รีวิวฉีกแนว -- บวชแก้กรรม 3 วันที่วัดท่าไม้

พูดไปอาจไม่มีใครเชื่อว่าเห็นดิฉันบ๊องๆอย่าง ตลกโปกฮาอย่างนี้ รั่วๆอย่างนี้ ขี้วีนอย่างนี้ เหวี่ยงอย่างนี้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้คือ ดิฉันไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่เชื่อไหมคะว่ามีมุมนึงของดิฉันที่ใครๆได้รู้ ต่างก็ประหลาดใจ ค่าที่ไม่เคยคิดว่า คนอย่างดิฉันจะมีใจศรัทธาในทางธรรม ที่ไม่ใช่แค่การเสาะหาพระดูหมอแม่นๆ แต่ถึงขั้นบวชชีพราหมณ์กันเลยเชียว

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือวันศุกร์ที่ 12 นั้น ดิฉันได้วางแผนที่จะบวชชีพราหมณ์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว อ๊ะ..แปลกใจล่ะสิ แม่นี่ ไม่ใช่เล่นๆ ทำมาแล้ว 2 ครั้งด้วยเว้ยเฮ้ย!

2 ครั้งแรกนั้น ดิฉันบวชชีพราหมณ์ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี จำได้ว่า การเริ่มต้นเข้าสู่ศรัทธาทางธรรมจนถึงขั้นเข้าวัตรปฏิบัติเป็นเวลา 3 วันนั้น บอกไปอาจไม่มีใครเชื่อ ถ้าดิฉันจะบอกว่า ดิฉันบวชโดยที่ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น

ทุกอย่างในชีวิตเป็นไปได้ด้วยดีหมด ไม่ได้อกหัก ไม่ได้ผิดหวัง และที่สำคัญไม่ได้เพื่ออยากขอหวย แต่ดิฉันรู้ดีว่า ดิฉันต้องการอะไร ทุกครั้งที่มีคนถามว่าดิฉันทำไปเพื่ออะไร ดิฉันจะยืนยันด้วยความหนักแน่นว่า

"ดิฉันต้องการสติ"

เพราะดิฉันเชื่อว่า เมื่อสติเกิดปัญญาจะมา ปัญญามา ปัญหาก็ไม่เกิด เป็นตรรกข้อง่ายๆที่คนเรามักไม่ค่อยนึกถึงกัน และมักจะนึกถึงวัดหรือการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ก็ต่อเมื่อมีปัญหากับชีวิตแล้วทั้งนั้น

ครั้งแรกที่บวช ย้อนไปเมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน จำได้ว่าต้องการสติอย่างแรงกล้า อยากสัมผัสรสชาดของการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ตอนนั้นไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่าง หาข้อมูลได้วันอังคาร ดิฉันยื่นใบลาให้นายเซ็น แล้วไปบวชศุกร์นั้นทันที และทั้งที่ ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย ทราบเพียงว่า ต้องถือศีล 8 เท่านั้น ซึ่งผลจากการบวช ก็สมใจดิฉันทุกประการ ดิฉันได้สติคืนมา หลังจากทำหล่นหายตามรายทางเป็นครั้งคราว

ครั้งที่สอง ห่างจากครั้งแรกประมาณ 1 ปี และครั้งที่ 3 นี้ ห่างจากครั้งที่ 2 ประมาณ 5 ปี ครั้งนี้ อยู่ดีๆก็นึกอยากบวชซะอย่างงั้น เหมือนครั้งแรกไม่มีผิด ที่สำคัญดิฉันต้องรีบบวช เพราะหากมีลูกคนที่สามขึ้นมา ต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อยๆ 3 ปี

คราวนี้ลองเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติบ้าง เนื่องจากมีน้องที่ออฟฟิศอยากขอร่วมบวชด้วย โดยเธอระบุเลยว่า อยากไปวัดท่าไม้ ซึ่งดิฉันเห็นว่าไม่ไกล คือแค่จ. สมุทรสาคร กอปรกับช่วงหลัง คนมาปฏิบัติที่วัดอัมพวันกันเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่คับแคบลง ที่เคยนั่งทำสมาธิได้ง่ายๆก็หายากขึ้น เดินจงกรมอยู่ดีๆ ก็ต้องเลี้ยวไปเลี้ยวมาเพื่อหลบคน นัยว่าให้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาจริงๆว่า "เลี้ยวหนอ หลบหนอ" อะไรทำนองนั้น

