สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 09

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 09





“สิ่งเดียวที่พี่ทั้งกลัวและเป็นห่วง คือความปลอดภัยของเจ้านะ... เมอา” คำตอบของเมฟูทำให้เด็กสาวนิ่งเงียบหัวคิ้วชนกันเหมือนคนใช้ความคิดเมื่อเห็นน้องสาวนิ่งเงียบชายหนุมก็รีบย้ำจุดอ่อนของเด็กสาวทันทีด้วยรู้ดีว่าสิ่งเดียวที่ทำให้เมดูอายอมจำนนได้คือ...มารดาของนาง

“อาไนล่าเองก็บอกไม่ใช่หรือว่าให้รีบกลับ...เจ้าไม่เป็นห่วงแม่บ้างรึ ??”

“ห่วงสิ แต่ว่า...” เมดูอาตอบกลับอีกฝ่ายทันทีแต่เมื่อนึกถึงภาระที่ตนต้องรับผิดชอบแล้ว...จะให้ตนมาเห็นแก่ตัวเพราะเรื่องแค่นี้ได้ยังไงกัน

“อาเมทก็แค่บอกให้เจ้าลองหาทางติดต่อกับญาติของราชิด ใช่ว่าต้องสำเร็จในครานี้สักหน่อย...”

ใช่...ถึงพ่อจะบอกอย่างนั้นแต่เมดูอาก็ไม่อยากทำให้พ่อผิดหวังนี่นาอย่างน้อยถ้าเธอพยายามมากกว่านี้อีกนิดอาจจะสำเร็จก็เป็นได้

“งั้น... ข้าขอเวลาอีกสองวันหากยังไม่สำเร็จข้าจักยอมตามพี่ข้ากลับบ้านแต่โดยดี”

“แต่...” สิ่งที่เมฟูนึกเป็นห่วง...อีกสองวันจะเป็นวันสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่แห่งอียิปต์ตอนบน ถ้าเมดูอาขอเวลาสองวันนั้นก็หมายความว่า...

“ข้าจะใช้วันสถาปนาฟาโรห์องค์ใหม่ไปพบกับญาติของราชิด”

“เจ้าจะเข้าไปในวังได้เยี่ยงใด ในเมื่อวันนั้นพวกทหารเข้มงวดมากกว่าเดิมมากนัก”

เมฟูนึกถึงทหารนับพันที่จะใช้ในการอารักขาฟาโรห์องค์ใหม่ในงานราชพิธีและตรวจตราหาผู้บุกรุกในวังหลวงเขามองไม่เห็นทางไหนเลยที่เมดูอาจะหลบเข้าไปในวังโดยไม่ผิดสังเกตและไม่ให้ถูกจับได้

“แล้วใครบอกว่าข้าจะเข้าไปล่ะ... ข้าจะให้นางออกมาต่างหาก”

“นาง ??” เมฟูทำหน้าสงสัย...ดวงตาสีนิลเบิกกว้างเมื่อคิดอะไรออก

“เจ้าว่าญาติของราชิดเป็นผู้หญิงฤๅ ??”

เมดูอาแสร้งทำหน้าแปลกใจกับคำถามของชายหนุ่ม

“อ้าว... นี่พี่ข้าไม่รู้รึว่าญาติของราชิดเป็นนางกำนัลในวังหลวง”

เด็กสาวดึงกระดาษสีน้ำตาลเข้มจากเสื้อตัวในโบกมันไปมาอย่างยั่วเย้าผู้เป็นพี่ สีหน้าของเด็กสาวทำให้เขาพอเดาเรื่องออก เมฟูดึงกระดาษที่อยู่ในมือของน้องสาว...ข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาษทำให้ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างจนปิดไม่มิด

“นี่...เจ้าติดต่อกับญาติของราชิดได้แล้วฤๅ”

“อือ... ข้าจ้างให้คนขนเสบียงเข้าวังหลวงนำจดหมายไปมอบให้นางและพึ่งได้รับการตอบกลับมาเมื่อวานนี้เอง”

