Group Blog
 
All blogs
 
คาดการณ์สถานการณ์การเมืองในอนาคต : มองจากวันที่ 10 กันยายน 2550

ใครที่เพิ่งมาอ่านบล็อกของผม อาจจะเข้าใจว่าผมเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ กลุ่มสนับสนุนทักษิณ

แต่ถ้าเคยอ่านข้อเขียนในบล็อกเก่าๆ ของผม จะเห็นว่าผมเคยวิจารณ์ทักษิณ ในหลายๆ กรณี (แต่ตอนนั้นยอมรับว่าความรู้ด้านการเมืองอาจจะไม่เข้มแข็งเท่าตอนนี้ -- และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังโง่อยู่หลายเรื่อง)

ผมเคยเสนอ โหวตเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่ตอนก่อนการเลือกตั้งในช่วงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 เนื่องจากมองว่าความนิยมของพรรคไทยรักไทย จะทำให้เกิดชัยชนะแบบ land slide (ซึ่งก็เกิดขึ้นเป็นจริงตามนั้น) การเลือกพรรคฝ่ายค้านเข้าไปคานอำนาจพรรคไทยรักไทย (ในขณะนั้น) อาจจะช่วยทำให้สถานการณ์ไม่ดำเนินมาจนถึงขนาดนี้ก็ได้ -- เกิดการเมืองในท้องถนน, ชนแบบไม่ชนะไม่เลิก, อ้างพระราชอำนาจลงมาอย่างฟุ่มเฟือย, เกิดการรัฐประหาร, มีการประท้วงจากฝ่ายสนับสนุนไทยรักไทย, มีการแบ่งแยกความคิดในประเทศชาติอย่างรุนแรง, ฯลฯ

ผมเคยถาม รัฐมนตรีท่านหนึ่งในครม. ทักษิณ 1 โดยตรง ซึ่งท่านผู้นี้ได้รับเชิญมาบรรยายให้กับนักศึกษาในชั้นเรียน (ซึ่งตอนนี้ได้ข่าวว่าออกมาเป็นแกนนำคนหนึ่งที่กำลังคิดจะจัดตั้งพรรคการเมืองขั้วที่สามขึ้นมา) เกี่ยวกับความโปร่งใสในเรื่องการอนุมัติเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าในโครงการไอพีสตาร์ แต่รัฐมนตรีท่านนี้ก็บ่ายเบี่ยงและไม่ได้ให้คำตอบตามความเป็นจริง

ผมเคยเข้าร่วม การสัมมนาของคณะเศรษฐศาสตร์ มธ. เพื่อตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจะเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ซึ่งในขณะนั้นหลายๆคนยังชื่นชอบ รัฐบาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ อยู่

ผมเริ่มสังเกตความเคลื่อนไหวของ สนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มผู้จัดการด้วยความสนใจ จากช่วงแรกที่เขายังให้การสนับสนุนและปกป้องรัฐบาลทักษิณต่อฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาโจมตีอย่างดุเดือด (สนธิ ทั้งเขียนบทความ และพูดผ่านรายการที่ตอนนั้นยังจัดอยู่ที่ช่อง 9 อสมท. โดยโจมตี กลุ่มของ เอกยุทธ์ อัญชัญบุตร ที่พยายามจะเคลื่อนไหวโจมตีทักษิณหลายครั้ง -- แต่ฟาล์วไปเสียหมด เวทีชุมนุม กลายเป็นเวทีนักดนตรีลูกทุ่งและมีผู้ให้ความสนใจไม่กี่คน)

จวบจนกระทั่ง การเคลื่อนไหวในระยะหลังของสนธิ อ้างอิงถึงพระราชอำนาจ และพยายามโจมตี ทักษิณ ด้วยข้อหา "การล่วงละเมิดพระราชอำนาจ" ทำให้ผมต้องออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของสนธิ

