สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 06

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 06



ม้าสองตัวที่วิ่งห้อจนฝุ่นตลบเห็นมาแต่ไกลหยุดอยู่บนเนินทรายลูกหนึ่ง ชายหนุ่มที่ดูสูงกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดเป็นเจ้าของม้าสีน้ำตาลไหม้เขาหันมองเพื่อนร่วมทางที่บังคับม้าสีหมอกให้เดินไต่เนินทรายอีกลูกที่อยู่สูงกว่า

ทั้งสองมองเห็นโอเอซิสที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่...ด้วยความคุ้นเคยเส้นทางทำให้ทั้งสองคนรู้ว่าโอเอซิสแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีน้ำเพียงพอที่จะให้คนเผ่าได้พักอาศัยสักคืนสองคืนก่อนที่จะออกเดินทางไปยังเมืองถัดไป

"เจ้าคิดว่าไง ??"

เด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในชุดประจำเผ่าเผยให้เห็นรูปร่างที่สูงโปร่งหากแต่ก็มีกล้ามเนื้อปรากฏอันเนื่องมาจากการออกกำลังกายอยู่เป็นนิจผมซอยสั้นถูกสะบัดเพื่อไล่ทรายให้ออกจากศรีษะในขณะที่เปียหางเต่าอันเล็กที่อยู่ตรงท้ายทอยก็ไกวแกว่งไปตามแรงสะบัด

ความจริงเวลาเดินทางกลางทะเลทรายแบบนี้เขาต้องมีผ้าโพกหัวอีกชั้นแต่อากาศเมื่อเช้าที่ไม่มีแดดทำให้เขาไม่ได้หยิบผ้าโพกหัวติดมือมาด้วยทั้งที่คิดว่าจะออกมาขี่ม้าเล่นนิดหน่อยแต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงจนเกือบจะตรงหัว

ในขณะที่อีกคนร่วมเดินทางมาด้วย...มีผ้าโพกหัวและคลุมหน้าปิดบังไอแดดอย่างมิดชิดอีกทั้งเครื่องแต่งกายที่ดูยาวรุงรังนั้นทำให้ดูแทบไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างแบบไหน...มีเพียงดวงตากลมโตสีทรายมีแววขี้เล่นปรากฏให้เห็นเป็นประจำ

"คิดว่าไงได้เล่า... "

คนที่มีผ้าที่พันปิดจมูกและปากแสยะยิ้มอยู่ข้างใน …อีกฝ่ายถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงแต่ลูกตาคู่นั้นก็บอกว่าเจ้าตัวกำลังนึกแผนการร้ายอยู่แน่!!

"นอกจาก...ใครไปถึงทีหลังคนนั้นต้องอาบน้ำให้ม้าของอีกฝ่าย ตกลงตามนั้นไหมพี่ข้า??"เจ้าของม้าสีหมอกเอ่ยท้าพนันกับอีกฝ่าย...ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยความสนุก ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองแล้วแอบเก็บไว้ในความทรงจำแห่งใจ...

"ได้เลย ถ้าเจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้นะ...เมอา"ชายหนุ่มกระตุกบังเหียนม้าอย่างแรงหลังพูดจบก่อนหวดแส้ไปที่ก้นของม้าเพื่อกระตุ้นให้มันห้อเต็มเหยียด...ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่า แต่เขาก็ไม่ออมมือให้และก็ไม่อยากพ่ายแพ้ด้วย

"ข้าต่อให้เจ้าเนินทรายหนึ่งลูกยังได้เลยนะพี่ข้า"

เด็กน้อยแสยะยิ้มตะโกนบอกอีกฝ่ายที่ควบม้าออกไปก่อน ยิ้มที่รู้แน่ว่าตนต้องเป็นฝ่ายมีชัย...หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้เหลียวกลับมาดู

"ไป๊...!!"

คนร่างเล็กกว่าเอาเท้ากระทุ้งลำตัวของม้าเบาๆ เพียงเท่านั้นเจ้าม้าสีหมอกก็อ่านความคิดของคนที่นั่งอยู่บนหลังของมันออก...มันไล่ห้อม้าของคนตัวโตกว่าเต็มฝีเท้า

ทั้งคนและม้า...ต่างก็ไม่ยอมแพ้อีกฝ่าย

"ข้าบอกแล้วไง... ว่าข้าต้องชนะเท่านั้น"เจ้าของม้าสีหมอกหันมาบอกชายหนุ่ม...เมื่อม้าของเด็กน้อยตีฝีเท้าควบคู่มากับม้าของอีกฝ่ายก่อนจะแซงหน้าเมื่อขึ้นเนินทรายลูกถัดไป

ม้าทั้งสองและเจ้าของมุ่งหน้าไปยังโอเอซิสที่เห็นอยู่ไม่ไกลนักถึงแม้จะนำ...แต่เด็กน้อยไม่ประมาทยังคงรักษาระยะห่างไว้อย่างเยี่ยมยอดก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย...

