ถัดจากนั้น...สถานีต่อไปที่ ด่าน Zamyn-Uud
หลังจากหลุดไปจาก ตม.จีน ไปแล้วอย่างเพิ่งนิ่งนอนใจปิดไฟหลับ เพราะต่อ
จากนี้ก็จะต้องไปต่อที่ฝั่งชายแดนมองโกเลียกันอีกประมาณชั่วโมงเศษ
และเรื่องที่น่าปวดหัวอีกอย่างก็คือใบ Departure กับ Declare
ของฝั่งจีนยังพอมีภาษาอังกฤษบอกกำกับไว้ พอมาเจอของมองโกเลียเท่านั้น
ก็ถึงกับต้องนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะกรอกอะไรตรงไหนยังไงกัน?
ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่พูดอะไรก็ไม่รู้ด้านนอกก่อนที่จะมาถึงห้องฉันว่า ไท่กั๋ว
อะไรสักอย่าง ...คงจะเป็นเรื่องวีซ่าล่ะมั้ง ที่ในหน้าพาสปอร์ตของฉันไม่จำเป็น
จะต้องมีเหมือนกับคนอื่น ๆ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมายืนออที่หน้าห้องก่อนที่พวกตรวจตราสิ่งของจะเข้ามา
และพยายามคุยด้วยนิดหน่อย "เป็นไทกั๋วเหรอ...พูดจีนได้ไหม?"
จากนั้นก็มีคนโผล่หน้ามาดูที่ห้องอีก เหมือนว่าเป็นตัวประหลาดยังไงไม่รู้
แต่ยังไงเสียเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้แลดูเป็นมิตรกว่าที่เคยได้ยินมานะ อย่างบางคน
ก็เจอการรีดไถเงิน หรือเจอเจ้าหน้าที่หน้าบึ้งพูดจาไม่ดี ฉันเลยคิดว่าตัวเองโชคดี
อยู่เหมือนกันที่ไม่เจอเรื่องไม่ดีเข้าระหว่างการเดินทาง หนำซ้ำยังเดินเข้ามาดูใบ
declare และชี้แปลบางคำให้กรอกตามที่พวกเขาจะบอกได้
....
ยินดีที่ไม่รู้จัก กับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ
นี่ถ้าหากรวมเวลาที่นับไปจากด่านชายแดน จีน,มองโกเลีย ทั้งสองที่
ก็ปาไป 5 ชั่วโมงได้ เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่งแล้ว หลังจากรถไฟแล่น
ขบวนไปต่อ ฉันเริ่มง่วงนอนเต็มทีและคิดว่าพอหลังจากเขียนไดอารี่เสร็จ ก็จะ
ปิดห้องปิดไฟนอนหลับ
เแต่ก็มีคนชะโงกหน้าโผล่มาที่ห้องเสียก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
ยัยสาวมองโกเลียที่(เคย)เป็นรูมเมทห้องสตีเฟ่นนี่หว่า
"ขอนอนด้วยได้ไหม เราไ่ม่อยากอยู่รวมกับผู้ชายจีน" เธอทำหน้าอ้อนวอนมา
" มาสิ " ฉันไม่มีปัญหาอะไร
เดี๋ยวต่างคนต่างก็นอน เพราะดึกมากแล้ว
สิ่งไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นจนได้ หลังจากที่พวกเธอกลับไปขนข้าวของและดูท่าจะ
วี้ดว้ายกันเข้ามาแบบเสียงดัง หรือพูดง่ายหน่อยก็คือดูไม่มีความเกรงใจกันสักนิด
หนำซ้ำยังวางข้าวของเกะกะ เล่นมือถือแชทกันแบบไม่เปิดเสียง และทางท่าไม่
สุภาพเหมือนกับตอนมาขอร้องสักนิด
นี่ฉันคิดผิดหรือปล่าวเนี่ย?
"ปิดเสียง แล้วช่วยเงียบ ๆ กันได้ไหม?"
เลยต้องบอกไปตรง ๆ เพราะรู้สึกรำคาญขึ้นมาซะแล้ว ก็เหมือนจะได้ผลบ้างนะ
เสียงคุยนั่นเลยเปลี่ยนเป็นกระซิบลดระดับ ลงมานิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าเมื่อกี้นี้
ฉันเดินออกไปกดน้ำร้อน ซึ่งก็ต้องเดินผ่านห้องที่สตีเฟ่นอยู่แล้ว เขายังไม่ปิดห้อง
นอน แถมกำลังขะมักขะเม้น เล่นเกมอักษรไขว้อยู่อย่างจริงจัง และยังคงครอง
ห้องคนเดียวเหมือนเดิม ต้องบอกเลยว่านายนี่โชคดีชะมัด !
เลยขอชะโงกหน้าแวะไปทักสักหน่อย "ห้องฉันมีเพื่อนนอนด้วยแล้วนะคืนนี้...
รูมเมทเก่าของนายคนเมื่อเช้านี้ไง"
ที่จริงพวกเธอน่าจะกลับมานอนห้องเดิมมากกว่านะ
เขาส่ายหน้าแล้วก็ทำปากเบ้ "พวกนั้นพากันย้าย อีกแล้วเหรอ?"
"มาเมื่อกี้นี้แหละ เห็นบอกว่าไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายจีน"
ฉันตอบไปอย่างเซ็ง ๆ ไม่น่าสงสารแต่แรกเลย
"อะไรกัน แค่ผู้ชายคนเดียว เนี่ยนะ?"
นั่นสินะ จะให้ย้ายกลับไปก็ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันดันเกิดความคิดร้าย ๆ แว้บเข้ามา
นิดหน่อย แบบว่าอยากให้สตีเฟ่นไปช่วยหาจิ้งจกตัวเมื่อเช้าให้หน่อยเถอะ
จะได้เอาไปโยนใส่ที่ห้องบ้าง ซึ่งการทูตของฉันคงอาจไม่ดีมากพอที่จะเจรจา
(ไล่) ให้พวกเธอกลับไปยังที่เดิมได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้าย ถึงขั้นต้อง
ประกาศสงคราม!
คิดแล้วก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า
ในที่สุดห้องโดยสารชั้น Hard Sleeper ของฉันตอนนี้ มันจึงได้หลับยากสมชื่อ
ที่ดันมีผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้มาร่วมนอน และขณะนี้พวกเธอต่างดึงม่าน
หน้าต่างปิดหน้าเป็นที่เรียบร้อย ถึงข้างนอกมันจะมืดสนิทไม่เห็นอะไรได้ ฉันแค่
แอบหวังที่จะมองท้องฟ้านอกพื้นที่เขตเมือง เวลาที่มันไม่มีแสงอะไรมารบกวนบ้าง
เผื่อว่าจะมีดาวตกให้ได้เห็นสักครั้งในชีวิต
โดยเฉพาะการได้มองผ่านหน้าต่างรถไฟสายนี้