สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 01

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 01




ยามตะวันตรงหัวช่างแผดเผาไปทั่วผืนทรายภาพเงาจากไอน้ำที่กระทบกับแดดดูบิดๆ เบี้ยวๆ คล้ายภูตผี สิ่งมีชีวิตอยู่ในบริเวณนี้มีแต่ทราย...ทราย... และทราย 

ลมพัดพาเศษทรายหอบขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะสลายตัวปล่อยให้เม็ดทรายล่วงลงพื้นวนเวียนเช่นนี้ตั้งแต่ภูเขาทรายลูกนี้ผ่านไปยังลูกโน้น...ลมทะเลทรายพัดผ่านไปทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่งที่จะเข้าไปทักทายเยี่ยมเยียนขบวนของชาวเผ่าเบดูอินที่กำลังพาพรรคพวกเดินทางเร่ร่อนไร้จุดหมาย...

จนกระทั่ง…

ม้าตัวใหญ่ขนสีดำมันที่อยู่หน้าขบวนหยุดลง เจ้าของม้าชูมือขึ้นสูงระดับหัวเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดเขาชักม้าหมุนรอบกายก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้า…อะไรบางอย่างทำให้เขาสะกิดใจ

ลม…หายไปตั้งแต่เมื่อไร

ลมทะเลทรายที่พัดอยู่เป็นระรอก…นิ่งและเงียบจนเหมือนกับจะเกิดอะไรขึ้นบางอย่างจะเกิดพายุทะเลทรายก็ไม่น่าจะใช่ อย่างน้อยหากจะเกิดพายุต้องมีเค้ามาจากปลายฟ้าทางด้านใดด้านหนึ่ง…ให้ตายเถอะทะเลทรายเงียบสงบแบบนี้เขาไม่ชอบเลย

ทุกคนในเผ่ามองหน้ากันอย่างแปลกใจ…พึ่งเที่ยงวันทำไม่ท่านหัวหน้าถึงสั่งให้หยุดขบวน…หากแต่เมื่อใครบางคนเงยหน้าบนท้องฟ้าก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

เสียงร้องนั้นทำให้ทุกคนหันไปมองนาง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า...เสียงอุทานและเสียงหวีดร้องดังขึ้นเกือบพร้อมกันและมันต้องทำให้เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง…นั่นเองที่เป็นสาเหตุแห่งความเงียบสงบ

บัดนี้เงาดำ…กำลังบดบังสุริยะเทพทีละนิด…

…สุริยคราส…

เสียงฝีเท้าของม้าที่ดังขึ้นมาจากท้ายขบวนทำให้ทุกคนละความสนใจจากสุริยะเทพเพียงชั่วขณะบุคคลที่รั้งตำแหน่งระวังท้ายหวดม้าของตัวเองเสียจนฝุ่นทรายปลิวกระจายว่อน...ปากก็ตะโกนเมื่อเห็นคนที่ตนต้องการพบ

“นายท่าน… นายหญิงจะคลอดแล้ว”เสียงตะโกนนั้นทำให้เสียงคุยดังอื้ออึงทั่วทั้งกองคาราวานหากแต่เขาไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น...ก็ในเมื่ออีกไม่นานเมียของเขาก็จะคลอดบุตรให้แก่เขา

ชายหนุ่มผู้เป็นนายชักม้าวิ่งสวนทางกับอีกฝ่าย เพื่อไปหานางผู้เป็นที่รักยิ่ง...

