"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
ความอับอายของอาจารย์ดนตรี สุกรี เจริญสุข กับสัญลักษณ์ ′ปี๊บคลุมหัว′

โดย กฤตยา เชื่อมวราศาสตร์

 

 

 

เป็นที่จับตามองในทันที เมื่อคนระดับคณบดีผู้มีชื่อเสียงประกาศว่าจะนำ "ปี๊บคลุมหัว"

ก่อนที่ในเวลาต่อมา เมื่ออาจารย์ดนตรีคนดังได้ปฏิบัติการดังกล่าวจริง ก็ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ รวมถึงแพร่หลายในโลกอินเตอร์เน็ต

รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล คือผู้ที่กำลังพูดถึง

ปี๊บที่ถูกนำมาใช้คลุมหัวนั้น เป็นสัญลักษณ์แทนความอับอาย เมื่อผู้บังคับบัญชาอย่าง ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี ม.มหิดล นั่ง "เก้าอี้" ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง

มีสถานะ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" และ "ข้าราชการการเมือง" ในคราวเดียวกัน

วันที่ 10 และ 17 กันยายนที่ผ่านมา จึงเกิดปรากฏการณ์ "ปี๊บคลุมหัว" เดินไปเข้าประชุมที่ตึกอธิการบดี ซึ่งอยู่ห่างจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เกือบ 1 กิโลเมตร ท่ามกลางแดดเปรี้ยงและสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมองดู

"ผมเห็นว่าสามัญสำนึกไม่ถูกต้องแล้ว... ถ้าท่านนายกสภามหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์นายแพทย์ วิจารณ์ พานิช กราบเรียนท่านอธิการบดีว่า สิ่งเหล่านี้มันผิด ท่านเข้าใจ ท่านลาออก มันก็จบ 

 แล้วเราก็ปรบมือให้กับอธิการบดีของเรา ที่ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นความภูมิใจของคนมหาลัยมหิดล ที่เรามีคนซึ่งมีความรู้ความสามารถ สามารถรับใช้แผ่นดินได้" รศ.ดร.สุกรีให้เหตุผล

หลายคนจับตามอง ว่าเหตุการณ์นี้มีประเด็นทางการเมือง หรือมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร

บางคนสงสัยว่าทั้งสองคน "ไม่กินเส้นกัน" หรือเปล่า

ถอดปี๊บออกแล้ว ถือโอกาสนั่งเจรจากับอาจารย์สุกรี

-ความสัมพันธ์ระหว่าง ศ.นพ.รัชตะ และ รศ.ดร.สุกรี?

ไม่กินเส้นกันเฉพาะงานนี้เท่านั้น ใครเป็นเจ้านายผมเคารพทั้งนั้น แต่ผมเป็นคนเถียงได้ มีเหตุ มีผลในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งผมต้องการทำงาน ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร ไม่ต้องการสร้างปัญหาหรือเป็นภาระ และไม่ต้องการเป็นอุปสรรคในการพัฒนา

ผมมาที่ ม.มหิดล เพราะต้องการทำงาน บอกกับน้องๆ ทุกคนที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ว่า ต้องการคุณมาทำงาน ถ้าสร้างปัญหาไม่เอา รับไม่ได้ที่คนอยู่ในตำแหน่งขาดสามัญสำนึก

-ที่มาของ "ปี๊บคลุมหัว"?

เมื่อท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยประกาศดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คิดว่า จิตสำนึกไม่ถูกต้องแล้ว จึงรอคอยว่าคณบดีและผู้อำนวยการสถาบันต่างๆ จะว่าอย่างไร คอยแล้วคอยเล่า ผมคิดว่าจะคัดค้าน แนะนำ แต่ไม่เห็นมี

เมื่อวันที่ 3 กันยายน คณบดีจำนวนหนึ่ง กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ไปพบท่าน ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช เรียนว่าน่าจะมีการแก้ไข ควรมีการประชุมด่วน เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ถ้าไม่ประชุมต้องใช้สามัญสำนึก ที่รู้เองได้ทันทีว่าผิดหรือถูก เรียนท่านนายกสภาว่าผมอายจนต้องเอาปี๊บคลุมหัว ทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนั้นคิดถึงปี๊บมากที่สุด