เพราะแม้ผมจะทราบว่าทักษิณ จะมีปัญหาหลายด้าน แต่เขาก็ยังเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีที่มาอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่การขับเคลื่อนการเมืองไปนอกระบบ (โดยเฉพาะที่เราไม่ทราบว่า อำนาจของเราที่เป็นประชาชนนั้น จะตกไปอยู่ในมือใครอีก) ทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับภาคประชาชนว่า ทำไมเราจึงต้องไว้วางใจปีศาจ เพื่อให้ไปรบกับมารร้าย

จนถึงวันนี้ ผู้จัดการ และกลุ่มพันธมิตร ออกมาอ้างว่า รู้อย่างนี้ไม่ให้ทหารมารัฐประหารดีกว่า ซึ่งขออภัยที่ผมไม่เชื่อ และผมคิดว่าพวกเขา วางแผนกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังข้อความข้างล่างนี้ (อยู่ในช่วงสนธิ พูดช่วงที่สองในรายการยามเฝ้าแผ่นดิน)


สนธิ - ทุกคนสนิทหมด ผมถึงเลย คุณไม่ต้องพูดว่าถึงไม่ถึง คุณมีอะไรก็พูดมา รับรองถึงหูพระกรรณ ผมไม่สนใจหรอก เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เริ่มมาหนุนหลังกระบวนการเรา หนุนหลังมาตลอด จนกระทั่งเริ่มรุนแรงขึ้นๆ เเละเริ่มที่จะปะทะกัน ตัวชี้ขาดคือเหตุการณ์ของตอนนั้นทหารฮึ่มๆ อยู่ตลอดเวลา คุณสพรั่งเข้า เดินเช้าเดินเย็น กินข้าวกับ พล.อ.สนธิ กินข้าวจานเดียวกัน ยุให้ พล.อ.สนธิ ยึดอำนาจ ตลอดเวลา พล.อ.สนธิ คือสนธิ บัง คือยังดำรงความเจ้าเล่ห์เเสนกลเอาไว้ นั่งเงียบๆ คงคำนวณดีๆ ว่าจะมูฟอย่างไร จนกระทั่งมีสัญญาณบางสัญญาณมาถึงผม จู่ๆ ผมสู้อยู่ก็มีของขวัญชิ้นหนึ่งมาจากราชสำนัก ผ่านมาทางท่านผู้หญิงบุษบา ซึ่งเป็นน้องสาวพระราชินี ปรากฏว่าผมได้รับแค่วันเดียว ผมเข้าไปรับด้วยตัวเองกับท่านผู้หญิงบุษบา โทรศัพท์มาหาผมเต็มเลย ป๋าเปรมให้คนสนิทโทรมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทุกคนโทรมาหมดถามว่าจริงหรือเปล่า


----


จนถึงวันนี้ที่สถานการณ์ก้าวหน้ามาไกลแล้ว, ผมขอคาดการณ์สถานการณ์เอาไว้ เพื่อเป็นบันทึกและตรวจสอบในอนาคตอีกครั้งว่าจะมองเหตุการณ์ได้แม่นยำไกล้เคียงขึ้นหรือไม่

สถานการณ์ในขณะนี้ ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับความคิดของ "อภิชาต จงสถิตนิรามัย" ว่า

มองอีกแง่หนึ่ง การเมืองแบบชนชั้นที่จะ เข้มข้นขึ้นนี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางการเมือง ซึ่งอาจจะทำให้วงจรอุบาทว์ที่จะเกิดขึ้นครั้งหน้ากลายเป็นวงจรสุดท้าย พูดอีกแบบคือความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นความขัดแย้งครั้งสุดท้าย ก็เป็นไปได้ เพราะจะเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงมากและเป็นขั้นแตกหัก อาจจะไม่มีการประนีประนอมภายใต้ "คนกลาง" แบบปี 2535 เพราะคนกลางกลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง หรือเพราะ just ไม่มีคนกลาง และไม่ว่า ฝ่ายใดจะชนะ ราคาที่สังคมโดยรวมจะต้องจ่าย ในครั้งนี้จะสูงมาก อาจจะทั้งในรูปของจำนวนศพ ผู้บาดเจ็บ และแผลเป็นของสังคม