“ปักกระโจม...” รองหัวหน้าเผ่าเบดูอินสั่งการแทนทันทีที่เห็นอีกฝ่ายห้อม้าไปยังทิศทางที่ต้องการ...โดยไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากเมียเมียและลูกของตนที่กำลังจะลืมตาดูโลกในไม่ช้า

ทุกครั้งที่มีใครในเผ่าคลอดลูก…ทุกคนจะต้องรอหญิงสาวผู้นั้นให้คลอดลูกเสียก่อนจะไม่มีการทิ้งกันกลางทะเลทรายเป็นอันขาด...เพราะพวกเขารู้ดีว่าภัยจากทะเลทรายนั้นโหดร้ายแค่ไหน

“ดูนายท่านสิ… พอรู้ว่านายหญิงจะคลอดลูกเท่านั้น ลืมไปหมดทุกอย่างเลยนะเนี่ย” หญิงชราก้าวขาอันเหี่ยวย่นลงจากเกวียนของนางที่บุตรเขยนั่งเป็นสารถีอยู่ด้านหน้า ใบหน้าอันเหี่ยวย่นเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่บัดนี้สุริยะถูกกลืนกินไปเสี้ยวหนึ่งแล้ว

“เด็กคนนี้…จะเป็นดังเช่นคำทำนายหรือเปล่าหนอ ???”คำพูดของนางสะกิดใจรองหัวหน้าเผ่าที่ยื่นอยู่ไม่ไกลเขาเดินเข้าไปใกล้นางพอที่จะกระซิบให้ได้ยินกันสองคน...คำทำนายที่คนในเผ่าได้ยินมานานชวนให้เขาเกิดความสงสัย

“แม่เฒ่าหมายความว่า… เด็กคนนี้จะเป็นผู้นำพาพวกเราคืนบ้านอย่างนั้นรึ”

“ข้าเองก็สุดหยั่งรู้ได้ มีเพียงผู้ที่ทำนายเท่านั้นที่ทราบคำตอบ”

หญิงชราลดหน้าที่กำลังมองฟ้าหันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เริ่มฝ้าฟางก่อนที่สายตาทั้งสองคนจะหันไปมองยังจุดหมายเดียวกันยังกระโจมที่สร้างมาอย่างง่ายๆสำหรับคลอดบุตร

“แต่อีกไม่นานเราก็คงจะทราบคำตอบล่ะนะ” เธอพูดเช่นนั้นก่อนที่จะเดินกลับไปที่กระโจมของตนที่บุตรเขยและหลานชายกำลังทำขึ้นเพื่อเป็นที่พักอาศัยในค่ำคืนนี้

เสียงทารกที่ดังลอดมาจากในกระโจม ทำให้ผู้นำของเผ่าเบดูอินล่วงรู้ได้ทันทีว่าบุตรของเขาคลอดออกมาแล้ว…อย่างปลอดภัย

หากแต่ที่เขากำลังห่วง… เมเทเทปเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่บัดนี้มืดมิดเหมือนยามรัตติกาล

อา…คำทำนายที่เขาได้ยินตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย

“…คำทำนายนี้มีมาตั้งแต่ก่อนเจ้าเกิด พ่อหวังสักวันพวกเราจะได้กลับบ้าน บ้านที่เราครอบครองมาตลอดร้อยกว่าปี จำไว้นะเมเทเทปหากวันใด...มีเด็กเกิดมาในวันสุริยะดับ เด็กคนนั้นคือผู้ที่จะนำพาเราชาวฮิคโซสกลับคืนแผ่นดินแม่…”

เขาไม่คิดว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริงเลย… จนกระทั่งวันนี้วันที่บุตรของเขาเกิดมาภายใต้สุริยคราส ฤๅพวกเราจะได้กลับบ้านจริงดั่งคำทำนาย

ลูกข้าเอ๋ย… ชะตาชีวิตเจ้าพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น

อีกนานเท่าใดที่พวกเราจะเลิกเร่ร่อนไร้หลักแหล่งพ่อจะได้อยู่เห็นวันนั้นของเจ้าหรือไม่นะ


