"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 
“ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

 จากข่าวเก่า  เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - 7 สิงหาคม 2558 11:46 น. 

“ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”
       

ถ้อยคำดังกล่าวนี้ กลายเป็นที่ประทับอกประทับใจของผู้ที่ได้รับรู้ ผ่านสื่อออนไลน์ที่มีการแชร์ข้อความกันอย่างกึกก้อง ในชั่วเวลาข้ามคืน พร้อมเสียงสรรเสริญเยินยอในเกียรติยศแห่งผู้พิทักษ์ความยุติธรรมของผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี...

เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

       

 "วันนี้ตอนเย็นประมาณ 5 โมง ผมเดินลงมาจะกลับบ้าน เจ้าหน้าเรือนจำกำลังตรวจรายชื่อผู้ต้องขัง รถเรือนจำติดเครื่องรอขนผู้ต้องขังไปเรือนจำ

มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้ สอบถามได้ความว่า แม่กับน้องชายถูกฟ้องฐานมีพืชใบกระท่อม ศาลปรับคนละ 7,500 บาท จะประกันตัวต่อก็ไม่มีเงินจ่ายนายประกันอาชีพ เลยกลับบ้านไปหยิบยืมเงินญาติมาได้ 6,000 บาท

ไม่พอเสียค่าปรับ นายประกันอาชีพก็ไม่ช่วย แถมบอกว่าถ้าจะให้ช่วยต้องไปหาคนมาค้ำประกัน จึงจะยอมยื่นประกันชั้นอุทธรณ์ให้ เธอหมดหนทางที่จะช่วยแม่และน้อง ได้แต่นั่งร้องไห้โทษตัวเองว่าช่วยแม่ไม่ได้
       
       “ผมบอกว่าให้ยื่นคำร้องขอประกันตัว เพื่อออกไปหาค่าปรับมาชำระสิ เงิน 6,000 บาทที่มีอยู่ ก็ให้เอาเป็นเงินประกัน ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ศาลปิดทำการแล้ว ผมบอกว่ายังไม่ปิด เธอเถียงว่าปิดแล้วก็เจ้าหน้าที่บอก

ผมบอกว่าเดี๋ยวผมสั่งเปิดให้ดู แล้วหันไปบอกคุณเล็กว่า จัดการเรื่องนี้ให้เค้าหน่อย เดี๋ยวผมสั่งปล่อยเอง คุณเล็กจัดการให้เสร็จ แล้วก็ปล่อยคุณแม่เธอ ผู้หญิงคนนี้ยกมือไหว้หลายครั้ง ผมบอกเธอว่า ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว"

        ข้อความในเครื่องหมายคำพูดข้างต้นนั้น เป็นคำบอกเล่าของ “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายเข้ามาประจำการที่ศาลจังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่านเขียนข้อความนี้ไว้เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมา ครั้งปฏิบัติงานอยู่ที่จังหวัดปัตตานี

เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

       

 จากข้อมูลที่หาได้ พบว่า ผู้พิพากษาท่านนี้ พื้นเพเป็นคนปักษ์ใต้ เกิดที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เส้นทางชีวิตเหมือนได้รับลิขิตให้ย่างหมากชีวิตบนเส้นทางนักกฎหมาย ผ่านรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ อีกทั้งจบกฎหมายมหาชนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และเนติบัณฑิตไทยจากสำนักอบรมและศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ลุยงานด้านกฎหมายมาทั่วสารทิศ นับตั้งแต่การเป็นทนายความ ก่อนขยับขึ้นสู่ตำแหน่ง

ผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแขวงสงขลา ศาลจังหวัดสงขลา ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลจังหวัดปัตตานี ก่อนจะมาประจำอยู่ศาลจังหวัดปทุมธานีในปัจจุบัน

       
“ชีวิตของผมเกิดมาในชาติภพหนึ่ง ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง
       แต่ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ก็อยากจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด”
 

        นั่นคือคติธรรมนำชีวิตและการทำงานของผู้พิพากษาท่านนี้ ที่ในครั้งหนึ่งนั้น ถึงกับเคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกับพี่น้องประชาชนในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองซึ่งเป็นที่จดจำกันในนาม “พฤษภาทมิฬ”
       
       “เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ได้เข้าร่วมกับพลตรีจำลอง ศรีเมือง ชุมนุมประท้วงพลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จนถูกทหารใช้อาวุธปืน M 16 ยิง กระสุนปืนถูกบริเวณหน้าท้องทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ผมถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แพทย์รักษาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน แต่ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลาแรมปี ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานของเยี่ยม พร้อมกับพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้

