สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 03
สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 03


แสงแห่งจันทราเต็มดวงส่องสว่างเหนือขบวนของเหล่าทหารอียิปต์ที่ออกเดินทางตามคำสั่งขององค์ฟาโรห์...ไม่มีใครกล้าหยุดพักในท้องทะเลทรายกว้างและอ้างว้างพวกเขาหวังจะเห็นหมู่บ้านหรืออย่างน้อยมีโอเอซิสที่พอจะให้เขาได้หยุดพักผ่อนในค่ำคืนนนี้ถึงไม่มีใครพูดออกมาแต่เมเนคก็รู้ดีว่าลูกน้องของเขาเหนื่อยล้าไปหมดแล้วและเขาเองก็ไม่ต่างกัน

“เอาไงดีท่านแม่ทับเนคนุม ใกล้จะเข้าเขตชายแดนของอียิปต์ตอนล่างแล้ว”

ทหารคนหนึ่งในกองควบม้าตีเสมออีกฝ่ายเพื่อปรึกษาหารือ เมื่อเห็นว่าพวกตนนั้นยังไม่พบหมู่บ้านหรือโอเอซิสเลยแต่จากดาวเหนือและภูมิประเทศที่เริ่มเปลี่ยนแปลงจากภูเขาหินสลับกับสายน้ำที่คดเคี้ยวและเกาะแก่งใหญ่น้อย...เป็นผืนทรายกว้างสุดลูกหูลูกตาทำให้พวกเขารู้ว่าอีกไม่ไกลไปจากนี้พวกเขาก็จะเขาสู่เขตแดนของอียิปต์ตอนล่างกันแล้ว

ซึ่งถ้าพวกเขาเข้าไปแล้วเกิดปะทะกับทหารของอียิปต์ตอนล่างในเวลานี้นั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย...อียิปต์ตอนบนและอียิปต์ตอนล่างไม่ถูกกันมาตั้งแต่บรรพกาลทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นดินแดนเดียวกันหากแต่เมื่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างพี่น้องผู้ต้องการปกครองอียิปต์ด้วยกันทั้งคู่...อียิปต์จึงถูกแบ่งแยกเป็น2 ฝ่ายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากที่จะเปิดศึกสู้กันเองด้วยกลัวว่ามัวแต่สู้รบกันเองอาจจะเสียทีพวกซีเรียและฮิตไทป์ที่จ้องจะจะโจมตีเมื่อเห็นว่าพวกอียิปต์เปิดช่องว่างไหนจะลิเบียกับนูเบียที่พยายามจะแยกตัวเป็นเอกราชเพียงแต่ยังไม่กล้าแข็งเมือง และประการสำคัญฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนล่างนั้นยังเกรงฝีมือในการรบของอามันโฮเทปที่เคยสร้างชื่อเสียงเมื่อหกปีที่แล้วในสงครามระหว่างอียิปต์...ที่ทำให้พวกอียิปต์ตอนล่างต้องล่าถอยกลับไปอย่างพ่ายแพ้ชนิดที่เรียกว่าเสียหายย่อยยับ

จึงทำให้อียิปต์ตอนบนสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขตลอดมานับตั้งแต่สงครามครั้งนั้น

แต่ถ้าเขาและพวกทหารอียิปต์ตอนบนโดนพวกทหารอียิปต์ตอนล่างจับได้...พวกนั้นก็จะมีข้ออ้างอันชอบในการก่อสงครามขึ้นอีกครั้งเขาจึงต้องคิดให้ดีก่อนที่จะข้ามไปยังอียิปต์ตอนล่าง

แม่ทัพเนคนุมมีอาการเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด

การเดินทางนั้นไม่เท่าไร...แต่ใจนั้นล้าเหลือกำลัง

เขาก้มมองดูมือของตนเองที่ปลิดชีพทารกคนแล้วคนเล่า...จนไม่สามารถนับได้ว่าวันนี้เขาฆ่าเด็กไปแล้วกี่คน เห็นน้ำตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไปแล้วไม่รู้เท่าไร

