Group Blog
 
All blogs
 
เรากำลังถูกขูดรีด "กำลังแรงงาน" อยู่หรือไม่

ท่ามกลางความเงียบระหว่างผมกับเขาสองคน, จู่ๆ ผมก็ถามเขาซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ขึ้นว่า "พี่ขับแท็กซี่มานานแล้วหรือยังครับ?"

"..."

เขาอึ้งไปพักหนึ่ง, ทำสีหน้าดูอึดอัด แล้วก็ตอบสั้นๆ ห้วนๆ ว่า "ก็ขับมานานแล้ว" แล้วก็เงียบเสียงต่อไป

ผมสังเกตท่าทาง และคำพูดของเขา ก็ต้องประเมินว่าได้พูดอะไรผิดไปหรือไม่ บางทีอาจจะหงุดหงิดหาว่าผมคิดว่าเขาขับรถไม่ดีก็ได้

ผมพยายามชวนคุยต่อ "อ๋อ... ผมอยากรู้ว่าขับแท็กซี่นี่เป็นยังไง รายได้ดีไหม เผื่อผมตกงานจะได้มาขับแท็กซี่กับเขาบ้างน่ะครับ"

"เดี๋ยวนี้แท็กซี่มันเยอะขึ้นนะ" เขาตอบ ท่าทางผ่อนคลายขึ้น

"เห็นเขาว่าเดี๋ยวนี้รายได้ไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อนนะครับ?"

"อืม เดี๋ยวนี้แย่ลงเยอะ เมื่อก่อนดีนะ ยิ่งตอนยังไม่มีมิเตอร์ดีกว่านี้อีก"

"โห พี่ขับมาตั้งแต่สมัยไม่มีมิเตอร์เลยเหรอครับ งั้นก็ขับมานานแล้วสิ"

"ยังงี้ นี่ก็เป็นรถพี่เองน่ะสิครับ?"

"อ๋อ นี่ผมเช่าอู่เขาน่ะ ขับเจ็ดวันฟรีวันนึง"

...

----


ในขณะที่เศรษฐศาสตร์กระแสหลักแบบคลาสสิก ในสมัยอดัม สมิธ มองว่า เมื่อเราผลิตสินค้าขึ้นมาหนึ่งชิ้น เราก็จะนำสินค้านั้นไปขายในตลาด แล้วได้เงินมา ก็จะนำเอาเงินนั้นไปแลกสินค้าอื่นอีกทอดหนึ่ง

เงินตราจึงเป็นเพียงปัจจัยในการแลกเปลี่ยนสินค้า ในสภาวะตลาดแข่งขันแบบเสรีนั้น ก็เหมือนกับคนแต่ละคนในตลาดเอาสินค้าที่ตนเองผลิตได้มาแลกเปลี่ยนกันอย่างเสรี โดยมีเงินตราเป็นเพียงเครื่องหล่อลื่นการแลกเปลี่ยนนั้นเอง

แต่นักคิดฝ่ายซ้ายอย่างมาร์กซ์นั้นเชื่อว่า แนวคิดแรกนั้นมองโลกตื้นเขินเกินไป

ในยุคสมัยที่มาร์กซ์อยู่นั้น เป็นสังคมแบบอุตสาหกรรมปล่องไฟ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เริ่มมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมช่วงแรกๆในยุโรป และเริ่มมีการนำเอาเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ ในยุคนี้เองเริ่มปรากฎมีชนชั้นขึ้นสองชนชั้น ซึ่งมาร์กซ์เรียกชนชั้นหนึ่งว่า นายทุน และอีกชนชั้นว่า กรรมาชีพ

มาร์กซ์บอกว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเท่าเทียมกันทั้งหมด เพราะชนชั้นนายทุนซึ่งรวมไปถึงทายาทของเขาตั้งต้นที่เงิน คือเอาเงินตรานั้นไปลงทุนสร้างโรงงาน และว่าจ้างกรรมกรเข้ามาทำงานในโรงงาน, ในขณะที่ชนชั้นกรรมาชีพ ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเงิน ก็ต้องยินยอมขายกำลังแรงงานตนเองเพื่อแลกกับค่าจ้าง

ด้วยไม่มีทางเลือก ทำให้กรรมกรนั้นต้องยินยอมขายกำลังแรงงานของตนเองนั้นในราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น ในขณะที่นายทุนสามารถประหยัดต้นทุนลงจากการจ่ายค่าแรงให้กรรมกร เมื่อโรงงานผลิตสินค้าและไปขายในท้องตลาด นายทุนก็จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าที่ควรจะเป็น ก็เพราะส่วนหนึ่งเขาได้ขูดรีดเอาไปจากค่าแรงของกรรมกรนั้นเอง

ในขณะที่กรรมกรต้องทำงานในโรงงาน 10 ชั่วโมง ต่อวัน แต่ค่าจ้างที่เขาได้นั้น ในความเป็นจริงเทียบเท่าได้กับการที่เขาทำงานเพียง 3 ชั่วโมง