ผู้แทนพระองค์ ขอให้สัญญาว่า เมื่อรักษาตัวจนหายดีแล้ว ให้สอบมาเป็นผู้พิพากษา เพื่อดูแลประชาชนของพระองค์ท่าน ในเรื่องคดีความ เมื่อรักษาตัวหายก็ไปเรียนเนติบัณฑิตในปี 2537 ใช้เวลา 1 ปีจบ รุ่งปีต่อมาก็สอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้”
       
       และเพราะเหตุนี้เอง ถ้อยคำที่ว่า “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว” จึงติดตรึงอยู่ในความนึกคิด และเป็นเข็มทิศให้แก่ชีวิตการทำงานนับแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะสำนึกเสมอว่า ที่ได้มาทุกวันนี้ เพราะพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระราชินี

        นอกจากนี้ ในการทำหน้าที่ตัดสินคดีความคดีหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยังกลายเป็นที่มาของคำคำหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเสมือนหลักชัยให้กับการต่อสู้เรียกร้องเพื่อความยุติธรรม ของประชาชนคนธรรมดาผู้หาเช้ากินค่ำ อย่างคำว่า “ตุลาการภิวัตน์”
       
       “ตุลาการภิวัตน์ คำนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทยูเนี่ยนเพาเวอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานขึ้นที่บ้านกรูด (บ้านหินกรูด) ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ปัญจพล เสน่ห์สังคม บอกกล่าวเล่าไว้ในบางบัญชร
       
       “ตอนนั้น นางจินตนา แก้วขาว กับชาวบ้านบ้านหินกรูดลุกขึ้นต่อสู้คัดค้าน ด้วยเหตุผลว่าการสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อวิถีชุมชน วิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม

ต่อมาทางบริษัทจัดงานเลี้ยงฉลอง ชาวบ้านจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปใช้น้ำปลาวาฬหมัก ซึ่งมีกลิ่นเหม็นมากเข้าไปเทใส่โต๊ะจีนในงานเลี้ยง บริษัทแจ้งความดำเนินคดีกับนางจินตนา

ในข้อหาร่วมกันบุกรุกที่ส่วนตัว พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางจินตนาต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางจินตนาให้การปฎิเสธ ว่าไม่ได้กระทำความผิด และที่ดินบริเวณนั้นเป็นที่สาธารณะ”
       
       ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ซึ่งมีนายปัญจพล เสน่ห์สังคม เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และนางสาวศิริพร นันทนฤมิตร ผู้พิพากษาองค์คณะ มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2546

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2548 นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนบทความเรื่อง "คำพิพากษาคดีจินตนา แก้วขาว” ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ถัดมาวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 นายเกษียร เตชะพีระ นำคดีนี้มาเขียนเป็นบทความลงในหนังสือพิมพ์มติชนอีกครั้งในหัวข้อ “ตุลาการภิวัตน์ภาคประชาชน”

เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

       

ในส่วนของคดีนั้น โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตัดสินกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกนางจินตนา นางจินตนายื่นฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยเชื่อว่านางจินตนาบุกรุกเข้าไปในที่ดินส่วนตัวของบริษัทจริง พิพากษาให้จำคุก 4 เดือนโดยไม่รอลงอาญา

คดีนี้ นางจินตนาต่อสู้มาตลอดว่า ไม่ได้กระทำความผิดและที่ดินบริเวณงานเลี้ยงเป็นที่สาธารณะ แต่ถูกบริษัทกับเจ้าพนักงานที่ดินทุจริตออกโฉนดทับที่สาธารณะ ซึ่งต่อมาภายหลังจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยนายวิชา มหาคุณ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง แล้วพบว่ามีการทุจริตออกโฉนดทับที่สาธารณะที่มีอยู่เดิมจริง มีมติชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานที่ดิน และมีการเพิกถอนการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้เสีย
       
       และก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายปี 2546 ศาตราจารย์ ดร.วิทิต มันตาภรณ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ (OHCHR)

ได้นำคำพิพากษาของนายปัญจพล เสน่ห์สังคม ไปอภิปรายในที่ประชุมใหญ่แห่งสหประชาชาติว่าเป็นครั้งแรกที่ศาลไทยนำกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ตราขึ้น เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสิทธิของประชาชนมาวินิจฉัยคุ้มครอง และนั่นก็นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดครั้งหนึ่ง ในชีวิตการทำงานของผู้พิพากษาท่านนี้

เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

       

