Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
[R]ตะลอนนั่งรถไฟไปรัสเซีย 05 - เดินตามรางสู่ มองโกเลีย (II)



รถไฟกำลังวิ่งผ่านกลางสายฝนที่ยังคงตกโปรยลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
และมีแรงลมพัดโบกจนต้นไม้เอนเอียง ดู ๆ แล้วอากาศด้านนอกคงเย็นจับใจ

จากตึกรามบ้านช่องย่านชานเมือง สู่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์  แม่น้ำ ทุ่งนา 
เลียบผ่านหุบเขา เห็นทั้งฝูงม้าบนทุ่งหญ้า บ้านที่ก่อด้วยอิฐแบบชนบท
คนเลี้ยงฝูงแพะ แกะ 
เลยเถิดไปจนถึง พื้นที่โล่งกว้างที่ตั้งไว้สำหรับกังหัน
พลังงานลม 

ฉันนั่งได้แต่มองภาพเหล่านี้ผ่านสายตาไปเรื่อย ๆ และหวังจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์
ของโลกสักครั้ง จากเส้นทางการแล่นของรถไฟหนนี้อย่างจดจ่อแต่จนแล้วจนเล่า
แต่แนวกำแพงเมืองจีนที่ว่า
กลับไม่โผล่มาให้เห็นตามคำกล่าวของนายสตีเฟ่น
คนชี้นำ ...ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวคงงีบ
หลับอย่างสบายใจไปแล้ว

นี่แกหลอกชั้นรึปล่าวเนี่ย !?










11.30 น. เมื่อได้เวลาอาหารกลางวัน ตามเวลาที่กำหนดไว้  ฉันจึงได้ล็อกห้อง
และเดินไปยังตู้ขบวนที่เป็นห้องอาหาร ส่วน
ห้องที่สตีเฟ่นถูกปิดไว้อย่างสนิท
ไม่แน่ว่าเขาอาจล่วงหน้าไปหาข้าวกินเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้

ระหว่างเดินไปห้องอาหารนั้นก็ต้องเดินผ่านตู้ขบวนอื่นที่มีห้องอีกระดับ ก็คือ first class
สองเตียง มีห้องน้ำและ
มีอ่างล้างหน้าในตัว ส่วนพื้นที่ทางเดินจะปูพื้นเป็นพรมสีแดง
ส่วนราคาก็น่าทะยานไกลอยู่

หลังจากที่แลกคูปองอาหารและมองหาที่ว่างสำหรับนั่งกินมื้อกลางวัน ที่ตอนนั้น
เต็มไปด้วยผู้คนที่มาใช้บริการกันค่อนข้างเยอะ เลยต้องลำบากตระเวนหาจุดนั่ง
ค่อนข้างยาก ยังมีโต๊ะว่างให้นั่งเป็นที่สุดท้ายพอดี และต่อมาไม่นานก็มี
ผู้ชาย
หน้าตาคล้ายคนจีนใส่เสื้อกั๊กขนเป็ดสีดำ เดินตรงเข้ามาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย 

อืม...บางทีเขาอาจไม่ใช่คนจีนก็ได้นะ 
เพราะเท่าที่เจอมายังไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษกันเท่าไหร่

"มาจากประเทศอะไรคะ?" ฉันลองถามไป 

"ไทยแลนด์" พี่เสื้อกั๊ก ตอบกลับ

"เฮ่ย คนไทยหรอพี่!?"

ก็น่าตกใจนะ ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอคนบ้านเดียวกันบนรถขบวนนี้



เขาว่ากันว่า เส้นทางนี้จะมีคนไทยผ่านสัญจรมาแค่หนเดียวในหนึ่งปี 
แต่เดี๋ยวนี้มันคงจะเป็นเส้นทางยอดนิยม จนเกินสถิติที่ว่านั่นไปแล้วล่ะ