ความรู้สึกผิด ชอบ ชั่ว ดี เป็นสามัญสำนึกเบื้องต้นของความเป็นมนุษย์ ความรู้สึกว่าผิดคือผิด ถูกคือถูก มันไม่ใช่เพียงความรู้สึกตื้นๆ แต่เป็นความรู้สึกถึงอดีต คิดถึงอนาคต อดีตคือความรู้ความเข้าใจ อนาคตคือจินตนาการ ความฝัน การหยั่งรู้ เหล่านี้ตกผลึกเป็นสามัญสำนึก

เมื่ออธิการบดีของเราสามารถเป็นรัฐมนตรี ซึ่งมีกรอบความรับผิดชอบใหญ่กว่า เป็นเรื่องดีนะ ฉะนั้น มหาวิทยาลัยมหิดลไม่ควรเห็นแก่ตัว หวงอธิการบดีไว้สำหรับตัวมหาวิทยาลัยเอง

-บรรยากาศเดินคลุมปี๊บไปประชุมที่ตึกอธิการบดี?

(หัวเราะ) ผมก็สบายดี เดินอย่างนี้ทุกวัน เพียงแต่ว่าทั้งสองวันที่เป็นข่าวมีปี๊บคลุมหัว ผู้สื่อข่าวให้ความสนใจมาก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว คัดค้านส่วนตัว

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสาธารณะ เมื่อไปถึงที่ประชุมก็ไม่พูดอะไร เพราะพูดพอแล้ว จึงให้ปี๊บพูด ส่วนท่านอธิการบดีบอกว่า ขอเวลา ขอโอกาส แต่เรื่องสามัญสำนึกไม่ใช่เรื่องของเวลา เกิดปั๊บรู้เลยว่าถูกหรือผิด ต้องรับผิดชอบทันที 

 อธิการไม่ควรอยู่ในฐานะที่จะขอโอกาสใคร เพราะมีโอกาสเต็มไปหมด อันนี้เป็นเรื่องน่าขำสำหรับผม เพราะอธิการบดีกลายเป็นคนไม่มีงานทำ ทั้งที่มีมากมาย

-ใครบ้างที่เห็นด้วยกับการคัดค้านการควบ 2 เก้าอี้ครั้งนี้?

มีหลายคนนะ แต่เอ่ยชื่อท่านไม่ได้ เพราะหลายคนปรบมือในหัวใจ มีอาจารย์หลายท่านแสดงความจำนง เพียงแต่ท่านเหล่านั้นไม่ได้เป็นคณบดีเท่านั้นเอง จึงเข้าประชุมไม่ได้ ส่วนผมเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย เป็น 1 ใน 5 คณบดีของคณะและสถาบันทั้งหมด 33 แห่งของ ม.มหิดล แสดงออกทั้งโดยส่วนตัวและตัวแทนสภาว่าไม่เห็นด้วย

ที่ผ่านมาการศึกษาไทยสอนให้คนปรบมือในหัวใจมาก หากเราสอนกันแบบนี้ต่อไป อย่าเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษาเลย ไม่มีประโยชน์

-ปี๊บในมุมมองของ รศ.ดร.สุกรี คืออะไร?

ปี๊บเป็นนวัตกรรมใหม่ของสังคมไทย ก่อนนั้นนวัตกรรมในประเทศไทย เทคโนโลยีชาวบ้านใช้กะลามะพร้าว เครื่องจักสาน ใช้ใบตองในการใส่ของอุปโภคบริโภค ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีสำนวน "พี่รักน้องเหมือนใบตองห่อขี้ น้องรักพี่เหมือนขี้ลอยน้ำ"

เมื่อนวัตกรรมใหม่อย่างปี๊บเข้ามาในประเทศไทย เกิดเป็นน้ำตาลปี๊บ ขนมปังปี๊บ คนอยากดังก็ "ตีปี๊บ" คนไม่มีแรงจะทดสอบกำลังวังชาก็ต้อง "เตะปี๊บ" ใครอับอายขายหน้าก็ "เอาปี๊บคลุมหัว" เป็นวิถีชาวบ้านทั่วไป

ผมเป็นชาวบ้านไม่รู้จะทำอะไร ในฐานะที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ทำได้แค่เอาปี๊บคลุมหัวเข้าประชุม ดูว่าชาวเมืองทั่วไปที่ได้รับการศึกษาทั้งหลายจะรู้สึกอย่างไร

-ผู้บริหารงานบ้านงานเมือง?