ไกลออกไปยังอียิปต์ตอนบน...อันมีเมืองธีปส์เป็นเมืองหลวงในขณะนั้นทันทีที่แสงของเทพเจ้าราถูกกลืนกินทีละนิด ผู้เป็นใหญ่เหนือใครในแผ่นดินก็ได้ถูกเหล่านักบวชกันให้พ้นจากรัศมีอัปมงคลให้อยู่ภายในมหาวิหารแห่งเทพเจ้ารา...นั่งฟังเหล่านักบวชกำลังทำพีธีสะเดาะเคราะห์ จะเสด็จออกไปไหนไม่ได้เลยจนกว่าสิ่งอัปมงคลจะจากไป

ข้างกายฟาโรห์มีราชินีผู้เป็นหนึ่งเดียวในดวงหทัยคอยเคียงข้างกายเสมอ…บนตักของนางมีเด็กน้อยวัยกำลังซุกซน

เด็กน้อยยังไม่รับรู้ถึงความทุกข์ รอบตัวของเขามีแต่ความสนุก… โอซาเมซิสบุตรชายตัวน้อยของอามันโฮเทปพยายามจะไต่ลงจากตักของพระมารดาหากแต่ก็ถูกอ้อมกอดนั้นกระชับตัวทำให้ไม่สามารถขยับได้ดั่งใจเด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ราวกับจะอ้อนขอพระมารดาให้ปล่อยตนออกจากอ้อมกอด

เสียงสวดที่ดังทั่วมหาวิหารเหมือนจะกลบเสียงๆหนึ่งที่ดังมาจากข้างนอก หากเจ้าตัวที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่นั้นไม่ได้ละความพยายามที่จะตามหาใครบางคน… เสียงนั้นดังจนผู้เป็นใหญ่นึกรำคาญผู้ที่บังอาจมารบกวนการสวดเพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์

“นั่นเสียง…ราโจโฮเทปไม่ใช่รึเพคะพระองค์”ผู้เป็นราชินีเอ่ยถามอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายตะโกนก้องไปทั่วมหาวิหารแห่งเทพเจ้าราราวกับคนบ้าเสียสติ

“อื่อ…ข้าจำได้น่าเสียงของนักบวชเฒ่าประจำวิหารโอซิริส ร้อยวันพันปีไม่เคยบ้าขนาดนี้เลยนี่นา”

แม้แต่ผู้เป็นใหญ่ก็ยังแปลกใจ เพราะเท่าที่จำได้ราโจโฮเทปจะขลุกตัวอยู่เงียบๆในวิหารแห่งเทพโอซิริส ชอบทำนายอะไรไร้สาระเรื่อยเปื่อย

“แย่แล้วพระเจ้าข้า แย่แล้ว...เทพเจ้ารา กำลังถูกกลืนกินแล้วพระเจ้าข้า ลางร้ายปรากฏแล้ว” เสียงนักบวชเฒ่าร้องดังไปทั่วมหาปราสาทวิ่งวุ่นเหมือนหนูติดจั่น...เมื่อมองหาไปทางไหนก็ไม่พบคนที่ตนต้องการจะเจอ

เขายอมเสี่ยงชีวิต…เพราะรับรู้ได้ถึงคำเตือนที่เทพเจ้าโอซิริสพยายามส่งมายังเขา

“แย่อะไรของเจ้า เราไม่เห็นเข้าใจ เทพเจ้าราถูกกลืนกินแล้วเป็นไง? ตะโกนลั่นไปทั่วมหาวิหารของข้า…ถ้าไม่ใช่เรื่องแย่จริงๆเจ้าจะเป็นฝ่ายที่แย่แทนนะราโจโฮเทป”

วรกายหนาโผล่มาจากมุมมืดในปราสาท ฉลองพระองค์บ่งบอกว่าคนตรงหน้ายิ่งใหญ่เหนือดินแดนอียิปต์ตอนบน...พระองค์ต้องหลบเลี่ยงแสงแห่งสุริยะฆาตเพราะเชื่อว่าหากคราใดที่มันต้องวรกายเมื่อนั้นภัยพิบัติจะมาถึงอาณาจักรของตน