พี่หมอ (ที่ไม่ใช่หมอ แต่เขาชื่อหมอเฉย ๆ) มาจากสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ 
แลกไมล์มาลงที่มอสโก  ดังนั้นเลยถือโอกาสบินมาเที่ยวปักกิ่ง โดยที่เขามีเพื่อน-
สมัยเรียนซึ่งมาทำงานที่อูลันบาตอร์ ในมองโกเลีย จึงถือโอกาสแวะไป
เยี่ยมและ
ท่องเที่ยวตามเส้นทางสายรถไฟ จากนั้นก็ต้องย้อนกลับไปขึ้นเครื่องที่มอสโกอีกหน
เพื่อกลับเมืองไทย

คุยไปคุยมาก็พบว่าพี่หมอ พักอยู่ที่เดียวกับฉันตอนอยู่ที่ปักกิ่งนี่แหละ
แต่อยู่คนละชั้นกัน 
คาดว่าคงอาจได้เคยเดินสวนกันไปมาบ้าง  

อยู่ ๆ พี่หมอก็มีคำถามเกี่ยวกับการเดินทางของฉัน 
หลังจากบอกแผนการณ์ท่องเที่ยวให้รู้ไปคร่าว ๆ

"มีจุดหักมุมอะไรกับชีวิตหรือปล่าว ถึงมาเดินทางคนเดียวแบบนี้?"

"จังหวะ เงินพร้อม เวลาพร้อมพอดี คือทริปนี้ถ้าอยากไปแล้วมัวแต่คิดโน่นนี่
คิดมาก
มันก็เสี่ยงที่จะไม่ได้ไปเพราะมันดูไม่คุ้ม"

ฉันตอบไปตามนั้น จริง ๆ มันก็มีเหตุผลแค่นี้แหละ
อย่าได้คิดหาอุดมการณ์ ปรัชญาชีวิต เชียวนะ...ไม่มีหรอก 

" โอ้ย! พี่ว่า มันเสี่ยง ตั้งแต่ที่คิดแล้วล่ะ " พี่หมอสรุปเรื่องให้





หลังจบมื้อกลางวันไปแล้วฉันก็กลับมาที่ห้อง ตั้งใจว่าจะหลับสักงีบแต่ก็ต้องลุกขึ้น
มาเปิดประตูเพราะมีคนมาเคาะเรียก ซึ่งนั่นก็เป็นเพื่อนข้างห้องของฉันนี่เอง 
เอ...เท่าที่จำได้ ฉันไม่เห็นเขาที่ตู้เสบียงนี่หว่า
สตีเฟ่น กำลังยืนมึน ๆ แบบคนเพิ่งตื่นมองตั๋วอาหารและนาฬิกาที่มันเลยเวลา
ให้บริการไปแล้ว 
"ออกไปกินข้าวมาหรือยัง ฉันเพิ่งตื่น เผลอหลับยาวเลย" 

"ไปมาแล้ว เราเห็นห้องปิดอยู่นึกว่าล่วงหน้าไปก่อน"

รู้สึกผิดแฮะ ที่ไม่ยอมเรียกไปด้วย

"ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวออกไปกินตอนเย็นก็ได้" 

สตีเฟ่นเลยกลับไปเอาบะหมี่แห้งที่ห้องมากินแทน


พูดถึงเรื่องอาหาร สตีเฟ่นเคยถามฉันเกี่ยวกับอาหารไทย
ว่าเมนูอะไรอร่อยที่สุด ฉันบอกเขาว่าว่า 'ต้มยำ'
อร่อยสุดจี๊ด
แต่มันก็อาจเผ็ดเอาเรื่องสำหรับคนต่างชาติ

"แล้วที่เยอรมนีมีอะไรที่เป็นอาหารขึ้นชื่อล่ะ ?"

เขาตอบอย่างภูมิใจ "ขนมปัง"

"ขนมปังเยอรมันนี่แหละสุดยอดแล้ว เธอหาซื้อกินได้ทุกที่เลย"


....


