ไม่รู้ว่า ไซบีเรียจะรีบหนาว ไปไหน?
เช้านี้ก็ดิ่งลงไปถึง 3 ํC อีกแล้ว และที่ฉันเอาแต่บ่น ๆๆๆ เนี่ย ก็เพราะคาดเดา
ไม่ถูกกับเรื่องลมฟ้าอากาศต่างเมืองสักที ทำให้การเตรียมเครื่องนุ่งห่มสำหรับสู้
รบปรบมือกับสภาพความหนาวที่แปรปรวนแบบนี้ไม่ทันยังไงล่ะ
จากฝั่งสถานีรถไฟ ฉันเดินข้ามฟากไปยังตัวเมืองที่จริงมันไม่ได้ไกลจากกันมาก
เท่าไหร่นัก เพื่อตรงมายังบริเวณตลาดหาคิวรถตู้ที่จะออกไปยังหมู่บ้านที่ตั้งริม
ทะเลสาบ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปราว 65 กิโลเมตร
และนั่นก็ทำให้รู้ว่า
ภาษาอังกฤษสำหรับที่นี่มีค่าไม่ต่างกับภาษาต่างดาว
ก็กว่าจะสื่อสารได้ในแต่ละครั้งเหนื่อยใช่เล่น ...
" ลิสต์เวียนก้า? "
เห็นรถตู้คันหนึ่งมันจอดอยู่ที่ป้ายหน้ามีตัวอักษรขึ้นต้นด้วยตัว Л พอดูจากความ
ยาวของคำแล้ว เดาว่าจะเป็นแล้วคงใช่และการคลำทางของฉันก็จบลง เมื่อคนที่
ยืนอยู่แถวนั้นพยักหน้าบอกรับ "ดา"
พร้อมให้ขึ้นไปรอได้เลยส่วนค่ารถ 100 รูเบิ้ล ก็ไปจ่ายที่ปลายทางโลด
เกือบครึ่งชั่วโมงได้กว่าคนจะเต็ม เมล็ดสนที่ซื้อมากินแก้เขินก็หมดไปเกือบครึ่ง
โคนกระดาษที่ห่อมาช่วงระหว่างนั่งจ้องหน้าเขม็งกับผู้โดยสารร่วมทางคนอื่น
เพราะสองเบาะด้านหน้าดันเป็นที่นั่งหันหน้าชนกันแบบเลี่ยงไม่ได้
จากนั้นเพลงแนวลูกทุ่งโจ๊ะพรึม ๆ ก็ถูกเปิดคลอตลอดช่วงการเดินทางหนึ่ง
ชั่วโมง พร้อมกับภาพดงต้นสนใบสีเหลืองที่ผลัดสีเปลี่ยนตามฤดู คนหลายคน
ต่างทะยอยลงรายทางกันเรื่อย ๆ หลังจากรถวิ่งไปได้พักใหญ่ กระทั่งบนรถเหลือ
กันแค่สองคน จนฉันเริ่มกลัวเจ้าดงต้นสนแสนสวยข้างทางซะแล้วว่า จะกลายเป็น
ที่ถูกปล่อยทิ้งกลางป่ากลางทางหรือปล่าวนะ
แม้ลุงคนขับจะมีรอยสัก แต่ไม่ไถผมเป็นสกินเฮดอย่างที่ได้ระแวงคนกลุ่มหนึ่ง
มาก่อนหน้านี้ตามข้อมูลที่ได้อ่านมาก็ตาม คุณป้ารัสเซียคนที่นั่งโดยสารมาด้วย
กันตั้งแต่ต้นทาง ได้กลายมาเป็นเพื่อนคนสุดท้ายบนรถของฉันไปโดยปริยาย
หลังจากไม่เหลือใครนั่งยาวจนสุดทาง
แกเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ ช่วงที่รถกำลังเลี้ยวโค้งผ่านริมทะเลสาบ ชี้บอกให้เห็นว่า
นี่คือจุดที่แม่น้ำอังการ่า แม่น้ำสายเดียวกับที่เห็นจากตัวเมืองอีร์คุตส์ก์ จะไหลมา
รวมกับทะเลสาบไบคาลตรงจุดนี้
แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันไปมากกว่าชี้ให้ดูโน่นนี่
แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นนะหลังจากมีคนคุยด้วย
ไม่นานนักคุณป้าก็ลงจากรถตู้ ก็คงเหลือแค่ฉันคนเดียวกับคนขับรถเท่านั้น
เมื่อมาถึงปลายทาง กลับไม่มีอะไรน่ากังวลอย่างที่คิดกลัวค่าโดยสารจ่ายตาม
ราคาจริง และไม่ทิ้งลูกค้าไว้กลางทางแบบบางที่บางแห่ง ฉันถามเวลารถออก
รอบสุดท้ายด้วยภาษามือ ผสมปนเปกับการใส่คำศัพท์ภาษารัสเซียบางคำจาก
ท้ายเล่มหนังสือท่องเที่ยว ซึ่งก็หวังว่าลุงจะชอบเล่นการทายคำของฉันนะ
แถ่น แถ้นนน....