เมดูอายกน้ำซุปที่อยู่ก้นถ้วยขึ้นซดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบกระดาษที่อยู่ในมือพี่ชายทิ้งลงในกองไฟที่กำลังเริ่มมอดเป็นการทำลายหลักฐาน

เด็กสาวลุกมาจากที่ตรงนั้นโดยให้เหตุผลว่าจะไปดูพวกเปอร์เซียที่พึ่งเดินทางมาถึงเมื่อครู่...เผื่อมีเครื่องประดับนำติดมือไปฝากมารดากับท่านป้าฟาจาบ้าง

ใบหน้ายิ้มแย้มของเมดูอาแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมทันทีที่หันหลังให้พี่ชาย

ความจริงอีกประการที่เธอยังไม่อยากกลับ...เมดูอาอยากเห็นศัตรูคนใหม่ของเธอขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดก่อนที่จะร่วงดิ่งลงหุบเหวแห่งความสิ้นหวังด้วยน้ำมือของเธอ

เมฟูจ้องมองหลังของน้องสาวที่เริ่มห่างไกลไปทุกที...ถึงน้องเขาจะทำสีหน้ายิ้มแย้มแต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไรในตอนนี้

"เฮ้อ..." เมฟูถอนหายใจออกมา... ทำไมสองสามวันมานี่เขาถึงรู้สึกกังวลอยู่ในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะให้เมดูอาเดินทางกลับวันนี้เสียด้วยซ้ำ...แต่น้องเขาเมื่อตัดสินใจทำอะไรแล้วย่อมแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนง่ายๆ เขารู้นิสัยนี้ดี

เขาก็คงทำได้แต่เพียงขอภาวนากับเทพเจ้า...อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเมดูอาเลย


เช้าวันสุดท้ายที่เมดูอาสัญญากับเมฟูว่าจะอยู่ในดินแดนของศัตรู...หญิงสาวตื่นนอนด้วยความรู้สึกเนือยๆ รู้สึกร่างกายอ่อนเพลียไม่มีแรง...บางส่วนของร่างกายหนาวเหมือนนอนอยู่กลางทะเลทรายยามเที่ยงคืน หากแต่ส่วนหัวกลับร้อนราวกับว่าโดนฝังอยู่ในทะเลทรายยามเที่ยงวัน

ตอนแรกหญิงสาวแทบจะไม่มีแรงที่จะลุกออกจากกระโจมด้วยซ้ำเมื่อเอามือแตะหน้าผากดูก็พบว่าหน้าผากตัวเองอุ่นเหมือนคนที่มีอาการไข้ในระยะแรกเริ่ม

หญิงสาวไม่แปลกใจกับอาการไข้ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว...เพราะมันเป็นฤทธิ์จากยางม่วงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเธอมันพร้อมจะสำแดงฤทธิ์เดชออกมาทุกเมื่อหากร่างกายของเธออ่อนแอหรืออดนอนเป็นเวลานานๆและก็เป็นวันเดียวกับที่เธอจะต้องเดินทางกลับบ้านเสียด้วย...ราวกับว่าเหมือนมี'ใคร'...ไม่อยากให้เธอได้กลับ

คนป่วยลุกขึ้นกำลังจะออกมาจากกระโจม...เพราะคนอย่างเธอถูกฝึกให้เจ็บไม่ได้...ร้องไม่เป็นเหมือนเช่นทหารชาวฮิคโซสคนหนึ่ง

หากแต่ต้องหยุดยืนนิ่ง...เพราะรู้สึกถึงการหมุนของโลกที่รุนแรงขึ้นมา...แต่ก็เพียงชั่วขณะ เมื่อเธอลืมตาก็พบว่าโลกนั้นหมุนช้าลงและยังโคลงเคลงอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากอะไร

หญิงสาวเดินออกมานอกกระโจมก็พบเพียงพี่ชายที่กำลังเริ่มต้นเก็บกระโจม...เหมือนจะย้ำเตือนให้เธอได้รู้ว่าถึงเวลาต้องกลับแล้ว

วันนี้...เจ้าตัวไม่มีความรู้สึกยินดีที่จะได้กลับบ้านแม้แต่น้อยผิดกับอีกคนที่กำลังฮัมเพลงไปเก็บกระโจมไปอยู่ข้าง...