เป็นความเศร้าของประเทศเรา ที่คนมีความรู้ระดับสูง จบปริญญาเอก ไม่รู้สำนึก แล้วเราชาวบ้านธรรมดาจะพึ่งใครที่ไหน จะเรียกร้องหาความเป็นธรรม คุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล เรียกหาวัฒนธรรมทั้งหลายเอาจากใคร สิ่งนี้ต่างหากที่ผมเรียกร้อง

เป็นการเตือนสติสังคมมากกว่าที่เอาชีวิตมาเสี่ยง เอาตัวเข้าเสี่ยง นอนเฉยๆ อยู่บ้านยังดีกว่า แต่ทนไม่ไหวที่มหาวิทยาลัยที่อยู่ไร้สำนึก

-เคยถูกทาบทามเป็นรัฐมนตรีแล้วปฏิเสธไป?

เคยได้รับการทาบทาม 2 ครั้ง นานมาแล้ว บอกเขาไปว่า ชีวิตผมคงไม่ตกต่ำขนาดนั้น

มองตื้นๆ แบบผมนะ วันนี้เป็นครูบาอาจารย์ ไม่ขึ้น ไม่ลง ได้ทำในสิ่งที่รักและอยากทำ มีความสุขที่ได้ทำ คนมาหาเพราะเขาเคารพนับถือ ถ้าเกลียดไม่มาหรอก คนที่ผมไปหาคือคนที่ผมเคารพนับถือ อย่างนี้คืออาชีพครูบาอาจารย์ ได้พบคนที่ดี คนที่รักตลอดเวลา

แต่การเป็นรัฐมนตรี สมมุติวันนี้เป็นครูอยู่ดีๆ พรุ่งนี้เป็นรัฐมนตรี นักข่าวอาจขุดคุ้ย บอกว่า "อ.สุกรี ชั่ว" จะจริงหรือไม่คนก็เชื่อไปแล้ว กว่าเราจะแก้ข่าวซึ่งไม่รู้จะแก้ทำไม ก็อยู่แบบชั่วๆ ดีๆ เป็นครูบาอาจารย์ของเราดีกว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องทำให้ชีวิตตกต่ำเช่นนั้น

-ในฐานะครู มองว่าการศึกษาไทยตกต่ำด้วยสาเหตุอะไร?

การที่ ม.มหิดล ตกอันดับมหาวิทยาลัยโลก ตกอันดับมหาวิทยาลัยอาเซียน ไม่สามารถครองอันดับหนึ่งได้ ในเชิงวิชาการ ข้อแรกเป็นความผิดของผู้บริหาร ไม่ทุ่มเทเวลาให้กับการบริหารมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เสียหายต่อ ม.มหิดล เท่านั้น ประเทศไทยยังขายหน้าที่มหาวิทยาลัยชั้นนำตกอันดับ

ในเชิงตัวบุคคล ความรู้สึกนึกคิดหรือสามัญสำนึกมี 2 ระดับ หากเป็นระดับส่วนบุคคลก็ไม่ต้องยุ่งกับใคร แต่หากเป็นสามัญสำนึกสาธารณะ คิดว่าเราต้องแสดงออก

เราเรียกร้องความเป็นนานาชาติกันมาก แต่ไม่มีความเป็นนานาชาติที่ไหนในโลกหรอกที่อธิการบดีเป็นรัฐมนตรี ควบ 2 ตำแหน่ง อันนี้เป็นความด้อยพัฒนาอย่างยิ่ง แล้วเราจะเรียกร้องความเป็นสากลจากใคร เมื่อตัวเราเองยังไม่เป็นสากล

-การศึกษาไทย แก้ปัญหาไม่ตรงจุด?

ปัญหาคือความกระจอกๆ ของการศึกษาไทย คนอ่านเยอะ คนบรรยาย คนอธิบายเยอะ แต่ไม่มีคนลงมือทำ

ลองไปดูกระทรวงศึกษาธิการ ดีกรีสูง ปริญญาสูง ฐานะการเงิน เงินเดือนสูงทั้งนั้น มีคนอยู่ 6-7 พันคน แล้วถามว่ามีคนทำงานไหม ส่วนครูชนบทเงินเดือนต่ำ ฐานะต่ำต้อย ไม่มีอะไรสักอย่าง แล้วมันจะพัฒนาอย่างไรเมื่อเอาคนเก่งๆ ดีๆ สูงๆ มาไว้ตรงกลางหมด

ต้องปฏิรูปโครงสร้างของอำนาจ นำอำนาจการศึกษา อำนาจทางการเงิน อำนาจทางความรู้ อำนาจทางการบริหารจัดการไปอยู่ที่ชนบท เอาคนเก่งไปอยู่ชนบทแล้วการศึกษาไทยจะเปลี่ยนทันที ส่วนกลางจาก 7 พันคน ลดเหลือ 7 ร้อยคน มีฝ่ายนโยบายสัก 5 คน