“วันนี้เราฆ่าเด็กไปแล้วกี่คนนี่” เนคนุมรำพึงกับตัวเอง

คราบเลือดถูกชำระล้างไปหมดแล้วก็จริงแต่กลิ่นคาวเลือดนั้นยังคงติดอยู่ตรงปลายจมูกไม่คลายวันแรกที่ได้กลิ่นคาวเลือดนั้นชวนคลื่นเหียนอาเจียนแต่บัดนี้กลับกลายเป็นความเคยชินจนเขาดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกเข้าไปทุกที...คนอื่นๆก็ไม่แตกต่างกับท่านแม่ทัพนัก

ตลอดเจ็ดวัน...ต่างก็ต้องทนฟังเสียงเด็กแผดร้อง เสียงร่ำไห้ของทั้งผู้เป็นพ่อและแม่...แม้ยามนี้จะมีเพียงเหล่าทหารแต่เสียงร้องอันโหยหวนนั้นกลับตามติดราวกับว่ามันดังก้องอยู่ข้างหูตลอดเวลา

บางครอบครัวไม่ได้ฆ่าเพียงลูก...แต่ยังจำเป็นต้องลงมือสังหารพ่อกับแม่ของเด็กเมื่อเห็นว่าขัดขืนหรือพยายามจะทำร้าย...พวกเขาไม่อยากทำแต่จะขัดขืนก็ไม่ได้ในเมื่อเป็นคำสั่งขององค์ฟาโรห์

ไม่เช่นนั้นคนถูกฆ่าย่อมเป็นพวกเขาและครอบครัวแทน

แสงแห่งจันทราสาดส่องให้เขาเห็นควันไฟลอยออกมาจากหลังเนินทรายลูกหน้า...เหล่าทหารพากันระวังตัวมากขึ้นด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคืออะไร...แต่ที่ไหนมีควันที่นั่นอาจจะมีคน

เมื่อก้าวพ้นเนินทรายลูกนั้นภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเหล่าทหารอียิปต์คือกระโจมของชาวเบดูอินที่อยู่รวมกัน แต่เขาไม่เคยเห็นชาวเบดูอินเผ่าไหนที่มีคนเยอะมากมายเช่นนี้มาก่อน...ถ้านับกระโจมก็อย่างน้อยน่าจะมีคนอยู่ราวๆสองถึงสามร้อยคน

พวกเบดูอินบางพวกก็ทำการค้าขายแลกเปลี่ยนไปเรื่อย...บางพวกก็อาศัยเร่ร่อนย้ายที่ไปเรื่อยมีทะเลทรายเป็นบ้าน...แต่ก็มีบางพวกชอบทำตัวเป็นโจรปล้นและฆ่าผู้คนที่เดินทางในทะเลทรายเสียเอง

แม่ทัพเนคนุมไม่รู้เลยว่าเผ่าเบดูอินที่ตนกำลังจะไปขออาศัยนอนในคืนนี้เป็นคนจำพวกไหน…อย่างน้อยก็อย่าให้เป็นพวกที่เห็นเงินดีกว่าชีวิตเลยเพราะคืนนี้เขาไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว

เมื่อควบม้าเข้าไปใกล้ที่พักของเหล่าชนเผ่าเร่ร่อนเขาก็เห็นเด็กและคนชราที่ต่างพากันล้อมวงทานอาหารมื้อค่ำกันอย่างเอร็ดอร่อยรอบกองไฟในขณะที่เนคนุมพึ่งนึกออกว่าพวกตนทานข้าวมื้อสุดท้ายตอนก่อนพระอาทิตย์จะตรงหัว...แต่จนถึงป่านนี้ก็ไม่มีใครอยากทานอะไรทั้งนั้น

แต่อย่างน้อยพวกเบดูอินนี้ก็คงไม่ใช่พวกโจร ที่เขารู้ก็เพราะพวกโจรทะเลทรายมักจะจับกลุ่มรวมกับมีเพียงหญิงชายที่อยู่ในวัยที่ออกปล้นได้เท่านั้น...พวกมันจะระแวดระวังภัยเป็นพิเศษถ้าเห็นคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา…คงจะฆ่าก่อนทันได้ถามตัว

“คืนนี้เราจะไปขอพักกับชาวเบดูอิน...ดีกว่านอนกันกลางทะเลทรายพรุ่งนี้พวกเราค่อยปลอมตัวเข้าไปในอียิปต์ตอนล่างกัน”

