยแหม่ม อยู่ตรงข้ามสนามกีฬา แต่ถ้าถามวินมอเตอร์ไซค์ก็จะรู้จักร้านแหม่มกันหมด เพราะแหม่มใช้บริการเขาทุกวัน (ต้องการคนช่วยหั่นผักล้างเขียงไหม) ไม่เอาดีกว่าค่ะ แหม่มงก แหม่มยังทำไหวขอทำเองดีกว่า (หัวเราะ)" คุณแหม่ม กล่าวอย่างอารมณ์ดี
ถ้าถามว่า ทุกวันนี้ข้าวของแพงแล้วจะมีเงินใช้จ่ายหาความสุขใส่ตัวบ้างหรือไม่นั้น คุณแหม่มกล่าวว่า มันยังมีภาระที่ต้องแบกอยู่ แต่ก็มีวิธีผ่อนคลาย กลับไปหาหลานไป ไปตลาดนัดเมืองทอง ไปแมคโคร โลตัส ซื้อหมู ซื้อไก่ แค่นี้ก็พอแล้ว ไปไกลกว่านี้ไม่ได้เปลืองน้ำมัน
นอกจากนี้ พิธีกรยังถามอีกว่า จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น คุณแหม่มคิดว่าสาเหตุของชีวิตพลิกผันนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งเธอบอกว่า เกิดจากตัวเองเพราะเธอไม่รอบคอบในการใช้ชีวิต ถึงแม้ชีวิตจะไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ แต่เธอก็คิดว่าไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน...
สำหรับคำถามเรื่องคนรู้ใจ คุณแหม่ม เล่าว่า ในละครเธอเล่นเป็นนางเอกเป็นเบอร์หนึ่งตลอด แต่ในชีวิตจริงเธอมักจะเป็นรอง บางทีคบกันไปพักหนึ่งก็เพิ่งรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว เจอแบบนี้บ่อยมากก็เลยคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า ทำเอง ใช้เงินเองสบายใจ ส่วนอนาคตข้างหน้า คงจะใช้หนี้ที่เหลือประมาณ 1 ล้านกว่าบาทให้หมด แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ อาจจะเปิดร้านอาหารที่ศรีราชากับครอบครัว (ยิ้ม) "ทุกวันนี้ก็มีความสุขกับชีวิตดี ลูกค้าเขาชอบฝีมือแหม่ม มานั่งในร้านก็กินกันไปหัวเราะกันไป ส่วนเรื่องทำบุญนั้น ถ้าทุกข์...ตนไม่เข้าวัด เพราะไม่อยากเอาความทุกข์ไปทิ้งที่วัด แต่ถ้าอาทิตย์นี้ยอดขายเราดี เกินเป้า ก็จะนำเงินไปทำบุญ ไปวัดในเวลาที่เรามีความสุขดีกว่า" คุณแหม่ม กล่าว ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนในวงการบันเทิง หลังจากที่ข่าวออกไปว่าเธอเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ก็มีติดต่อมา 1 คนคือ เฮเลน ที่เป็นนักข่าว มาหามาเยี่ยมบ้าง เพราะเคยเป็นลูกน้องเธอมาก่อน ส่วนคนอื่น ๆ ไม่มีเลย แต่เธอก็ไม่คิดมากในตรงนี้ เพราะไม่อยากรบกวนใคร สำหรับเรื่องงานในวงการบันเทิง ถ้าติดต่อมาเธอก็ยินดีที่จะรับ แต่ก็ต้องดูก่อน ถ้าคิวยาวหลายวันติดต่อกัน เดี๋ยวลูกค้าอาหารตามสั่งหนีหมด (หัวเราะ) ขอปรบมือเสียงดัง ๆ ให้กับคุณแหม่ม อลิษา ที่ถึงแม้จะเจอปัญหาถาโถมขนาดไหน แต่เธอก็ยังยิ้มสู้อย่างสุจริตด้วยสองมือของเธอเอง ยังไงกระปุกดอทคอมก็ขอให้เธอขายดิบขายดี และมีงานในวงการบันเทิงให้เราได้ชมกันบ้างนะคะ ^ ^
Create Date : 02 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 18:07:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3935 Pageviews. |
|
|