ฉันพกเอกสารภาษารัสเซียที่เป็นข้อตกลงระหว่าง ไทย-รัสเซีย ในการผ่อนปรน
เรื่องวีซ่าที่ไม่จำเป็นต้องมี หากเจ้าหน้าที่ไม่คุ้นชินกับชาวไทยที่นาน ๆ จะโผล่
มาให้เจอยังเขตแดนฝั่งตะวันออกแบบนี้เมื่อเทียบกับผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบิน
ก็แหงล่ะ...ขนาดฝรั่งชาติตะวันตกยังต้องขอวีซ่ากัน แต่ที่แปลกใจกว่านั้นคือ
ประเทศที่เคยอยู่ในการอุปถัมภ์ของอดีตสหภาพโซเวียต 'บ้านพี่เมืองน้อง' อย่าง
มองโกเลีย ต้องทำ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเดินทางไปมาหาสู่กันบ่อยเสียยิ่งกว่าสยาม
ประเทศอย่างเราเสียอีก
เมื่อขบวนรถไฟลดความเร็วลงเพื่อชะลอเทียบจอดที่หน้าอาคารสีเหลือง ซึ่งใน
ตอนนี้ทุกคนต้องนั่งประจำห้องของตนเองห้ามกระดิกย้ายหายไปไหนเด็ดขาด
ฉันเห็นภาพของ ตม. รัสเซีย กำลังยืนเรียงแถวหน้ากระดานประจำตำแหน่ง
คล้ายกับที่เคยเห็นแบบในจีนและมองโกเลีย ที่อาจต่างกันตรงเครื่องแบบและ
ลักษณะทางชาติพันธุ์ อีกทั้งยังดูเหมือนทางรัสเซียมีเครื่องมือการตรวจตราที่
เยอะกว่าสองประเทศแรกที่ได้กล่าวมา
ห้องของเรามีคนเพิ่มมาด้วยอีกหนึ่งคน คือแม่สาวใหญ่หนึ่งในสมาชิกแก็งมาเฟีย
เธอเข้ามานั่งประจำการยังเตียงล่างของเจ้าเด็กโต เพราะเจ้าตัวเล็กมีวีซ่าพ่วงอยู่
กับเล่มพาสปอร์ตของแม่สาวใหญ่ ...ส่วนโกดังสินค้าที่เธอเอามาประโคมไว้ที่ห้อง
ก็จำเป็นต้องงัดออกมาสำแดงด้วย
ขณะที่เรากำลังรอการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ฯ ก็ได้ยินเสียงกึงกังจากด้านใต้
รถไฟ ตลอดจนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากการใช้เครื่องมือสำรวจ ตรวจ-
ตรามันทุกซอกส่วน
ต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ฯ อีกกลุ่มเดินขึ้นมาบนรถไฟ แล้วบรรยากาศมาคุก็เริ่มขึ้น
เมื่อพวกเขาเริ่มตรวจพื้นที่ภายนอกตรงพื้นทางเดิน โดยเปิดพรมตรวจค้นทุกสิ่ง
อย่างรวมถึงเจ้าสุนัขดมกลิ่นตัวขนาดกลางขนยาวหน้าตาน่ารัก ผิดกับที่คาดไว้
ว่ามันจะต้องตัวใหญ่และหน้าโหดกว่านี้สิ!
หมดพ้นจากกลุ่มเจ้าหน้าที่พิสูจน์กลิ่น พวกโปรงัดแงะก็ตามมาต่อ เมื่อกลุ่มนี้ไป
ที่ห้องไหนเหล่าสมาชิกทุกคนก็ต้องโดนเชิญออกไปยืนรอข้างนอกให้หมด เพราะ
ที่ภายในห้องจะโดนไข โดนงัด เพื่อเปิดค้น ทุกสิ่งอย่างตามใจเจ้าหน้าที่เพื่อ-
ค้นหาสิ่งของที่ถูกซุกซ่อนไว้
แหม ๆๆๆๆ อยากจะปากบอนบอกให้ได้ยินเป็นภาษารัสเซียซะจริง!
ว่าพวกมาเฟียมันกระจายสินค้าไปตามห้องต่าง ๆ ส่วนหลักฐานอื่นที่เหลือ พวกก็
โดนโยนทิ้งออกไปทางหน้าต่างกับยัดลงใต้พื้นล่างตั้งแต่ No mans land แล้ว
สิบอกหั่ยยย...