ดูข้อมูลเพิ่มเติม จุดเริ่มต้นของ การเมืองทางชนชั้น? การเมืองหลังการลงประชามติ - คอลัมน์ มองซ้าย มองขวา

เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งของสังคมไทยในขณะนี้ ผ่านเลยจุดประนีประนอมมานานแล้ว

ข้อเท็จจริงก็คือ มีความขัดแย้งระหว่างสองอุดมการณ์ในสังคมไทยมายาวนานแล้ว คือข้างหนึ่งสนับสนุน อุดมการณ์พระราชอำนาจ อีกข้างหนึ่งสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปไตย

สมัยรัชกาลที่ 7 พวกเจ้าก็คิดว่าพวกตัวมีกำลังมาก กองกำลังพระนครถูกควบคุมโดยพระประยูรญาติ และขุนนางคนสนิท ไม่ว่าจะเป็น กรมพระนครสวรรค์วรพินิต , พระยาสีหราชเดโชชัย และพระยาเสนาสงคราม

แต่ขุนนางเหล่านี้ก็ต้อง พลาดท่าให้กับแผนการจับกุมตัว ของพระประศาสน์พิทยายุทธ จนทำให้ฝ่ายเจ้าที่ตั้งมั่นที่หัวหินต้องขอเข้ามาเจรจาต่อรอง และคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมเพราะประชาชนนั้นภักดีกับพวกเจ้า

แต่ครั้นแล้วพวกเจ้าก็ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงว่า ไม่มีไพร่ฟ้าราษฎรคนไหนคิดจะต่อสู้ เพื่อพวกตนเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดก็ต้องยินยอมการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดินครั้งนี้

ความผิดพลาดของคณะราษฎรมีหลายประการ แต่นั่นก็เป็นช่วงอายุ ช่วงวัยของพวกเขา แต่คณูปการที่สำคัญก็คือ พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ผลักดันสังคมให้ก้าวเดินไปข้างหน้า มีคนบอกว่า พวกคณะราษฎรชิงสุกก่อนห่าม เจ้าเขาก็อยากจะเปลี่ยนแปลงระบอบอยู่แล้ว แต่จะค่อยทำค่อยไป แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็บ่งชี้ว่า เวลานั้นจะมาถึงหรือไม่ก็ไม่ทราบ ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆที่แน่นอน ได้แต่เลื่อนบิดพริ้วไปเรื่อย

สถานการณ์ในขณะนี้ก็เช่นกัน

ความจริง ถ้าความขัดแย้งในเชิงผลประโยชน์และอุดมการณ์ มีการเคลื่อนไหวอยู่ในระบบ แม้จะมีการเคลื่อนไหวบนท้องถนน และถ้าไม่มีการเล่นนอกกติกา โดยไปเชื้อเชิญทหารมายึดอำนาจ แถมยังมีการตามล้างตามผลาญ ให้สิ้นซาก ก็ย่อมไม่มีใครคิดตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันดังที่เห็นเป็นอยู่แน่

การต่อสู้ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ขั้นแตกหัก (ในเชิงอุดมการณ์)

การสนับสนุนขั้วกลางไม่มีประโยชน์นอกจากจะถูลู่ถูกังสถานการณ์ให้บาดแผลเกิดการ "อักเสบ" ต่อไปเรื่อย จนอาจติดเชื้อรุนแรง และเมื่อนั้น "ก็จะมีการตัดอวัยวะบางอย่างทิ้ง"

ในฐานะที่ผมเป็นคนรุ่น พฤษภาทมิฬ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก แต่ดูเหมือนว่า สถานการณ์โดยรวมขณะนี้ กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว

ผมเคยพูดถึง และเตือนสถานการณ์แบบนี้ในแวดวงมิตรสหาย แต่ดูเหมือนไม่มีใครรับฟัง

ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครชื่นชอบ "การเตือน" ที่ผม remark เอาไว้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ "แข็งกร้าว" เกินไป หรือว่า "evil" ไปก็ตาม

ในเมื่อสังคม โดยเฉพาะคนชั้นกลาง (ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผมตั้งใจจะสื่อความคิดของผมไปถึงมากที่สุด - เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีเสียงดังที่สุด - แต่ไม่ได้เข้าใจว่าอำนาจทางการเมืองของตนเองนั้นลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับสมัยพฤษภาทมิฬแล้ว) ไม่ได้รับฟัง หรือไม่เข้าใจ และสถานการณ์ปัจจุบันก็ยิ่งดูเหมือนเดินไปทางตันมากขึ้นทุกที

ผมจึงขอส่งคำเตือนถึงมิตรสหายทุกท่านว่า ให้ระวัง และรองรับการกระแทกของวิกฤติสังคมไทย ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต


อนึ่ง, ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกขั้วกลางถึงได้เชื่อมั่นยุทธศาสตร์นี้นัก

แม้แต่ ดร. ศุภชัย ที่พวกเขาคิดว่าจะไปเชิญตัวมาเป็น candidate หัวหน้าพรรค (และว่าที่นายกฯ) ก็ยังอ่านเกมส์ เหมือนที่ผมอ่านเลย (คือความขัดแย้งยังไม่จบ)


แต่อย่างว่า การเมืองมันเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอน มีถ้อยคำสนทนาเล็กๆ ระหว่าง "ดร.ซุป" กับ "ผู้ใหญ่คนหนึ่ง" ว่า ดร.ซุปยืนยันว่ายังไม่พร้อมลงเล่นการเมือง...

"สถานการณ์อย่างนี้ ใครลงมาเล่นก็โง่เต็มที เพราะมันไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้"

คำพูดของ "ดร.ซุป" จริงจังเป็นอย่างยิ่ง จนน่าแปลกใจว่าความเชื่อมั่นของ "ป๋าเหนาะ" จะเป็นจริงขึ้นมาได้หรือไม่


บนความเคลื่อนไหว : เบญจก๊ก

อย่างไรก็ตามเราคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป

ปล. ผมเลิกสนใจการวิเคราะห์ จากมุมมองด้านบุคคลาธิษฐานนานแล้ว การเขียนและการวิเคราะห์หลังๆ ของผม มองจากมุมมองด้านยุทธศาสตร์ และจากการต่อสู้ของสอง "พลังอุดมการณ์" เป็นหลัก (โดยอ้างแนวคิดของกรัมชี่)


Create Date : 10 กันยายน 2550
Last Update : 10 กันยายน 2550 18:27:48 น. 0 comments
Counter : 435 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฮันโซ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สหายสิกขา Lite version

สหายสิกขาตั้งคำถามกับการเป็นอยู่ของสรรพสิ่งตรงหน้า พร้อมกันนั้นก็เปิดรับแนวคิดของคำตอบในมุมมองที่แตกต่างอย่างเท่าเทียมกัน

สหายสิกขาจะมีความยินดียิ่ง หากคุณได้นำความรู้ที่ได้จุดประกายนี้ไปตีความต่อให้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น เพราะยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งถกเถียงยิ่งสนทนาก็สามารถแตกประเด็นไปอีกได้มาก

สหายสิกขาต้องการกระตุ้นให้คนอ่านได้คิด และสัมผัสถึงขอบเขตที่ไม่สิ้นสุดแห่งจินตนาการ

พร้อมกันนั้นสหายสิกขา ก็พร้อมอยู่เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนสนทนา เพื่อจับมือกันเรียนรู้ไปในโลกกว้าง ...ด้วยกัน

CC Developing Nations
Friends' blogs
[Add ฮันโซ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.