ในค่ำคืนอันแสนจะยาวนานที่ด่าน Erlian ประมาณสามทุ่ม รถไฟจะทำการจอด
ที่นี่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ตม.จีน ขึ้นมาตรวจและเก็บเอาพาสปอร์ตไปประทับตราขาออก
ซึ่งจะกินเวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมง อีกทั้งห้องน้ำบนรถไฟจะทำการปิดเมื่อรถไฟ
หยุดจอด 
ตลอดจนมีการย้ายรถไฟไปที่ ๆ หนึ่งด้วยเพื่อทำการ"เปลี่ยนล้อ"นั่นเอง

ทั้งนี้เพราะรางรถไฟของจีน
จะมีขนาดไม่เท่ากับ มองโกเลีย และ รัสเซีย
โดยขนาดกว้างของ รางรถไฟ จีน = 1.435 ม.
ส่วน มองโกเลีย และ รัสเซีย =1.520 ม. 

และก่อนเวลาที่รถไฟจะโดนลากไปยังจุดเปลี่ยนล้อ ตัวผู้โดยสารเองก็
สามารถตัดสินใจก่อนได้ว่า
จะอยู่บนรถไฟ หรือจะลงไปอยู่ที่อาคารด้านนอก
ฉันเดินลงไปข้างล่างครู่หนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนใจกลับขึ้นรถไฟเพราะด้านนอกมีลมแรง
และมีฝนปรอยลงมา แถมอากาศก็เริ่มเย็นเฉียบขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย อาคารด้านใน
ก็ดูจะไม่อุ่นพอ 

เสียงเพลงจากโทรโข่งดังมาเป็นบทเพลง Fur Elise ของ Beethoven
เปิดคลอประกอบบรรยากาศ 
ที่มีลมพัดกรรโชกไหว ๆ ไพเราะกันแบบหนาว ๆ

ระหว่างนั่งมองอยู่บนขบวนรถไฟที่กำลังถูกลากไปเปลี่ยนล้อ ก็ได้
เห็นภาพสโลว์-
โมชั่นของคู่หญิงชาย ที่
กำลังจะวิ่งออกจากตัวอาคาร เพื่อหวังจะกลับให้ทันขึ้นรถไฟ
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาจ้ำวิ่งมาไม่ทันเวลา

พวกเจ้าจนทนหนาวกันต่อไป เหอ ๆ



การเปลี่ยนล้อในคืนนั้นใช้เวลานานพอสมควร และสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
ระหว่างถอดล้อและใส่ล้อลั่นยังกับแผ่นดินไหว ขนาด
จะเอนตัวลงนอนก็ยังต้องลุก





ผ่านไปจนห้าทุ่มครึ่ง หลังจากเปลี่ยนล้อเสร็จสิ้น รถไฟก็ถูกพากลับมายังที่เดิม
เพื่อรับผู้โดยสารอื่นกลับมายังรถไฟ พร้อมกับรับพาสปอร์ตคืน และขณะเดียวกัน
ก็ยังมีชาวมองโกเลียและชาวจีนรายใหม่พากันขึ้นมาเพิ่มเติม พวกเขาต่างพากัน
ลากประเป๋าใบโต
และหอบหิ้ว ผักสด ผลไม้สด ขนกันขึ้นมากันเยอะแยะ 

แต่ก็ยังไม่มีใครมาอยู่เป็นผู้ร่วมห้องเดียวกับฉันเหมือนเดิม


ถัดจากนั้น...สถานีต่อไปที่ ด่าน Zamyn-Uud  

หลังจากหลุดไปจาก ตม.จีน ไปแล้วอย่างเพิ่งนิ่งนอนใจปิดไฟหลับ 
เพราะต่อ
จากนี้ก็จะต้องไปต่อที่ฝั่งชายแดนมองโกเลียกันอีก
ประมาณชั่วโมงเศษ

และเรื่องที่น่าปวดหัวอีกอย่างก็คือใบ Departure กับ Declare
ของฝั่งจีนยังพอมีภาษาอังกฤษบอกกำกับไว้ 
พอมาเจอของมองโกเลียเท่านั้น
ก็ถึงกับต้องนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะกรอกอะไรตรงไหนยังไงกัน?

ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่พูดอะไรก็ไม่รู้ด้านนอกก่อนที่จะมาถึงห้องฉันว่า 
ไท่กั๋ว
อะไรสักอย่าง ...คงจะเป็นเรื่องวีซ่าล่ะมั้ง ที่ในหน้าพาสปอร์ตของฉันไม่จำเป็น
จะต้องมีเหมือนกับคนอื่น ๆ

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมายืนออที่หน้าห้องก่อนที่พวกตรวจตราสิ่งของจะเข้ามา 
และพยายามคุยด้วยนิดหน่อย "เป็นไทกั๋วเหรอ...พูดจีนได้ไหม?"
จากนั้นก็มีคนโผล่หน้ามาดูที่ห้องอีก เหมือนว่าเป็นตัวประหลาดยังไงไม่รู้ 
แต่ยังไงเสียเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้แลดูเป็นมิตรกว่าที่เคยได้ยินมานะ อย่างบางคน
ก็เจอการรีดไถเงิน หรือเจอเจ้าหน้าที่หน้าบึ้งพูดจาไม่ดี ฉันเลยคิดว่าตัวเอง
โชคดี
อยู่เหมือนกันที่ไม่เจอเรื่องไม่ดีเข้าระหว่างการเดินทาง 
หนำซ้ำยังเดินเข้ามาดูใบ
declare และชี้แปลบางคำให้กรอกตามที่พวกเขาจะบอกได้



....



ยินดีที่ไม่รู้จัก กับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ
นี่ถ้าหากรวมเวลาที่นับไปจากด่านชายแดน จีน,มองโกเลีย ทั้งสองที่
ก็ปาไป 5 ชั่วโมงได้  เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่งแล้ว หลังจากรถไฟแล่น
ขบวนไปต่อ ฉันเริ่มง่วงนอนเต็มทีและคิดว่าพอหลังจากเขียนไดอารี่เสร็จ ก็จะ
ปิดห้องปิดไฟนอนหลับ   

เแต่ก็มีคนชะโงกหน้าโผล่มาที่ห้องเสียก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
ยัยสาวมองโกเลียที่(เคย)เป็นรูมเมทห้องสตีเฟ่นนี่หว่า

"ขอนอนด้วยได้ไหม เราไ่ม่อยากอยู่รวมกับผู้ชายจีน" เธอทำหน้าอ้อนวอนมา 

" มาสิ " ฉันไม่มีปัญหาอะไร
เดี๋ยวต่างคนต่างก็นอน เพราะดึกมากแล้ว 

สิ่งไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นจนได้ หลังจากที่พวกเธอกลับไปขนข้าวของและดูท่าจะ
วี้ดว้ายกันเข้ามาแบบเสียงดัง หรือพูดง่ายหน่อยก็คือดูไม่มีความเกรงใจกันสักนิด 
หนำซ้ำยังวางข้าวของเกะกะ เล่นมือถือแชทกันแบบไม่เปิดเสียง และทางท่าไม่
สุภาพเหมือนกับตอนมาขอร้องสักนิด

นี่ฉันคิดผิดหรือปล่าวเนี่ย? 

"ปิดเสียง แล้วช่วยเงียบ ๆ กันได้ไหม?"

เลยต้องบอกไปตรง ๆ เพราะรู้สึกรำคาญขึ้นมาซะแล้ว ก็เหมือนจะได้ผลบ้างนะ 
เสียงคุยนั่นเลยเปลี่ยนเป็นกระซิบลดระดับ ลงมานิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าเมื่อกี้นี้

ฉันเดินออกไปกดน้ำร้อน ซึ่งก็ต้องเดินผ่านห้องที่สตีเฟ่นอยู่แล้ว เขายังไม่ปิดห้อง
นอน 
แถมกำลังขะมักขะเม้น เล่นเกมอักษรไขว้อยู่อย่างจริงจัง  และยังคงครอง
ห้องคนเดียว
เหมือนเดิม ต้องบอกเลยว่านายนี่โชคดีชะมัด ! 
เลยขอชะโงกหน้าแวะไปทักสักหน่อย "ห้องฉันมีเพื่อนนอนด้วยแล้วนะคืนนี้...
รูมเมทเก่าของนายคนเมื่อเช้านี้ไง"

ที่จริงพวกเธอน่าจะกลับมานอนห้องเดิมมากกว่านะ
เขาส่ายหน้าแล้วก็ทำปากเบ้  "พวกนั้นพากันย้าย อีกแล้วเหรอ?"