“เวลาพิจารณาคดี ผมจะคิดไว้ในใจก่อนว่า ทั้งโจทก์และจำเลยเป็นญาติของเรา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการความยุติธรรมเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่า แม้กระทั่งมหาโจรก็ยังต้องการความยุติธรรม ดังนั้น สิ่งที่เราพึงกระทำในแต่ละการพิจารณาตัดสินคดี ก็คือ
       
       “หนึ่ง เราต้องค้นหาความจริงให้เจอก่อน
       “สอง เราต้องค้นหาคุณธรรมให้พบแล้วจึงค่อยเอากฎหมายเข้าไปจับ

ตรงนี้ก็คือการพิจารณาดูว่าความผิดที่เขากระทำนั้น มันยังพอที่จะให้อภัยให้ได้หรือเปล่า เพราะบ่อยครั้ง เราจะพบว่าความผิดที่เขากระทำผิด มันก็ไม่ได้ชั่วถึงขั้นที่ว่าจะต้องจับเข้าคุก ไม่ใช่ว่าเอะอะก็จะจับเข้าคุก เพราะมันเป็นเรื่องของกฎหมายและคุณธรรม ไม่ใช่เรื่องตามอำเภอใจ”
       
       และในฐานะที่เคยไปปฏิบัติงานยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านผู้พิพากษาปัญจพล เสน่ห์สังคม เคยให้ความเห็นไว้ว่า ไม่มีความกลัวแต่อย่างใด เพราะ...
       
       “ผมเอาความเป็นธรรมไปให้ชาวปัตตานี ปืนราชการก็ไม่เอา เพราะผมไม่มีหน้าที่ต้องไปฆ่าหรือทำร้ายใคร”
       
       “รอดตายจากพฤษภาทมิฬมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วครับ”
       และ...
       “ผมเชื่อว่า สงครามไม่มีวันจบหรือถึงวันสงบด้วยปลายกระบอกปืน แต่ต้องได้มาด้วยการเจรจากันเท่านั้น”
       
       ถ้อยคำที่กล่าว นับว่าเหมาะสมยิ่งแล้วกับตำแหน่งของผู้เป็นที่พึ่งของประชาชน และยิ่งเสริมส่งให้ถ้อยคำว่า “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว” เรืองรองผ่องงามในความรู้สึกของผู้คน...

      ________________

เปิดตัวตน “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” เจ้าของวาทะ “ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว”!

       

ประวัติโดยย่อ
       
       ชื่อ : นายปัญจพล เสน่ห์สังคม (นามสกุลเดิม "สุขแก้ว")
       เกิด : 20 ธันวาคม 2508
       
       •  ปี 2557 ได้รับเชิญจากองค์กรนักกฎหมายภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ ให้เข้าร่วมประชุมนักกฎหมายอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย
       •  ปี 2539 เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายรัฐธรรมนูญชุดของนายประดิษฐ์ เอกมณี อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
       •  ปี 2541-2542 เสนอให้มีการตั้งคณะจัดการคดีพิเศษขึ้นในศาลแพ่งกรุงเทพใต้เป็นครั้งแรก
       •  ปี 2546 ตัดสินคดีนางจินตนา แก้วขาว กรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันบุกรุกงานเลี้ยงของโรงไฟฟ้าถ่านหินบ้านหินกรูด ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ตัดสินยกฟ้องโจทก์)
       •  ปี 2547 ตัดสินคดีวัดเขาตะเกียบ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ตัดสินให้วัดชนะ)
       •  ปี 2548 ตัดสินคดีแพทย์ฟ้องผู้ป่วยว่าหมิ่นประมาท ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี (ตัดสินยกฟ้องโจทก์)
       •  ปี 2552-53 ตัดสินคดีหญิงท้องแก่วิ่งราวสร้อยคอทองคำของร้านทอง ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ตัดสินว่าหญิงท้องมีความผิด แต่ทำไปด้วยความจำเป็นต้องการเงินไปซื้อนมให้ลูก จึงให้รอลงอาญา)
       •  ปี 2554 ตัดสินคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิง ที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี (ตัดสินประหารชีวิต แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่ลดโทษให้)
       •  ปี 2557-2558 ตัดสินคดีความมั่นคงเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนหลายคดีที่ศาลจังหวัดปัตตานี
       •  ปัจจุบัน ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดปทุมธานี
       •  อื่นๆ : อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
       อาจารย์พิเศษ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

 

ขอบคุณ MGR Online  

จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ    




Create Date : 28 ธันวาคม 2558
Last Update : 28 ธันวาคม 2558 10:44:12 น. 0 comments
Counter : 2027 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.