เช้านี้เขาดูร่าเริงจนเกินเหตุ จนเมดูอานึกหมั่นไส้...

"อรุณสวัสดิ์น้องข้า" เมฟูเงยหน้าขึ้นมาทักทายเมดูอาเพียงนิดเดียวเขาจึงไม่ทันเห็นว่าหน้าของเธอแดงก่ำเพียงใด... เจ้าตัวรีบเอาผ้าปิดคลุมหน้าตัวเองทันทีเพื่อต้องการซ่อนอาการไม่ให้คนเป็นพี่ต้องเป็นกังวล

"แปลกใจจริงๆ ทำไมวันนี้พี่ข้าถึงได้ตื่นเองโดยที่ไม่มีใครปลุกได้...คงไม่ได้เกิดอาเพศหรอกนะ" เมดูอาขอกัดอีกฝ่ายเล็กๆน้อยๆ

"ใครว่าไม่มี ‘ใคร’ ปลุก...เจ้าดูดีๆ สิว่าวันนี้มีอะไรผิดปกติไปบ้าง"

เมดูอาเหลียวมองรอบๆ ตัวสายตาของหญิงสาวสะดุดตากับเจ้าเหยี่ยวทะเลทรายสีน้ำตาลเข้มปนดำที่อยู่บนกิ่งไม้ข้างๆกระโจมของเธอ

เจ้าเหยี่ยวกระพือปีกเล็กน้อยเมื่อประสานสายตากับนายของตนเหมือนแสดงอาการดีใจที่ได้พบอีกฝ่าย

"การ่า... มาได้ไงนี่"

หญิงสาวยิ้มแย้มอย่างยินดีเมื่อเห็นสัตว์เลี้ยงของตนบินตามมาถึงนี่ทั้งๆ ที่ป่านนี้มันน่าจะบินอยู่หนือเผ่าของเธอ... เมดูอาหันมองพี่ชายเมื่อนึกอะไรออก

"พี่ข้าอย่าบอกนะว่าพ่อของข้าก็มาที่นี่ด้วย"

เมฟูไม่ตอบแต่ใบหน้ายิ้มของอีกฝ่ายก็ทำให้เมดูอาเข้าใจไม่ผิดพ่อมาที่นี่จริงๆ ด้วยเพราะการ่าถูกฝึกให้คอยตามดูแลพ่อและคอยส่งข่าวระหว่างพ่อกับเธอ

เมดูอาสอดสายตามองหาบิดาของตน

"อาเมทไม่อยู่หรอก ไปจองที่นั่งรอดูขบวนพิธีตั้งแต่เช้าแล้ว" เมฟูบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะแปลงร่างเป็นยีราฟ

“ดูพ่อข้าทำสิ... แทนที่จะมาหาลูกสาว กลับเป็นมาหาศัตรูเสียนี่”

เมดูอาแกล้งทำเป็นฉุนก่อนจะผลุบตัวหายเข้าไปในกระโจมอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อนึกได้ว่าตนออกมาข้างนอกด้วยชุดบางเบาจนรู้สึกหนาวเมื่อต้องลมยามเช้าทั้งที่ความจริงอากาศยามนี้ไม่ได้เย็นมากจนคนทั่วไปรู้สึกแต่พิษไข้ทำให้เมดูอารู้สึกหนาวกว่าที่ควรจะเป็น