แม่ทัพเนคนุมลงจากหลังม้าก่อนที่จะเดินไปหาแสงไฟ เวรยามที่ยืนอยู่ใกล้เขารีบเดินเข้าไปหา พร้อมทั้งถามว่าเป็นใคร...มีธุระอะไร ก่อนที่จะวิ่งไปรายงานหัวหน้าเผ่าให้ทราบเพียงชั่วครู่ชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันอยู่ภายใต้เสื้อแขนยาวสีดำตัวเสื้อยาวกรอมเท้า…ก็เดินมายังแม่ทัพเนคนุมก้มหัวทักทายผู้มาใหม่

“พวกท่านมาฉุกละหุกทางเราเลยไม่ได้เตรียมที่พักไว้ให้ แต่คืนนี้…คงจะพอหาที่พักให้ได้อยู่”

การเจรจาของทั้งสองฝ่ายอยู่ในสายตาของชาวเผ่าเบดูอินชายหนุ่มทุกคนในเผ่าจับด้ามกริชที่สอดอยู่กับผ้าเคียนเอว

พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือร้าย

บางครั้ง…เมื่อชาวเผ่าเบดูอินไม่สามารถให้ในสิ่งที่พวกทหารร้องขอได้สุดท้ายก็ต้องจบลงที่สงครามหรือความตาย

เด็กและผู้หญิงถูกต้อนให้กลับไปอยู่ในกระโจมตั้งแต่เมเทเทปออกมาจากที่พักของตนที่ทำแบบนี้เพราะเมเทเทปกลัวว่าอีกฝ่ายจะเรียกผู้หญิงในเผ่าเบดูอินไปบำเรอตันหาของผู้มาเยือนใหม่…ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญปัญหาแบบนี้แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดีแทบทุกครั้งโดยอีกฝ่ายยอมอยู่เงียบๆ ในกระโจมหรือไม่ก็นอนหลับอย่างไม่มีวันตื่นใต้ผืนทราย

ความจริงเมเทเทปไม่คิดอย่างเสี่ยงที่จะสู้รบกับพวกทหารของฟาโรห์เพราะเขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะนำความเดือดร้อนอะไรตามมาหากเกิดการสู้รบ ที่แน่ๆคงไม่จบลงเพียงสองสามชีวิตที่ต้องสังเวยอาจจะมากเป็นสิบ เป็นร้อย…ซึ่งมันก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงแต่ถ้าบางครั้งเมื่อเขายอมเสี่ยง…นั้นหมายถึงเขาต้องพาคนของเขาอพยพโดยด่วน โดยจะเหลือผู้ชายที่รบเป็นไว้ถ่วงพวกทหารที่กำลังจะตามมา

ภัยจากพวกเบดูอินด้วยกันนับว่าน่ากลัวแล้ว…แต่ภัยที่มาจากพวกทหารน่ากลัวกว่า…หากเขาขัดขวางหรือขัดใจอีกฝ่ายนั่นย่อมหมายถึงชีวิตและความอยู่รอดของคนในเผ่าฮิคโซส

“เมฟู...เจ้าพาทหารพวกนี้ไปยังกระโจมของเจ้า แล้วจัดหาที่นอนและอาหารมารับรองแขกด้วยคืนนี้เจ้ากับแม่ก็ไปนอนกับไนล่าก็แล้วกัน” เมเทเทปหันไปสั่งหลานตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ

“จริงหรือฮะอาเมท คืนนี้ผมจะได้ไปนอนกับน้องหรอฮะ” น้ำเสียงของเด็กน้อยเริงร่าดีใจที่จะได้ไปดูน้อง…น้องสาวที่น่ารักของเขา เมฟูเงยหน้ามองผู้เป็นอาก็พบว่าเขายิ้มพยักหน้าตอบ

เด็กน้อยรีบเชื้อเชิญผู้มาใหม่ให้รีบเข้าไปในกระโจมของตนทั้งที่ทีแรกเขาไม่อยากให้พวกทหารอียิปต์เข้าไปนอนในกระโจมของตนเลย