ราโจโฮเทปก้มตัวทำความเคารพ เขาไม่เคยกลัวโทษที่บุกรุกมายังมหาปราสาทของฟาโรห์

ต่อให้เขาต้องตายเขาก็จะต้องบอก

“ตอนนี้คนที่สามารถทำลายล้างโอรสของสุริยเทพได้ถือกำเนิดแล้วพระเจ้าข้า”

ผู้มีฌาณหยั่งรู้เริ่มทำนายและการทำนายครั้งนี้เป็นการทำนายที่อาจจะต้องแลกด้วยชีวิต…ในเมื่อเขาบังอาจเปิดเผยมติแห่งเทพโอซิริสเขาต้องได้รับผลกรรมที่ตนทำไว้

องค์เทวีที่เดินตามหลังมาห่างๆ กอดกระชับบุตรของตนในอ้อมกอดทันทีที่ได้ยินคำทำนายนางมององค์ฟาโรห์ก่อนสลับกลับมามองบุตรของตน ร่องรอยแห่งความเป็นแม่มีความหนักใจกึ่งวิตกอย่างเห็นได้ชัด

“เหลวไหล เจ้าเอาอะไรมาพูด…” คนตรงหน้าเหมือนจะโกรธเกรี้ยวหากแต่ผู้ทำนายไม่สนใจยังคงทำนายต่อไปเรื่อยๆราวกับแผ่นเสียงที่ได้บันทึกเนื้อความเอาไว้…ไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว

“การทำลายจะเริ่มในรัชสมัยที่พระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับเทพอนูบิสแล้ว”

คำทำนายนั่นตรงกับที่นางกำลังกังวลอยู่จริงๆ เสียด้วยไม่ใช่ในรัชสมัยของอามันโฮเทปเป็นใหญ่…หากแต่เป็นในสมัยของบุตรชายของนางเป็นใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

“วิธีแก้ไขล่ะมีไหม”

ต่อให้ไม่ได้เกิดในสมัยที่เขากำลังครองราชย์ แต่มันอาจจะเกิดขึ้นกับบุตรชายของเขา...ผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนรุ่นต่อไป…เขาจะยอมได้อย่างไร

“วิธีแก้…หากรวมให้มาอยู่ฝ่ายตนไม่ได้แล้วไซร้จงฆ่าทิ้งอย่าได้รอรี…” แม้แต่ร่างทรงของเทพโอซิริสก็ไม่สามารถบอกใบ้อะไรไปได้มากกว่านี้

“รวมรึ…เราจะรวมได้ยังไงในเมื่อเราไม่รู้เลยว่าศัตรูของเราอยู่ไหน”

อามันโฮเทปมองไม่เห็นทางที่จะรวมศัตรูของบุตรชายของตนได้เลย…เมื่อวิธีประนีประนอมไม่มีเขาคงต้องเลือกวิธีสุดท้าย

‘จงฆ่าทิ้งอย่าได้รอรี’

“ศัตรูของพระองค์ได้ถือกำเนิดแล้วในวันที่เทพราถูกกลืนกิน เด็กทารกผู้นั้นอาศัยอยู่ทางทิศเหนือ...เมื่อเติบใหญ่เขาจะเป็นผู้กอบกู้ตระกูลที่เคยสาบสูญและจะเป็นผู้นำความตายมาสู่บุตรของพระองค์”

สิ้นคำทำนายร่างนั้นล้มพุบลงอยู่เบื้องพระบาทของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลง...หนึ่งในอารักษ์ส่วนพระองค์ที่อยู่ใกล้สุดถลาไปที่ร่างนั้นก่อนที่จะตรวจลมหายใจของอีกฝ่าย

“ราโจโฮเทป…สิ้นแล้วพระเจ้าข้า” คำพูดของอารักษ์ส่วนพระองค์เหมือนกับยืนยันความแม่นยำแห่งคำทำนายนั้น…