ม้าสีหมอกเปลี่ยนจากการห้อสุดฝีเท้ามาเป็นเหยาะย่างเมื่อคนบนหลังดึงบังเหียนและค่อยๆ เดินมาหยุดนิ่งริมน้ำตามคำสั่งของเจ้านาย

เจ้าของม้าสีหมอกกระโดดลงจากหลังม้ามายืนรออีกฝ่ายที่เพิ่งควบม้าเข้ามาในโอเอซิสดวงตาสีน้ำตาลทองราวกับจะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่าย

"เจ้าแพ้พนันข้าแล้วนะ...พี่ข้า"

ผู้มาทีหลังทำหน้าหงิกที่รู้ว่าตนแพ้น้องอีกแล้วทั้งๆที่ไม่ได้ออมมือให้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่ใครๆก็รู้ว่าเจ้าอาชาสีหมอกตัวนี้ฝีเท้าจัดว่าดีเกือบที่สุดในเผ่า...เป็นรองก็แค่ม้าของเมเทเทปเท่านั้น

"ชิ...คราวหน้าข้าจะท้าเจ้าแข่งอูฐ"

ผู้แก่กว่ายังคงไม่ยอมแพ้ ต้องมีสักอย่างน่าที่เขาจะชนะน้องได้...เด็กน้อยหัวเราะร่าก่อนโยนบังเหียนม้าของตนให้ให้ผู้เป็นพี่ไปจัดการ

"ได้เสมอพี่ข้า...แต่คราวนี้ท่านต้องอาบน้ำให้ม้าของข้าไปก่อนนะ"

เจ้าของชัยชนะปลดผ้าโพกหัวที่พันปิดครึ่งหน้าตนออกหลังจากนั้นก็ปลดเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ยาวรุ่มรามตามลงมาอวดผมยาวสยายสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทองแผ่สยายอยู่เต็มกลางหลัง

ที่ผมของเมดูอาผิดแผกจากชาวเผ่าคนอื่นเป็นเพราะพิษของยางม่วง...ในครั้งนั้นพิษของยางม่วงทำให้เด็กน้อยมีอาการเป็นตายเท่ากันติดต่อกันนานถึงสามวันทุกคนในเผ่าต่างก็ไม่คิดว่าทารกน้อยจะรอด...แต่พอผ่านพ้นทิวาของวันที่สามเมดูอาก็รอดมาได้ราวกับปฏิหารย์

การรอดครั้งนั้นทำให้หลายอย่างในตัวของเมอาเปลี่ยนไป...ไม่ว่าจะเป็นผมสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทอง หรือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของเม็ดทราย...ผิวที่ออกขาวซีดผิดแผกเผ่าพงศ์รูปร่างที่ผอมแห้งตลอดเวลาตลอดเวลาทั้งที่รับประทานไปมากแค่ไหนก็ไม่อ้วนอีกทั้งการเจริญเติบโตนั้นก็ดูช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด...และพิษนั้นก็ยังคงมีผลต่อร่างกายมาจนถึงทุกวันนี้ทำให้เธอมีไข้บ่อยๆหากร่างกายอ่อนแอหรืออดนอนติดต่อกันหลายคืน

รูปร่างของเมดูอานั้นผอมบางเหมือนจะหักได้ง่ายเป็นสองท่อนหากออกแรงเพียงนิดเดียวและอาการป่วยไข้ที่มักเกิดขึ้นโดยเด็กสาวไม่ทันตั้งตัวทำให้ผู้เป็นพี่ต้องคอยดูแลน้องน้อยอยู่ไม่ห่าง... ทั้งที่เจ้าตัวนั้นบอกเสมอว่า

‘ข้าดูแลตัวเองได้’

เขาสัญญากับตัวเองตั้งแต่เด็กแล้ว...ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรเมดูอาจะเป็นเช่นคำทำนายหรือไม่ก็ช่าง...เขาจะขออยู่ดูแลอีกฝ่ายไปตลอดชีวิต...จะไม่ยอมผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีก

"เฮ้ย...ทำอะไรน่ะ เมอา !!" ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มต้นถอดเสื้อตัวยาวออกเขารีบหันหลังให้อีกฝ่ายทันทีแต่หูก็ยังได้ยินเสียงน้องสาวหัวเราะดังอยู่ข้างหลัง