เมื่อถึงตาห้องของเราบ้าง ทุกคนต่างก็ต้องออกมายืนด้านนอกมองดูเจ้าหน้าที่
รื้อค้นกันแบบจริงจัง ส่วนเจ้าหมาดมกลิ่นนั่นก็นั่งไม่ไกลนักเหลือบมองผ่าน
สายตากลมโตแบ๊วจ้องมายังเราด้วย อืม...ที่จริงก็ไม่รู้นะว่า มันคิดอะไรอยู่?
"พันธุ์อะไรอ่ะลุง" คุยเรื่องหมา ๆ คั่นเวลาดีกว่า ท่าทางจะรื้อห้องกันอีกนาน
"ลาบาดอร์ มั้ง" ลุงอันดริอาโน่ตอบ
"ลาบาดอร์ มันขนสั้น ตัวโต นาาา"
เอาเถอะ ถึงเราจะพูดเล่นกันอยู่เบา ๆ แต่พอนึกไปว่า
นี่ถ้าหมามันเห่าเถียงขึ้นมา มีงานเข้าแน่นอน!
และหากเป็นเช่นนั้น เราคงอาจโดนเชิญไปสอบปากคำที่เจรจา ไต่สวน กันไม่รู้
เรื่องโดนไร้ล่ามแปล ถัดจากนั้นก็คงถูกเนรเทศไปทำเหมืองหรือก่อทางรถไฟ-
สายลับ ๆ ที่เขตไซบีเรีย อยู่อย่างอดมื้อกินมื้อ จนขาดสารอาหารและหนาวตาย
อย่างอนาถาแบบในหนังที่เคยดูมาแน่ ๆ
แต่ก่อนที่ฉันจะจินตนาการจนเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้
ก็ต้องมาลุ้นระทึกกับน้องมองโกเลียวัยรุ่นแทน ที่โดนเจ้าหน้าที่สาวร่างสูง ย้อมสี
ผมแดงแปร๊ดดูตัดกันกับชุดสีเขียวของเธอ ชี้สั่งให้เดินไปหยิบน้ำผลไม้กล่องโต
ที่วางอยู่มาให้ดูหน่อย จากนั้นเจ้าหน้าที่หญิงก็ทำการเปิดดูพร้อมกับสูดดมพิสูจน์
หาสิ่งแปลกปลอมที่ซ่อนไว้
โหย...ละเอียดเวอร์!
จบจากตรงนี้แล้ว เราก็ได้กลับไปนั่งประจำที่กันต่อเพื่อรอตรวจหนังสือเดินทาง,
ส่งแบบฟอร์มเข้าเมือง และแจ้งสำแดงสินค้านำเข้าเป็นลำดับขั้นตอนสุดท้ายกับ
เจ้าหน้าที่อีกคนที่กำลังเดินไล่หลังมาอีกชุด
พาสปอร์ตจะถูกสแกนข้อมูลลงยังเครื่องมือไฮเทคขนาดพกพา
กดใส่รายละเอียดลงในนั้นเล็กน้อย และประทับตราลงอย่างว่องไว
ฉันไม่ได้ถูกซักเรื่องวีซ่า ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แต่ลุงอันดริอาโน่อาจ
ดูน่าสงสัยนิดหน่อยเพราะหน้าตาบนเล่มพาสปอร์ตดันเกลี้ยงเกลาไร้หนวด
แล้วในที่สุด พิธีการตรวจคนเข้าเมืองก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังไม่ได้ไปต่ออยู่ดี
เพราะต้องรอพ่วงต่อกับขบวนอื่นตามเวลาที่กำหนด ดังนั้นเราจึงมีเวลาเหลือเฟือ
ตั้งห้าชั่วโมง หลายคนจึงเลือกที่จะไปนั่งพักกันในอาคาร บ้างก็เดินโต๋เต๋ไปซื้อ
ของกินที่ร้านชำตรงชุมชนเล็ก ๆ แถวนั้นกัน
ส่วนฉันน่ะเหรอคงไม่ต้องมุ่งตรงไปละลายทรัพย์ที่ไหนแล้ว
เพราะห้องน้ำคือจุดหมาย ที่รอคอยมานานแสนนาน
ได้ใช้เงินรูเบิ้ลซะที เย่!