ยิ่งทำนายแม่นเท่าใด ยิ่งเปิดเผยมติแห่งสวรรค์มากเท่าใด...สิ่งที่ตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อกับข่าวสารนั้นคือชีวิตของคนบอกสาร

“พระองค์…” ผู้เป็นองค์ราชินีแห่งอียิปต์ตอนบนเรียกอีกฝ่ายที่กำลังตกอยู่ในภวังค์

ใบหน้าฟาโรห์ซีดเซียว… คำเตือนของเทพโอซิริสเป็นจริงเสมอนับตั้งแต่คำทำนายที่พระบิดาหรือองค์ฟาโรห์องค์ก่อนจะต้องสิ้นชีวีด้วยน้ำมือของเทพเซต...พระบิดาในตอนนั้นไม่ได้เชื่อถือในคำทำนายนั้นนักแต่ในที่สุดพระองค์ก็ต้องตายด้วยพิษงูเห่าตอนไปล่าสัตว์

เขาจะทำประการใดที่จะสามารถช่วยเหลือบุตรของเขาได้

ฟาโรห์หนุ่มหันกลับมามองราชินีของตนและบุตรชายที่อยู่ในอ้อมกอด ปล่อยไว้เนิ่นนานบุตรของเขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น

ในเมื่อศัตรูของบุตรชายของเขาเกิดวันนี้…เขาก็ควรเร่งกำกัดในวันนี้เช่นกัน

“ไปเรียกท่านแม่ทัพให้มาเฝ้าข้าด่วน”

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว...ฟาโรห์อามันโฮเทปก็หันไปถ่ายทอดคำสั่งให้กับองครักษ์ประจำพระองค์

“ไม่ต้องห่วงนะ ฮัทวามาเต...พี่สัญญาจะไม่ใครมาทำอันตรายกับลูกของเราได้”

คำสัญญาของผู้เป็นสวามีไม่ได้ทำให้หัวอกของผู้เป็นแม่เย็นลงได้เลย

นางรู้พระองค์กำลังจะกำจัดเด็กคนนั้น…แต่จะเป็นเด็กคนไหนนั้นตอนนี้นางเองก็ยังไม่รู้แต่ไม่ว่าจะเป็นใครขอให้เป็นการฆ่าที่สูญเสียน้อยที่สุดด้วยเถอะนางเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นแม่…จะเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นลูกตายไปต่อหน้าโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

“แม่ทัพเนคนุม...รับคำสั่งจากข้า จงเดินทางไปยังทิศเหนือค้นหาเด็กที่เกิดในเดือนนี้แล้วฆ่าทิ้งให้หมดอย่าให้รอดแม้กระทั่งชายหรือหญิง...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต่อให้เป็นคนในราชวงศ์ข้าก็ไม่ยอม”

คำสั่งนั้นทำให้แม่ทัพคนสนิทเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจองค์ฟาโรห์เป็นคนรักเด็กมาตั้งแต่ยังไม่มีบุตรของตนแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ตรัสฆ่าแม้กระทั่งเด็กที่ไม่มีทางสู้

“เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าค่ะ” หากแต่คำถามนั้นก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดแต่อย่างน้อยมันอาจจะเกี่ยวของกับศพของราโจโฮเทปที่พึ่งถูกหามออกไปเมื่อครู่ก็เป็นได้

“ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายลูกข้าได้… ไม่มีวัน”ความรักของผู้เป็นพ่อทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าเศร้าโศก หากแต่ใครเล่าจะขัดพระประสงค์ขององค์ฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ได้

ไม่มีเลย…สักคน


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 15 เมษายน 2556
Last Update : 15 เมษายน 2556 15:14:18 น.
Counter : 938 Pageviews.

1 comments
  
มาแอบอ่านค่ะ สนุกดีนะคะ อิอิ ;))
โดย: อรัญญาวี (อรัญญาวี ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2556 เวลา:18:25:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมฤดา & ธัญณัฐฐ์
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ boonchompu-tunnut ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
New Comments
All Blog