"เป็นอะไรไปพี่ข้า ข้าก็แค่จะอาบน้ำเท่านั้น... ทำเป็นเขินไปได้ เมื่อก่อนเจ้ายังอาบน้ำให้ข้าเสมอเลยไม่ใช่ฤๅ"

"แต่ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว...น่าจะสำรวมตัวไว้บ้างมาแก้ผ้าแก้ผ่อนกลางแจ้งแบบนี้มันไม่งาม" เขาเตือนอีกฝ่ายและยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะร่าของน้องสาวดังขึ้นกว่าเดิม

"แล้วใครว่าข้าจะแก้ผ้าเล่า ข้าใส่เสื้อกับกางเกงไว้ข้างในอีกตัวน่า..."

คำตอบของเมดูอาทำให้เมฟูหันกลับไปมองอย่างช้าๆก่อนถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเสื้อสีดำกับกางเกงขายาวสีเดียวกันสวมทับอยู่บนตัวน้องสาว

"แล้วไป... ไม่ใช่อะไรหรอก ข้าสงสารเทพเจ้าที่สถิตอยู่แถวนี้ต้องเห็นเจ้าโป๊ต่างหากผู้หญิงอะไรโตเป็นสาวแล้วแต่แบนยิ่งกว่าไม้กระดาน...โอ๊ย !"คนพูดร้องเสียงหลงเมื่อลูกหินขนาดเท่าไข่กาปาโดนตรงกลางหัวชนิดที่เรียกว่าแม่นเหมือนจับวางเมฟูรู้ดีว่าเรื่องอื่นต่อหน้าเมดูอาพูดได้

ยกเว้นสองเรื่อง...หนึ่งในนั้นคือคือเรื่องหน้าอก

เขารู้ดีว่าน้องสาวคงเก็บไปคิดเป็นปมด้อยของตัวเองอยู่นิดๆแต่หญิงสาวยังไม่รู้ว่าตนเองจะตัวโตได้อีก และหน้าอกที่แบนราบในวันนี้ต่อไปจะขยายขนาดขึ้นแน่นอน...มั้ง!!

เมฟูไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร...เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเมดูอานั้นเริ่มมีหน้าอกกันหมดแล้วและบางคนที่มีอายุมากกว่าเมดูอาสองสามปีก็มีครอบครัวแล้ว

"เมอา ปีนี้เจ้าเท่าไรแล้วนะ" พี่ชายถามอีกครั้งทั้งๆที่เขาเองก็รู้คำตอบนั้นอยู่ แต่เขากำลังชวนน้องเปลี่ยนเรื่องคุย

จะได้ไม่โดนม้า เอ้ย!...น้องสาวดีดหินใส่เหมือนเมื่อกี้อีก

"ปีนี้ก็...สิบสี่แล้ว"

เจ้าตัวกระโดดลงว่ายในน้ำเย็นถึงจะเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายแต่น้ำบริเวณนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้จนแดดส่องไม่ถึง

น้ำจึงได้เย็น...จนเจ้าตัวยังหนาวสั่นทันทีที่ร่างบางกระทบกับผิวน้ำ

"สิบสี่งั้นเรอะ...งั้นข้าก็จะอายุสิบเก้าแล้วงั้นสิ ...ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วเช่นนี้"

ชายหนุ่มเผลอถอนหายใจยาวในขณะที่มือกำลังแปรงขนม้าสีหมอกเพื่อไล่ฝุ่นและเม็ดทรายที่เกาะอยู่ตามแผงคอเมดูอาว่ายน้ำมาใกล้ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเมฟู

"มีอะไรรึพี่ข้า... ทำหน้าอย่างกับคนถ่ายไม่ออก"

"ข้าไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลย..."

ถึงจะไม่ได้สืบทอดคำทำนายเหมือนเช่นเมดูอาแต่สักวันเขาก็ต้องเป็นหัวหน้าเผ่ารับผิดชอบผู้คน...แทนอาเมทที่เริ่มจะสูงวัยอาเมทเคยพูดกับเขาหลายหนแล้วว่าจะวางมือเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่...แต่ก่อนที่จะรับตำแหน่งเขาก็ต้องแต่งานมีครอบครัวเสียก่อน

ความจริงวัยเช่นเขาเป็นวัยที่ต้องมีครอบครัวได้แล้ว... แต่เขาแกล้งถ่วงเวลาไปเรื่อยเพราะไม่อยากจะมีภาระมาคล้องตัวเหนืออื่นใดที่สุด...เขาอยากอยู่กับเมดูอาให้นานกว่านี้อีกนิด

"ความจริงวัยเช่นพี่... น่าจะแต่งงานได้ตั้งนานแล้วนะพี่ข้า"

“ข้าไม่อยากมีครอบครัว...”