โชคดีที่ลุงไขรหัสออก โดยง่ายดาย
แกชี้มาที่นาฬิกาข้อมือบอกให้มาขึ้นรถที่นี่ไม่เกินสองทุ่ม
พร้อมส่งยิ้มปิดท้ายด้วยประกายฟันทองวิ้งวับ
ดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัล ที่เราคุยกันเข้าใจได้ในเวลาสั้น
และฉันก็แอบภาวนาขอให้เจอแบบนี้บ่อย ๆ
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย กล่าวว่า...
"ทะเลสาบไบคาลตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของไซบีเรีย
มีความกว้างประมาณ 50ก.ม.ความยาว 650 ก.ม.
ขนาดพื้นที่ทั้งหมด 23,000 ตร.กม. จุดที่ลึกสุดคือ 1.64ก.ม.
มีปริมาณน้ำจืดคิดเป็น 25% ของโลก
ถือเป็นแหล่งกักเก็บน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด"
ในปี 1996 UNESCO ก็ได้ประกาศให้ทะเลสาบไบคาลเป็นมรดกโลก
อนึ่ง...ไบคาล ไม่ใช่ทะเลสาบที่ "ใหญ่" ที่สุดในโลก
แต่ "ลึก" ที่สุดในโลก แถมยังมีคลื่นสาดกระทบฝั่งเสียด้วยสิ
ทั้งนี้ยังสัตว์ประจำถิ่นอีกหลากหลายชนิดที่หาพบจากที่อื่นไม่ได้
รวมไปถึงแมวน้ำ(จืด) ที่เรียกกันว่า "Nerpa " รูปร่างหน้าตาอวบ ๆ กลม ๆ
ส่วนน้ำในทะเลสาบก็มีความใสแจ๋วขนาดชาวบ้านในละแวกนี้ยังใช้กินใช้อาบกัน
ฉันแอบพลิกดูฉลากน้ำดื่มบางยี่ห้อที่ซื้อมา
บ้างก็มีเขียนที่มา ว่าผลิตจากแหล่งน้ำแห่งนี้เลยก็มี
ภาคส่วนของการท่องเที่ยวจะมี เรือไฮโดรฟอยด์
คอยให้บริการพานักท่องเที่ยวล่องเรือชมลำน้ำ ยกเว้นช่วงฤดูหนาว
ที่ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งหนาเตอะจนเอารถมาแล่นแทนได้
Рыба ( รีบ้า ) แปลว่า ปลา
ฉันดิ่งไปที่ซุ้มตลาดเพราะนี่มันก็เกือบเที่ยงวันเข้าไปแล้ว ได้ยินว่ามี "ปลาโอมุล"
หนึ่งในสัตว์น้ำประจำถิ่น ซึ่งมีเฉพาะแค่ทะเลสาบแห่งนี้ที่เดียวเลยตั้งใจว่าจะต้อง
จับมาลองชิมสักครั้ง (ปลามันคงดีใจ)
ที่ด้านหน้าแผงแต่ละเจ้า จะมีกล่องโฟมจะบรรจุปลารมควันร้อน ๆ เอาไว้
ราคาในขณะนั้น ตัวเล็ก 60 / ตัวโต 80 รูเบิ้ล พอเลือกตามชอบได้แล้ว แม่ค้าก็จะ
ใส่ถุงพลาสติกส่งให้โดยตรง...ฉันแอบกลัวอยู่นะว่าพลาสติกนั่นละลายเป็นเนื้อ
เดียวกับปลาไหมเนี่ย!?
