มะนาวใบเหลืองเพราะรากไม่กินปุ๋ย
เมื่อพูดถึงอาการใบเหลืองของพืชก็มักจะมีนานาทัศนคติที่กูรูผู้หลายท่านมักจะออกมาแสดงความคิดเห็นตามกระทู้หรือเว็บบอร์ดต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นโรคนั้น โรคนี้ มีเชื้อรา ปัญหามาจากการเป็นโรคใบไหม้ใบด่าง ใบดำ ใบห่อ ใบเหี่ยว ใบเฉา (Plant Diseases) คละเคล้ากันไปในหลายสาเหตุจนทำให้ผู้ที่สอบถามอาจจะเข้าใจผิดคิดไปเองว่า ใบเหลืองที่เกิดกับพืชของตนเองนั้นคงจะมีแต่เพียงปัญหาเรื่องของเชื้อราโรคพืชแต่เพียงอย่างเดี่ยวเท่านั้น จึงมุ่งไปแต่เรื่องการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อราฆ่าเชื้อโรค (Fungicide) เสียเป็นส่วนใหญ่ถ้าบังเอิญรักษาได้ตรงโรคก็โชคดีไปแต่ถ้าฉีดไปแล้วสักรอบสองรอบแล้วอาการไม่ดีขึ้น พี่น้องเกษตรกรคงจะเริ่มปวดหัวกันขึ้นมาบ้างล่ะไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะเกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก อาการและพฤติกรรมในลักษณะนี้ ใช่ว่าจะเกิดแต่พืชทั่วไปนะครับแม้แต่พืชยอดฮิตอยู่ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกัน มีอาการแบบนี้ได้เหมือนกันแต่ก็อยากจะให้ท่านผู้อ่านและพี่น้องเกษตรกรพึงตระหนักอาการหรือสาเหตุอย่างอื่นเข้ามาวิเคราะห์ด้วยเช่นเดียวกันนั่นก็คือเรื่องของการขาดแร่ธาตุและสารอาหาร (Symptom) ซึ่งก็เกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นการขาดความรู้ความเข้าใจในการให้แร่ธาตุและสารอาหารเกษตรกรบางท่านอาจจะให้แต่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15, บ้างก็ให้แต่พืชเชิงเดี่ยว46-0-0, 21-0-0, 15-0-0 ฯลฯ ซึ่งมะนาวก็จะได้รับแต่ธาตุอาหารหลัก (N P K) ประกอบกับดินที่ผ่านการเพาะปลูกมาเป็นระยะเวลายาวนานจึงทำให้ธาตุรอง ธาตุเสริม และธาตุพิเศษนั้นไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ของพืชแต่ละชนิดรวมทั้งมะนาวจึงทำให้ใบแสดงอาการขาดธาตุได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่เกษตรกรอาจจะคาดไม่ถึงก็คือ อาการที่รากของพืชหรือมะนาวนั้นมีอาการบาดเจ็บจากการขนย้าย การเพาะปลูก การถูกรบกวนจากศัตรูพืช การถูกทำลายโดยเชื้อโรคการหยุดการเจริญเติบโต ขัดสมาธิ จากภาวะดินที่แน่นแข็ง เป็นดานสภาพดินที่เป็นกรดหรือด่างจัดเกินไป จึงทำให้แม้ตัวเกษตรกรจะหมั่นพยายามรดน้ำใส่ปุ๋ยลงไปมากมายเพียงใดแต่พืชก็ไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยเนื่องด้วยค่าความเปิดกรดและด่างจะบล็อกตรึงหรือไล่ปุ๋ยบางตัวทำให้พืชขาดและบางครั้งก็ละลายแร่ธาตุอย่าง เหล็ก ทองแดง แมงกานีสออกมามากจนเกินไปส่งผลให้เป็นพิษต่อใบพืชเกิดอาการเหลืองและไหม้ได้ ดังนั้นถ้าเกษตรกรสามารถวิเคราะห์ (Analysis) หาสาเหตุให้ชัดเจนและแก้ไขได้ตรงตามต้นเหตุของปัญหาก็จะช่วยทำให้การดูแลแก้ไขของพี่น้องเกษตรกรทำได้ง่ายขึ้น เช่นถ้าเป็นรากเน่าโคนเน่าก็ใช้จุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่า,ถ้ามีปัญหาดินแน่นแข็งก็ใช้สารละลายดินดาน ALS29,ถ้ามีปัญหาดินเป็นกรดก็ใช้กลุ่มวัสดุปูน,ถ้าดินเป็นด่างก็ใช้กลุ่มของภูไมท์ซัลเฟตถุงสีแดงถ้ามีปัญหาขาดธาตุรองธาตุเสริมก็ควรให้อาหารเสริมทางใบช่วยอีกทางหนึ่งหรือจะใส่ทางดินด้วยกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ อย่าง พูมิชซัลเฟอร์ หรือ ภูไมท์ซัลเฟตเป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้เราไม่หลงทางเสียงเงินเสียทองแบบไม่ตรงประเด็นไปโดยเปล่าประโยชน์เป็นจำนวนมาก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสงสัยในเรื่องหนึ่งเรื่องใด อย่าลืมนะครับเรื่องเกษตรปลอดสารพิษ ให้คิดถึงเราครับ โทรมาที่ 02 9861680 2 มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 17:59:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 529 Pageviews. |
|
|
|