เมดูอานิ่งเงียบเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น...ที่จริงแล้วเธอรู้แค่เพียงว่าทำไมเมฟูถึงไม่อยากมีครอบครัวเขาเคยบ่นให้เธอได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าไม่อยากรับช่วงหัวหน้าเผ่าต่อจากบิดาของเมดูอาถ้าเขามีครอบครัวเมื่อไรเมื่อนั้นคือวันที่เขาสูญสิ้นอิสรภาพ

ถ้าเมดูอาเป็นชาย...อย่างน้อยก็คงจะช่วยเมฟูให้เขามีอิสระได้ดั่งใจต้องการ

“ข้าไม่พร้อมที่จะรับภาระหรือรับผิดชอบใครทั้งนั้น...”

ชายหนุ่มจูงเจ้าม้าสีหมอกลงน้ำเป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวพาตัวเองขึ้นจากน้ำไปอย่างเงียบเชียบความรู้สึกของเธอตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับพี่ชาย...เธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับภาระอันหนักอึ้งแต่ให้ปฏิเสธง่ายๆ เหมือนอีกฝ่ายนั้นเธอทำไม่ได้

เมดูอาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของชาวฮิคโซส...ภาระที่หนักอึ้งไม่น้อยกว่าการรับผิดชอบผู้คนในเผ่าฮิคโซส

...‘นางผู้จะพาทุกคนคืนบ้าน’...

คำทำนายที่เธอรับรู้มาตลอดตั้งแต่จำความได้...และถูกปลูกฝังจากบิดาให้เรียนรู้เกี่ยวกับกลศึกจนชำนาญ เรียนรู้การต่อสู้ทุกรูปแบบรวมทั้งเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอียิปต์...และศัตรู

ทุกสิ่งที่ฟาโรห์รู้...เธอก็ต้องรู้เช่นกัน

ฝีมือในการรบของเธอตอนนี้เป็นรองแค่บิดากับราชิดเท่านั้น

เมฟูเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป... เมื่อหันไปมองก็พบว่าร่างบางขึ้นจากน้ำตรงไปที่เสื้อคลุมถูกวางอยู่ก่อนจะใช้มันเช็ดตัวอย่างลวกๆ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ทำให้เขานึกออกว่าพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไปเสียแล้ว

เมดูอาเองตั้งแต่เกิดก็รับแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่าน้อยๆมาโดยตลอดโดยไม่ได้โอดครวญให้ใครได้ยิน...นับว่ามีจิตใจที่กล้าเกร่งตั้งแต่เด็กแต่แท้ที่จริงแล้วเขารู้ว่าเมดูอาเองก็ยังหวั่นไหวต่อภาระที่เหล่าผู้คนฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้

ในขณะที่เขาผู้เป็นพี่ได้แต่มองอยู่ห่างๆด้วยความห่วงใยแต่ไม่สามารถแบ่งเบาภาระนั้นลงได้เลย...หน้าที่นี้เป็นของเมดูอามาตั้งแต่เกิดและมันจะเป็นตลอดไปจนกว่าเด็กสาวจะทำสำเร็จหรือจนกว่าสิ้นลมหายใจเขาจึงได้แต่เพียงให้กำลังใจและคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายเพื่อที่น้องของเขาจะได้ทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จ

"เป็นอะไรไปเมอา บอกพี่ได้ไหม ??” น้ำเสียงนั้นมีร่องรอยห่วงใยจนปิดไม่มิด แต่น้องสาวยังคงส่ายหน้าแทนคำตอบ “หรือว่า... กำลังกังวลเกี่ยวกับคำทำนายนั้น”

แววตาไหววูบของอีกฝ่ายทำให้เมฟูรู้ทันทีว่าตนเองเดาถูก...คำทำนายที่เขาได้ยินมาจนเบื่อ

น้องของเขาจะนำชาวฮิคโซสกลับคืนแผ่นดินแม่แห่งอียิปต์

เขาไม่สนใจว่าน้องเขาจะพาพวกเขากลับบ้านได้หรือไม่เมฟูสนใจเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งไหนที่จะให้น้องมีความสุขได้...เขาก็จะทำ