หลังจากได้กินแล้ว ก็พบว่าเนื้อของมันค่อนข้างร่วนไป เลยรู้สึกแอบผิดหวังนิด
หน่อยและก้างของปลาโอมุลก็เล็กละเอียดและแทรกติดเนื้อสูสี พอ ๆ กับญาติ
ของมันที่ชื่อว่าแซลมอน ซะจริง
ดังนั้นในเรื่องของความอร่อยเราจึงไม่ขอรับประกันนะคะ
ส่วนที่ริมทะเลสาบ หากใครอยากหาที่ร่ม ๆ พักนั่งชมวิว ก็จะมีซุ้มเพิงไม้เล็ก ๆ
เรียงรายเป็นแถวให้เข้าไปใช้บริการนั่งพักหลบแดดได้ แต่นั่นก็ต้องเสียเงินเป็น
รายชั่วโมง ก็คือ 100 รูเบิ้ล โดยจะมีคนเดินมาจดเวลาและเก็บเงินแต่แรกเลย
ฉันจึงต้องใช้เวลานั่งเล่นอยู่จนครบชั่วโมงให้คุ้มเสียหน่อย
พอหลังจากนั้นก็ออกเดินสำรวจหมู่บ้านและพื้นที่บนเนินเขาต่อ
บ้านหลายหลังแถวนี้ยังคงสร้างด้วยไม้ และมีอุตสาหกรรมครัวเรือนผลิต
"ปลาโอมุลรมควัน" กันเป็นล่ำเป็นสัน บางทีฉันก็เห็นพวกเขาเอาเตามาสุมถ่าน
ย่างปลากันตรงหน้าบ้านตั้งแต่หัววัน ทั้งนี้ตรงพื้นที่ส่วนที่ยังว่างเหลืออยู่ในเขต
รั้วของที่พักอาศัย ก็ได้มีการปลูกสวนดอกไม้ไว้ตัดขาย และที่สำคัญข้อที่พึงระวัง
ขณะเดินผ่านย่านนั้นคือ 'หมา' ที่ดูโหดและดุสุด ๆ
ส่วนตรงย่านโรงแรม ที่พัก บางแห่ง ที่เดินผ่านก็เห็นมีการปล่อยน้ำทิ้งลงมาสู่
ทะเลสาบโดยตรง ซึ่งดูแล้วน่าเป็นห่วงเรื่องมลภาวะ ที่ในวันนี้มันอาจจะยังไม่เห็น
ผลกระทบฯ เต็มที่นัก อาจเพราะน้ำในทะเลสาบยังดูใสแจ๋วอยู่
แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าไบคาลจะยังคงสภาพเดิมได้อีกนานแค่ไหนกัน?
ในอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นประเพณีนิยมสำหรับผู้มาเยือน...นั่นคือการได้
ลงไปอาบน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ ฉันได้ยินมาว่า อุณหภูมิของน้ำในไบคาลจะเย็น
เจี๊ยบตลอดทั้งปี และหากได้มาถึงก็ควรลงไปอาบซะ
ทั้งนี้มันยังมีเรื่องของสรรพคุณชวนเชื่อบางอย่างที่ดูให้น่าสนใจและเป็นแรงจูงใจ
ที่ดีซะด้วยสิ ว่าแต่ว่า มันจะจริงเหรอที่ น้ำในทะเลสาบไบคาลจะช่วยคงความ
เป็นหนุ่มสาวไว้ได้ !
สวัสดีปีใหม่นะครับ