“เรื่องอาหารไม่ต้องหรอก...พวกเราขอพักแค่คืนเดียวแล้วพรุ่งนี้เช้าขอยืมชุดแค่พอจำนวนคนแล้วเราก็จะไป” แม่ทัพเนคนุมรอบคอบเสมอ เขาไม่รู้ว่าพวกเผ่าเบดูอินจะเอาอะไรใส่ลงไปในอาหารหรือไม่เขาเลยต้องป้องกันตัว…

ถึงพวกนี้จะดูไม่มีพิษไม่มีภัยแต่ก็อย่าได้ประมาทไว้ก่อนเป็นดี

ทัพเนคนุมเอ่ยขอโทษเด็กน้อยที่ต้องมารบกวนกระโจมที่เจ้าตัวใช้นอนในขณะที่เด็กชายที่กำลังเตรียมจัดที่นอนให้กับแขกผู้มาเยือนยามวิกาล สีหน้าของเมฟูยิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าตนเองจะได้ไปนอนกับน้อง...เด็กน้อยส่ายหน้าบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร ก่อนจะรู้ตัวว่าตนกำลังเสียมารยาทกับผู้ใหญ่

“ไม่เป็นไรฮะ…ดีเสียอีกผมอยากนอนดูน้องมาตั้งหลายวันแล้ว”เด็กน้อยเล่าความลับที่เก็บอยู่ในใจมาเป็นเวลานาน โดยไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่าตนคือผู้ชักนำพญายมมาหาทารกที่กำลังนอนหลับตาพริ้มบนเตียง

“ทำไมเรอะ น้องเจ้าน่ารักหรือไงถึงอยากจะนอนดูน้องนัก”

คำว่า...ตั้งหลายวัน...สะกิดใจของแม่ทัพใหญ่เขาเริ่มถามแบบอ้อมๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

“ก็น้องสาวผมน่ารักจริงๆ นี่นา ตัวเล็กแค่นี่…พึ่งเกิดได้ไม่ถึงเดือนผมอยากจะอุ้มน้อง...แม่ก็ไม่ให้อุ้มเพราะกลัวทำน้องหลุดมือ”

เมฟูกางมือออกเท่าขนาดของตัวน้อง…เด็กชายไม่รู้กลอุบายของผู้ใหญ่

เขายังใสซื่อเกินไปเลยบอกไปตามความจริง

“ที่นอนจัดเสร็จแล้วเชิญพวกท่านพักผ่อนตามสบายนะ ผมต้องขอตัวก่อน...ขืนไปช้าเดี๋ยวแม่จะแย่งนอนข้างๆน้อง” เด็กน้อยตัดบทโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นตอนนี้เขาอยากจะวิ่งไปหาน้องเต็มที…

เมฟูเดินออกมาจากกระโจมตัวปลิวโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจับตาดูอยู่ว่าเด็กน้อยจะหายเข้าไปที่กระโจมหลังไหนเมื่อทราบที่อยู่ของเด็กชายแล้วแม่ทัพเนคนุมจึงเอาประตูผ้าลง...ก่อนที่จะเดินไปนั่งบนพรม

อีกแล้วหรือ…คืนนี้ทั้งที่เขาตั้งใจจะนอนพักแต่ต้องกลับมาฆ่าเด็กอีกแล้วหรือเนี่ย…แม่ทัพใหญ่รำพึงกับตัวเอง

ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากที่ได้รับรู้ว่าพวกเบดูอินมีทารกที่พึ่งเกิด...และเป็นบุตรของผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเสียด้วย

“เอาไงดีท่านแม่ทัพ” ทหารคนหนึ่งเขยิบตัวเลื่อนมาใกล้ๆกระซิบกระซาบเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปได้

“เมื่อเราได้รับบัญชาจากองค์ฟาโรห์เราก็ต้องทำ แต่ตอนนี้คงจะลงมือไม่สะดวกรอให้ใกล้รุ่งสาง...เราจะลงมือจัดการเด็กแล้วค่อยไปกัน”

เขารู้ดีว่าไม่อาจจะแย่งเด็กจากอกพ่อแม่มาฆ่าได้เพราะชาวเผ่าเบดูอินเปรียบไปก็ไม่ใช่ประชาชนของอียิปต์ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะสู้กับพวกทหาร

ยิ่งพวกเขาน้อยกว่า…เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดเพราะฉะนั้นทำอะไรต้องระมัดระวังไว้ก่อน


เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กชายผู้เป็นแม่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้รู้ดีว่าลูกชายตนนั้นงอแงจะมานอนกับน้องหลายคืนแล้วแต่นางไม่ยอมกลัวว่าเจ้าลูกชายตัวแสบจะนอนดินจนกลิ้งไปทับน้องเข้า

“หน้าบานเป็นจานเชิงเชียวนะเจ้าเมฟู” ฟาจาล้อบุตรชายของตน…ถ้าจะว่าไปตามความจริงแล้วหน้าของเมฟูยามนี้บานยิ่งกว่าชามหรือไหเสียอีก

เจ้าเด็กน้อยไม่ยอมหุบยิ้ม ดวงตามองที่น้องตลอดเวลา...ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่หรือน้องมาก่อนเหมือนกับครอบครัวอื่นที่เขามีพี่น้องกัน

พอได้น้องมาคราวนี้เด็กชายจึงรู้สึกเหมือนกับตนจะได้เป็นทั้งพี่และเพื่อนจนแทบจะอดใจไม่ไหวอยากให้น้องเดินได้ภายในวันสองวันนี้เลยทีเดียว

“ท่านแม่ คืนนี้ผมขอนอนข้างน้องนะ” แววตากระตือรือร้นของบุตรชายทำให้ฟาจาส่ายหัวก่อนจะเว้นที่ให้ลูกของตนได้นอนใกล้ๆน้อง

“นอนดีๆ อย่าดิ้นไปทับน้องล่ะ” ฟาจากำชับอีกฝ่าย ก่อนที่จะล้มตัวนอนลงมองดูเด็กน้อย…

เด็กที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้พาชาวฮิคโซสคืนบ้านความหวังของชาวฮิคโซสฝากไว้ที่เมดูอา…ฟาจาแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ดีกว่าอยู่แบบไม่หวังเช่นทุกวันนี้

“พวกทหารอียิปต์นอนหรือยังเมฟู”

เมเทเทปเปิดผ้าคลุมกระโจม...เขาแทรกตัวผ่านเข้ามานั่งข้างๆผู้เป็นคู่ชีวิต จ้องมองบุตรสาวที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ

เขาหวังจะได้เห็นบุตรสาวโตขึ้นและอยู่กับเขาไปจนกว่าความตายมาพรากจาก

“พอพวกนั้นได้ที่นอนก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย”

คนที่ไม่สนใจใครน่าจะเป็นเด็กน้อยเสียมากกว่าที่พอรู้ว่าตนจะได้มานอนกับน้องน้อยถึงกับรีบวิ่งออกจากกระโจมที่พวกทหารพักอยู่ทันที

“ท่านพี่...พวกนั้นมาทำไมแถบนี้กันจะว่าเป็นทหารที่ลาดตระเวนอยู่แถบนี้ก็ไม่ใช่”

ไนล่าเห็นเพียงแวบเดียวสีหน้าของพวกนั้นดูเหนื่อยและอ่อนล้าเหมือนกับไม่ได้พักมาหลายวัน

“พวกนั้นจะเข้าไปอียิปต์ล่างแต่ด้วยเหตุอะไรเขาก็ไม่ยอมบอก พี่ก็เลยไม่ซักไซร้มากนักเห็นว่าไม่ใช่ธุระของเรา”

เมเทเทปลูบหัวบุตรีที่กำลังนอนหลับหลังจากได้ดื่มนมจากอกมารดา

“อาเมท น้องจะหัวล้านหรือเปล่า” จู่ๆเมฟูก็ทะลุถามขึ้นมากลางปล้องเพราะเห็นหัวน้องที่มีผมน้อยเส้นแล้วอดกังวลแทนไม่ได้

คำถามของเด็กชายตัวน้อยทำให้ทั้งสามมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะหลุดขำเบาๆฟาจาอธิบายให้ลูกชายรู้เมื่อเจ้าตัวทำหน้าเหรอราวกับว่าตนพูดอะไรผิด

“เมฟู…เจ้าเด็กช่างซัก ทารกเกิดใหม่ก็ผมน้อยอย่างนี้ทุกคนนั่นล่ะเจ้าตอนเกิดมาใหม่ๆ ผมน้อยกว่าน้องอีก…”