"มาเมื่อกี้นี้แหละ เห็นบอกว่าไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายจีน"

ฉันตอบไปอย่างเซ็ง ๆ 
ไม่น่าสงสารแต่แรกเลย

"อะไรกัน แค่ผู้ชายคนเดียว เนี่ยนะ?" 

นั่นสินะ จะให้ย้ายกลับไปก็ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันดันเกิดความคิดร้าย ๆ แว้บเข้ามา
นิดหน่อย แบบว่า
อยากให้สตีเฟ่นไปช่วยหาจิ้งจกตัวเมื่อเช้าให้หน่อยเถอะ
จะได้เอาไปโยนใส่ที่ห้องบ้าง 
ซึ่งการทูตของฉันคงอาจไม่ดีมากพอที่จะเจรจา
(ไล่) ให้พวกเธอกลับไปยังที่เดิมได้ 
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้าย ถึงขั้นต้อง
ประกาศสงคราม! 

คิดแล้วก็ได้แต่ปล่อยเลย
ตามเลยไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า


ในที่สุดห้องโดยสารชั้น Hard Sleeper ของฉันตอนนี้ มันจึงได้หลับยากสมชื่อ
ที่ดันมีผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้มาร่วมนอน  และขณะนี้พวกเธอต่างดึงม่าน
หน้าต่างปิดหน้าเป็นที่เรียบร้อย  
ถึงข้างนอกมันจะมืดสนิทไม่เห็นอะไรได้ ฉันแค่
แอบหวังที่จะมองท้องฟ้านอกพื้นที่เขตเมือง 
เวลาที่มันไม่มีแสงอะไรมารบกวนบ้าง 

เผื่อว่าจะมีดาวตกให้ได้เห็นสักครั้งในชีวิต 
โดยเฉพาะการได้มองผ่านหน้าต่างรถไฟสายนี้





Create Date : 24 กรกฎาคม 2558
Last Update : 25 ตุลาคม 2560 17:45:33 น. 6 comments
Counter : 1303 Pageviews.

 
ขอแอบเกาะรถไฟสายท่องเที่ยว อ่านเพลินเลยครับ เพิ่งรู้ว่ามีการเปลีี่ยนล้อรถไฟก่อนข้ามพรมแดนที่ขนาดรางต่างกันด้วย


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:36:28 น.  

 
สำหรับผมที่ส่วนตัวคือที่ส่วนตัวครับ ออกจะดูโหดไปหน่อย แต่เป็นสิทธิ์ของเรา ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อันนึงละกันครับ (ฮา)

ต้องเปลี่ยนล้อเสียเวลาน่าดูเลย แต่ช่วยไม่ได้อะนะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:23:27:09 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โหย ลุ้นชมดาวตกแบบนี้แสดงว่าในห้องต้องมืดสนิทแน่เลย

เห็นกำแพงเมืองจีนเปล่า!

รถไฟเปลี่ยนล้อ หือ! งานใหญ่นะนั่น เพิ่งเคยได้ยิน ท่าจะยุ่งยากน่าดู แต่มันคงยุ่งยากน้อยกว่าการเปลี่ยนขบวนแหละเค้าถึงทำแบบนี้


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 31 กรกฎาคม 2558 เวลา:9:22:48 น.  

 
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
พี่หมอ หายไปเลย แอบตามติดฮ่าๆ


โดย: ผมไม่ได้บินคนเดียว (เตยจ๋า ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2558 เวลา:23:32:26 น.  

 
กำลังคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเป็นพี่ เจอยัยสาวมองโกเลียนั่น จะทำยังไงดีนะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 สิงหาคม 2558 เวลา:15:35:10 น.  

 
สนุกมั้กๆมาก การผจญภัย ที่ลุงทำไม่ได้...
ติดตามอ่านตอนต่อไป..


โดย: ธนู ลุงแอ็ดชวนเที่ยว (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) วันที่: 13 มกราคม 2562 เวลา:15:02:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.