ที่เหลือเป็นเสมียนคอยจัดการเอกสาร ส่วนคนอื่นอยากไปไหนก็เอาเงินไป เอาเงินเดือนไป เอาอำนาจ เอาตำแหน่งไป ถ้าคนเก่งๆ เหล่านี้ไปอยู่ชนบท เด็กชนบทจะเก่งทันที

ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ จะยุบกระทรวงให้เหลือร้อยคน คนจะเกลียดผมอีกเยอะ แต่นี่คือการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ อำนาจเรื่องการพัฒนา เรื่องหลักสูตรต้องอยู่ที่โรงเรียน กระทรวงมีหน้าที่เพียงนำเงินจากรัฐบาลไปส่งให้คนเหล่านั้น ส่วนรัฐมนตรีมีหน้าที่ไปเยี่ยมชม รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร หาให้เขา แค่นั้น

แล้วอย่ายุ่งเรื่องหลักสูตร ความเป็นเลิศทางวิชาการนั้นอยู่ที่โรงเรียนเขา อยู่ที่ชุมชนเขา ให้เขาจัดการเอง สมมุติเรามีโรงเรียน 5 หมื่น ให้เน่า 2 หมื่น ดี 3 หมื่น ยังดีกว่าเน่าทั้ง 5 หมื่น

-ในเมื่อความรู้จากอินเตอร์เน็ตมีล้นหลาม ทำไมเรายังต้องไปโรงเรียน?

ทุกวันนี้เรามีโอกาสเข้าถึงโปรเฟสเซอร์กูเกิล ยูทูบ วิกิพีเดีย ส่วนโรงเรียนไทย มหาวิทยาลัยไทยมีความรู้ไม่ต่างจาก ม.ออกซ์ฟอร์ด ม.ฮาร์วาร์ด แต่เราไปโรงเรียนเพื่อรับรู้รสนิยม เสน่ห์ คุณค่า สามัญสำนึก ซึ่งการศึกษาไทยไม่มีเสน่ห์ ลองไปดูส้วม ดูโรงอาหารสิ ไม่ได้เรื่องเลย ทั้งสองอย่างมันสื่อถึงการศึกษานะ

ระเบียบวินัยเป็นพื้นฐานของความเจริญ แต่การศึกษาไทยไม่สอนพื้นฐานนี้ ไม่สอนให้คนรักความสะอาด ไปที่ไหนก็สกปรก แถมเขียนป้ายประจานตัวเอง "กรุณารักษาความสะอาด" แสดงว่าที่นั่นสกปรก ซึ่งความสะอาดเป็นเครื่องหมายของความเจริญ

เคยไปกระทรวงหนึ่ง โถส้วมผู้ชายมีกระดาษลังติดว่า "เสีย" มันน่าอายมากนะ เพราะสิ่งเหล่านี่มันเบสิก แล้วจะพัฒนาอะไร

-มองย้อนไป 20 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากก่อตั้งโรงเรียนดนตรีแห่งแรกอย่างไร?

20 ปีของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล สิ่งแรกคือสิ่งที่ไม่เคยมีในประเทศไทย คือ วิทยาลัยดนตรีที่มีการเรียนการสอนดนตรีอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับเตรียมอุดมจนถึงปริญญาเอกซึ่งไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งปัจจุบัน

ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาที่สอนดนตรี 48 แห่ง ทุกแห่งเรียนเพื่อความรู้ เพื่อให้ได้ใบปริญญา ทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ เป็นศาสตราจารย์ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าประเทศนี้มีนักดนตรีเก่งๆ ระดับโลก

เราไม่เคยรู้สึกว่ามีวงดนตรีดีๆ ได้ฟังดนตรีดีๆ ทั้งที่ดนตรีเป็นส่วนเชิดหน้าชูตาของประเทศ เป็นหุ้นส่วนแนวหน้าในการพัฒนาสังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตของคน ซึ่งบ้านเราไม่เคยมี จึงก่อตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์เพราะคิดว่าจะเป็นหุ้นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาประเทศ

สมมุติว่าทุกมหาวิทยาลัยในไทยต้องการมีคณะแพทย์ เพราะได้งบประมาณเยอะ คนเก่งสามารถมาอยู่ ต่อรองสังคมได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น คนฉลาดทุกคนเป็นหมอ หมายความว่าประเทศนี้เต็มไปด้วยผู้ป่วย เราขายเชื้อโรค ขายความเจ็บป่วย มีน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำตาเป็นสินค้า