เด็กน้อยรีบจับผมตัวเองที่โผล่ออกมาจากผ้าโพกศรีษะ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามหัวเราะลั่นกระโจม

“นายท่าน…นายท่าน... แย่แล้ว !!” เสียงกระซิบที่ดังออกมาจากหลังกระโจมเป็นเสียงของผู้หญิง เมฟูลุกวิ่งไปเปิดผ้าดูว่าใครมาส่งเสียงอยู่แถวนี้...กระโจมของเขาถูกออกแบบให้เปิดได้ทั้งทางหน้าและหลังเพื่อจะได้มีออกทางหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

“อ้าว…ทาเนราเองเรอะ มีอะไรรึเปล่า”

หญิงสาวเจ้าของเสียงกระซิบคือคนที่เขาสั่งให้เอาผลไม้และน้ำไปต้อนรับผู้มาใหม่

“นายท่าน… ข้าได้ยินพวกทหารกระซิบกระซาบว่าจะต้องฆ่าทารก”ถึงแม้พวกทหารจะพูดกันเบามากแต่นางก็ยังได้ยิน

ทาเนราเป็นคนหูดีที่สุดในเผาจึงถูกส่งไปสอดแนมอีกฝ่ายว่ามาทำอะไรโดยแกล้งทำเป็นเอาน้ำเอาผลไม้ไปให้อีกฝ่ายแต่แท้ที่จริงแล้วคือแอบฟังว่าพวกทหารพวกนี้ต้องการอะไร

“ว่าแล้วเชียว…พวกนี้ต้องมีแผนอะไรสักอย่าง ถึงได้เดินทางมาถึงนี่”

เป็นจริงอย่างที่เมเทเทปนึกไว้… เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าทารกที่ถูกฆ่านั้นเป็นใครในอียิปต์ล่างจะว่าเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงแห่งอียิปต์ล่างก็ไม่น่าจะใช่ …เพราะเขาจำได้ว่าองค์ชายคนเล็กสุดพ้นวัยทารกมาได้5 ปีแล้ว

“ทารกที่ไหนกันที่ต้องการฆ่า” ชายหนุ่มขบริมฝีปากใช้ความคิด

“เดี๋ยวๆ เจ้าพูดถึงทารกใช่ไหม ข้าพึ่งนึกออก...” ฟาจาที่ล้มตัวลงนอนบนที่นอนขนสัตว์ดีดตัวลุกนั่งทันที “เมื่อสามวันก่อนที่พวกเราเจอกับพวกพ่อค้าที่มาจากอียิปต์ตอนบนเขาว่า…ที่อียิปต์บนฟาโรห์มีคำสั่งให้ฆ่าทารกที่เกิดเดือนนี้ทั้งหมด”

สิ้นเสียงพูดของฟาจาทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบไนล่าอุ้มบุตรสาวของตนไว้แนบอกเกิดความกลัวอย่างบอกไม่ถูก...หญิงสาวหันไปปรึกษากับสามี

“ท่านพี่ เราจะทำยังไงกันดี”

“ไม่ต้องกังวลไปไนล่า พวกทหารไม่รู้หรอกว่าพวกเรามีเด็กทารกที่เกิดเดือนนี้กี่คน”

ถ้าจะพูดให้ถูกเด็กที่เกิดเดือนนี้มีบุตรสาวของเขาเพียงคนเดียวแต่ก่อนหน้านั้นเดือนหนึ่งหญิงสาวในเผ่าเบดูอินคลอดลูกอีกสองคน… รวมทั้งหมดตอนนี้เขามีทารกที่ต้องดูแลสามคน

“อาเมทฮะ…” เด็กน้อยเรียกชื่ออาเสียงสั่น

“มีอะไรรึเมฟู...เจ้าไม่ต้องกลัวแทนน้องหรอกนะพวกนั้นจะไม่มีวันรู้เด็ดขาดว่าพวกเรามีทารก”

ชายหนุ่มตบหัวหลานเบาๆ เพื่อปลอบใจ


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 16 เมษายน 2556
Last Update : 17 เมษายน 2556 14:20:40 น.
Counter : 696 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมฤดา & ธัญณัฐฐ์
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ boonchompu-tunnut ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
New Comments
All Blog