อ้อ...ส่วนเรื่องพวกข้าวของที่พวกมาเฟียเอามาซุกซ่อนไว้ตามมุมห้องโน้นนี้
ก็ถูกตามไล่เก็บคืนเข้าในที่ทางของตัวเองเรียบร้อย รวดเร็วว่องไวยังกับพายุ
เมื่อถึงเวลา ตู้ขบวนของเราถูกพ่วงต่อกับขบวนรถไฟอื่น
ในระบบการจัดวางแบบที่ต้องมาเชื่อมโยงตามเวลานัดแนะแบบนี้
หากคำนวนพลาดไปนิดหน่อยก็คงจะล่มทั้งเครือข่าย
จากพื้นที่โล้นโพ้นสายตาไกลลับผู้คนสู่บ้านไม้ในเขตชนบท คละไปกับภาพ
ใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางที่เขตรัสเซีย มันดูสวยแปลกตากว่าที่คาดไว้มากทีเดียว
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เห็นก็ยังดูเป็นเอเชียกันอยู่เลย
และตอนนี้เองเมื่อเราได้ข้ามพ้นเขตแดนที่ว่า โฉมหน้าค่าตาของชาวสลาฟที่ต่าง
ไปจากเราก็เริ่มปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ
ดังนั้นหลังจากสิ้นสุดปลายทางที่ขบวนรถไฟจะไปถึง
ฉันก็คงจะกลายเป็นคนหน้าแปลกสำหรับที่นั่นโดยอัตโนมัติแน่นอน
มาถึงตอนนี้ ในห้องพักเขาเราก็เหลือประชากรกันแค่สามคน
ส่วนเจ้าเด็กเล็กกับแม่สาวใหญ่ หายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากนั้น
เลยได้สอบถามน้องมองโกเลียที่ยังอยู่กับเรา
...
"อ้าวนั่นไม่ใช่แม่กับน้องของเธอเหรอ?"
ฉันหลงเข้าใจว่าพวกเขามาด้วยกัน
"ปล่าวนะ เราไม่ได้รู้จักกันเลย" น้องมองโกเลีย บอก
ถ้างั้นช่วงที่เห็นเธอเข้ามาช่วยจัดข้าวของและดูแลน้องคนเล็กนั่น คงอาจ
เพราะต้องช่วยเหลือ คนบ้านเดียวกัน ในสถานการณ์จำยอมมากกว่าละสินะ
เจ้ากาน่า จะไปลงที่อีร์คุตส์ก์เช่นเดียวกันกับฉัน
แต่เพื่อที่จะไปเรียนต่อในรัสเซีย
"จะไปเรียนวิศวะที่โน่น 4 ปี แต่ต้องเรียนภาษาก่อนปีนึง "
เธอว่าหลังจากลงรถไฟแล้ว ครอบครัวของพี่ชายที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
จะมารับไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ทันที
ทั้งนี้หนังสือที่กาน่าพกมาอ่านเป็นคู่มือภาษามองโกเลีย,รัสเซีย,อังกฤษ
ที่มีคำศัพท์และประโยค ที่แบ่งหมวดหมู่ไว้ พวกเราก็เลยได้ใช้ประโยชน์
จากมันนิดหน่อยสำหรับเวลาที่สื่อสารกัน
อันดริอาโน่ ได้วาดรูปแผงวงจรอะไรบางอย่างลงบนกระดาษให้กาน่าดู
พร้อมกับเล่าว่าเคยสอนอิเล็กทรอนิกส์ที่วิทยาลัยมาก่อน
"เดี๋ยวนี้ไม่สอนละ ข้าออกมาทำธุรกิจแทน"
ฉันไม่รู้เรื่องธุรกิจของลุงที่ต้องมาเดินสายตามรางรถไฟนี่สักเท่าไหร่นะ
ว่าแต่ว่า ทำไมลุงแกถึงเล่นเดินทางด้วยขบวนรถไฟนี้บ่อยครั้งเป็นว่าเล่น
อย่างปีที่ผ่านมาก็ด้วย
บนเส้นทางที่ใคร ๆ ต่างคิดว่าจะมาเยือนสักหนในชีวิตเนี่ย!