เด็กสาวรวบผมสีน้ำตาลอ่อนประกายทองที่หลุดรุ่ยเมื่อตอนตื่นนอนใหม่อีกครั้ง...ก่อนจะจัดเก็บไว้ใต้ผ้าโพกหัว เธอจัดการทำตัวให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ เรื่องอาบน้ำอย่าได้หวังครั้งสุดท้ายเธอจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อไร...สัปดาห์ที่และหรือสองสัปดาห์ อาจจะมากกว่าสาม...แต่ช่างเถอะก็ในเมื่อน้ำแถวนี้หายากจะตายจะให้อาบบ่อยก็กระไรอยู่

อย่างดีที่สุดก็เอาผ้าชุบน้ำลูบๆพอให้ความร้อนที่เผาอยู่บนใบหน้าและกำลังลามมาที่ลำตัวรวมทั้งคราบเหงื่อไคลออกก็พอ...เมื่อออกมาข้างนอกอีกครั้งเมดูอาก็รู้สึกดีขึ้นจากชุดที่สวมทับกันหลายชั้นอยู่ข้างในทำให้เธอหายหนาวไปได้เยอะ

เด็กสาวเก็บสัมภาระที่อยู่ในกระโจมก่อนที่จะเก็บกระโจมและอุปกรณ์ที่เหลือไว้บนหลังม้า... สายตาเหลือบไปดูเมฟูที่กำลังฮัมเพลงพื้นเมืองในขณะเก็บของหวังว่าเขาคงยังไม่สังเกตเห็นอาการป่วยของเธอไม่เช่นนั้นแล้วเมฟูคงห้ามไม่ให้เธอไปพบกับญาติของราชิด

ดีไม่ดี...อาจจะลากเธอกลับบ้านในตอนนี้เลยก็ได้ ถ้าหากเขารู้ว่าเธอกำลังป่วย

หญิงสาวไม่นึกว่าคนจะให้ความสนใจในพิธีสถาปนาฟาโรห์องค์ใหม่มากถึงขนาดนี้ตอนนี้เธอเห็นฝูงชนออล้อมมหาราชวังเพียงเพื่อได้ยลโฉมและอยากรู้ว่าฟาโรห์องค์ใหม่จะพาชาวอียิปต์ไปในทิศทางใดต่อไปศาสนา การค้า ศิลปะ หรือสงคราม

"เจ้าอย่าบังข้าสิ" เมดูอากระตุกเปียหางเต่าอันเล็กๆของเมฟู... พลางเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะมองหาใครสักคน

'เธอไม่ได้มาดูฟาโรห์หน้าสวยนั้นหรอกน่า... เธอมาตามหาพ่อต่างหาก '

เมดูอาคิดในใจ แต่หางตาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปยังมหาราชวังอันเป็นที่ประกอบพิธีสถาปนาฟาโรห์องค์ใหม่ตอนนี้เขากำลังทำพิธีอยู่ข้างใน... นอกจากนักบวชเชื้อพระวงค์และทหารคนสนิทแล้วคนอื่นถูกกันให้รออยู่ข้างนอก

"ข้าไม่ได้บัง... แต่เจ้าตัวเล็กเองต่างหาก" เมฟูได้โอกาสกัดคืนเรื่องเมื่อเช้าที่เมดูอาหาว่าเขานอนกินบ้านกินเมือง หญิงสาวหน้างอสองอย่างที่เธอไม่ชอบให้ใครมาว่า...คือเรื่องหน้าอกเล็กและเตี้ย ถึงแม้จะเป็นความจริงก็ห้ามพูด...เพราะมิฉะนั้นอาจเป็นเช่นนี้

"โอ๊ย !!" เมฟูร้องลั่นเมื่อเท้าเล็กๆเหยียบซะเต็มแรงบนเท้าของเขาแถมด้วยขยี้เท้าอีกฝ่ายเหมือนเป็นเศษบุหรี่ที่ต้องดับให้สนิท

"ท่านพ่ออยู่ไหนนะ" เมดูอาทำหน้าตายหันไปมองอีกทางไม่สนใจอีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าเจ็บปวดอยู่ใกล้ๆเมฟูก้มมองดูเท้าที่เริ่มบวมแดงจากฝีมือเจ้าคนตัวเล็กแล้วอยากแกล้งคืน... เขาอุ้มอีกฝ่ายที่ยังไม่ทันตั้งตัว