เมื่อได้วัดแล้ว เราจึงออกเดินทางกันในตอนกลางวัน ไปถึงวัดเอาเมื่อเกือบสามโมงเย็น ที่ไปสายนั้น มันมีเหตุค่ะ คือดิฉันโดนทิ้งจากคนที่นัดกันไว้ เพียงเพราะติดต่อดิฉันไม่ได้ พวกเธอจึงตัดสินใจออกเดินทางเลย ดิฉันก็แป้วสิคะ แผนที่ก็ไม่มี เบอร์โทรก็ไม่มี ถามทางก็ไม่ได้ถาม เพราะคิดว่าไปด้วยกัน จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จนกว่าจะไปถึงวัดได้ก็เย็นทีเดียว

ที่วัดนี้จะมีจุดเด่นหลักๆที่คนทั่วไปมักจะได้ยินคือ
- เด่นในทางแก้กรรม ตัดกรรม
- ดารามาเยอะมาก (ข้อนี้ดิฉันไม่สนที่สุด แต่พอไปถึง ถึงได้รู้ว่าคนอื่นเค้าสน)
- มีพระอาจารย์ดูดวงแม่นขั้นเทพ!

เมื่อไปถึง เราจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขาว ชุดขาวปฏิบัตินะคะ ไม่ใช่ยืดขาว เลกกี้งขาว ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้เด็ดขาด

จากนั้น เค้าจะให้เราไปรับศึล 8 จากพระพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่ แล้วเค้าจะถามต่อว่า มาถือศีลเฉยๆ หรือมาตัดกรรม แก้กรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยเกี่ยวข้องกับกรรมหนักประเภทพรากชีวิตทั้งหลาย แต่พอเอาเข้าจริง สุดท้ายก็ทำทุกอย่างเหมือนคนมาแก้กรรมค่ะ เพราะปริมาณคนมาแก้กรรม เยอะกว่าคนมาถือศีลเกือบ 100%

ล่วงเข้าสู่กรรมวิธีแก้กรรมที่นอกจากการถือศีล 8 และทำวัตรเช้า วัตรเย็นแล้ว ทางวัดจะเพิ่มขั้นตอนในการให้เราทำน้ำมนต์สำหรับตัวเราเอง โดยเราเอง และเพื่อเราเอง วิธีการทำนั้นก็ง่ายแสนง่ายค่ะ นอกจากการถือศีล 8 ทำวัตรเช้าวัตรเย็น ก็แค่เพิ่มการสวดมนต์อย่างหนักหน่วง ประกอบด้วยพระคาถา (จำชื่อไม่ได้ค่ะ เพราะอ่านจนหน้ามืด) ที่ยาวขนาดหน้ากระดาษ จำนวนแค่ 108 จบ! หากคุณคิดว่าแค่นั้นก็เพียงพอที่จะเยียวยากรรมหนักได้แล้วล่ะก็ เราให้โอกาสคุณคิดใหม่ได้..เพราะคุณคิดผิด!

เพิ่มเติมจากคาถาจำนวน 108 จบ คุณยังจะต้องอ่านบทสวดมนต์อีกจำนวน 3 เล่ม ขนาดใหญ่เท่ากับกระดาษ A4 หนามากกว่า 80 หน้าทั้งสามเล่ม ครั้งแรกที่ได้รับมานั้น ดิฉันยังปากเก่งมีถามแม่ชีอีกแน่ะ

"อ่านกี่จบก็ได้ใช่มั้ยคะ"
สายตาที่แม่ชีมองกลับมา กลับซ่อนนัยสมเพชเอาไว้อย่างน่าสะพรึง เหมือนจะสื่อความหมายว่า

"รอบเดียวก็เอาให้จบก่อนเหอะ!"

เพราะเชื่อมั้ยคะว่ากว่าจะจบทั้งหมดอย่างละ 1 รอบ ดิฉันแทบรากเลือดค่ะ..

ก่อนจะไปดูภาพเพื่อประกอบความเข้าใจ ขอพูดถึงหนุ่มๆสาวๆที่มาปฏิบัติสมัยนี้ก่อนเถอะค่ะว่า

ถ้าคิดจะมาคุยโทรศัพท์อย่ามา
ถ้าคิดจะมาตื่นสาย อย่ามา
ถ้าคิดจะมาเดินฉุยฉาย อย่ามา
ถ้าคิดจะมาเสียงดัง อย่ามา
ถ้าคิดจะมาเปลี่ยนที่นอน อย่ามา
ถ้าคิดจะมานอนสบาย อย่ามา
ถ้าคิดจะมากินครบ 3 มื้อ อย่ามา
ถ้าคิดจะแบกกระเป๋าเครื่องสำอางค์มาด้วย อย่ามา

เพราะนี่คือที่ดิฉันเจอทั้งหมดจากการบวชครั้งนี้ค่ะ เห็นแล้วก็ได้แต่ห่อเหี่ยวใจ แล้วก็รำพึงว่า อย่างงั้นก็นุ่งชุดขาวอยู่บ้านก็ได้.. แป่ๆเอี่ย ที่แปลว่า same same ภาษาอังกฤษนั่นแหละค่ะ พวกสาวๆที่ดิฉันเจอเที่ยวนี้นะคะ ควรส่งไปดัดสันดานที่วัดอัมพวันอย่างยิ่ง รับรองเจอแม่ชีที่นั่นดุกระเจิง เพราะศีล 8 ที่แท้นั้น เพิ่มเติมจากศีล 5 อีก 3 ข้อคือ ห้ามนอนที่สูงหรือที่นอนเนี่ยแหละค่ะ ห้ามกินหลัง 11 โมง และห้ามใช้ของหอม อนุโลมได้แค่สบู่กับยาสระผม

ทีนี้มาดูภาพกันค่ะ...