แต่ถ้านำศิลปะ ดนตรี ความรู้สึกนึกคิด จิตวิญญาณมาเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศ แทนที่จะเสียงบประมาณปีละ 3 แสนล้าน เราเอาสัก 1 แสนล้าน มาพัฒนาศิลปวัฒนธรรม ให้คนมีความสุขเพื่อถ่วงดุลความเจ็บป่วย ถ่วงดุลอารมณ์ที่เสีย ถ่วงดุลความรู้สึกนึกคิดเน่าๆ

แล้วเราจะมี "ความรู้สึกที่ดี" เป็นสินค้า

-เป็นสินค้าที่ยั่งยืน?

ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการมันเป็นโลกอนาคต ดนตรีและศิลปะจึงเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยู่กับโลกอนาคต เมื่อมีความสุข มีความยินดี สามารถปกป้องความเจ็บป่วยได้ ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาเสมอไป ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด ทำให้คนมีความสุข อยู่กับความฝันของเราได้

บางคนเดินไม่ได้ แต่ก็สามารถมีความสุขอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่จำเป็นต้องไปนอนรอความตายที่โรงพยาบาล ส่วนนี้สังคมเราไม่เคยคิด

การที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์อยู่ใน ม.มหิดล เราแย่งชิงคนฉลาดนะ แย่งชิงคนที่จะเรียนหมอ วิศวะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สุขภาพ เอาคนฉลาดมาช่วยพัฒนาดนตรี ประเทศเราไม่ควรพัฒนาวิชาใดวิชาหนึ่ง ควรให้ความสำคัญกับทุกสาขาวิชา คนฉลาดควรอยู่ในทุกสาขาวิชา แล้วความเจ็บป่วยของมนุษย์จะลดลงเอง

-ความสำเร็จของวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (ทีพีโอ)?

เราทำมา 9 ซีซั่น (9 ปี) แล้วซีซั่นหนึ่งๆ เรามี 60 คอนเสิร์ต มีเพลงแบบขี้หมูๆ อย่างลาวดวงเดือน ลาวดาวอังคาร ลาวพระอาทิตย์เกิดขึ้นกว่า 500 เพลงแล้ว

เราทำด้วยคุณภาพ มีโปรแกรมการแสดงชัดเจน ไม่เคยยกเลิกหรือเลื่อนการแสดง ทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาไม่ผิดหวัง มาถึงแล้วรู้สึกว่า "ดีจังเลย" บางคนเอาความอยากมาให้ อบอุ่นมาก แต่ถ้าคนมาแล้วผิดหวังเป็นความผิดของผม แต่ถ้าคนดูไม่มีเป็นความผิดของเขา

คนฟังอาจไม่มากเป็นหมื่นเป็นแสน แต่คนฟังเหล่านั้นเป็นผู้ฟังที่มีคุณภาพที่สุดในประเทศ รู้ว่าเพลงเริ่มเมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ ระหว่างฟังทำอะไร เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ฟังมีคุณภาพมาก ไปที่ไหนสามารถเข้าถึงดนตรีคลาสสิกได้ทั้งหมด ซึ่ง "คลาสสิก" ในที่นี้คือดนตรีที่ดี เราทำเล็กๆ แต่รัดกุม และชัดเจน

ตอนนี้เรามีวงที่ดี นักดนตรีดี สถานที่แสดงที่ดี ครบทุกเรื่องแล้วยกเว้นการพัฒนาผู้ฟังให้มีประสิทธิภาพ

-ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา วงระดับโลกอย่าง Tokyo Philharmonic Orchestra มาจัดการแสดงที่ศาลายา อนาคตมีวงใดจะมาอีกบ้าง?

วางแผนว่าตุลาคม 2558 มีวง Vienna Philharmonic Orchestra (Wiener Philharmoniker) ต้นมกราคม 2559 มีวง London Philharmonic Orchestra และเดือนตุลาคม 2559 มีวง Berlin Philharmonic Orchestra (Berliner Philharmoniker)

3 วงนี้ถือว่าสุดยอดของโลก

(มติชนรายวันฉบับวันที่ 20 กันยายน 2557)

 

ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน

คุณกฤตยา เชื่อมวราศาสตร์

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ

 




Create Date : 21 กันยายน 2557
Last Update : 21 กันยายน 2557 9:16:09 น. 0 comments
Counter : 1183 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.