แสงแดดรำไรที่ส่องผ่านเมฆจากภายนอกแตะกระทบใบไม้สีทองที่มองเห็นนอก
หน้าต่างบ่งบอกว่านี่คือเวลาเย็นของวันแล้ว กาน่าได้หยิบงัดเอาหีบใส่อาหารที่อัด
ไปด้วยไข่ต้ม แฮม ไส้กรอก และ คิมบับ ที่ดูเหมือนว่าจะกินไปได้นานถึงสามวัน
ออกมาเปิดกางบนโต๊ะ
ลุงอันดริอาโน่ บิบะหมี่ซองเล็กที่ซื้อมาจากเมือง Naushki อัดใส่ถ้วยกาแฟชงใส่
น้ำร้อนที่มีให้ฟรีบนรถไฟและนั่งรอเส้นอืด เช่นเดียวกับฉันแต่ดูดีกว่าตรงที่พกชาม
มาเอง จากนั้นพวกเราปิดห้องล้อมวงกินอาหารเย็นนานาชาติด้วยกัน
แถมยังมีอู่ข้าวอู่น้ำจากเสบียงของน้องมองโกเลียที่เอามาร่วมแบ่งกันกินอีก
อาหารนานาชาติบนรถไฟมื้อนี้เลยอร่อยเป็นพิเศษกว่ามื้อไหน ๆ
เวลานี้ดูเหมือนทุกอย่างจะสงบลง และไม่วุ่นวายเหมือนในช่วงเช้าที่ผ่านมา
หากเขาคนนั้นไม่กลับมาอีกหน... ซึ่งฉันหมายถึงตารูมเมทคนเดิมที่เคยขอย้าย
ห้องไปเมื่อคืนนั่นไง อยู่ดี ๆ เขาก็โผล่มาในห้องหลังมื้อเย็นของพวกเราจบลง
ชายมองโกเลียคนนั้น เข้าทักทายอย่างเป็นทางการพร้อมกับถือแท็บเล็ตมาด้วย
"สวัสดีครับ ผมเป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้า จาก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น "
...
ฉันนึกได้ว่าลุงอันดริอาโน่ถือวีซ่าธุรกิจสำหรับเดินทางเข้ารัสเซียนี่ บางทีพวกเขา
อาจจะอยากคุยกันก็ได้...ตัวเองก็เลยลุกย้ายที่จากฝั่งเตียงที่นั่งกับลุงมาอยู่ยัง
ฟากเตียงของเจ้ากาน่าแทน คงน่าจะสะดวกกว่า
แต่ปล่าวเลย ที่จริงแล้วเขาตั้งใจเข้ามาคุยกับฉันต่างหาก
"ทราบว่าประเทศไทยมีข้าวหอมมะลิที่ขึ้นชื่อ"
หะ....อะไรนะ
"ขอสไกป์สำหรับติดต่อหน่อยครับ ทางเราอยากร่วมประสานงานการส่งออก"
เขายื่นแท็บเล็ตส่งมาให้ฉัน ส่วนลุงอันดริอาโน่ได้แต่ยิ้ม ๆ
แล้วก็เดินออกไปจากห้อง
"นี่ฉันมาเที่ยวนะไม่สนใจเรื่องธุรกิจ" ฉันบอกปัด
จะมาไม้ไหนกันเนี่ยไม่เข้าใจ
กาน่า ยื่นไข่ต้มให้กับเขาพร้อมชวนคุยอะไรก็ไม่รู้เป็นการเปลี่ยนประเด็น
เป็นการช่วยตัดบทได้ดีมาก ซึ่งจังหวะนี้เองฉันเลยขอตัวไปข้างนอกซะเลย
...
ผ่านไปพักหนึ่ง เมื่อฉันกลับมาที่ห้อง ก็ไม่เห็นพ่อนักธุรกิจนั่นแล้ว
ส่วนลุงอันดริอาโน ก็ได้กลับมานั่งอยู่ที่เดิม "เอ็งเจรจาการค้าเสร็จแล้วเรอะ?"
โวะ! นี่ลุงต้องพูดประชดแน่ ๆ
"คุยอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน"
ฉันบอก พร้อมกับนึกถึงอะไรบาง
"ไหงเมื่อคืนไม่ยอมคุยอะไรกับเราอ่ะ พูดอังกฤษไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
แถมยังหนีไปอยู่ห้องอื่นอีก แบบนี้จะเชื่อได้ไงว่ามาแบบเป็นมิตร"
ถ้าเมื่อคืนทำตัวญาติดีกว่านี้ เราคงไม่เสียความรู้สึก
แล้วนี่ทำไมเขาไม่มาคุยกับอันดริอาโน่ ที่ดูดีมีภาษีกว่าฉันตั้งเยอะ
"สงสัยพวกมาเฟีย จะไม่ชอบคนอิตาลีว่ะ" ลุงอันดริอาโน่ ตอบแกมประชด
....
การมีมิตรสหายระหว่างทางคือลาภอันประเสริฐ
แต่ลาภตัวโตที่ว่า กำลังจะออกไปจากที่นี่ในช่วงค่ำวันนี้ซะแล้ว
"พวกเอ็งดูแลกันให้ดี ๆ ยังไงพวกมาเฟียก็อยู่ที่ข้างห้องเรา"
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะถึงเมืองอูลันอูเด และลุงก็กำลังเก็บข้าวของรอย้าย
ออก และยกพื้นที่เตียงล่างให้ฉันใช้ต่อ เพราะจากนี้จะไม่มีผู้โดยสารแปลกหน้า
เข้ามาเพิ่มอีกแล้ว
ถึงลุงแกจะเสียงดังคล้ายนักเลงโตและพูดมากไปหน่อย
แต่พอใกล้จะไปแล้วพวกเราก็ใจหวิว ๆ ยังไงชอบกล
เมื่อรถไฟได้เคลื่อนจอดลงที่สถานีข้างหน้า
ลุงอันดริอาโน่ โบกมือลาพวกเราที่นี่
"Ciao แล้วเจอกันที่ มอสโก!"