คนที่เข้าใจเรื่องมาร์กซิสต์ และแนวคิดฝ่ายซ้ายจึงมองสินค้าต่างๆ ในรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างทุน และการขูดรีด ไม่ได้มองเป็นเพียงสินค้าที่สวยงาม (เช่นมองว่าโต๊ะ-เก้าอี้ที่ใช้อยู่ นีเป็นการขูดรีดแรงงานมาได้เท่าไหร่ๆ)

ดังนั้น นอกเหนือจากความสัมพันธ์แบบการแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างเสรีแล้ว ก็ยังมีความสัมพันธ์ในเชิงขูดรีดกำลังแรงงานอยู่ด้วย

----


บทสนทนาระหว่างผมกับคนขับแท็กซี่ ก็เป็นไปในเชิงสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของเขา

ขับรถวันละกี่ชั่วโมง -- ขับกะดึก (ควงกะกับเพื่อนอีกหนึ่งคน) เริ่มตั้งแต่บ่ายสาม จนถึงประมาณเที่ยงคืน
มีวันหยุดบ้างไหม -- ไม่ค่อยมีก็ขับไปเรื่อยๆ บางทีอาศัยช่วงที่อู่ปล่อยเช่ารถฟรีเป็นวันหยุด
มีค่าใช้จ่ายอย่างไร -- ค่าเช่ารถ ค่าแก๊ส ค่าล้างรถเมื่อเปลี่ยนกะ ตกเดือนหนึ่งเมื่อคำนวนค่าใช้จ่ายกับคู่กะ ก็เสียค่าใช้จ่ายให้เจ้าของอู่ในราว 32,000 บาท ในขณะที่เมื่อเทียบหากซื้อรถและผ่อนเองอาจจะเสียแค่เดือนละ 16,000 บาท (แต่อาจจะต้องขับรถนานขึ้นเล็กน้อย)

อู่ย่านที่เช่าอยู่มีขาใหญ่อยู่สองเจ้า ไม่ค่อยถูกกัน อู่ที่หนึ่งมีเจ้าของเป็นสะใภ้ขานั้นเข้มงวดกว่า แต่ที่อู่ที่ขับให้นั้นเป็นเจ้ ดูยืดหยุ่นกว่า ส่งช้าอะไรได้...

บางทีการที่มนุษย์เรา ต้องอดทนทำงานหนัก 9 - 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยแทบไม่มีวันหยุดพัก เพื่อแลกกับรายได้เพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับมีอีกหลายคนที่เริ่มต้นด้วยเงินทุน แล้วลงทุนขยายกิจการออกไปเรื่อยๆ และมีรายได้ที่ต่างกัน นี่ก็ทำความเข้าใจได้ยากอยู่เหมือนกัน

ทำไมมนุษย์เราถึงจะ ทำงานพอๆกัน มีโอกาสพักผ่อนพอๆ กัน มีสถานภาพความเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงกัน สนับสนุนสังคมตามกำลังของตน และได้รับประโยชน์จากสังคมตามที่ตนจำเป็นเพียงเท่านั้นไม่ได้?

เมื่อมานั่งคิดถึงสถานภาพของคนทำงานกินเงินเดือนส่วนใหญ่ในประเทศ ใช่หรือไม่ว่าก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้กันทั้งนั้น?


Create Date : 06 กันยายน 2550
Last Update : 6 กันยายน 2550 12:54:52 น. 2 comments
Counter : 466 Pageviews.

 
มนุษย์ที่รับเงินเดือน แลกกับการทำงาน ทั้งที่ใช้แรงกายและใช้แรงสมอง ล้วนต่างถูกขูดรีดส่วนเกินไม่แตกต่างกันกัน.....จริง


โดย: ขามเรียง วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:20:44:45 น.  

 
ยินดีต้อนรับครับ คุณขามเรียง คอยติดตามชมนะครับ ผมจะเขียนอีกหลายตอนติดกัน

ช่วงนี้มีไฟครับ


โดย: ฮันโซ วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:18:52:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฮันโซ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สหายสิกขา Lite version

สหายสิกขาตั้งคำถามกับการเป็นอยู่ของสรรพสิ่งตรงหน้า พร้อมกันนั้นก็เปิดรับแนวคิดของคำตอบในมุมมองที่แตกต่างอย่างเท่าเทียมกัน

สหายสิกขาจะมีความยินดียิ่ง หากคุณได้นำความรู้ที่ได้จุดประกายนี้ไปตีความต่อให้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น เพราะยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งถกเถียงยิ่งสนทนาก็สามารถแตกประเด็นไปอีกได้มาก

สหายสิกขาต้องการกระตุ้นให้คนอ่านได้คิด และสัมผัสถึงขอบเขตที่ไม่สิ้นสุดแห่งจินตนาการ

พร้อมกันนั้นสหายสิกขา ก็พร้อมอยู่เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนสนทนา เพื่อจับมือกันเรียนรู้ไปในโลกกว้าง ...ด้วยกัน

CC Developing Nations
Friends' blogs
[Add ฮันโซ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.