ตั้งแต่น้องอายุได้เพียงห้าขวบก็ถูกพวกผู้ใหญ่จับสอนสารพัดวิชาการรบให้เจ้าตัวโดยไม่เคยถามเมดูอาเลยว่านางเต็มใจที่จะรับหรือไม่...ทุกคนฝากความหวังไว้ที่นางจนเกินไป

เขากลัวว่าสักวันเมดูอาจะรับไม่ไหว...และอาจจะตัดสินใจผิดพลาด จนพาตัวเองไปสู่ความตาย

"ว๊า...ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ นานๆ จะได้ออกมาเที่ยวสักครั้ง"เมฟูรีบเปลี่ยนเรื่องคุย... เขาไม่อยากเห็นเมดูอามีดวงตาที่เศร้าหมอง น้องของเขาต้องมีดวงตาสีทรายที่สดใสถึงจะเหมาะ

"จริงสิพี่ข้า... ไหนๆ ก็ได้ออกมาเที่ยวแล้วเราไปเมืองธีปส์ดีไหมข้าอยากเห็นฟาโรห์องค์ใหม่..."

เธออยากจะรู้นักคู่ปรับคนใหม่...ของเธอจะเป็นใคร

ตามคำทำนาย...พ่อของเธอบอกเธอว่าศัตรูคู่อาฆาตของพวกเราชาวฮิคโซสคือฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบน แต่ข่าวที่เธอรับรู้ล่าสุด...ฟาโรห์อามันโฮเทปสิ้นพระชนม์ลงจากอาการพระประชวรเรื้อรังเมื่อเดือนก่อน

งั้น...ฟาโรห์องค์ใหม่ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์แทนก็เหมือนเป็นศัตรูคนใหม่ที่เธอต้องแวะไปดูหน้าตาเสียหน่อย

"จะดีหรือ ??" เมฟูลังเล...เขาบอกกับแม่ว่าจะพาน้องมาสำรวจทางและจะกลับก่อนพระอาทิตย์ตรงหัวแต่ตอนนี้พระอาทิตย์ตรงหัวแล้วเขาและน้องก็ยังไม่ได้ไปถึงที่พักเลยมีหวังกลับไปโดนแม่เอ็ดอีกตามเคย

“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปตอนนี้สักหน่อย... อย่างน้อยเราต้องกลับไปเตรียมสัมภาระก่อน”

“แต่ว่า...”เขาไม่อยากให้น้องสาวไปยุ่งเกี่ยวกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนเลย ลางสังหรณ์แปลกๆบอกเขาว่ากำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าเขาให้น้องไปแต่ก็รู้ดีว่าถ้าเมดูอาตัดสินใจแล้วย่อมเปลี่ยนความคิดได้ยาก...

“ถ้าพี่ข้าไม่ไป... ข้าไปคนเดียวก็ได้”

น้ำเสียงแง่งอนของอีกฝ่ายทำให้เมฟูรีบรับปากอีกฝ่ายโดยไว...อย่างน้อยไปสองคนก็ยังดีกว่าไปคนเดียวหากเกิดอะไรขึ้นมาเขาคงพอจะหาทางช่วยเหลือเมดูอาได้บ้าง

“ไปสิ...ไปแน่นอน พี่จะปล่อยให้เจ้าไปคนเดียวได้ยังไง”

เมื่อตกปากรับคำไปแล้วแวบหนึ่งเขาเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของน้องสาว...นี่เขาเสียรู้เมดูอาอีกแล้วหรือนี่

เมฟูถอนหายใจ...เมื่อคิดว่ากลับไปนี่อย่างน้อยเขาก็คงโดนแม่บ่นจนหูชาแน่ๆที่กลับเข้ากองคาราวานผิดเวลา และอาจจะต้องโดนดุจนหูชารอบสองหากแม่รู้ว่าเขาคิดจะพาเมดูอาเข้าไปในอียิปต์ตอนบนในเวลาเช่นนี้

“งั้นรีบกลับกันเถอะ... จะได้ไปเตรียมตัวกัน”

เมื่อขัดน้องไม่ได้...ต่อให้โดนมารดาต่อว่าเขาก็คงต้องก้มหน้ายอมรับแต่โดยดีในขณะที่เมดูอาหันกลับไปมองยังทิศตะวันออกเฉียงใต้อันเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอียิปต์ตอนบนด้วยใจระทึก

"รอก่อนนะศัตรูของข้า แล้วเราจะได้เจอกัน..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 19 เมษายน 2556
Last Update : 19 เมษายน 2556 14:01:33 น.
Counter : 739 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมฤดา & ธัญณัฐฐ์
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ boonchompu-tunnut ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
New Comments
All Blog