เมดูอาสะดุ้งเมื่อโดนอุ้มเหมือนเด็กสามขวบเธอนั่งอยู่บนแขนพี่ชายตอนนี้เมดูอาสูงกว่าคนอุ้มราวๆ สองศอก และมันทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจเล็กๆของคนโดยรอบ

"วางข้าลงเดี๋ยวนี้นะ...เมฟู" เมดูอากระตุกเปียหางเต่าแรงๆหลายครั้งแต่ไม่ทำให้อีกฝ่ายวางเธอลงได้... เขาหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเธอคืน

"เอ๊า!! ก็เจ้าอยากเจอลุงเมทไม่ใช่เรอะ... ข้าก็ทำให้เจ้าได้เห็นชัดๆไง"

"เมฟู... ถ้าพี่ไม่ปล่อย ข้าจะโกรธพี่จริงๆ ด้วย"

ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มงอน ดวงตาสีน้ำตาลทองเจือรอยโทสะจนอีกฝ่ายไม่อยากทำให้น้องโกรธ…เขาหย่อนตัวเธอลงกับพื้นเบาๆ นุ่มนวลเท่าที่จะทำได้

หญิงสาวส่งค้อนและตะปูให้อีกฝ่าย จนเขานึกขำ

…‘ชิชะตัวเท่ามด ทำเป็นมีจริตแบบผู้หญิง’ …

เสียงโห่ร้องทำให้สองพี่น้องหยุดทะเลาะกัน เมดูอาหันไปมองยังที่มาของเสียง

ชายหนุ่มในชุดเต็มยศของฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนออกมาลานกว้างหน้าราชวังก่อนจะโบกมือให้เหล่าประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จกันอย่างเนืองแน่นจนมองไม่เห็นพื้นดินเสียงแซ่ซ้องสะดุดดีและเสียงอวยพรดังขึ้นตลอดเวลา

เมดูอาอยากจะเข้าไปดูใกล้ๆ กว่านี้แต่ติดที่ว่าพี่ชายตัวดีรวบตัวเอาไว้เพราะกลัวเมดูอาจะโดนฝูงชนเหยียบจนแบนติดพื้นถ้าหากเข้าไปใกล้กว่านี้เด็กน้อยเลยจำเป็นต้องมองอีกฝ่ายห่างๆ

ใจของหญิงสาวเต้นแรง...จนเจ้าตัวรู้สึก

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ฟาโรห์คนนี้จะเป็นศัตรูกับเธอแต่เธอจะยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้

วันนี้เธอจะปล่อยให้เขามีความสุขในฐานะผู้ที่ยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์ตอนบน... ก่อนที่เขาจะได้รับความทุกข์ ท้อแท้และสิ้นหวังจนแทบอยากจะตายมากกว่ามีชีวิตอยู่และเมื่อถึงวันนั้นเธอก็จะฆ่าเขาด้วยมือคู่นี้เอง

"นี่นะรึ...ฟาโรห์คนใหม่" เสียงคุ้นหูที่ดังอยู่ข้างๆเมดูอาทำให้หญิงสาวหันมอง

"ท่านพ่อ"

...มาเมื่อไรทำไมเธอไม่เห็น...

"เป็นไงเจ้า... คู่ปรับคนใหม่" ผู้เป็นพ่อหยั่งความรู้สึกของเมดูอา

"ก็..." เมดูอาตั้งใจจะบอกว่าก็งั้นๆ แต่เพราะไม่อยากให้พ่อคิดว่าเธอกำลังประมาทศัตรูเมดูอาจึงได้แต่เลี่ยงตอบไปว่า"งานนี้มันยังต้องดูกันอีกนาน"

"ดี... พ่อหวังว่าเจ้าคงไม่ทำให้พ่อและราชิดผิดหวังนะ"