ภาพด้านหน้าโบสถ์พระราหู สถานที่นั่งสวดมนต์ค่ะ

By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

ด้านในโบสถ์พระราหู ขอบอกนะคะว่า ดิฉันขอถ่ายรูปเมื่อปฏิบัติเสร็จหมดแล้ว กำลังรอพระเพื่อลาศีลค่ะ จึงรีบถ่ายรูปก่อน อยากทำรีวิวให้คนเห็น เพราะหากแค่คนเดียวจากหลายๆคนที่ผ่านมาอ่าน แล้วไปทำตาม ดิฉันก็อิ่มใจแล้วค่ะ

By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

ตรงนี้เลยค่ะ ที่ดิฉันนั่งสวดมนต์ไม่ลืมหูลืมตา เป็นทั้งที่สวดและที่นอนแบบเบ็ดเสร็จ

By IAmHiang at 2010-03-14

หน้าตาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพิธีค่ะ เค้าจะให้เรานั่งสวดมนต์โดยจุดเทียนในถังน้ำไปเรื่อยๆ อย่าให้ดับ เทียนหมดก็ขึ้นเล่มใหม่ ทั้งเทียนทั้งไม้ขีด มีให้พร้อม หากเมื่อใดต้องการพักสวด ต้องดับเทียนก่อนทุกครั้ง จะสวดต่อก็จุดเทียนใหม่ วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบ

By IAmHiang at 2010-03-14

แผ่นคาถา 108 จบ มีจำนวนให้ติ๊กด้วยนะคะ ว่าสวดถึงจบที่เท่าไหร่แล้ว


By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

หนังสือสวดมนต์ที่ใช้ในการนี้ ดิฉันเริ่มสวดทั้งหมดตอนประมาณ 4 โมงเย็นถึง 6 โมงเย็นวันศุกร์ แล้วทำวัตรเย็นถึงสองทุ่มครึ่ง กลับมาถึงที่สวดประมาณสามทุ่ม สวดต่อถึงเกือบห้าทุ่ม..แต่นี่แค่บทเริ่มต้นค่ะ

By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

เพราะพอคิดได้ว่า ถ้าไม่รีบสปีด อาจไม่ทันลาสิกขาในวันอาทิตย์เย็นได้ วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์ ดิฉันตื่นตีสามห้าสิบมาอาบน้ำเตรียมทำวัตรเช้า ตั้งแต่ตีสี่ครึ่งจนถึงหกโมงครึ่ง แล้วฉันเช้าถึงประมาณเจ็ดโมง แล้วดิฉันก็ลุยยาว ตั้งแต่ 7 โมงเช้า พักฉัน 11 โมงอีกรอบ แล้วก็สวดถึงวัตรเย็น เสร็จวัตรเย็นกลับมา 3 ทุ่ม สวดถึงเที่ยงคืนครึ่งค่ะ ไหวแค่เหลืออีก 20 กว่าหน้า แต่ทนสู้ความเจ็บของขาแว่นที่หนีบหลังหูไม่ไหว เลยพักก่อน เพราะรู้ว่า ยังไงจบไม่เกิน 8 โมงเช้าแน่นอน

อุปกรณ์ช่วยสวดมนต์ตอนกลางดึก เทียนยักษ์ค่ะ

By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

กว่าจะจบได้ เหนื่อยมาก และเหนื่อยจริงๆ แต่ได้รู้เลยว่า เราเองก็มีความเพียรกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะแรกๆท้อมาก ไม่จบแน่ๆ แต่โชคดีที่เป็นคนสวดมนต์แต่เด็ก เลยชินภาษาบาลีสันสกฤต จึงอ่านออกเสียงได้เร็วค่ะ

By iamhiang, shot with Canon DIGITAL IXUS 100 IS at 2010-03-14

จบแล้วค่ะ ว่าแล้วก็ขอเอาบุญมาฝากทุกท่านด้วยนะคะ


By IAmHiang at 2010-03-14

Create Date : 14 มีนาคม 2553 Last Update : 14 มีนาคม 2553 22:18:28 น. Counter : 55652 Pageviews.		111 comments
Share Tweet