เดิมทีผมเป็นวิศวกรและนักธุรกิจ ทำงานด้านการลงทุนในตลาดซื้อขายหุ้นมาพอสมควร ทำให้เห็นทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งเกี่ยวกับตัวธุรกิจ และอีกด้านเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ด้วยความที่เรามีข้อมูลมาก และได้เห็นข้อมูลจากต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เพื่อนำมาวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการลงทุน สิ่งที่เราพบก็คือ ข่าวที่คนได้เห็น ได้ยิน ไม่เหมือนกับข้อมูลดิบที่เรามี โดยเฉพาะข้อมูลดิบด้านพลังงานของไทย มีความน่าสนใจมาก ทั้งเรื่องการผลิต การเติบโต ซึ่งเราพบมากขึ้นทั้งบนบกและในทะเล แต่ทำไมคนเดินถนนไม่มีใครรู้ข้อมูลที่แท้จริงเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมถึงต้องออกมาเคลื่อนไหวเรื่องพลังงาน อีกคนที่ทำให้ผมมั่นใจมากยิ่งขึ้น คือน้องๆ ที่ทำงานทีมเดียวกับผม ระหว่างทำงานเป็นคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการพลเรือนด้วยกัน พอได้อ่านและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติปิโตรเลียมทั้ง 6 ฉบับ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ปี พ.ศ. 2514 จนถึงฉบับสุดท้าย ปี พ.ศ. 2550 เขาถามว่าพี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง มันดีขึ้นหรือแย่ลง? ผมพบว่า บางปีมีการแก้ไขให้ดีขึ้น แต่พอปี 2550 มีการแก้ไขให้ต่างชาติครอบครองแปลงสัมปทานได้ไม่จำกัดจำนวน แล้วคนไทยจะอยู่อย่างไร? หัวใจของสัมปทานคือเรื่องกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียม เมื่อเราให้สัมปทานไปแล้วกรรมสิทธิ์ของปิโตรเลียมไม่ใช่ของคนไทยอีกต่อไป เหมือนเรามีสวนมะม่วง แต่เรายกสวนมะม่วงให้เขาไปแล้ว ถ้าเราอยากกินเราก็ต้องไปซื้อในราคาตลาดโลก มันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ เขาเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการผันตัวเองมาเป็นนักเคลื่อนไหวทางด้านพลังงาน
|