เมเทเทปตบไหล่บุตรี ก่อนจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างพอจ้องมองไปที่ดวงตาสีทราย... ใช่จริงๆ เสียด้วยดวงตาคู่นั้นกำลังแดงก่ำไปด้วยพิษไข้ หญิงสาววางมืออันบอบบางที่อุ่นจัดไปบนอุ้งมือของผู้เป็นบิดาราวกับจะถ่ายทอดให้อีกฝ่ายรับรู้

"ข้าไม่เป็นไรหรอก... ท่านพ่อ"

รอยยิ้มที่โผล่ออกมาจากผ้าคลุมหน้าที่หลุดลุ่ยทำให้เมเทเทปเกือบจะวางใจเขาก้มลงกระซิบคุยกับบุตรีเบาๆ ราวกับไม่อยากให้คนตัวสูงที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน

"มันออกฤทธ์อีกแล้วล่ะสิ"

หญิงสาวพยักหน้าเบาๆก่อนจะกระชับผ้าคลุมหน้าให้กลับเข้าที่ สายตายังจับจ้องอยู่กับขบวนเสด็จที่ยืนรออยู่ข้างมหาราชวัง...รอเวลาที่ฟาโรห์จะเสด็จมาประทับและแห่แหนไปรอบเมือง

ผู้เป็นพ่อคุยกับหญิงสาวอีกสองสามประโยคก่อนที่จะขอตัวกลับก่อน...เด็กสาวหันกลับมาคุยกับบิดาอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองจะลาจาก

เสียงโห่ดังขึ้นข้างกายทำให้หญิงสาวหันกลับไปมอง

...ขบวนเสด็จเริ่มแล้ว...

ชายวัยกลางคนหันหลังกลับไปยังม้าของตน...ทันทีที่บุตรสาวผละจากเขา ตอนนี้เขารู้แล้วฟาโรห์องค์ใหม่เป็นยังไง...ดวงตาคู่นั้นที่เขามองเห็น...ดุดันและเอาจริงน่ากลัวกว่าอามันโฮเทปผู้เป็นพ่อยิ่งนัก

เมเทเทปขึ้นนั่งบนหลังม้ามองบุตรีอีกครั้ง...เขามีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าคงจะไม่เห็นบุตรีอีกนานจึงได้ถ่อมาเพื่อดูว่าเมดูอาเป็นยังไงบ้างและก็เป็นจริงดั่งเช่นที่ห่วงเพราะเจ้าตัวมีอาการของคนป่วยจนเห็นได้ชัดแต่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่อาทรกับอาการป่วยของตนเองเลยแม้แต่น้อยและจากคำบอกเล่าของเมฟู...วันนี้บุตรีของเขาจะเดินทางกลับแล้ว

'มันคงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก เขาคิดมากไปเอง...'

เมเทเทปต้องรีบกลับไปยังกองคาราวานที่พักรอเขาอยู่โอเอซิสนอกเมือง... บางทีเขาน่าจะเอาเรื่องฟาโรห์องค์ใหม่ไปปรึกษาราชิดและชารุฟ

ผู้นำของชาวฮิคโซสกระตุกบังเหียนให้เจ้าม้าคู่ชีพออกเดินเหยี่ยวสีน้ำตาลเข้มปนดำร่อนขึ้นเหนือฟากฟ้าเพื่อติดตามผู้เป็นนายห่างจากขบวนเสด็จทุกที...

เขาจึงไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเมดูอา...ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า



(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 27 เมษายน 2556
Last Update : 27 เมษายน 2556 8:16:29 น.
Counter : 724 Pageviews.

1 comments
  
ต๊ะเอ๋..แอบมาอ่านอีกแย๊วว 555+

อรุณสวัสดิ์ค่ะ หม่ำๆๆหนมกับกาแฟกานน อิอิ ;))
โดย: อรัญญาวี (อรัญญาวี ) วันที่: 22 สิงหาคม 2556 เวลา:9:32:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมฤดา & ธัญณัฐฐ์
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ boonchompu-tunnut ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
New Comments
All Blog