ที่เมือง อูลันอูเด กับอุณหภูมิ 0 ํC
รถไฟจะทำการจอดครู่ใหญ่ กาน่าและฉันจึงพากันออกไปเดินโต้ลมหนาวกัน
ด้านล่าง ก็ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะตื่นเต้นกับอากาศหนาว ๆ ของรัสเซียทำไมกัน?
ในเมื่อมองโกเลียบ้านเธอดูจะโหดร้ายกว่านี้ตั้งเยอะ...ว่าไปแล้วก็นึกถึงตอนที่เรา
เปิดตู้เย็นที่บ้านแล้วเอาตัวเองไปยืนอังรับไอเย็นนาน ๆ จัง ซึ่งตอนนี้พวกเราก็
กำลังเข้ามายืนอยู่ในตู้เย็นยี่ห้อไซบีเรียที่มีพื้นใหญ่โตจุใจเลยนะ
...
สำหรับค่ำคืนสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ เราก็ต้องมาพบกับเพื่อนข้างห้อง
ที่ทำตัวไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก เมื่อกาน่าเหลือบไปเห็นคนกลุ่มนี้กำลังล้อมวง
ดื่มวอดก้า โดยบังเอิญเข้าก็ยิ่งระแวงพวกแก็งมาเฟียที่กำลังเมากึ่มกัน
เรารีบปิดล็อคห้องและพยายามไม่ออกไปเพ่นพ่านหน้าระเบียงทางเดิน หรือถ้าจะ
ออกไปห้องน้ำก็ต้องไปพร้อมกัน และเมื่อกลับมาก็จะมีเจ้าหน้าที่ตามมาไขประตู
ห้องให้
แหงล่ะ ...เราต่างก็ระแวงกลัวกันว่า
คนพวกนั้นจะมาเรียกเคาะเพื่อเจรจาธุรกิจต่ออีก!
คืนนั้นฉันนั่งดูรูปต่าง ๆ ของกาน่าผ่านแล็ปท็อปของเธอ ภาพในนั้นส่วนมากเป็น
รูปครอบครัว งานโรงเรียน ที่เป็นกิจกรรมต่าง ๆ แถมมีคลิปเต้น cover แนว k-pop
อีกด้วย เอ่อเรื่องของความนิยมเกาหลีที่มาแรงแซงโค้งเช่นนี้...มันแลดูไม่น่า
สงสัยตั้งแต่เห็น คิมบับ ในหีบข้าวของกาน่าแต่แรกล่ะ เพราะแม้แต่ชื่อถนนเส้น
หนึ่งในอูลันบาตอร์ก็ยังมีชื่อว่า Seoul st. เลย
สรุปง่าย ๆ คือ วัฒนธรรมเกาหลีใต้
ได้เข้ามายึดครองมองโกเลียไปแล้วเรียบร้อย
...
แต่ก็ยังดี ที่ฉันได้ยินอะไรบางอย่าง
"ฉันมีหนังไทยเรื่องนึง"
กาน่า ค้นอะไรบางอย่างมาเปิดให้ฉันดูพร้อมพูดว่าพระเอกหล่อมากกก
หือ...ใครกันหว่า?
หนังเรื่องนี้ มีชื่อว่า First love เห็นชื่อนี้แล้ว ก็ดูไม่คุ้นแฮะ
แถมยังมีคำบรรยายขึ้นประกอบเป็นภาษาแปลก ๆ อีกด้วย
และถึงเจ้ากาน่าจะฟังภาษาไทยไม่ออกและอ่านคำแปลไม่เข้าใจสักคำ
แต่เหตุผลที่เธอชอบเรื่องนี้มาก ก็คงเดาไม่ยากนัก
เพราะทันทีที่ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ปรากฏตัวขึ้นมาในฉากเมื่อไหร่
ยัยนี่ก็จะออกอาการเพ้อเมื่อนั้น
อื่นๆ
เอกสารข้อตกลงการผ่อนปรนเรื่องวีซ่า ระหว่างไทย - รัสเซีย
https://www.thaiembassymoscow.com/download/pdf/th-ru_visaexempt_ru.pdf