ภาษี AEC ที่เหลือ ศูนย์
เกี่ยวกับเรื่องของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้นก็มีเนื้อหาสาระที่เข้มข้นและเข้าใกล้ประชาชนคนไทยอย่างเราๆมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในไม่อีกกี่ปีข้างหน้าคือปี2558นี้ก็ถือว่าเต็มตัวเต็มยศในเรื่อง AEC (ASEAN ECONOMICS COMMUNITY) กันแล้ว ความจริงเราได้เริ่มมาตรการภาษีมาตั้งแต่ปี2553 แล้วโดยมีเพียง 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์และบรูไน ส่วนอีกสี่ประเทศคือ ลาว กัมพูชา พม่าและเวียดนามนั้นได้ตามมาติดๆในภายหลัง หนำซ้ำยังมีอีก 6 ประเทศที่จะขอเข้าร่วมด้วยอย่างจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่งทั้งสินค้า แรงงาน ทุนฯลฯ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร เรื่องของเกษตรกรหรือประชาชนคนทั่วไปก็มักจะได้ยินได้ฟังมากขึ้นบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น แต่อาจเป็นในแง่มุมที่ตื้นเขิน ความหมายลึกๆเชื่อว่าคงจะน้อยมากที่จะมีโอกาสทราบได้ว่ามีผลกระทบที่เป็นทั้งผลดีและผลเสียแก่ตนเองหรือส่วนรวมว่าจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นคงจะไม่มากโดยเฉพาะตาสี ยายสา ลุงมา ตามีที่อยู่ตามหัวไร่ปลายนายิ่งไม่ต้องพูดถึงคงได้ยินแต่เจ้าหน้าที่ของรัฐพูดให้ฟังอยู่บ้างเป็นครั้งคราวเมื่อมีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมสัมมนาจากเกษตรตำบลเกษตรอำเภอ หรือหน่วยงานส่งเสริมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ความจริงผลกระทบด้านการค้าการขายเกี่ยวกับการเกษตรเราประสบพบเจอตั้งแต่ครั้งที่ทำFTA (Free Trade Area) กับจีนแล้ว คือเมื่อลดภาษีนำเข้าหอมกระเทียมจากจีนเหลือศูนย์ทำให้ประชาชนคนไทยที่ไม่นิยมกระเทียมจีนก็ค่อยๆรู้จักรสชาติมากขึ้นเรื่อยๆด้วยราคาที่ถูกกว่า ประหยัดกว่า ปรกติกระเทียมจีนอาจจะต้องเสียภาษีนำเข้า 70 - 80เปอร์เซ็นต์สมมุติเดิมกระเทียมในประเทศไทยอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 100 บาทแต่ถ้านำเข้าจากจีนอาจจะต้องเสีย 70 บาท + ค่าภาษีอีก 80 บาท + ค่าจัดการอีก 10บาท บวกพ่อค้าคนกลางอีก 10 บาท รวมเป็น 170 บาทจึงทำให้กระเทียมจีนแพงกว่ากระเทียมไทยมากถึง 70 บาทจึงทำให้ไม่มีใครที่จะนำเข้ามาจำหน่าย แต่หลังจากตกลงเรื่อง FTA ภาษีที่เคยเสียก็ไม่ต้องเสียพ่อค้าสามารถนำเข้ากระเทียมจากจีนได้ในราคา 70 บาท ถูกกว่ากระเทียมไทยถึง 30 บาทถึงแม้จะมีค่าบริหารจัดการบ้างก็ยังถือว่าถูกกว่าของไทยทำให้เกษตรกรที่ปลูกหอมกระเทียมขายไม่ออก ราคาตกต่ำต้องนำมาเทกองเกลื่อนกลาดเต็มถนน พอจะนึกภาพออกอยู่บ้างแล้วนะครับว่า นี่ขนาดเพียงเรื่อง FTA ยังส่งผลกระทบทำให้ทั้งหอมกระเทียมลิ้นจี่ ลำไย ทางภาคเหนือราคาร่วงพราวกราวรูดได้อย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับมามองเรื่อง AEC ก็ให้ลองคูณผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีกสัก 100 หรือ200 เท่าดูแล้วกันครับเพราะประเทศไทยเราแทบจะไม่มีสินค้าประเภทอ่อนไหวที่สำคัญและปกป้องพี่น้องเกษตรกรไทยเหมือนญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย (สินค้าข้าวยังคงมีเพดานภาษีไม่ปล่อยให้เป็นศูนย์ร้อยเปอร์เซ็นต์)โดยยอมให้สินค้าเกษตรกรรมทุกๆ อย่างปล่อยลอยตัวไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์อย่างสิ้นเชิงตามยถากรรมหนทางเดียวที่พี่น้องเราชาวเกษตรกรจะช่วยตัวเองได้คือการผลิตอย่างประณีตรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายทำให้ต้นทุนลด ผลผลิตเพิ่มจึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในกระแสโลกาภิวัตน์ที่เชี่ยวกรากนี้อันนี้ก็เป็นมุมมองแบบง่ายๆให้พี่น้องเกษตรกรได้ทราบพอหอมปากหอมคอกันนะครับสงสัยและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็โทรศัพท์ติดต่อขอข้อมูลมาได้ที่ 081-313-7559ครับ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิ www.thaigreenagro.com
Create Date : 08 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2555 17:23:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 853 Pageviews. |
|
|
|